공유

บทที่ 4

작가: สายธารสะท้อนเงา
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่หันไปเห็นองครักษ์ที่ยืนถือไม้กระดานรออยู่นั้น ก็ได้แต่ครุ่นคิดกับตนเองภายในใจว่า โทษโบยสามสิบไม้นี้นางคงมิอาจหนีไปไหนได้แล้ว

ในเมื่อหนีมิได้ มิสู้เผชิญหน้ากับมันเสีย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่กำมือของตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะก้มตัวโน้มลงไปในทันที

พละกำลังของเหล่าองครักษ์นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อไม้โบยถูกเหวี่ยงตกลงมาบนร่างกายของนางนั้น ก็ทำเอาเนื้อบนผิวหนังฉีกขาดออกมา

นิ้วของนางจิกเข้าไปในเนื้อหลังของตนเองในทันใด พลางกัดฟันของตนเองไว้แน่น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เองยังมิอาจอดทนได้กับโทษโบยสามสิบไม้ ทว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับนิ่งเงียบมิส่งเสียงร้องออกมาสักนิด

หลังจากที่โทษโบยสามสิบไม้เสร็จสิ้นลงนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็หมดสติไปในทันที พร้อมด้วยลมหายใจโรยริน

เหล่าองครักษ์พลันได้แต่มองหน้ากัน

“เอาอย่างไรดี? นางดูเหมือนจะหมดหายใจอยู่รอมร่อแล้ว พวกเราไปเชิญท่านหมอมาตรวจดูอาการของนางหน่อยดีหรือไม่?” องครักษ์คนหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นมา

“เมื่อครู่ท่านอ๋องกล่าวว่าห้ามเชิญท่านหมอหลวงมารักษา?” องครักษ์อีกคนหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “สตรีนางนี้ใช้วิธีกผิดจารีตประเพณีในการขึ้นมาเป็นพระชายาของท่านอ๋อง ท่านอ๋องเกลียดรังเกียจนางยิ่งนัก เกรงว่าพวกเราใช้โอกาสนี้ตีนางให้ตายเสียจักดีกว่า นางหาได้มีอันใดมาคู่ควรกับท่านอ๋องของพวกเราไม่? อย่าได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอันใดให้มากความเลย รีบกลับไปรายงานแก่ท่านอ๋องเจ็ดดีกว่า”

คำพูดขององครักษ์ทั้งสองคนนั้นพลันดังแว่วเข้ามาในหูของฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นระยะ ๆ เสมือนกับเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกล ๆ

ฉากเบื้องหน้าที่ดำมืด พร้อมทั้งกลิ่นอายของความตายที่ค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามา แม้แต่จะขยับนิ้วมือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมิอาจที่จะขยับได้

จิตสำนึกที่ค่อย ๆ เรือนรางเต็มที พร้อมทั้งร่างกายที่ค่อย ๆ เบาตัว เสมือนกับจิตวิญญาณของตนเองที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ มิรับรู้ถึงความรู้สึกในโลกแห่งความจริงใด ๆ ทั้งนั้น

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้” เสียงร่ำไห้ที่ดังขึ้นมาในหัว “ท่านอ๋องคิดว่าข้าน่ารังเกียจ เป็นไปไม่ได้ คำพูดที่ท่านอ๋องเคยพร่ำบอกต่อข้านั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวงหรือ? ทั้งหมดเป็นเพราะต้องการหลอกลวงข้า?”

“เจ้าช่างโง่จริง ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดในยามที่กำลังจ้องมองไปยังตัวตนของนางอีกคนหนึ่ง พลันเอามือวางไว้บนหัวของนาง “เรื่องระหว่างเจ้ากับฉินเสวี่ยเย่ว์นั้น ท่านอ๋องสามเองก็ทรงทราบดี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นท่านอ๋องเองที่วางแผนนี้ขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ ผู้ที่ตกอยู่ในโคลนตมล้วนมีเพียงแค่เจ้า”

“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ ทุกอย่างจักเป็นเรื่องหลอกลวงไปได้อย่างไรกัน?”

