Share

บทที่ 532

Author: หลันซานอวี่
“แต่ยามนี้ผู้ที่กุมอำนาจในสกุลเวินกลับเป็นบ้านรอง”

“ตรงกันข้ามท่านที่เป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรมกลับเป็นโรคร้าย ป่วยมานานรักษาไม่หาย”

“ท่านคิดว่าหากท่านตายไป คนของบ้านรองสกุลเวินจะดีใจ หรือว่าเสียใจเล่า?”

เวินจือเหิงเหลือบมองเหยากวง “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจายั่วยุข้า”

“สกุลเวินเป็นอย่างไร ข้าย่อมรู้ดียิ่งกว่าผู้ใด”

“เจ้ากับนายท่านของเจ้าทุ่มเทความพยายามเช่นนี้ เพราะต้องการรักษาข้า คิดว่าคงมิใช่การกระทำจากความเมตตา เพราะอยากช่วยชีวิตข้ากระมัง?”

แม้เหยากวงจะไม่รู้แผนการทั้งหมดของอวิ๋นฝูหลิง แต่ก็พอเดาได้บางส่วน

เดิมทีที่ผ่านมาพวกเขาต่างกำลังตามสืบหอจินอวี้กับบ้านรองสกุลเวิน

จู่ ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็หันเหความสนใจมาที่ตัวคุณชายใหญ่เวินผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกนางแล้ว เขามีประโยชน์

มิเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเช่นนี้ คงมิเสียเวลาและความคิด เพื่อมารักษาคนที่ไม่สำคัญผู้หนึ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของเวินจือเหิง เหยากวงก็ยิ้มบาง “เมื่อท่านได้เจอนายท่านของข้า นายท่านของข้ามีเงื่อนไขอันใด ก็จะมาหารือกับท่านเอง”

เวินจือเหิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับ

“ได้”

เขารู้สึกได้ว่าร่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 533

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้รับรายงานของเหยากวง บนใบหน้าก็ฉายความแปลกใจออกมาเล็กน้อยนางคาดเดาไว้ว่าคุณชายใหญ่เวินผู้นั้นมีโอกาสสูงมากที่จะไม่ปฏิเสธการรักษาแต่กลับคาดไม่ถึงว่าแม้แต่นางจะเข้าไปในสกุลเวินอย่างไร เขาก็ล้วนคิดวิธีไว้แทนนางแล้วดูท่าอาการป่วยของเวินจือเหิงผู้นั้น จะมีส่วนที่แปลกประหลาดอยู่มากยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้อาจจะฉลาดกว่าที่นางคิดอยู่บ้างหากทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกันได้ บางทีการเคลื่อนไหวที่เจียงหนานครั้งนี้ อาจจะราบรื่นกว่าที่คิดไว้วันรุ่งขึ้นอวิ๋นฝูหลิงตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเพื่อการรักษาในวันนี้ตั้งแต่เช้าช่วงเวลาการรักษาระหว่างสกุลเวินกับสำนักโซ่วอันคือช่วงต้นยามซื่ออวิ๋นฝูหลิงมาก่อนล่วงหน้าครึ่งชั่วยาม ช่วงกลางยามเฉินก็มาถึงสกุลเวินแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนของสำนักโซ่วอัน อวิ๋นฝูหลิงยังให้จางซานมู่พาคนไปจับตามองในตรอกนอกสกุลเวินเป็นพิเศษเมื่อหมอจ้าวจากสำนักโซ่วอันมาถึง ก็ให้หาวิธีถ่วงเวลาเขาไว้ถ่วงเวลาไว้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ในระยะเวลาเท่านี้ ก็คงเพียงพอที่นางจะรักษาให้เวินจือเหิงแล้วอวิ๋นฝูหลิงคิดแผนไว้เป็นอย่างดี คาดไม่ถึงว่าทันทีที่มาถึ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 534

