“เจ้าหมายความว่า เจ้าจะไม่กลับไปงั้นหรือ” เฟยอิ่งจิบชาไปหนึ่งคำ“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี ข้าจักได้ทำความสะอาดห้องของเจ้าด้วย เพื่อที่จีอู๋เยียนจักได้มีห้องพัก” เฟยอิ่งเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย “พระชายาได้ตัดสินใจให้จีอู๋เยียนเป็นองครักษ์ของพระนาง”“จีอู๋เยียนเป็นองครักษ์ของพระชายาหรือ?” มือของตู้เหิงที่ถ
“ข้านำสุรามาเพียงแค่ไหเดียวเท่านั้น” เฟยอิ่งกล่าว “ข้าดื่มเพียงจอกเดียวก็พอ หากดื่มมากเกินไปจะทำให้ตอบสนองช้า อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้”“หากไม่ร่ำสุราชีวิตนี้จักไปมีประโยชน์อันใด” ตู้เหิงพึมพำกล่าวออกมา “มามา หมดแก้ว”เฟยอิ่งที่ไม่มีทางเลือกนั้น จึงได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนกับเขาตู้เหิงที่ร่ำสุราไป
เขาพยายามควบคุมแรงตัวเอง ก่อนจะนำสุราหยดสุดท้ายภายในไหไหลเข้าปากไป “วันดีปีใหม่เช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เจ้าจะมาขโมยของ วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะมาจัดการเจ้า ห้องนี้หาได้มีสิ่งใดไม่ เจ้ารีบไปเถิด ไป รีบไป”เฟยอิ่งหมดคำจะพูด “เจ้าดื่มเหล้าไปมากเท่าใดกัน?”“ไปสิ ข้าให้เจ้าไปเจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร
“ท่านกินหมดเลยหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจออกมา “ท่านกินไปมากมายเพียงนั้นเหตึใดถึงไม่อ้วนออกมา ท่านทำได้อย่างไรกัน?”“ข้ากินอย่างไรก็ไม่อ้วนแต่กำเนิดอยู่แล้ว”“อ๋อ เช่นนั้นหม่อมฉันอยากจะตีท่านเป็นอย่างไร?”ตงฟางหลีหัวเราะเฮฮาออกมา“ข้าไม่ได้กินเกี๊ยว” ตงฟางหลีกล่าว“ทั้งเสด็จพ่อ เสด็จแม่ต่างก็อยู่
มุมปากของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกระตุกขึ้น“ตงฟางหลีท่านเป็นบ้างั้นหรือ?”“ข้าเป็นบ้าจริง ๆ ”“อย่า พี่เจ็ด หม่อมฉันรู้ว่าตนเองผิดไปแล้ว”“ในเมื่อรู้ว่าตนเองผิดเช่นนั้นเจ้าก็ต้องชดใช้”......ในคืนวันส่งท้ายปีเก่านั้น เทียนจะต้องจุดสว่างไสวตลอดทั้งคืน เพื่อสื่อถึงความหมายอายุอันยืนยาวภายในจวนนั้นจึงถูก
ตงฟางหลีจับข้อมือของฉินเหยี่ยนเย่ว์เอาไว้ “ยัยหนู เจ้ากำลังพยายามบีบคอข้าให้ตายเลยหรือ?”“อย่าขัดหม่อมฉัน จะพูดหรือไม่? หากท่านไม่พูดหม่อมฉันจะลงโทษท่านแล้วนะ”“ลงโทษ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์แย้มยิ้มออกมาด้วยความอำมหิตพลันปรากฏเข็มเงินบาง ๆ ขึ้นอยู่ระหว่างนิ้วมือของนางในทันทีเส้นเลือดบนหน้าผากของตงฟางหลี