Share

ตอนที่3 ไม่คิดถือสา

last update Last Updated: 2025-08-31 20:11:26

หลินเสี่ยวหรานเห็นใบหน้าอ้วนกลมเต็มไปด้วยความสับสนว้าวุ่น คล้ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร นางก็เกิดสงสารเขาขึ้นมาอีก จึงไม่คิดถือสาหาความเรื่องเมื่อครู่

“ข้าพบเจ้านอนหมดสติอยู่ที่ริมลำธาร ข้าไม่อาจทนเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้ จึงให้ความช่วยเหลือ พาเจ้ามาพักฟื้นที่นี่”

“ที่แท้ข้าก็ยังไม่ตาย” ฉู่ชิงเฟิงพึมพำกับตัวเอง ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเสียดายที่เรื่องตายแล้วเกิดใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง แสดงว่าตอนนี้เขายังคงเป็นอ๋องอ้วนอัปลักษณ์ที่ถูกผู้คนดูแคลนรูปร่างหน้าตาอยู่เช่นเดิม  

“เจ้านอนอยู่อย่างนั้นหลายวันคงจะหิวแย่ รีบกินเถอะ” หลินเสี่ยวหรานนั่งลงอีกครั้ง แล้วทำท่าจะป้อนโจ๊กเขาต่อ

“ใจคอเจ้าจะยังจะเอาโจ๊กรสชาติห่วยแตกชามนั้นมาให้ข้ากินอีกหรือ”

“ข้าไม่ได้จะกลั่นแกล้งคนตกทุกข์ได้ยากดอกนะ แต่ท่านหมอสั่งเอาไว้ว่า หากเจ้าฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ให้เอาแค่โจ๊กธรรมดาไม่ปรุงรสใดๆ มาให้ก่อน ไม่อย่างนั้นร่างกายที่ไม่ได้กินอาหารมาแล้วหลายวันจะรับไม่ไหว”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรอกรึ” ฉู่ชิงเฟิงพึมพำ

หลินเสี่ยวหรานได้ยินก็พยักหน้า ก่อนตักโจ๊กมาเป่าแล้วยื่นไปที่ปากของเขาใหม่

เมื่อทราบเหตุผลที่แท้จริง ฉู่ชิงเฟิงก็ยอมอ้าปากกินโจ๊กชามนั้น และแต่ละคำทำให้เขารู้ว่าตัวเองหิวมากมายขนาดไหน สุดท้ายก็กินของไม่อร่อยที่ถูกป้อนจากสาวงามจนหมดเกลี้ยง

“กินอิ่มแล้ว เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่” หลินเสี่ยวหรานเอ่ยถาม

ฉู่ชิงเฟิงพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือข้า”

“ไม่เป็นไร แต่ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้ว กินก็ได้กินแล้ว ทีนี้พอจะนึกอะไรออกบ้างหรือยัง”

“แล้วข้าควรจะต้องนึกอะไรออกบ้างเล่า”

คำพูดคล้ายยียวนนี้ชวนให้หลินเสี่ยวหรานอยากจะเขกกะโหลกเขาสักทีสองที แต่นางก็พยายามข่มใจ แล้วถามเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุด “ตอนนี้จำได้หรือยังว่าเจ้าเป็นใคร มาจากไหน ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่”

พอถูกถามแบบนี้ เขาพลันคิดถึงเรื่องน่าอายก่อนเกิดเหตุ

ฉู่ชิงเฟิงเลยรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะเล่า และหากคนเหล่านี้รู้ว่าเขาคือใคร เขาก็ต้องกลับไปพบกับความอับอายจากการถูกทุกคนมองอย่างสมเพช เพราะหากเป็นอย่างที่หลินผู่ซินพูดไว้ บิดานางคงจะปฏิเสธการหมั้นหมายนี้หลังจากที่คณะล่าสัตว์ของฮ่องเต้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว

“คือว่า เปิ่น... เอ่อ ข้า...” เขาอึกอัก ยังคิดไม่ออกว่าควรบอกออกไปเช่นไร

“มัวอ้ำอึ้งอะไรอยู่ รีบตอบคุณหนูข้าเร็วเข้า” หลินอ้ายเร่งเร้าเอาคำตอบแทนนายหญิง

“คือว่า ข้า...” ฉู่ชิงเฟิงยกมือยกไม้ขึ้นมาเหมือนกับคนทำอะไรไม่ถูก

“หลินอ้ายใจเย็นๆ ก่อน” หลินเสี่ยวหรานปรามคนของตนเอง แล้วหันกลับไปถามชายหนุ่มใหม่อีกครั้ง “หรือว่า เจ้ายังจำอะไรไม่ค่อยได้ เลยไม่รู้จะเล่าอย่างไร”