    เหยากวงได้ยินเช่นนี้ ในใจก็พลันเต้น ‘ตึกตัก’ ขึ้นมาแอบคิดว่าเมื่อครู่โชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงดึงนางไว้ได้ทันเวลา นางจึงยังไม่ได้พูดคำว่า ‘ใช่’ ออกไปมิเช่นนั้นเมื่อบังเอิญพบตัวจริงในยามนี้ พวกนางย่อมถูกเปิดโปงว่าเป็นตัวปลอม แล้วหลังจากนี้จะเข้าไปดูอาการป่วยของเวินจือเหิงในจวนสกุลเวินได้อย่างไร?หลังจากคนเฝ้าประตูทักทายหมอจ้าวด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้จึงเพิ่งนึกถึงอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงทั้งสองคนที่มาเยือนได้“คุณชายรอง สองคนนี้ก็บอกว่ามาตรวจอาการให้คุณชายใหญ่เหมือนกันขอรับ”“พวกเขาบอกว่าตัวเองเป็นคนของสำนักโซ่วอัน หมอจ้าว ท่านดูหน่อยเถิดขอรับว่าพวกเขาใช่หรือของสำนักโซ่วอันหรือไม่?”สายตาของเวินเจากับหมอจ้าวหันไปมองอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงทั้งสองคนนี้ทันทีไม่รอให้หมอจ้าวเอ่ยปาก อวิ๋นฝูหลิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “พี่ชายคนนี้ ทำไมจึงพูดจาไร้มูลเหตุใส่ร้ายคนตามใจชอบเช่นนี้เล่า?”“พวกข้าบอกเมื่อใดว่าตัวเองเป็นหมอจากสำนักโซ่วอัน?”คนเฝ้าประตูอ้าปากแย้งทันที “ก็เมื่อครู่ พวกท่านบอกว่ามารักษาคุณชายใหญ่ ข้าถามพวกท่านว่าเป็นหมอจากสำนักโซ่วอันใช่หรือไม่...”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม“เจ้าถามเช่นนี้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 535

    หมอจ้าวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิงโดยพลัน และพูดอย่างมีมารยาทว่า “ที่แท้ก็เป็นสหายจากสกุลหาง เสียมารยาทแล้ว ๆ!”อวิ๋นฝูหลิงประสานมือกลับทันที และพูดอย่างสุภาพว่า “หมอจ้าวเกรงใจกันเกินไปแล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโส ผู้น้อยเดินทางมาเพื่อหาประสบการณ์ ในเรื่องทักษะแพทย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอีกมาก!”ป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนี้ในมือของอวิ๋นฝูหลิง เป็นนายท่านผู้เฒ่าหางมอบให้นาง ก่อนที่จะออกเดินทางจากเมืองหลวงเผื่อว่าวันใดนางออกเดินทาง และมีช่วงเวลาที่ไม่สะดวก ก็สามารถใช้สถานะของสกุลหางจัดการได้นี่คือเจตนาดีของนายท่านผู้เฒ่าหาง ทั้งยังเป็นความรู้สึกรักและอยากปกป้องที่มีต่อนางด้วยในตอนนั้นอวิ๋นฝูหลิงไม่อาจปฏิเสธได้ จึงทำได้เพียงรับไว้เดิมทีนางไม่คิดจะใช้แผ่นป้ายชิ้นนี้เพียงแต่วันนี้สถานการณ์บังคับ จึงจำต้องเอาออกมาใช้แก้ไขสถานการณ์เดิมนางยังกังวลว่าป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนี้จะใช้ไม่ได้ผลคาดไม่ถึงว่าหมอจ้าวเห็นป้ายหยกชิ้นนี้แล้ว จะรู้ตัวตนของนาง จึงลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งโดยพลันดูท่านายท่านผู้เฒ่าหางจะไม่ได้หลอกนางสำนักผิงอันมีชื่อเสียงมากที่เจียงหนานแม้แต่สก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 536

    แม้ว่าเวินเจาจะมั่นใจว่าหมอธรรมดา ไม่อาจมองปัญหาบนร่างของเวินจือเหิงออกตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย ก็ได้เชิญหมอมาไม่รู้ตั้งกี่คน หมอชื่อดังใกล้จินโจวก็เชิญมาไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มีหนทางทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาเมื่อครู่เขาได้ยินหมอจ้าวบอกแล้ว ป้ายหยกลายเห็ดหลินจือชิ้นนั้นในมือของอวิ๋นฝูหลิงไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่งมีเพียงทายาทสายตรงหรือศิษย์สายตรงของสกุลหางเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้พกติดตัวทักษะแพทย์ของสกุลหางได้รับสืบทอดมาจากผู้อาวุโสอวิ๋นจี้ชุนโหวทักษะแพทย์ของคนผู้นั้นไม่เป็นสองรองใคร เป็นผู้ที่ได้บรรดาศักดิ์โดยอาศัยแค่ทักษะแพทย์คนเช่นนี้ คาดว่าในปัจจุบันมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น!หมอคนอื่นมองลับลมคมในบนร่างของเวินจือเหิงไม่ออก แต่คนของสกุลหาง อาศัยทักษะแพทย์ของพวกเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่ออกดังนั้นตั้งแต่เวินจือเหิงป่วย เวินเจาก็หลีกเลี่ยงการเชิญหมอจากสำนักผิงอันมาตรวจอาการมาโดยตลอดแม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็หาหมอที่มีทักษะแพทย์ธรรมดาจากสำนักผิงอันมาหมอเหล่านั้นที่เป็นสายตรงของสกุลหาง เขาล้วนไม่กล้าพามาทุกอย่างตั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 537

