ห้าปีต่อมา
โจวเมี่ยวเมี่ยวที่ฝึกฝนปราณพิษจนมั่นใจแล้วว่าตนเองสามารถฆ่าล้างตระกูลฉินที่เคยทำร้ายนางกับลูกก็เตรียมพิษติดตัวไว้ไม่น้อย ก่อนที่นางจะออกจากหุบเขาพิษ นางไปนั่งที่หน้าหลุมศพลูกชายพร้อมบอกกล่าวกับเขา
“อาหลาง ครั้งนี้แม่จะกลับไปแก้แค้นให้เจ้า รอแม่สักพักนะลูก อีกไม่นาน แม่จะกลับมาอยู่ที่นี่กับเจ้า”
โจวเมี่ยวเมี่ยวลูบที่ป้ายชื่อหน้าหลุมศพอย่างรักใคร่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น ถึงแม้นางจะเป็นเพียงผู้หญิงตัวคนเดียว แต่ความมั่นใจในพลังของนางนั้นมีเต็มเปี่ยม การเดินทางครั้งนี้นางจะทำให้พวกมันจดจำไปจนตายว่าการอยู่ไม่สู้ตายเป็นอย่างไร
ณ จวนตระกูลฉิน
ห้าปีที่ผ่านมาหยินซินหลินตั้งครรภ์ถึงสองครั้งโดยมีลูกชายกับลูกสาวให้แก่ฉินเหยากวง ทำให้ตำแหน่งฮูหยินเอกของนางมั่นคงขึ้น ส่วนฮูหยินรองอย่างเหอเจียวที่ตอนนี้ร่างกายกลับมาแข็งแรงก็ไม่สนใจว่านางจะมีบุตรได้หรือไม่ นางยังคงปรนนิบัติฉินเหยากวงจนเขากลับมาหลงใหลนางอีกครั้ง ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมานี้จะมีหญิงสาวหลายคนถูกรับมาเป็นอนุในจวนก็ตามที
ตั้งแต่หยินซินหลินมีบุตร นางก็ไม่สนใจว่าในเรือนหลังจะมีการต่อสู้กันเพื่อความโปรดปรานจากฉินเหยากวง นางเพียงต้องการให้บุตรของนางทั้งสองเติบโตอย่างแข็งแรงและเปี่ยมไปด้วยความรู้เหมือนตอนที่นางยังเด็ก ฉินเหยากวงเองก็รักบุตรชายหญิงสองคนของเขามากเช่นกัน ส่วนอนุที่เขารับมาเหล่านั้นถึงแม้จะไม่มีบุตรให้เขา เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร ในเมื่อตอนนี้ตระกูลเขามีทายาทแล้ว
ความจริงเรื่องที่อนุทั้งหลายไม่สามารถมีบุตรได้ก็เป็นเพราะเหอเจียววางยาพวกนางจนทำให้ทุกคนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้นั่นเอง เรื่องนี้หยินซินหลินรู้ดีแต่ไม่ได้เปิดโปงเหอเจียว นางรู้ดีว่าหากอนุมีบุตรขึ้นมา เหอเจียวคงถูกละเลยไม่ต่างจากเมื่อก่อนเป็นแน่ เรื่องนี้นางเองก็ได้ประโยชน์เช่นกัน หยินซินหลินจึงไม่สนใจว่าพวกนางจะจัดการกันอย่างไรและลอยตัวอยู่เหนือปัญหามาตลอด
โจวเมี่ยวเมี่ยวออกจากหุบเขาพิษโดยสวมชุดคลุมปกปิดผมและใบหน้าของนางที่แตกต่างจากคนในแคว้น เนื่องจากการอาบยาพิษทุกวันตลอดห้าปีที่ผ่านมาทำให้โจวเมี่ยวเมี่ยวมีผมและดวงตาเป็นสีม่วง นางจึงต้องปกปิดตัวตนเพื่อไม่ให้คนอื่นตกใจกับสีผมและสีตาของนาง
ระหว่างทางไปยังจวนตระกูลฉิน โจวเมี่ยวเมี่ยวพบชาวบ้านที่ถูกสามีทำร้ายมากมาย นางยังใช้พิษฆ่าพวกมันจนตายและช่วยผู้หญิงหลายคนเอาไว้ ทำให้หญิงสาวเหล่านั้นต่างอยากติดตามนางเพื่อรับใช้
“เจ้าจัดการศพให้ดีแล้วรอข้าอยู่ที่นี่ เมื่อข้ากลับมาอีกครั้ง ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังหุบเขาพิษด้วยกัน และจะสอนเจ้าเพื่อไม่ให้ถูกใครรังแกได้อีก”