เหมือนกระรอกน้อยถูกชี้โพรงให้เห็น ฉู่ชิงเฟิงพลันได้ข้ออ้างที่จะอยู่ที่นี่ต่อสักพัก อย่างน้อยถ้าเขาหายไป แล้วอัครเสนาบดีใช้เหตุผลนี้ปฏิเสธเรื่องหมั้นหมายไปก่อน เขาก็จะไม่ค่อยเสียหน้าเท่าใด

“ข้าปวดหัวมากเลย จำอะไรไม่ได้” ฉู่ชิงเฟิงยกมือขึ้นมากุมศีรษะ และประจวบเหมาะเหลือเกินที่บนหัวเขามีแผลจากการถูกหินกระแทกอยู่จุดหนึ่งพอดี   

เรื่องนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของหลินเสี่ยวหราน เพราะท่านหมอบอกเอาไว้แล้วว่า บางทีคนที่บาดเจ็บที่ศีรษะ ซ้ำยังสลบไปนาน อาจมีปัญหาเรื่องความจำอยู่บ้าง นางจึงสั่งให้คนเก็บข้าวของของเขาเอาไว้อย่างดี เผื่อว่าคนเห็นแล้วจะจำอะไรได้ไวขึ้น

“หลินอ้าย เจ้าไปเอาของของเขามานี่ที”

หลินอ้ายรับคำสั่งแล้วเดินไปยังหีบเล็กๆ ที่มุมห้อง นางหยิบห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาจากในนั้นเอาไปยื่นให้เจ้าของ “เอ้า เอาไป”

ฉู่ชิงเฟิงรับห่อผ้านั้นมาเปิดดู ในนี้มีของของเขาอยู่จริงๆ แต่เหมือนจะมีบางอย่างหายไป

“ของที่ติดตัวเจ้ามามีเพียงเสื้อผ้า กับปิ่นปักผมอันเดียวเท่านั้น” หลินเสี่ยวหรานเห็นเขาควานหาของไม่หยุด นางจึงบอกเขาว่าพบอะไรบ้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“เจ้าแน่ใจนะ ไม่มีอย่างอื่นแล้วจริงๆ ใช่ไหม” ฉู่ชิงเฟิงจำได้ว่าเขามีป้ายหยกขาวมันแพะสลักอักษร ‘โซ่ว’ อยู่ด้วย

“ถามเยี่ยงนี้หมายความว่าอย่างไร เดี๋ยวแม่ตีด้วยถาดเสียเลย” หลินอ้ายปราดเข้ามาด้วยความโมโหที่เขาทำท่าเหมือนเจ้านายของนางเป็นขโมย ทั้งยังเงื้อถาดในมือขึ้นสูงเตรียมจะทำอย่างที่ปากว่า

“เดี๋ยวก่อนๆ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ คือข้าแค่คิดว่าอาจจะมีสิ่งใดที่สามารถระบุตัวตนของข้าได้ติดมาด้วย แต่ในเมื่อมีของเพียงแค่นี้ เกรงว่าการหาตัวตนของข้าจะยิ่งยากขึ้นไปอีก” ฉู่ชิงเฟิงรีบตอบก่อนจะถูกหลินอ้ายเอาถาดในมือตีหัวจนสมองเสื่อมไปจริงๆ

“ถ้างั้นก็แล้วไป” หลินอ้ายถอยหลังกลับไปยืนที่เดิม

“หลินอ้ายเจ้าก็ใจเย็นๆ หน่อยเถิด ถ้าเป็นข้า ข้าก็คงไม่อาจไว้ใจคนแปลกหน้าได้ในทันทีหรอก” หลินเสี่ยวหรานพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ

“ถ้าระแวงนักละก็ งั้นข้าก็จะบอกเจ้าเอาบุญ จงจำเอาไว้ให้ดี นายหญิงของข้าคือบุตรสาวของท่านอัครเสนาบดีคนปัจจุบัน มีนามว่าหลินเสี่ยวหราน”

