โจวเมี่ยวเมี่ยวเคยเรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับท่านพ่อก่อนแต่งงาน ทำให้นางสามารถรักษาคนและฆ่าคนได้ไม่ยาก อีกทั้งความจริงนางได้ฝึกฝนพลังปราณมาตั้งแต่ยังเด็กกับท่านพ่อ เพียงแต่หลังแต่งงานนางไม่ได้ทำการฝึกฝนต่อ จึงทำให้นางไม่มีพลังมากพอที่จะแก้แค้นแทนลูกชายได้ในตอนนั้น
ในหุบเขาพิษนี้มีสมุนไพรพิษเป็นจำนวนมาก โจวเมี่ยวเมี่ยวต้องอาบยาพิษทุกวันเพื่อให้ร่างกายทนทานต่อพิษและสามารถปล่อยปราณพิษออกมาได้ นี่เป็นสิ่งที่นางคิดค้นขึ้นมาด้วยตนเอง นางยอมใช้ตัวเองทดลองยาพิษต่าง ๆ โดยไม่กลัวว่าตนเองจะตกตายไปแม้แต่น้อย เพราะความแค้นที่นางมีนั้นใหญ่หลวงนัก ลูกชายคนเดียวของนางที่รักนางที่สุดตายไปแล้ว นางไม่มีหน้าจะกลับไปหาครอบครัวที่ต่างเมือง ชีวิตนางต้องการแค่ทำให้คนในตระกูลฉินตายไปอยู่ในปรโลกเพื่อปลอบโยนดวงวิญญาณของลูกชายนางเท่านั้น
หุบเขาพิษแห่งนี้ไม่มีคนกล้าเข้ามาแต่ไหนแต่ไร ด้วยรู้ดีว่าเพียงก้าวเท้าเข้ามาเพียงชายขอบก็จะมีสมุนไพรพิษทำให้บาดเจ็บล้มตายได้โดยง่าย แต่สำหรับโจวเมี่ยวเมี่ยวที่รู้จักสมุนไพรทั้งหลายดีไม่นับเป็นอะไร นางสามารถเข้ามาอยู่อาศัยในหุบเขานี้อย่างสงบได้ไม่ยาก การทดสอบพิษของนางยังมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นางสามารถใช้พิษแก้พิษได้แทบทุกชนิด
ทุกวันโจวเมี่ยวเมี่ยวจะแช่ยาพิษนับร้อยชนิดเพื่อทำให้ร่างกายทนทานต่อพิษและใช้พลังลมปราณที่ฝึกฝนมาดูดซับพิษเข้าไปในร่างทีละน้อย ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บปวดเพียงใด โจวเมี่ยวเมี่ยวก็ไม่สนใจ ชีวิตนี้นางไม่มีทางที่จะรักใครและเชื่อใจใครได้อีกแล้ว หลังจากนางถูกสามีหักหลังและยังเสียลูกชายสุดที่รักไปอีก
จวนตระกูลฉิน
หลังผ่านไปอีกครึ่งปี หยินซินหลินที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีบุตรสืบสกุลเสียทีก็ต้องเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อสามีของนางเมาในงานเลี้ยงจนต้องรับบุตรีคนรองของเสนาบดีกรมอาญามาเป็นฮูหยินรองอีกคน เพียงไม่ถึงสามเดือน ฮูหยินรองก็ตั้งครรภ์ ยิ่งทำให้ฉินเหยากวงห่างเหินกับหยินซินหลินมากขึ้นไปอีก ถึงอย่างไรฮูหยินรองของเขาก็เป็นถึงบุตรีเสนาบดีเช่นกัน เขาจึงไม่นึกเกรงใจนางอีก
การต่อสู้กันของสองฮูหยินนั้นเป็นไปอย่างลับ ๆ มาตลอด เพียงแต่หยินซินหลินนั้นไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเหอเจียวจึงถูกหมางเมินจากสามีมากยิ่งขึ้น
“ท่านพี่!! นี่ท่านจะลำเอียงมากไปแล้วนะเจ้าคะ” หยินซินหลินโวยวาย
“เจ้าเป็นอะไรนักหนาเนี่ย เจ้าก็เห็นว่าอาเจียวกำลังท้องอยู่ ยังจะมาคิดเล็กคิดน้อย”
“แล้วท่านไม่เห็นหรือว่านางรังแกข้าอย่างไร!”