“ขอบพระคุณนายหญิง ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งและรอคอยท่านที่นี่เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
โจวเมี่ยวเมี่ยวใช้วิชาตัวเบาหายตัวไปในพริบตา หญิงชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือหลายคนต่างจัดการศพตามที่โจวเมี่ยวเมี่ยวสอนและรอคอยวันที่พวกนางจะได้ติดตามผู้มีพระคุณกลับไปยังหุบเขาเพื่อรับใช้นางต่อไป
โจวเมี่ยวเมี่ยวคอยช่วยเหลือและฆ่าคนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินทางถึงหน้าประตูเมืองหลวงในช่วงค่ำของวันหนึ่ง นางไม่สนใจว่าประตูเมืองจะปิดแล้วแต่กลับหาทางเข้าไปในเมืองด้วยตัวเอง ซึ่งเมืองหลวงนั้นไม่ได้มีการป้องกันมากมายเหมือนกับเมืองชายแดน ทำให้โจวเมี่ยวเมี่ยวลอบเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ค่ำคืนนั้นนางวางยาพิษไร้สีไร้กลิ่นลงไปในบ่อน้ำของจวนตระกูลฉิน พิษนี้เป็นพิษที่นางคิดค้นขึ้นมาอย่างยากลำบาก หากคนที่ถูกพิษนี้จะมีสภาพเหมือนคนเป็นไข้ธรรมดา หากไม่ได้รับยาถอนพิษภายในเจ็ดวัน ร่างกายของพวกเขาจะมีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดและตายอย่างทุกข์ทรมาน นี่เป็นการแก้แค้นที่นางรอคอยมานานหลายปี โจวเมี่ยวเมี่ยวไม่สนใจว่าในจวนจะมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน นางต้องการเพียงลบคนในตระกูลฉินให้หมดไปจากแผ่นดินนี้เท่านั้น
โจวเมี่ยวเมี่ยวไปเช่าโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ อยู่ในราคาถูก นางได้รับเงินค่าตอบแทนจากหญิงสาวหลายคนจึงพอจะมีเงินติดตัวมาบ้าง หรือหากนางต้องการเงินจำนวนมาก โจวเมี่ยวเมี่ยวยังสามารถขายยาพิษของนางออกไปได้ เพียงแต่นางไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนมากเกินไป หากในอนาคตนางต้องการใช้เงินก็ค่อยขายยาพิษพวกนี้ก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ต้องการเพียงรอดูผลกรรมของคนเลวในจวนตระกูลฉินกับตาก่อนจะจากไป
เย็นวันต่อมา คนในจวนตระกูลฉินต่างป่วยไข้ทั้งหมดจนหมอในเมืองต้องมาช่วยกันตรวจรักษาและจ่ายยาให้พวกเขาแทบทั้งคืน แต่เช้าวันต่อมาอาการของคนในจวนตระกูลฉินกลับไม่ดีขึ้นเลย หมอที่มาต่างแปลกใจไม่น้อย ทั้งที่พวกเขาก็ทำการรักษาตามหลักการแพทย์เหมือนปกติแท้ ๆ
“ท่านหมอ เหตุใดอาการของพวกข้าไม่ดีขึ้นเลยเล่า นี่พวกท่านจ่ายยาอย่างไร”
“เรียนขุนนางฉิน พวกข้าก็รักษาตามอาการแล้วนะขอรับ พวกข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
“เช่นนั้นพวกท่านรออะไรอยู่เล่า รีบตรวจแล้วจ่ายยาใหม่ให้พวกเราสิ เรื่องเงินท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะให้คนจ่ายค่าตอบแทนพวกท่านจำนวนมากอย่างแน่นอน ขอเพียงรักษาอาการให้ข้าสามารถไปทำงานได้โดยเร็วเสียก่อน”
“พวกเราทราบแล้วขอรับ”