“เจ้าเองก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของชายเจ้าเล่ห์และหญิงอสรพิษเช่นนั้นแล้ว เจ้ายังคิดหลงเชื่องมงานอยู่อีกหรืออย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ถอนหายใจออกมา “โลกมนุษย์มิคู่ควร เหตุใดเจ้าต้องทรมานตนเองเพียงเพื่ออ้อยเน่า ๆ ก้านเดียวด้วย ข้าทนมิไหวแล้ว ร่างนี้ข้าขอคืนมันให้กับเจ้าเสีย เจ้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขเถิด อย่าได้จมปลักอยู่กับความโง่อีกเลย”

“ไม่ ข้ามิอาจทนไหวแล้ว ที่ข้ายังอดทนมิยอมจากไปนั้น นั่นเป็นเพราะข้ายังมิวางใจ ในเมื่อวันนี้ข้าได้คำตอบ ได้รับความจริงที่ตนเองควรรู้แล้ว ข้าก็มิมีสิ่งใดให้ต้องห่วงอีก ข้ายินยอมที่จะจากไปแต่โดยดี แต่เจ้ายังมีหนทางรอด ฉะนั้นแล้ว เจ้าจักต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ช่วยข้าล้างแค้นพวกมันเสีย ข้าฝากด้วยเล่า”

น้ำเสียงที่ค่อยแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ หลังจากพูดจนจบนั้น ร่างวิญญาณสุดท้ายพลันถูกดูดเข้าไปในร่างของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันที

หลังจากที่วิญญาณกลับเข้ามาในร่างแล้วนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงได้ฟื้นขึ้นมา

พร้อมทั้งอาการเจ็บปวดที่ถาโถม รวมไปถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลไปทั่วร่าง นับว่าเป็นความจริงที่เสมือนมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

เมื่อครู่ นางคล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝันก็ไม่ปาน

ในความฝันนั้น วิญญาณของเจ้าของร่างเดิมได้นำดวงวิญญาณสุดท้ายของนางกลับเข้ามายังในร่างนี้ ทั้งยังยินยอมให้นางได้เข้าครอบครองร่างนี้แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป

เสียงพร่ำบ่นมากมายที่เคยดังขึ้นมาในหัวก็ได้สลายหายไป

คงไว้แต่เพียงจิตใจที่สงบนิ่ง พร้อมด้วยกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ทำให้นางรู้ซึ้งถึงการฟื้นคืนจากความตายขึ้นมาในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้นิ้วมือของตนจิกลงไปในปลอกหมอน พลางหลับตาลงกล่าวออกมาว่า "เจ้าวางใจเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเคยได้รับ ข้าจักช่วยเอาคืนให้กับเจ้าเป็นร้อยเป็นพันเท่าเอง"

ถึงแม้ตนเองจักเอ่ยออกมาเช่นนั้น แต่สถานการณ์ของนางในยามนี้หาได้ดีไม่

หลังจากที่นางตกอยู่ในทะเลสาบเป็นเวลานานนั้น ทั้งยังต้องมาถูกโทษโบยสามสิบไม้เช่นนี้อีก นางรู้สึกเวียนหัว พร้อมทั้งหน้าผากที่เกิดอาการร้อนผาวขึ้นมา อาการไข้ขึ้นสูงเช่นนี้อาจทำให้นางหมดสติไปเลยก็ได้

ทักษะทางการแพทย์ที่นางได้รับการสืบทอดมาจากปู่ของนางจักไปมีประโยชน์อันใดเล่า?