“ข้าไม่เห็นว่านางจะรังแกอะไรเจ้าสักนิด มีแต่เจ้าหาเรื่องต่อว่านางไม่เว้นแต่ละวัน”
“ฮึก… ท่านพี่เจ้าคะ อย่าต่อว่าพี่หญิงเลยเจ้าค่ะ นางก็แค่เสียใจที่อยู่กับท่านมานานแล้วแต่กลับไม่ตั้งครรภ์เสียทีเท่านั้น” เหอเจียวซบหน้าลงบนอกฉินเหยากวง
“กรี๊ด!!! นังสารเลว กล้าเอาเรื่องนี้มาต่อว่าข้าหรือ ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
เพี๊ยะ!!!
“หุบปาก!! เจ้าไม่เห็นหรือว่าอาเจียวกำลังท้องลูกของข้าอยู่น่ะ เจ้าจะใจร้ายเกินไปแล้วนะฮูหยินเอก!”
“นี่..เจ้า..เจ้ากล้าตบหน้าข้า ฮือ...ข้าจะฟ้องท่านพ่อ”
หยินซินหลินสะบัดหน้าเดินตึง ๆ ออกไปจากห้องอาหาร นางสั่งให้บ่าวไปเตรียมรถม้าเพื่อกลับจวนเสนาบดีหยินทันที เรื่องนี้นางจะไม่ยอมอย่างแน่นอน
ฉินเหยากวงได้แต่ปวดหัวกับฮูหยินเอกที่ชักจะเจ้าอารมณ์ขึ้นทุกวัน ยิ่งตอนนี้ฮูหยินรองของเขากำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย เขายิ่งกลัวว่านางจะทำร้ายทายาทตระกูลฉินในท้อง ถึงแม้เข้าจะรู้ดีว่าครอบครัวฮูหยินเอกมีอำนาจไม่น้อย แต่หากเทียบกับฮูหยินรองของเขาก็แทบจะไม่ต่างกันนัก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ เขาจึงสั่งบ่าวไปแจ้งที่จวนเสนาบดีเหอเพื่อให้ส่งคนมาคอยดูแลฮูหยินรองเพิ่มอีก หากเขาไปทำงานแล้วเกิดเรื่องขึ้นที่จวนคงไม่ดีแน่
“ขอบคุณท่านพี่ที่คอยดูแลข้ากับลูกนะเจ้าคะ” เหอเจียวเขย่งเท้าหอมแก้มสามี
“เจ้าจะมาขอบคุณข้าทำไมกัน เจ้ากับลูกสำคัญกับตระกูลฉินมากนะ จำไว้ว่าให้ดูแลตัวเองให้ดี ๆ อย่าให้ตัวเองบาดเจ็บ เข้าใจไหมฮูหยิน”
“เจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บและจะรักษาลูกของเราเอาไว้ให้ได้”
ฉินเหยากวงจูบหน้าผากฮูหยินรองอย่างแสนรัก เขาเบื่อนิสัยของฮูหยินใหญ่มานานมากแล้ว พอมีฮูหยินรองที่น่ารักเรียบร้อยเช่นนี้จึงหลงใหลนางอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้กระทั่งเรือนของฮูหยินใหญ่เขายังไม่เข้าไปเหยียบเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว เพราะไปที่นั่นครั้งใด เขามักจะต้องฟังคำบ่นยืดยาวของฮูหยินเอกไปเสียทุกครั้ง ทำให้เขาไม่ยอมไปที่เรือนนั้นอีกเลย
สองผู้อาวุโสเองก็ไม่สนใจว่าลูกสะใภ้ทั้งสองจะเป็นเช่นไร พวกเขาแก่มากแล้วจึงไม่อยากยุ่งกับเรื่องของเด็ก ๆ เพียงแต่ให้คนคอยสังเกตและดูแลสะใภ้รองที่กำลังตั้งครรภ์อย่างดีเท่านั้น ไม่ว่ามีสมุนไพรดี ๆ อันใด พวกเขาก็มักจะให้คนส่งไปที่เรือนฮูหยินรองแทบทุกครั้ง ยิ่งทำให้ฮูหยินใหญ่อย่างหยินซินหลินเกลียดชังเหอเจียวมากยิ่งขึ้นทุกวัน
จวนเสนาบดีหยิน
หยินซินหลินรีบตรงไปยังเรือนฮูหยินใหญ่ซึ่งเป็นแม่ของนางทันทีด้วยความโกรธ นางร้องไห้ไปเล่าไปว่านางถูกรังแกอย่างไร ฮูหยินใหญ่ได้แต่ทอดถอนหายใจที่ลูกสาวของนางพลาดท่าไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนเช่นนี้
