Share

บทที่ 11

Author: สายธารสะท้อนเงา
ภายในเรือนโยวหลาน

เฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”

เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมทีท่านอ๋องก็เป็นปรปักษ์กับพระชายาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านยังต้องมาทะเลาะกับท่านอ๋องเพียงเพราะเรื่องของบ่าวอีก บ่าวเกรงว่าในอนาคตข้างหน้าจะ...”

“ข้าหาได้ทะเลาะกับเขาไม่ หากเอ่ยออกมาเกรงว่าเจ้าคงจักทำใจเชื่อได้ยาก แจกันใบนั้นมันแตกเอง ทั้งข้าและตงฟางหลีหาได้มีผู้ใดไปแตะต้องมันไม่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว

“พระชายาเพคะ ท่านอย่าได้โกหกหม่อมฉันเลยเพคะ แจกันที่อยู่ดี ๆ มันจักแตกเองได้อย่างไรกันเพคะ? ต้องเป็นเพราะพวกท่านทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นแน่”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้จักอธิบายถึงกลิ่นอายสังหารออกมาเช่นไรดี ทั้งยังคร้านที่จะอธิบายออกมาอีกด้วย "เจ้าเลิกคิดอันใดไร้สาระได้แล้ว เจ้าเก็บกวาดเศษซากแจกันเสร็จเมื่อใดเจ้าเข้ามาหาข้าด้วยเล่า ข้าจักตรวจร่างกายเจ้าอีกครั้ง ในระยะนี้ข้าได้แต่ภาวนาว่าขอให้มันมิกลายเปลี่ยนเป็นวัณโรคไปเสียก่อน”

มือของเฟ่ยชุ่ยพลันชะงักไปในทันที เศษซากแจกันพลันหล่นลงบนพื้นอีกครั้ง พร้อมด้วยเสียงที่ดังลั่น

ร่างกายของเฟ่ยชุ่ยเกิดอาการสั่นเทาขึ้นมา พร้อมทั้งสีหน้าที่ซีดเผือดไปในทันใด “พระชายาเพคะ…”

เฟ่ยชุ่ยถึงกับก้มหัวกระแทกกับพื้นเสียงดัง พลางส่งเสียงกระสะอีกสะอื้นออกมาว่า “พระชายาเพคะ บ่าวมิเป็นอันใดเพคะ ที่บ่าวไอเพียงเพราะบ่าวได้รับไอเย็นเท่านั้น หาใช่วัณโรคไม่ มิใช่วัณโรคเพคะ พระชายาอย่าได้ไล่บ่าวไปเลยนะเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปครู่หนึ่ง

นางพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า ณ สถานที่แห่งนี้ วัณโรคถือเป็นโรคที่อัปมงคลยิ่งนัก หากมีผู้ใดถูกพบเจอเข้า จักถูกส่งตัวไปยังที่ไร้ผู้คนเพื่อรั้งรอความตายของตนเองในทันที

เฟ่ยชุ่ยพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะซ่อนอาการป่วยของตนเองเอาไว้เช่นนี้ เกรงว่าคงจะกลัวตนเองโดนไล่ออกไปกระมัง

“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “อาการของเจ้าในยามนี้ คล้ายกับวัณโรคมากนัก ทว่า โรคปอดนั้นมีหลายประเภท การติดเชื้อจากแบคทีเรียยังแตกต่างกัน ข้าต้องตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจเสียก่อน จึงจะสามารถจ่ายยาให้กับเจ้าได้"

“วางใจเถอะ ข้ามิไล่เจ้าออกไปอย่างแน่นอน อาการป่วยของเจ้านั้น ข้าจักเป็นผู้รักษาให้เอง”

เฟ่ยชุ่ยลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปาดหยาดน้ำตาลง พลางเดินมายืนอยู่ข้างกายฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยท่าทีหวาดกลัว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงหยิบแก้วใบหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะกดมันลงไปที่แผ่นหลังของเฟ่ยชุ่ย

“เจ้าร้องตะโกน...ตะโกนออกมาให้ดังกว่านี้”

เฟ่ยชุ่ยทำตามที่นางบอกในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ตั้งใจฟังอยู่นั้น จึงสามารถได้ยินภายในปอดได้ในทันที ช่วงทรวงอกและปอดของนางมีของเหลวอยู่ด้านใน

ทว่า ด้วยวิธีการนี้ไม่อาจวินิจฉัยอันใดได้มากนัก

เนื่องจากโรคปอดอักแสบและวัณโรคนั้น ในทางการแพทย์และมีอาการที่คล้ายคลึงกันมาก หากต้องการจะรู้สาเหตุให้แน่ชัดละก็ จำเป็นจักต้องตรวจเสมหะผ่านทางกล้องจุลทรรศ์ว่าติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดใด

ทว่า นางในยามนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก

“เฟ่ยชุ่ย ข้าจักจ่ายยาให้เจ้าก่อนเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงนำพู่กันและกระดาษมา ก่อนจะเขียนตัวยาลงไปในเทียบยาเสียสองสามตัว “เจ้ากินยาตามนี้ไปเสียก่อน”

เฟ่ยชุ่ยจ้องมองมาที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยท่าทีกระสับกระส่าย

เมื่อเห็นว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้มีท่าทีจักไล่ตนเองออกไปนั้น นางจึงได้แสดงท่าทีโล่งใจออกมา

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ใช้นิ้มมือถูแหวนของตนเองไปมา ทว่า นับตั้งแต่การปรากฏตัวของขวดแมนนิทอลขวดนั้น แหวนหาได้มีการตอบสนองอันใดกลับมาไม่

นางพยายามลองใช้วิธีการต่าง ๆ มากมาย เพื่อมาควบคุมแหวนวงนี้ ทั้งยังเพื่อควบคุมโรงพยาบาลอีกด้วย ทว่า ล้วนแต่ล้มเหลวทั้งหมด

ในระหว่างนี้จึงจำเป็นต้องรักษาไปตามอาการเสียก่อน

เฟ่ยชุ่ยกินยาตามเทียบยาที่นางสั่งเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

หลังจากผ่านไปได้เจ็ดวันนั้น

อาการป่วยของเฟ่ยชุ่ยหาได้ทุเลาลงไม่ ทั้งอาการยังแย่ลงอีกด้วย ทุกครั้งนางไอออกมาคล้ายว่าปอดจะหลุดออกมาด้วยก็ไม่ปาน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกกังวลใจอยู่เล็กน้อย

หากเฟ่ยชุ่ยเป็นวัณโรคจริง ๆ แล้วละก็ เกรงว่านี่อาจจะเป็นระยะแสดงอาการก็เป็นได้ มันอยู่ในะระยะแพร่เชื้อทั้งยังไม่มียาตัวใดสามารถรักษาได้อีก นี่มิใช่เรื่องเล่น ๆ แล้ว

นางจักต้องหามาตรการมารับมือให้ได้

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงนำพู่กันและกระดาษออกมา ขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับตัวยาสมุนไพรเป็นจำนวนมาก เพื่อออกยาเทียบใหม่ให้เฟ่ยชุ่ยกินอีกครั้ง

“พระชายาเพคะ สำรับอาหารมาแล้วเพคะ” เมื่อเฟ่ยชุ่ยผลักประตูนำอาหารเข้ามาวางไว้บนโต๊ะแล้วนั้น ก่อนจะชะโงกหน้ามามองดูสิ่งที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เขียน ทว่า นางหาได้อ่านเข้าใจไม่

“พระชายากำลังเขียนสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ?”

“เปลี่ยนเทียบยา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมา “ข้าได้เพิ่มตัวยาลงไปสองสามชนิดบนใบสั่งที่ท่านหมอให้เจ้า ลองดูว่าผลลัพธ์ในครานี้จักเป็นเช่นไร”

เฟ่ยชุ่ยกล่าว"บ่าวมิเคยรู้มาก่อนเลยว่าพระชายารู้จักทักษะการแพทย์ด้วย"

“เจ้ายังมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ค่อย ๆ ยืนขึ้นด้วยท่าทีลึกลับ “เฟ่ยชุ่ย นี่คือความลับของข้า เจ้าอย่าได้เอ่ยเล่าอันใดออกไปเป็นอันขาด”

เฟ่ยชุ่ยจึงแย้มยิ้มกล่าวออกมา "บ่าวจักมิพูดออกไปแน่นอนเพคะ วันนี้อากาศหนาวยิ่งนัก ท่านรีบมารับสำรับในยามที่สำรับอาหารกำลังร้อนอยู่เถิดเพคะ"

เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์หันกายกลับมานั้น นางพลันเหลือบไปเห็นขอบดวงตาที่แดงก่ำของเฟ่ยชุ่ยในทันที เสมือนกับเพิ่งผ่านการร่ำไห้ออกมาอย่างหนักก็ไม่ปาน ก่อนนางจะเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย "เหตุใดดวงตาของเจ้าถึงบวมเป่งเช่นนั้น มีคนมารังแกเจ้าอีกแล้วหรือ?"

หลังจากที่นางแสดงอิทธิฤทธิ์ไปในคราที่แล้วนั้น ก็หาได้มีผู้ใดกล้ามารังแกหรือยั่วยุเฟ่ยชุ่ยอีกไม่ ดังนั้นชีวิตของพวกนางในยามนี้จึงเป็นปกติสุขยิ่งนัก

นี่เพิ่งผ่านไปได้เพียงแค่เจ็ดวัน กลับมีพวกมีตาแต่ไร้แววเข้ามายุ่งวุ่นวายด้วยอีกแล้วหรือ?