ที่นี่มิแม้แต่ยาลดไข้ ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบเลยสักนิด เกรงว่านางคงจักได้ตกตายไปอีกรอบหนึ่งแล้วกระมัง

เมื่อมีความคิดเช่นนี้โผล่เข้ามาในหัวนั้น ทำเอาฉินเหยี่ยวเย่ว์นึกโศกเศร้าในโชคชะตาของตนเองยิ่งนัก ในยามที่ปู่ของนางเสียนางยังมิทันได้มีโอกาสกลับไปหาเลยเสียด้วยซ้ำ ยังมิทันที่นางจะได้กลับไปถึงบ้านกลับต้องมาถูกชายชุดดำจับตัวไปเสียก่อน หลังจากที่นางจับพลัดจับผลูมาโผล่ในร่างนี้นั้น ยังมิทันจะได้สติดีกลับต้องมาตายอีกรอบแล้วหรือ

เหตุใดนางถึงโชคร้ายเช่นนี้

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงนั้น ความเจ็บปวดพลันเข้ามาเป็นระลอก ๆไม่ห่างหาย ทำเอานางมิอาจอดทนไหว

จู่ ๆ นางก็อดคิดถึงปู่และพ่อแม่ของนางที่จากไปอย่างมิมีวันหวนกลับได้ ใต้หล้านี้เหลือนางเพียงตัวคนเดียวแล้ว ความรู้สึกคิดถึงที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ขดงอตัวเอง พร้อมทั้งเอาหน้าผากซุกไปที่ข้อมือของตน

มิทันไรหยาดน้ำตาพลันค่อย ๆไหล่ลงมากระทบกับฝ่ามือของนางในทันที พร้อมทั้งแหวนที่อยู่บนนิ้วของนางจู่ ๆ กลับเปล่งประกายแสงออกมา

ท่ามกลางแสงสว่างนั้น เสมือนกับว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะเห็นโรงพยาบาลอยู่รำไร

อาคารแห่งนี้เป็นตึกที่ปู่ของนางได้ช่วยชีวิตเศรษฐีผู้มั่งคั่งรายหนึ่งเอาไว้จนสามารถมาสร้างเป็นโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ โดยที่ปู่ของนางเป็นผู้อำนวยการ ด้านในโรงพยาบาลมีหยูกยาครบครัน จนไปถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย นางวิ่งเล่นอยู่ภายในโรงพยาบาลนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ นับได้ว่านางคุ้นเคยกับสถานที่ภายในที่แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง

"ฉันกลับไปอีกแล้วเหรอ?" ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนางจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดแปลกไป

โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นตึกใหม่เอี่ยม ทว่า ในยามนี้หาได้มีผู้มดอยู่สักคนไม่ ทั้งกลิ่นอายแห่งความตายที่กระจายคละคลุ้งไปทั่ว เสมือนกับโลกที่ว่างเปล่าก็ไม่ปาน

เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องการจะเดินสำรวจดูนั้น แสงสว่างที่อยู่ตรงหน้าพลันค่อย ๆ หายไป พร้อมกับโรงพยาบาลตรงหน้าที่ค่อย ๆ จางหายไปเช่นกัน

“ที่แท้มันก็เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่แย้มยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนจะเอียงหน้าไปอีกข้างหนึ่ง ทำเอานางแทบจะกรีดร้องออกมาในทันทีเมื่อเห็นว่าบนหัวเตียงมีของบางอย่างปรากฎขึ้น

ไอบูโพรเฟน ยาผงขาวอวิ๋นหนาน ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์!

หยูกยาพวกนี้หาใช่สิ่งของของผู้คนในยุคนี้ไม่ แต่มันกลับมาปรากฏอยู่ในมือของนาง

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงรีบถอดแหวนออกมาในทันที ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นางหาได้พบสิ่งผิดปกติอันใดไม่

ทว่า ไอบูโพรเฟนและยาผงขาวอวิ๋นหนานนั้น ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อม ๆ กับภาพหลอนของโรงพยาบาลเลย

นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

เนื่องจากไอบูโพรเฟนเป็นยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ฤทธิ์ของยาจึงถูกปล่อยออกมาช้า ๆ นั่นจึงทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด ทั้งยังมีฤทธิ์ระงับอาการปวดได้ดีและยาวนานอีกด้วย รวมไปถึงช่วยเรื่องการลดไข้จากการอักแสบจากแผล