“ลูกสาวใต้เท้าหลิน หลินเสี่ยวหรานงั้นรึ” ฉู่ชิงเฟิงเบิกตากว้าง เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นสตรีนางนี้ไปร่วมงานเลี้ยงที่ไหน แต่พอนึกอีกทีเหมือนเคยมีคนเล่าให้เขาฟังว่า ความจริงแล้วอัครเสนาบดีหลินมีบุตรสาวสองคน ทว่าคนโตซึ่งเกิดกับฮูหยินคนก่อนนั้นร่างกายไม่แข็งแรง นางจึงถูกส่งไปรักษาตัวที่ต่างเมืองตั้งแต่อายุสิบสี่ ซึ่งนี่ก็น่าจะผ่านมาได้สองปีแล้วกระมัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่11 ไร้คุณธรรม

    “ไม่ใช่นะ ผ้าพวกนี้เป็นของคุณหนูทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นจะขายได้ราคาดีขนาดนี้ได้อย่างไร”“เจ้านั่นแหละที่ไม่รู้อะไร” ฉู่ชิงเฟิงส่ายหัว ทั้งสงสารทั้งสมเพชที่หลินอ้ายโดนเถ้าแก่ร้านตัดเย็บแห่งนี้กดราคาสินค้าอย่างหน้าด้านๆ“ของพวกนี้ต้องขายได้สองสามตำลึงเงินจริงๆ หรืออาเปา”“พูดไปแล้วอาจจะทำให้เจ็บใจ แต่หลินอ้าย เจ้าโดนเถ้าแก่ไร้คุณธรรมหลอกเข้าแล้ว”“ขะ...ข้าโดนหลอกงั้นรึ” หลินอ้ายหน้าซีด ทั้งที่คุณหนูมอบหมายให้นางมาขายของด้วยความไว้วางใจแท้ๆ แต่นางกลับพอใจจำนวนเงินที่ไม่สมกับความเหนื่อยยากของเจ้านาย“อย่าโทษตนเองไปเลยหลินอ้าย เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ ในจวนจะไปรู้เรื่องค้าขายได้เยี่ยงไร ถ้าให้ข้าเดา ที่เจ้าพอใจในราคาที่เถ้าแก่เสนอ เพราะเขาให้ราคาเจ้ามากกว่าสินค้าทั่วไปที่ขายอยู่หน้าร้าน ทั้งยังชื่นชมงานของคุณหนูไม่ขาดปาก แล้วสัญญาว่าต่อไปหากมีของมาขายอีก เขาก็จะรับทุกชิ้นในราคาสูงแบบนี้ใช่หรือไม่”“อาเปา เจ้ารู้ได้ยังไง” หลินอ้ายตกใจที่เขาเดาถูกแทบทุกอย่าง“ส่วนคุณหนูเจ้า พอได้รับเงินก็มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ยิ้มแย้มยินดีอะไร”“อาเปา จะ...เจ้าแอบสืบเรื่องของคุณหนูมาตั้งแต่เมื่อไร บอกมาเดี

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่10 นั่งยิ้มใจลอย

    บ้านสวนสกุลหลินตั้งอยู่ในเขตอำเภอจงมู่ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม สวนของพวกเขาอยู่ห่างจากตัวอำเภอไกลพอสมควร จึงต้องอาศัยรถม้าในการเดินทางพอถึงตัวอำเภออาโต๋วก็บังคับม้าตรงไปยังร้านขายผ้าในตลาด ฉู่ชิงเฟิงที่ส่วนใหญ่อยู่แต่ในเมืองหลวง พอได้ออกมาเปิดหูเปิดตาจึงถือโอกาสสำรวจความเป็นอยู่ของราษฎรเสียเลย เขามองทุกที่ที่รถม้าแล่นผ่านอย่างพิจารณา แล้วพบว่าถึงจงมู่จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็มีแผงลอย ร้านค้าเปิดอยู่หลายร้านเลยทีเดียว ชาวบ้านก็ดูมีความสุขดี แทบจะไม่เจอขอทานตามท้องถนน อ๋องหนุ่มในคราบอาเปาจึงอดยิ้มปลาบปลื้มแทนพระบิดาไม่ได้“มัวยิ้มอยู่นั่น รีบลงจากรถแล้วเอาบันไดมาวางให้คุณหนูเร็วเข้า” อาโต๋วหันไปสั่งอาเปาที่มัวแต่ใจลอยให้ลุกมาช่วยกันทำงาน“อ่า ถึงแล้วเหรอ”“ก็ถึงแล้วน่ะสิ เจ้ามัวแต่นั่งยิ้มใจลอยอยู่นั่น ไหนว่าไม่อยากมาไงเล่า”ฉู่ชิงเฟิงไม่คิดจะโต้เถียงกับอาโต๋ว จึงทำเป็นหัวเราะแหะๆ กลบเกลื่อน แล้วรีบลงจากรถม้าไปหยิบบันไดมาวางให้หลินเสี่ยวหราน ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษที่ถูกอบรมว่าต้องดูแลสุภาพสตรี เขาจึงเผลอยื่นมือออกไปให้หลินเสี่ยวหราน โดยลืมไปว่ายามนี้ตนเองเป็นเพียงคนความจำเสื่