    เวินเจาหวั่นใจ รีบผลักคนเฝ้าประตูออก และก้าวไล่ตามไปอย่างรวดเร็วมั่วซูนำทั้งกลุ่มไปยังเรือนชิวถังที่เวินจือเหิงพักอยู่อย่างว่องไวเวินจือเหิงเห็นมั่วซูนำคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา ในกลุ่มนั้นยังมีหมอจ้าวจากสำนักโซ่วอันด้วยเมื่อมองพิจารณาอีกครา สตรีผู้นั้นที่บุกรุกเข้ามาในห้องของเขาเมื่อคืนก็อยู่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่วันนี้แต่งกายเป็นบุรุษเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจคนทั้งสองกลุ่มมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?นี่มันสถานการณ์อันใดกัน?คนทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากันตอนนี้ สตรีผู้นั้นไม่เพียงแต่ไม่ถูกคนเปิดโปง ทว่ากลับเข้ามาในสกุลเวินอย่างเปิดเผย ดูท่าจะมีความสามารถอยู่บ้าง!เวินจือเหิงทั้งรู้สึกสับสนทั้งรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับยังสงบนิ่งโชคดีที่มั่วซูเป็นคนมีไหวพริบเมื่อเข้ามาในห้องก็ตะโกนว่า “คุณชาย ท่านมิได้บอกว่าไม่สบาย จึงให้ข้าไปเชิญหมอมาให้ท่านหรือ ท่านเดาสิขอรับว่าเป็นอย่างไร?”เขาส่งเสียง “นี่” ครั้งหนึ่ง และกะพริบตาให้เวินจือเหิง พลางแสดงละครต่อไปขณะพูด “ช่างบังเอิญเสียจริง ทันทีที่ข้าไปถึงประตูใหญ่ ก็บังเอิญเจอหมอจ้าว ทั้งยังมีหมอหางจากสำนักผิงอันท่านนี้ด้วยขอรับ”“ข้ารีบเชิญพวก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 538

    หมอจ้าวรู้ดีว่าสกุลใหญ่ล้วนมีแผนการเบื้องหลังมากมายที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณชนได้โดยเฉพาะสกุลเวินที่กำลังอยู่ในช่วงต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในคุณชายใหญ่เวินที่ร่างกายแข็งแรงมาตลอด กลับล้มป่วยอย่างกะทันหัน ย่อมทำให้คนคิดมากจริง ๆหมอจ้าวไม่กล้าพูดว่าทักษะแพทย์ของตัวเองยอดเยี่ยมที่สุดในแคว้นต้าฉี แต่จริยธรรมแพทย์ที่พึงมี เขาไม่กล้าละทิ้งมันไปเด็ดขาดเขาสามารถทนฟังคนอื่นบอกว่าทักษะแพทย์ของเขาไม่ดีได้ แต่ไม่อาจทนถูกคนอื่นสงสัยในการกระทำได้โดยเด็ดขาดมิเช่นนั้นในภายภาคหน้าเขาจะยังยืนหยัดอยู่ในวงการแพทย์ได้อย่างไร?หลังจากมั่วซูถูกเวินจือเหิงดุ ก็ขอโทษหมอจ้าวทันที “หมอจ้าว ขออภัยขอรับ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”หมอจ้าวได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง“ไม่ทราบว่าในจวนยังมีกากยาที่เคยต้มอยู่หรือไม่?”มั่วซูตอบกลับ “เมื่อเช้าเพิ่งต้มยา น่าจะยังมีกากยาอยู่ขอรับ”หมอจ้าว “เช่นนั้นรบกวนคุณชายใหญ่ส่งคนไปนำกากยามา มีปัญหาหรือไม่ ข้าเห็นก็ย่อมรู้ได้”เวินจือเหิงพยักหน้าให้มั่วซูพลางกล่าว “ไปนำกากยามา”เวินเจาเห็นมั่วซูไปนำกากยามา แม้กากยานั้นย่อมตรวจไม่พบปัญหา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 539