ส่วนผงยาขาวอวิ๋นหนานใช้สำหรับยากรักษาภายนอก นับว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาอาการบาดเจ็บเป็นอย่างมาก

ยาทั้งสองชนิดในยามนี้ ถือเป็นยาที่ช่วยชีวิตของนางในยามนี้เลยทีเดียว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิคิดอันใดให้มากความ นางรีบคว้าไอบูโพรเฟนมากิน ก่อนจะพยายามฆ่าเชื้อบริเวณบาดแผลของตนเองด้วยความยากลำบาก จากนั้นนางจึงใช้ผงยาขาวอวิ๋นหนานโรยเข้าไปบนปากแผล อาการบาดเจ็บที่เคยมีจึงค่อย ๆ ทุเลาลงบ้าง จนทำให้นางผล็อยหลับไปในทันที

ตัวยาเพียงเท่านี้ นับว่าเพียงพอที่นางจะใช้มันไปถึงห้าวันแล้ว

ในช่วงเวลาห้าวันที่ผ่านมานั้น ฉิเนเหยี่ยนเย่ว์ลองดูทุกวิธีการต่าง ๆ เพื่อที่ตนเองจะสามารถเห็นถึงโรงพยาบาลของปู่นางได้อีกครั้ง ทว่า นางกลับต้องพบเจอกับความล้มเหลวทุกครา

แหวนก็มิมีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ เลย

หรือว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเพียงภาพหลอนของนางเท่านั้น

จนกระทั่งห้าวันให้หลัง

แหวนที่มิได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดนั้น จู่ ๆ กลับแผ่ความร้อนออกมา พร้อมด้วยภาพโรงพยาบาลที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้านางอีกครา

พร้อมด้วยกล่องยาแอสไพรินที่ปรากฏตัวขึ้นในมือของนาง

ทั้งตัวยาแอสไพรินและไอบูโพรเฟนนั้น ล้วนแต่เป็นยาแก้อักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ หากแต่สิ่งที่แตกต่างกันนั้น ก็คือยาแอสไพรินสามารถป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันขึ้นมาได้ จากการนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ๆ ทั้งยังช่วยให้บาดแผลตกสะเก็ดและฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นเดิม ทว่า การนอนอยู่บนเตียงนาน ๆ นั้น อาจจะทำให้การหมุนเวียนของเลือดเกิดการติดขัดได้ ดังนั้นยาแอสไพรินนี้จึงมาช่วยนางได้ทันเวลาพอดี

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันใช้นิ้วมือถูแหวนไปมา ด้วยอารมณ์ที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

แหวนวงนี้ถือเป็นของขวัญวันเกิดที่นางได้รับมาจากปู่ของนาง ปู่ของนางกล่าวว่าเขาทำมันขึ้นมาด้วยตนเอง อีกทั้งแหวนวงนี้ยังอัดแน่นไปด้วยความรักควาคิดถึงและสืบทอดความคิดของพ่อแม่ของนางใส่เอาไว้ด้านในอีกด้วย เพื่อให้แหวนวงนี้ถือเป็นเครื่องรางปกป้องคุ้มกันภัยสำหรับนาง

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงสวมใส่มันราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่ามาโดยตลอด หลังจากที่นางถูกชายชุดดำจับตัวไปนั้น เมื่อชายชุดดำลองสำรวจแหวนวงนี้แล้ว เขากลับรู้สึกว่ามันหาได้มีค่าอันใดไม่ พวกเขาจึงปล่อยเลยตามเลย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จำได้อย่างชัดเจนเลยว่า เจ้าของร่างเดิมหาได้สวมใส่แหวนไม่ เสมือนกับว่าแหวนวงนี้มาปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เจ้าของร่างเดิมจากไป พร้อมกับวิญญาณของนางที่เข้ามาสิงอยู่ในร่างนี้แทน

ไม่เพียงแต่มีแหวนปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่มหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกด้วย