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่9 สตรีใจดำอำมหิต

    วันคืนของการเป็นอาเปาผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ จากวันเป็นเดือน แต่เวลายิ่งผ่านไป งานที่อาโต๋วโยนมา ไม่สิ มอบหมายให้ฉู่ชิงเฟิงก็เริ่มมากมายขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาทำงานคล่องแล้ว ก็ควรแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้ชัดเจน ทำให้จากเดิมที่มีอาโต๋วคอยช่วยเวลาที่เขาหมดแรงทำงานไม่ทัน ตอนนี้เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แต่อ๋องหนุ่มยังไม่มีความคิดจะกลับสู่ฐานะเดิมในเร็ววันนี้แน่นอนว่าพองานหนักขึ้น ท้องไส้ของเขาก็ยิ่งปั่นป่วน เสียงพุงน้อยๆ ร้องขออาหารใส่ท้องนั้นดังพอๆ กับเสียงโอดครวญที่ดังขึ้นอยู่ภายในใจของเขาแต่สตรีใจดำอำมหิตอย่างหลินเสี่ยวหรานกลับให้หลินอ้ายส่งแต่ข้าวแข็งๆ โปะกับข้าวที่มีแต่ผักล้วนๆ ไม่มีเนื้อผสมมาให้ทุกเมื่อเชื่อวันช่างใจจืดใจดำไร้คุณธรรมยิ่ง!ฉู่ชิงเฟิงคิดไปพลางพุ้ยข้าวเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนมันลงไปพลางพร้อมกับความเคียดแค้นที่พองฟูอยู่เต็มท้อง“คอยดูเถอะหลินเสี่ยวหราน หากวันใดได้กลับคืนสู่ฐานะ เปิ่นหวางจะจับเจ้าไปขังเอาไว้แล้วให้กินแต่ผักทุกมื้อเยี่ยงนี้สักปีสองปี”“เจ้าหมูอ้วน เจ้าว่าใครจะจับใครไปขังนะ” หลินอ้ายที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เอ่ยถาม เมื่อครู่นางยังอยู่ไกลจึง

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่7 ไม่อยากเชื่อ

    ฉู่ชิงเฟิงมองอาหารของตนเองสลับกับของอาโต๋วอย่างไม่อยากเชื่อ“ให้ตายสิ ทำไมของเจ้ามีเนื้อด้วย แต่ทำไมของข้า...ของข้ามีแค่ผักเล่า” เขาใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวฟ่างหุงสุกกับผักในชามไปมา หวังว่าจะพบเนื้อหมูสักชิ้น ทว่าความจริงยังคงโหดร้ายเช่นเดิม“มีให้กินก็ดีแล้ว เจ้าก็อย่าเรื่องมากนักเลย” หลินอ้ายกล่าว“เจ้าโกรธเกลียดอะไรข้านักหรือ ถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายเยี่ยงนี้” ฉู่ชิงเฟิงหันไปถามหลินอ้ายด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทีทุกข์ระทมน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาทำงานหนักขนาดนี้ตั้งแต่เช้า นางกลับมอบให้เพียงข้าวฟ่างชามหนึ่งกับผัดผักวิญญาณหมู แล้วแบบนี้เขาจะไปมีแรงทำงานในช่วงบ่ายได้อย่างไร“อย่ามาพูดจาเหมือนข้ากลั่นแกล้งเจ้านะ” หลินอ้ายตะหวาดแหว“ถ้าเจ้าไม่ได้กลั่นแกล้งข้า แล้วทำไมถึงมีแต่อาโต๋วที่ได้กินหมูเล่า”“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้เหรอ บางทีอาจมีคนเห็นเจ้าเป็นตัวบัดซบกินล้างผลาญ เลยไม่อยากเจียดเนื้อให้เจ้ากินกระมัง” หลินอ้ายยกมือทั้งสองขึ้นพลางไหวไหล่“ต่อให้เจ้าไม่ชอบหน้าข้าอย่างไร อยากไล่ข้าไปให้พ้นๆ แต่การกลั่นแกล้งคนที่ทำงานหนักมาตลอดเช้าเยี่ยงนี้ เจ้าไม่นึกละอายใจหน่อยเหรอ”“ละอายใจ? คนที่ควรละอายคือเจ้าต่างหา