หมอหลายคนต่างรีบตรวจชีพจรคนสำคัญในจวนทั้งหมดเสียก่อน เมื่อเห็นว่าอาการยังคงมีไข้สูงกันอยู่เช่นเดิม พวกเขาได้แต่สั่งบ่าวที่ยังป่วยอยู่เช่นกันไปต้มยาแล้วนำมาให้ทุกคนกินลองดูก่อนและปล่อยพวกเขานอนพักผ่อนให้เต็มที่
เมื่อเห็นว่าทุกคนในจวนนอนพักผ่อนแล้ว เหล่าหมอทั้งห้าคนที่ได้รับการว่าจ้างมาก็แยกย้ายกันกลับไปยังโรงหมอของตนเอง พวกเขามอบยาเอาไว้ให้บ่าวต้มได้อีกหลายวัน โดยสั่งบ่าวเอาไว้ว่าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นภายในสามวันค่อยมาตามพวกเขาให้กลับมาตรวจอีกครั้ง
ข่าวการป่วยไข้ของคนในจวนตระกูลฉินแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าอาการของแต่ละคนจะเหมือนเป็นไข้เท่านั้น แต่ยิ่งนานวันเข้าพวกเขาก็ยิ่งอ่อนแรงลงทั้งที่ยังสามารถทานอาหารได้ครบสามมื้อตามปกติ เรื่องนี้ยิ่งทำให้เหล่าเสนาบดีที่มีบุตรสาวอยู่ในจวนรวมทั้งหลานของเขานั้นร้อนใจไม่น้อย เสนาบดีหยินยังไปขอพระราชานุญาตจากฮ่องเต้เพื่อให้หมอหลวงไปช่วยตรวจอาการให้บุตรีกับหลานของเขาที่จวนตระกูลฉินในวันที่สามหลังจากอาการไม่ดีขึ้น
ถึงแม้หมอหลวงจะมาตรวจด้วยตนเอง อาการป่วยของคนในตระกูลฉินยังคงไม่ดีขึ้นเช่นเดิม ไม่ว่าหมอจะเปลี่ยนยาแรงขนาดไหนก็ไม่มีทีท่าว่าไข้ของคนในตระกูลฉินจะลดลงแม้แต่น้อย
เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้หนักใจเช่นกันเพราะกลัวว่าตระกูลฉินจะติดโรคระบาด หมอหลวงถวายรายงานไปแล้วว่าอาการป่วยนี้ไม่ติดต่อไปสู่ผู้อื่น ฮ่องเต้จึงค่อยวางใจและสั่งให้หมอหลวงติดตามอาการคนตระกูลฉินเพื่อเป็นกรณีศึกษาด้วย
โจวเมี่ยวเมี่ยวทราบความเคลื่อนไหวของคนในตระกูลฉินจากคนที่มานั่งทานอาหารในโรงเตี๊ยมก็ยิ้มร้ายออกมา อีกเพียงไม่กี่วัน พวกมันจะได้ลงไปอยู่เป็นเพื่อนบุตรชายนางในนรกแล้ว
สายวันต่อมา หยางชิงหลงได้รับแจ้งจากทหารว่าเจ้าเมืองตงหยางกับฮูหยินขอเข้าเฝ้า พระองค์ที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยให้หลับหลังดื่มนมอยู่พยักหน้าอนุญาต ให้พวกเขาเข้ามาพบได้ อย่างไรวันนี้พระองค์ก็ยังไม่อยากเข้าเมืองไปสอบถามเรื่องราวการแก้ไขปัญหาของราษฎรในช่วงที่บุตรชายเพิ่งคลอดสักเท่าไหร่นัก“ถวายบังคมไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยพะย่ะค่ะ/เพคะ” จื้อไฉ่กับฮูหยินค้อมกายคำนับทั้งสองพระองค์ที่นั่งรออยู่พร้อมไท่จื่อน้อยในอ้อมแขนไท่จื่ออย่างนอบน้อม“พวกท่านตามสบายเถิด เชิญนั่งก่อน” หยางชิงหลงตรัสพร้อมรอยยิ้มบาง“กระหม่อมนำของรับขวัญไท่จื่อน้อยมามอบให้พะย่ะค่ะ ขอแสดงความยินดีกับไท่จื่อและไท่จื่อเฟยด้วยพะย่ะค่ะ” จื้อไฉ่ยื่นกล่องของขวัญให้ซุนเหยาที่อยู่ในกระโจมเพื่อนำไปมอบให้ไท่จื่อเฟยดูแทนไท่จื่อที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยอยู่“ขอบใจพวกเจ้ามาก เรื่องเมืองตงหยางที่มีปัญหาสุขภาพ เราให้หมอหลวงช่วยกันหาวิธีรักษาอยู่ ท่านเจ้าเมืองพาราษฎรที่ป่วยหนั