เมื่อแหวนเกิดอาการร้อนขึ้น โรงพยาบาลก็จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่หยูกยาเหล่านั้นก็เป็นยาที่มาจากโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน แหวนวงนี้จึงเปรียบเสมือนสื่อตัวกลางในการเชื่อมโยงนางกับโรงพยาบาลของปู่นางเข้าไว้ด้วยกัน

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนัก แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อมัน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังตกอยู่ภวังค์แห่งความคิดของตนเอง จู่ ๆ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าหนักและคนที่กำลังระงับอาการไอของตัวเองดังออกมาจากด้านนอกประตู
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1686

    กู้เหยียนจือถูกมัดด้วยเชือกหลายทบแน่นหนา มือยังถูกวางยาจนหมดแรง ไม่สามารถใช้วรยุทธ์ใด ๆ ได้ จึงต้องใช้ปากกัด เพื่อจะกัดเอาเครื่องให้น้ำเกลือลงมา“โรคจิต” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เตะเข้าไปอย่างแรงหนึ่งทีกู้เหยียนจือส่งเสียงซี้ดอย่างเจ็บปวด พลันงอตัวลงฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่งจะรู้สึกตัว“สตรีหน้าเหม็น เจ้าต้องกา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1685

    นั่นคือ นางรู้สึกอยู่เสมอว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองนางจากด้านหลังดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะจ้องมองนางจากเบื้องลึกของเหวลึก น่าขนพองสยองเกล้านักดังนั้น...นางจึงทำได้เพียงช่วยชีวิตองค์หญิงอยู่ที่นี่ทว่าต้องนำอุปกรณ์บางอย่างออกมา ซึ่งก็เกินขีดจำกัดแล้ว“องค์หญิงชิงอิน ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1684

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตรวจสอบร่างขององค์หญิงชิงอินยิ่งตรวจสอบมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นเท่านั้นนางไม่เข้าใจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าองค์หญิงชิงอินและสาวใช้ถูกวางยาพิษในท้องพระโรงตำหนักไท่อี๋เหตุใดสาวใช้ถูกวางยาพิษสลายชีพ ทว่าองค์หญิงชิงอินกลับถูกวางยาพิษอู่โถวเล่า?มือสังหารสามารถสังหารคนด้วยยาพิษเพี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1683

    แม่ทัพผู้นี้อารมณ์ร้อนรุนแรง โมโหง่ายและเสียงดังด้วย โหวกเหวกโวยวายเสียจนน่าหงุดหงิด“หากท่านยืนกรานว่าองค์หญิงชิงอินยังไม่สิ้นใจ ข้าก็เชื่อว่ายาลูกกลอนร้อยบุปผาของพวกท่านมีฤทธิ์ชุบชีวิตคนตายได้ ทว่าโปรดเข้าใจให้ชัดเจนด้วยว่า หากองค์หญิงชิงอินยังมีโอกาสรอดชีวิตเพียงศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่ง ก็ไม่ต่างอ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1682

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบไม่อยากจะเชื่อนางได้ตรวจสอบศพขององค์หญิงชิงอินอย่างถี่ถ้วน ศพไม่มีสัญญาณชีพแล้วและร่างกายก็เย็นลงแล้วด้วยมนุษย์สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ได้นั้น เนื่องจากระบบเผาผลาญของร่างกายสร้างความร้อนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เซลล์ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งและรอบคอบเพื่อสร้างความร้อนผ่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1681

    “ดูจากท่าทีที่น่าสมเพชของเจ้าแล้ว คุกเข่าไปหาได้มีประโยชน์อันใดไม่” ฮ่องเต้ตรัสออกมา “เข้ามาตรวจดูศพขององค์หญิงชิงอินเสีย เจ้าคงรู้ดีว่า หากตามหาฆาตกรตัวจริงไม่พบจักมีสิ่งใดรั้งรออยู่” “เสด็จพ่อเพคะ พระองค์ยอมเชื่อในตัวลูกหรือ?” “หรือว่า เราสมควรส่งเจ้าเข้าไปขังในคุกดีล่ะ? อย่าทำให้เราผิดหวังเชี

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status