“เจ้าหยุดร้องไห้ก่อน เหอเจียวคนนั้นไม่ธรรมดา เจ้าต้องระวังตัวให้มากด้วย ส่วนเรื่องจะทำให้มันแท้งลูกเอง ลูกไม่ต้องกังวลไป แม่จะแอบส่งคนแฝงตัวเข้าไปจัดการให้ ในเมื่อเจ้ายังไม่ตั้งครรภ์ จะปล่อยให้นางตั้งครรภ์ก่อนได้อย่างไร”
“ฮึก… ท่านแม่จะช่วยข้าจริง ๆ นะเจ้าคะ”
“ข้าเป็นแม่ของเจ้า หากไม่ช่วยเจ้าแล้วจะให้ข้าช่วยใครเล่า คืนนี้เจ้าก็นอนที่นี่เถอะ รอให้สบายใจก่อนค่อยกลับจวนฉิน”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่”
“เจ้าพาคุณหนูกลับเรือนไปก่อน ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ”
“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่”
แม่นมพาหยินซินหลินกลับไปยังเรือนเดิมของนางที่ยังคงมีคนดูแลรักษาความสะอาดเอาไว้ให้เหมือนดังเดิมไม่เปลี่ยน แม้ว่านางจะออกเรือนไปนานแล้ว
ฮูหยินใหญ่โบกมือเรียกองครักษ์ลับของนางออกมาแล้วสั่งการให้เขานำกำยานไปเปลี่ยนที่ห้องนอนของเหอเจียวในจวนฉิน กำยานนี้จะทำให้ร่างกายของเหอเจียวค่อยๆ ผิดปกติก่อนที่จะแท้งออกมาในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ต้องขอบคุณพระสนมเพื่อนของนางที่มอบให้ใช้จัดการเหล่าอนุในจวน นางจึงมีติดตัวไว้
หนึ่งเดือนต่อมา
ผลจากกำยานนั้นทำให้เหอเจียวแท้งจริง ๆ สภาพร่างกายของนางยังอ่อนแอจากผลของการรับกำยานพิษมากเกินไปจนทำให้ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก เรื่องนี้ถึงแม้ฉินเหยากวงจะสงสัยหยินซินหลิน แต่เขาก็ไม่มีหลักฐาน ทำให้เขาต้องปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
เนื่องจากเหอเจียวร่างกายอ่อนแอ ฉินเหยากวงที่กลัวจะไม่มีทายาทจึงต้องจำใจร่วมหอกับหยินซินหลินบ่อย ๆ จนกระทั่งนางตั้งครรภ์ในอีกสามเดือนต่อมา
เมื่อฉินเหยากวงเห็นว่าหยินซินหลินตั้งครรภ์ได้เสียทีเขาจึงวางใจและคอยดูแลนางไม่ต่างจากตอนดูแลเหอเจียว ทำให้หยินซินหลินดีใจเป็นอย่างมากที่ลูกของนางมาถูกเวลาจริง ๆ ส่วนเหอเจียวที่ไม่มีทางมีบุตรได้อีกก็ถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีจากฉินเหยากวง
สายวันต่อมา หยางชิงหลงได้รับแจ้งจากทหารว่าเจ้าเมืองตงหยางกับฮูหยินขอเข้าเฝ้า พระองค์ที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยให้หลับหลังดื่มนมอยู่พยักหน้าอนุญาต ให้พวกเขาเข้ามาพบได้ อย่างไรวันนี้พระองค์ก็ยังไม่อยากเข้าเมืองไปสอบถามเรื่องราวการแก้ไขปัญหาของราษฎรในช่วงที่บุตรชายเพิ่งคลอดสักเท่าไหร่นัก“ถวายบังคมไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยพะย่ะค่ะ/เพคะ” จื้อไฉ่กับฮูหยินค้อมกายคำนับทั้งสองพระองค์ที่นั่งรออยู่พร้อมไท่จื่อน้อยในอ้อมแขนไท่จื่ออย่างนอบน้อม“พวกท่านตามสบายเถิด เชิญนั่งก่อน” หยางชิงหลงตรัสพร้อมรอยยิ้มบาง“กระหม่อมนำของรับขวัญไท่จื่อน้อยมามอบให้พะย่ะค่ะ ขอแสดงความยินดีกับไท่จื่อและไท่จื่อเฟยด้วยพะย่ะค่ะ” จื้อไฉ่ยื่นกล่องของขวัญให้ซุนเหยาที่อยู่ในกระโจมเพื่อนำไปมอบให้ไท่จื่อเฟยดูแทนไท่จื่อที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยอยู่“ขอบใจพวกเจ้ามาก เรื่องเมืองตงหยางที่มีปัญหาสุขภาพ เราให้หมอหลวงช่วยกันหาวิธีรักษาอยู่ ท่านเจ้าเมืองพาราษฎรที่ป่วยหนั