“ไม่ ไม่ใช่เพคะ หาได้มีผู้ใดมารังแกบ่าวไม่ หากแต่แมวที่บ่าวเลี้ยงเอาไว้ตายแล้วเพคะ” ดวงตาของเฟ่ยชุ่ยพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอีกครั้ง “มันเป็นลูกแมวที่บ่าวเก็บมาได้ มันน่ารักน่าชังยิ่งนัก ทั้งยังขี้อ้อนเป็นอย่างมากอีกด้วย จู่ ๆ ช่วงนี้มันก็หายไปเพคะ วันนี้หม่อมฉันไปเจอมันเข้าที่ห้องเก็บฟืน ทว่า ยามที่บ่าวไปถึง เจ้าลูกแมวมองที่บ่าวครู่หนึ่งก่อนจะสิ้นใจตายไป”

“บ่าวกับลูกแมวตัวนั้นต่างก็กินนอนอยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงรู้สึกผูกพันธ์กับมันยิ่งนัก เมื่อมันตายไปบ่าวจึงรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ถึงได้ร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่เสียจนดวงตาถึงได้บวมเป่งเช่นนี้ ทำไห้พระชายามาเห็นเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้แล้ว”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันดีดตัวลุกขึ้นมาในทันที "แมวตัวนั้นอยู่กับเจ้าทุกวันเลยหรือ? กินนอนกับเจ้าทุกคืนเลยหรือ?"

เฟ่ยชุ่ยพยักหน้าลงเล็กน้อย

“เฟ่ยชุ่ย เจ้าพาข้าไปดูแมวตัวนั้นหน่อยสิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วลง ก่อนจะหยิบสวมเสื้อคลุมตัวหนาขึ้นมาไส พร้อมทั้งรีบไปที่ฝังศพของแมวตัวนั้นในทันที

นางลงมือขุดดินเพื่อนำร่างของแมวออกมาจากดินน้ำแข็งในทันที ก่อนจะหยิบมีดออกมาเพื่อเตรียมชำแหละร่างของแมว

“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดเผือดไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบนั่งคุกเข่าลง “มันตายไปแล้วเพคะ พระชายาปล่อยมันไปเถิดนะเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงมีท่าทีแน่นิ่งไม่ไหวติง

นางใช้ผ้าขนหนูพันจมูกและปากของตนเองเอาไว้ ก่อนจะสวมถุงมือที่ทำจากลำไส้แกะ

แมวที่เพิ่งตายได้ไม่นานนั้น ด้วยอากาศที่หนาวเย็นและพื้นดินที่กลายเป็นน้ำแข็งเช่นนี้ อวัยวะต่าง ๆ ของมันย่อมถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี

เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่าร่างของแมวออกมาแล้วนั้น

ถึงแม้ว่าลูกแมวจักตายไปแล้ว ทว่า ยามที่ชำแหละร่างของมันออกมานั้น ก็ยังสามารถเห็นเลือดด้านในอยู่

หลังจากที่เห็นเลือดแล้วนั้น มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเกิดอาการสั่นขึ้นมาในทันที พร้อมเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลออกมา นางใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการผ่าชำแหละให้เสร็จสิ้น

พร้อมทั้งตรวจดูปอดของแมวอย่างละเอียด

ผลปรากฏว่า ปอดของแมวตัวนี้มีอาการผิดปกติ สีของปอดหาได้ปกติไม่ มีเม็ดนูนออกมาบนปอด กลับเป็นลักษณะของโรคปอดอักแสบปรสิตที่พบได้ทั่วไป

แมวตัวนี้ตายเพราะมันเป็นโรค

“เฟ่ยชุ่ย เจ้านำร่างของแมวตัวนี้ไปเผาเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันหันหน้าไปอีกด้านในทันที เพื่อให้มือทั้งสองข้างของนางหยุดสั่นลง “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจักให้ยาเทียบใหม่กับเจ้า”

“เผาหรือ?”