รุ่งเช้าวันต่อมา เหล่าหมอหลวงมาขอพบไท่จื่อเฟยเพื่อพูดคุยเรื่องขั้นตอนการรักษาชาวเมืองอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งเที่ยงวัน พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปทานอาหารและปล่อยให้ซินเมี่ยวกินข้าวกับหยางชิงหลงในกระโจม“น้องหญิงอย่าหักโหมงานมากนะ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะคลอดแล้ว พี่ไม่อยากให้เจ้าเครียดเกินไปนัก” หยางชิงหลงตรัสระหว่างคีบอาหารให้ซินเมี่ยว“ทราบแล้วเพคะ เสด็จพี่อย่ากังวลเลย น้องรู้ดีว่าต้องพักผ่อนให้มากเพคะ”หลังอาหารเที่ยง หยางชิงหลงเดินไปยังกระโจมของเหล่าหมอหลวงเพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการรักษาต่อ พระองค์จะได้สั่งให้องครักษ์เข้าไปแจ้งเจ้าเมืองให้เตรียมสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม เพราะในขบวนของพระองค์ถึงจะมีสมุนไพรอยู่บ้าง แต่ก็ถูกใช้ไปมากแล้วก่อนหน้านี้ หากต้องไปหาซื้อยังเมืองอื่นก็คงต้องใช้เวลาเดินทางอีกมากซินเมี่ยวนั่งอ่านตำรารอให้อาหารย่อยเกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนที่นางจะนอนพักผ่อนรอทานอาหารเย็นและออกไปเดินเล่นกับหยางชิงหลงเหมือนทุกวัน
สองวันต่อมา ต้วนฟางเหยาส่งรายงานสรุปปัญหาออกมาเป็นข้อ ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เขาคิดขึ้นมา หยางชิงหลงและซินเมี่ยวนั่งอ่านรายงานอย่างละเอียดก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง นับว่าต้วนฟางเหยาทำงานได้ดีสมกับที่ฝ่าบาทส่งมาช่วยเหลือราษฎรจริง ๆ“วิธีการแก้ไขปัญหาของเจ้าเหมาะสมแล้ว เราอนุญาตให้ดำเนินการได้ ส่วนสิ่งที่เจ้าต้องการก็สามารถเบิกได้กับองครักษ์ซุนเหยา” ไท่จื่อตรัส“ขอบพระทัยไท่จื่อพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำเรื่องเบิกกับท่านซุนเหยาตามรับสั่ง”“เจ้าเมืองต้วน ที่ค่ายทหารนอกเมืองของเรามีต้นอ่อนสมุนไพรรักษาบาดแผล ท่านลองดูว่ามีหมู่บ้านใดที่เหมาะสมจะปลูกเป็นอาชีพและส่งออกไปยังเมืองอื่นด้วยก็แล้วกันนะ เราอยากให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นนอกจากการทำเกษตร”“พะย่ะค่ะไท่จื่อเฟย เรื่องนี้กระหม่อมจะปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านและมารายงานให้พระองค์ทราบอีกครั้ง”ทั้งสองพระองค์ต่างพยักหน้าอย่างพอใจกับการทำงาน