รุ่งเช้าวันต่อมา เหล่าหมอหลวงมาขอพบไท่จื่อเฟยเพื่อพูดคุยเรื่องขั้นตอนการรักษาชาวเมืองอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งเที่ยงวัน พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปทานอาหารและปล่อยให้ซินเมี่ยวกินข้าวกับหยางชิงหลงในกระโจม“น้องหญิงอย่าหักโหมงานมากนะ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะคลอดแล้ว พี่ไม่อยากให้เจ้าเครียดเกินไปนัก” หยางชิงหลงตรัสระหว่างคีบอาหารให้ซินเมี่ยว“ทราบแล้วเพคะ เสด็จพี่อย่ากังวลเลย น้องรู้ดีว่าต้องพักผ่อนให้มากเพคะ”หลังอาหารเที่ยง หยางชิงหลงเดินไปยังกระโจมของเหล่าหมอหลวงเพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการรักษาต่อ พระองค์จะได้สั่งให้องครักษ์เข้าไปแจ้งเจ้าเมืองให้เตรียมสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม เพราะในขบวนของพระองค์ถึงจะมีสมุนไพรอยู่บ้าง แต่ก็ถูกใช้ไปมากแล้วก่อนหน้านี้ หากต้องไปหาซื้อยังเมืองอื่นก็คงต้องใช้เวลาเดินทางอีกมากซินเมี่ยวนั่งอ่านตำรารอให้อาหารย่อยเกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนที่นางจะนอนพักผ่อนรอทานอาหารเย็นและออกไปเดินเล่นกับหยางชิงหลงเหมือนทุกวัน
สองวันต่อมา ต้วนฟางเหยาส่งรายงานสรุปปัญหาออกมาเป็นข้อ ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เขาคิดขึ้นมา หยางชิงหลงและซินเมี่ยวนั่งอ่านรายงานอย่างละเอียดก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง นับว่าต้วนฟางเหยาทำงานได้ดีสมกับที่ฝ่าบาทส่งมาช่วยเหลือราษฎรจริง ๆ“วิธีการแก้ไขปัญหาของเจ้าเหมาะสมแล้ว เราอนุญาตให้ดำเนินการได้ ส่วนสิ่งที่เจ้าต้องการก็สามารถเบิกได้กับองครักษ์ซุนเหยา” ไท่จื่อตรัส“ขอบพระทัยไท่จื่อพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำเรื่องเบิกกับท่านซุนเหยาตามรับสั่ง”“เจ้าเมืองต้วน ที่ค่ายทหารนอกเมืองของเรามีต้นอ่อนสมุนไพรรักษาบาดแผล ท่านลองดูว่ามีหมู่บ้านใดที่เหมาะสมจะปลูกเป็นอาชีพและส่งออกไปยังเมืองอื่นด้วยก็แล้วกันนะ เราอยากให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นนอกจากการทำเกษตร”“พะย่ะค่ะไท่จื่อเฟย เรื่องนี้กระหม่อมจะปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านและมารายงานให้พระองค์ทราบอีกครั้ง”ทั้งสองพระองค์ต่างพยักหน้าอย่างพอใจกับการทำงาน