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่7 ถ้าเป็นเรื่องนั้น

    ปัง ปัง ปัง!ฉู่ชิงเฟิงกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน เพราะตกใจเสียงเคาะประตู ครั้นหันมองไปรอบกาย ก็พบว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่สาง แต่อาโต๋วกลับมาเรียกคน ถึงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างเสียมารยาทยิ่ง แต่เขาก็รีบลุกจากที่นอน เดินแบกพุงพลุ้ยๆ ของตนเองไปเปิดประตูในที่สุด“เจ้ามาเคาะประตูเรียกข้าด้วยเหตุอันใด” ฉู่ชิงเฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด“นี่อาการเจ้าหนักมาก กระทั่งเมื่อวานคุยอะไรไว้กับคุณหนูก็ลืมไปหมดแล้ว?” อาโต๋วไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะถามเขากลับ“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ข้าย่อมจำได้”“ถ้าเจ้าจำได้ทำไมถึงมัวแต่นอนอยู่เล่า ปล่อยให้ข้าเคาะประตูเรียกเสียนาน”ฉู่ชิงเฟิงย่นคิ้ว พลางหันไปมองท้องฟ้าที่มืดอยู่ “ข้ามิได้ตื่นสายเสียหน่อย ฟ้ายังไม่ทันสางเลย”“แล้วเจ้าจะรอให้ตะวันโผล่พ้นยอดไผ่ก่อนหรือไงถึงค่อยทำงาน”“มันก็ควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ”อาโต๋วส่ายหัวไปมา เขารู้สึกว่าคุณหนูของตนไม่ได้หาคนมาช่วยงาน แต่จะเพิ่มภาระให้เขามากกว่า “คุณหนูหนอคุณหนู ดูก็รู้ว่าเจ้าคงทำอะไรไม่เป็นยังจะยื่นข้อเสนอแบบนั้นอีก ไล่ๆ ไปเสียก็หมดเรื่องแล้ว”ฉู่ชิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา ขืนอาโต๋วไปบอกว่าเขาไม่ยอมทำงาน ตนเ

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่6 ข้าก็ยินดีจะตั้งให้

    หลินเสี่ยวหรานให้ฉู่ชิงเฟิงตามนางไปที่โต๊ะหินใต้ต้นอิงฮวา แล้วเชิญให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จากนั้นไม่นานอาโต๋วก็ไปตามลุงชุนมาสมทบ ครั้นทุกคนภายในบ้านอยู่รวมกันครบแล้ว หลินเสี่ยวหรานถึงได้เริ่มบทสนทนา“ก่อนหน้าเป็นเพราะเจ้าป่วยอยู่ ข้าจึงมิได้พูดคุยอะไรด้วยแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่บัดนี้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว ข้าเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เราจะต้องพูดคุยกันเสียที ถึงแม้เจ้าจะยังจำอะไรไม่ได้ก็ตาม”“คุณหนูหลินมีเรื่องอันใดก็บอกกล่าวมาได้เลย” ใบหน้าอ้วนกลมของฉู่ชิงเฟิงดูจริงจังขึ้นสามส่วน“แต่ก่อนที่จะคุยอะไรกัน ข้าคิดว่าเจ้าควรหาชื่อให้ตนเองก่อน จะได้เรียกขานกันได้ถูก”“นั่นสินะ” ฉู่ชิงเฟิงไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน พอถูกถามก็นึกไม่ทันอยู่บ้าง เพราะในหัวมีคำมงคลมากมายลอยวนอยู่ในนั้น แต่ก็ยังหาชื่อที่ความหมายดี และถูกใจตนเองไม่ได้ทว่าคนที่รอฟังคำตอบมิได้มีใจอยากคอยเขาประดิษฐ์คำสักเท่าใด“หากเจ้ายังนึกไม่ออก ข้าก็ยินดีจะตั้งให้” หลินเสี่ยวหรานยิ้มกล่าว ท่าทางเต็มอกเต็มใจฉู่ชิงเฟิงหันไปสบตาของหลินเสี่ยวหรานที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ กอปรกับเขายังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรใช้ช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status