ซินเมี่ยวกลับไปถึงที่ว่าการเมืองก็กระซิบบอกเรื่องที่นางพบกับไท่จื่อทันที“เจ้าคิดว่าเราสร้างที่อยู่ให้พวกเขาและสอนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้พวกเขาหารายได้เองจะดีหรือไม่ พี่ไม่อยากให้พวกเขาเป็นขอทานอีก”“ก็ดีนะเพคะ รบกวนเสด็จพี่สั่งทหารช่วยกันสร้างที่พักให้พวกเขาก่อนก็แล้วกัน”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล พี่จะสั่งการทหารช่างให้รับหน้าที่นี้เอง”“ขอบพระทัยเสด็จพี่เพคะ พระองค์ลองเสวยขนมนี่ดูเพคะ อร่อยมากเลย”ซินเมี่ยวยื่นขนมหน้าตาธรรมดาส่งให้หยางชิงหลง พระองค์รับมาชิมดูก็พยักหน้าอย่าพอใจเช่นกัน ถึงแม้หน้าตาของขนมนั้นดูไม่ดีนัก แต่รสชาตินับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ซินเมี่ยวยังเล่าถึงสถานการณ์ภายในเมืองที่นางเดินสำรวจดูให้กับหยางชิงหลงฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่องชาวเมืองที่มีวาสนาได้พบทั้งสองพระองค์ต่างตื้นตันใจเป็นอันมาก ทั้งที่ความจริงทั้งสองพระองค์ไม่ต้องมานั่งที่
สามสัปดาห์ต่อมาขบวนใหญ่ของไท่จื่อมาถึงหน้าประตูเมืองเสวียนแล้ว แม่ทัพรักษาชายแดนและเจ้าเมืองเสวียนคนปัจจุบันอย่างหานเซี่ยต่างรอต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม นั่นเพราะแม่ทัพรักษาชายแดนได้รับรายงานว่ามีขบวนเดินทางพร้อมทหารจำนวนมากใกล้จะมาถึงเมืองเสวียน พวกเขาจึงต้องรีบออกมารับหน้าทั้งที่ไม่มีใครมาแจ้งพวกเขาสักนิดว่าเป็นผู้ใดมาถึงกันแน่“ไท่จื่อและไท่จื่อเฟยมาถึงแล้ว!!!” ซุนเหยาใช้เสียงจากพลังปราณเอ่ยขึ้นเสียงดังแม่ทัพรักษาชายแดนและหานเซี่ยรีบคุกเข่าลงเมื่อได้ยิน พวกเขาเพิ่งรู้ว่าผู้มาขบวนใหญ่นี้เป็นถึงรัชทายาท บรรดาชาวเมืองที่ไม่ใคร่จะอยู่สบายนักเพราะเจ้าเมืองหานเซี่ยนเองต่างก็คุกเข่าลงเช่นกัน พวกเขายังไม่รู้ว่าไท่จื่อที่ว่ามานี้จะช่วยเหลือพวกเขาจากความหน้าเลือดของเจ้าเมืองได้หรือไม่ แต่ถึงจะมีความหวังเพียงน้อยนิด พวกเขาก็อยากจะลองดูว่าชีวิตหลังจากนี้จะดีขึ้นหรือไม่“พวกเจ้าตามสบาย” เสียงหยางชิงหลงดังออกจากรถม้า กังวานไปทั
การเก็บเกี่ยวสมุนไพรในช่วงสองสามวันมานี้ทำให้ซินเมี่ยวได้รับโสมป่าอีกหลายต้นกลับไปด้วย ส่วนฎีกาของไท่จื่อนั้นถูกส่งไปได้สามวันแล้วเช่นกัน พระองค์คาดการณ์เวลาเป็นอย่างดีว่าม้าเร็วจะมาถึงขบวนของพระองค์ก่อนเดินทางไปถึงเมืองเสวียนได้ไม่ยาก ในฎีกานั้นพระองค์ยังขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่และแม่ทัพคนใหม่มาประจำการที่ชายแดนด้วยครึ่งเดือนต่อมา ขบวนของไท่จื่อเหลือระยะทางไปยังเมืองเสวียนอีกเพียงห้าร้อยลี้เท่านั้น ขณะที่พักค้างแรมริมทางอยู่นั้นกลับมีม้าเร็วกลับมาที่ค่าย ส่งข่าวว่าขบวนเจ้าเมืองคนใหม่และแม่ทัพหยวนพร้อมกำลังทหารอีกห้าพันนายกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว“เสด็จพ่อเหตุใดจึงนำกำลังทหารมามากนักเล่า” หยางชิงหลงตรัสถามทหารส่งข่าว“ฝ่าบาทกังวลว่าจะมีทหารเก่าที่ภักดีกับแม่ทัพคนเก่าก่อเรื่องพะย่ะค่ะ พระองค์จึงส่งทหารมาเพิ่มให้”“อืม เช่นนั้นเราจะตั้งค่ายรอพวกเขาที่นี่อีกสองวัน เจ้ากลับไปรายงานแม่ทัพหยวนก่อน