ซินเมี่ยวกลับไปถึงที่ว่าการเมืองก็กระซิบบอกเรื่องที่นางพบกับไท่จื่อทันที“เจ้าคิดว่าเราสร้างที่อยู่ให้พวกเขาและสอนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้พวกเขาหารายได้เองจะดีหรือไม่ พี่ไม่อยากให้พวกเขาเป็นขอทานอีก”“ก็ดีนะเพคะ รบกวนเสด็จพี่สั่งทหารช่วยกันสร้างที่พักให้พวกเขาก่อนก็แล้วกัน”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล พี่จะสั่งการทหารช่างให้รับหน้าที่นี้เอง”“ขอบพระทัยเสด็จพี่เพคะ พระองค์ลองเสวยขนมนี่ดูเพคะ อร่อยมากเลย”ซินเมี่ยวยื่นขนมหน้าตาธรรมดาส่งให้หยางชิงหลง พระองค์รับมาชิมดูก็พยักหน้าอย่าพอใจเช่นกัน ถึงแม้หน้าตาของขนมนั้นดูไม่ดีนัก แต่รสชาตินับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ซินเมี่ยวยังเล่าถึงสถานการณ์ภายในเมืองที่นางเดินสำรวจดูให้กับหยางชิงหลงฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่องชาวเมืองที่มีวาสนาได้พบทั้งสองพระองค์ต่างตื้นตันใจเป็นอันมาก ทั้งที่ความจริงทั้งสองพระองค์ไม่ต้องมานั่งที่
สามสัปดาห์ต่อมาขบวนใหญ่ของไท่จื่อมาถึงหน้าประตูเมืองเสวียนแล้ว แม่ทัพรักษาชายแดนและเจ้าเมืองเสวียนคนปัจจุบันอย่างหานเซี่ยต่างรอต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม นั่นเพราะแม่ทัพรักษาชายแดนได้รับรายงานว่ามีขบวนเดินทางพร้อมทหารจำนวนมากใกล้จะมาถึงเมืองเสวียน พวกเขาจึงต้องรีบออกมารับหน้าทั้งที่ไม่มีใครมาแจ้งพวกเขาสักนิดว่าเป็นผู้ใดมาถึงกันแน่“ไท่จื่อและไท่จื่อเฟยมาถึงแล้ว!!!” ซุนเหยาใช้เสียงจากพลังปราณเอ่ยขึ้นเสียงดังแม่ทัพรักษาชายแดนและหานเซี่ยรีบคุกเข่าลงเมื่อได้ยิน พวกเขาเพิ่งรู้ว่าผู้มาขบวนใหญ่นี้เป็นถึงรัชทายาท บรรดาชาวเมืองที่ไม่ใคร่จะอยู่สบายนักเพราะเจ้าเมืองหานเซี่ยนเองต่างก็คุกเข่าลงเช่นกัน พวกเขายังไม่รู้ว่าไท่จื่อที่ว่ามานี้จะช่วยเหลือพวกเขาจากความหน้าเลือดของเจ้าเมืองได้หรือไม่ แต่ถึงจะมีความหวังเพียงน้อยนิด พวกเขาก็อยากจะลองดูว่าชีวิตหลังจากนี้จะดีขึ้นหรือไม่“พวกเจ้าตามสบาย” เสียงหยางชิงหลงดังออกจากรถม้า กังวานไปทั
การเก็บเกี่ยวสมุนไพรในช่วงสองสามวันมานี้ทำให้ซินเมี่ยวได้รับโสมป่าอีกหลายต้นกลับไปด้วย ส่วนฎีกาของไท่จื่อนั้นถูกส่งไปได้สามวันแล้วเช่นกัน พระองค์คาดการณ์เวลาเป็นอย่างดีว่าม้าเร็วจะมาถึงขบวนของพระองค์ก่อนเดินทางไปถึงเมืองเสวียนได้ไม่ยาก ในฎีกานั้นพระองค์ยังขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่และแม่ทัพคนใหม่มาประจำการที่ชายแดนด้วยครึ่งเดือนต่อมา ขบวนของไท่จื่อเหลือระยะทางไปยังเมืองเสวียนอีกเพียงห้าร้อยลี้เท่านั้น ขณะที่พักค้างแรมริมทางอยู่นั้นกลับมีม้าเร็วกลับมาที่ค่าย ส่งข่าวว่าขบวนเจ้าเมืองคนใหม่และแม่ทัพหยวนพร้อมกำลังทหารอีกห้าพันนายกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว“เสด็จพ่อเหตุใดจึงนำกำลังทหารมามากนักเล่า” หยางชิงหลงตรัสถามทหารส่งข่าว“ฝ่าบาทกังวลว่าจะมีทหารเก่าที่ภักดีกับแม่ทัพคนเก่าก่อเรื่องพะย่ะค่ะ พระองค์จึงส่งทหารมาเพิ่มให้”“อืม เช่นนั้นเราจะตั้งค่ายรอพวกเขาที่นี่อีกสองวัน เจ้ากลับไปรายงานแม่ทัพหยวนก่อน