“ใช่ เผาเสีย ปล่อยให้ร่างของแมวตัวนี้กลายเป็นฝุ่นขี้เถ้าและหลับให้สบาย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมา “หลังจากเผามันแล้ว เจ้ามาหาข้าที่ห้องด้วย ข้าพอจะทราบสาเหตุของอาการป่วยของเจ้าแล้ว”

เฟ่ยชุ่ยมองดูร่างของลูกแมวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมทั้งร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่ พลางลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งของฉินเหยี่ยนเย่ว์ เพื่อเผาร่างของลูกแมวตัวนั้น ก่อนจะสร้างหลุมศพเล็ก ๆ ให้กับมัน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินซวนเซกลับไปที่ห้อง ด้วยใบหน้าที่ซีดขาว

มือของนางที่ยังคงสั่นเทาไม่มีหยุด พร้อมด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปียกโชกไปมากกว่าครึ่ง

เมื่อกลับมาถึงภายในห้องนั้น ร่างกายของนางก็แทบจะหมดแรงไปในทันที

"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสนใจแมวที่ตายไปแล้วมากถึงเพียงนี้" น้ำเสียงที่ติดเย็นชาของตงฟางหลีพลันดังขึ้นมาจากมุมห้องในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาได้มีท่าทีแปลกใจไม่ ก่อนที่นางจักเดินมาที่เตียงของตนเอง "ท่านอ๋องมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ?"

"เข้าวัง"

“เข้าวัง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอบคุณครับ เหมือนชีวิตจริงเลยครับ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1850

    ตู้เอ๋อร์!คำพูดของอวิ๋นจงจื่อทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงนามจริงของอ๋องหลูหยางคือหลินซูตู้ เขาเองก็เป็นบุคคลมีหน้ามีตา และมีน้อยคนนักในราชสำนักจะกล้าเอ่ยชื่อของเขาแต่อวิ๋นจงจื่อกลับเรียกเขาว่าตู้เอ๋อร์น่ะหรือ?ทุกคนรู้สึกว่าการมาในครั้งนี้ไม่เสียเปล่า เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าติดตามทีละเหตุการณ์ ช่างน่า

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1849

    นางไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยตอนนั้นเป็นเพราะนางต้องตาซูจิ้นก่อน และเป็นเซี่ยหลินหลางที่ขวางทางนาง จึงบีบให้นางต้องลงมือสังหารนี่ไม่ใช่ความผิดของนางเลย แล้วเหตุใดจึงต้องลงโทษนางด้วย?“อนุเยี่ยนอิจฉาข้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นางต้องคับแค้นใจแน่นอน คำพูดเหล่านั้นล้วนเสกสรรปั้นแต่งขึ้น หลักฐานก็เป็นของปล

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1848

    ครั้นซูจิ้นได้ยินคำพูดของอนุเยี่ยน ร่างกายพลันสั่นสะท้านไม่หยุดเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ช่วยเขาไว้ในเวลานั้น คือ คืออนุเยี่ยนอย่างนั้นหรือ?อนุเยี่ยนอยู่เคียงข้างเขามาตลอด แต่เขากลับไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังยอมให้ฮูหยินซูทำลายลูกของอนุเยี่ยนอีกด้วยลูกของอนุเยี่ยน...เซี่ยหลินหลาง...ทั้งหมดเป็นเพราะเขา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1847

    “ข้ากำลังถามท่านอยู่นะ ท่านฟังไม่เข้าใจหรือ?” อนุเยี่ยนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ “ทุกท่าน เพิ่มขึ้นมาอีกสักคนคงไม่มีปัญหากระมัง?”อนุเยี่ยนไม่ได้ทำความเคารพ และไม่ได้ทักทายผู้ใดทว่าทุกคนกลับไม่รู้สึกว่านางล่วงเกินเลยเมื่อเทียบกับกิริยามารยาทของอนุเยี่ยนแล้ว กลับเป็นฮูหยินซูเสียอีกที่ทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึก

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1846

    เพียงชั่วพริบตาเดียว ซูจิ้นรู้สึกราวกับฟ้าดินถล่มทลายลงมาในทันทีความโกรธความเครียดที่คุกครุนอยู่ภายในใจ ทำเอาเขาถึงกับกระอักเลือดออกมา ก่อนจะเป็นลมหมดสติไปในทันที“นายท่าน!”“ใครก็ได้!”“ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”ลู่จิ้นที่กำลังนั่งฟันเรื่องราวอยู่ด้านหลังนั้น — ซึ่งแท้จริงแล้วคือการร่ำสุราชมงิ้วสนุก ๆ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1845

    “ท่านบอกว่าท่านลืมแล้ว” หลินเฟยจิ้งหัวเราะออกมาอยู่พักใหญ่ “ถ้าเช่นนั้น แม้แต่บุญคุณที่มารดาของข้าเคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ก็ลืมไปแล้วใช่หรือไม่?”“ข้าไม่ได้ลืม” ซูจิ้นอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบกลับไป“‘ไม่ได้ลืมหรือ? ท่านไม่ได้ลืมอะไรเลย สิ่งเดียวที่ท่านลืมก็คือตำแหน่งบาดแผลที่เกือบจะคร่าชีวิตของท่านไป” หลิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status