    หมอจ้าวลูบเคราขาว และพยักหน้ากล่าวว่า “หมอหางพูดมีเหตุผล”“ในวงการแพทย์ แม้คนที่มีอายุมากกว่า จะยิ่งมีประสบการณ์มาก และทักษะแพทย์ก็ย่อมยอดเยี่ยม”“แต่ก็มิใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้ทุกคน”“ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นท่านนั้นจากสกุลอวิ๋นจวนจี้ชุนโหว อายุเพียงยี่สิบปี ทักษะแพทย์กลับเทียบเคียงเจ้าสำนักโอวหยาง ถึงขั้นเก่งกาจกว่าในการรักษาบางโรคด้วย”“ทักษะแพทย์สูงส่ง จนคนต้องชื่นชมว่าสมกับที่เป็นทายาทของผู้อาวุโสอวิ๋น”“ด้วยเหตุนี้ เรื่องในวงการนี้จึงไม่อาจสรุปได้ด้วยมาตรฐานเดียว!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าคำพูดหมอจ้าวมีความยุติธรรม ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีต่อเขามากขึ้นเดิมทีนางวางแผนว่าหากเวินเจายังพูดจ้อต่อไป ก็จะใช้ความล้มเหลวในการรักษาเวินจือเหิงของหมอจ้าวที่ผ่านมาเป็นเหตุผลโต้แย้งแต่เมื่อเห็นหมอจ้าวไม่เหมือนว่าจะเป็นหมอไร้คุณธรรมที่สมรู้ร่วมคิดกับเวินเจา นางก็ล้มเลิกแผนการนี้ทันทีหมอจ้าวคนนี้ดูเป็นคนที่ไม่เลวทีเดียว นางแค่คิดจะมารักษาเวินจือเหิง เพื่อเป็นพันมิตรกับเขา และเพื่อได้รับความช่วยเหลือจากเขาไม่ได้มีความแค้นกับหมอจ้าว จึงไม่จำเป็นต้องเหยียบย่ำเขาขึ้นไป ทำลายชื่อเสียงของเขา จนทำให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 540

    หมอจ้าวได้ยินก็ขมวดคิ้ว หลังจากได้รับการอนุญาตจากเวินจือเหิง ก็ตรวจชีพจรของเขาอีกครั้งครั้งนี้ หมอจ้าวตรวจชีพจรนานขึ้นแต่หลังจากเขาตรวจอยู่นาน ก็ยังตรวจชีพจรออกแค่ว่าเป็นโรคต้องลมเย็น ส่วนอาการปอดร้อน ฟังชีพจรไม่ออกแม้แต่นิดเดียวจริง ๆเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยในทักษะแพทย์ของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่งแอบคิดว่าทักษะแพทย์ของเขาสู้เด็กวัยรุ่นที่อายุยี่สิบปีคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ?อวิ๋นฝูหลิงมองท่าทางสงสัยในชีวิตของหมอจ้าวออก ในใจก็แอบขอโทษประโยคหนึ่งดูจากชีพจรของเวินจือเหิง เหมือนเป็นแค่อาการป่วยจากการต้องไอเย็นจริง ๆ ส่วนอาการปอดร้อนอันใด ล้วนเป็นนางที่พูดไร้สาระเท่านั้นในส่วนของอาการกระหายน้ำปวดหัวที่นางถามเวินจือเหิง และเวินจือเหิงก็พยักหน้าตอบรับ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการถูกวางยาพิษอาการเหล่านี้คล้ายกับอาการปอดร้อนอยู่บ้าง ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงใช้โรคปอดร้อนเป็นข้ออ้างนางต้องการแทนที่หมอจ้าว กลายมาเป็นหมอประจำตัวของเวินจือเหิง จึงต้องมีเหตุผลดี ๆ สักข้อหนึ่งเดิมทีวิธีที่ดีที่สุดก็คือการขัดคอหมอจ้าว และตอกย้ำถึงทักษะแพทย์ที่โดดเด่นกว่าของนางแต่หลังจากพูดคุย

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status