องค์หญิงสิบสามเดือดดาลนัก การหาว่านางล่อลวงผู้อื่นนั้นช่างเป็นการดูถูกนางเป็นอันมาก "ทุกท่านเห็นหรือไม่ว่านางยอมรับแล้ว เห็นหรือไม่"สตรีนางนั้นหันไปเอ่ยกับชาวบ้าน พร้อมด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้น องค์หญิงสิบสามรู้สึกอับอายจนใบหน้าแดงแล้ว นางคิดว่าแอบวาดอยู่ไกลๆ ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็นเหตุใดคนผู้นี้จึงเข้าใจผิดได้เพียงนี้"เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ นายของข้าหากต้องการสามีของเจ้าจริงใช้เงินซื้อตัวแล้วเลี้ยงไว้ดูเล่นสักวันสองวันก็ย่อมได้ ที่นางทำเพียงแต่วาดรูปและหาใช่สามีเจ้าคนเดียวเมื่อใด นายของข้าต้องตาผู้ใดก็วาดทุกคนนั่นแหละ"อาชิงอดรนทนไม่ไหวแล้ว นางต้องออกหน้าเสียหน่อย แต่เมื่อยิ่งพูดกลับยิ่งทำให้สตรีผู้นั้นเดือดดาลนางร้องกรี๊ดออกมาแล้วผลักอาชิงจนล้มก่อนจะยื่นมือมาขยุ้มมวยผมขององค์หญิงสิบสามไว้จนกวนที่ครอบผมของนางหลุดลุ่ย องค์หญิงสิบสามรู้สึกเจ็บเพราะโดนดึงผมด้วยสามัญสำนึกว่าตนเองเป็นถึงองค์หญิง อีกทั้งเป็นฮูหยินจวนแม่ทัพมีวรยุทธ์หากใช้พลังกับสตรีผู้นี้ชาวบ้านที่มุงดูคงคิดว่านางข่มเหงสตรีไม่มีทางสู้เป็นแน่จึงยั้งมือได้แต่ปล่อยให้นางผู้นั้นดึงผมของตนเองอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะข่มพลังปราณ
ผู้ตรวจการเหอมองสตรีในอาภรณ์บุรุษผู้นั้นที่บัดนี้ใบหน้าเปรอะเปื้อนฝุ่น จนมองไม่ออกว่าเป็นผู้ใดกันแน่ แต่เมื่อเห็นอาภรณ์ผ้าไหมที่แม้จะเรียบๆ แต่กลับปักลวดลายอย่างวิจิตรแล้วคงคิดว่าคงเป็นคุณหนูเสเพลผู้เอาแต่ใจอยากได้บุรุษเข้าไปเชยชมในจวน จึงกระแอมแล้วเอ่ยขึ้น"เรื่องนี้ข้าไม่ฟังความข้างเดียวอยู่แล้ว ไปที่ว่าการข้าจะตัดสินเองทั้งสองคน" กล่าวจบเขาพลันสั่งทหารให้จับกุมตัวคนทั้งคู่ องครักษ์เข้ามาขวางด้านหน้าขององค์หญิงสิบสามทันใด ทหารเห็นท่าทางดุดันน่ากลัวขององครักษ์จึงยังไม่กล้าขยับกายได้แต่มองหน้ากันไปมา"ท่านผู้ตรวจการได้โปรด เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดเองอย่าให้ถึงที่ว่าการเลยขอรับ" บุรุษใบหน้าคมที่องค์หญิงสิบสามลอบวาดภาพเป็นฝ่ายคุกเข่าขอร้อง ดูเหมือนว่าสตรีผู้นั้นพอเห็นสามีจะยินยอมปล่อยผมขององค์หญิงสิบสามแล้วองค์หญิงสามจึงยินยอมปล่อยผมของนางเพื่อความยุติธรรม อาชิงช่วยพยุงองค์หญิงให้ลุกขึ้นใบหน้าบวมไปข้างหนึ่ง ส่วนสตรีที่เล่นงานอาชิงหายไปอย่างไร้ร่องรอย สตรีทั้งสองคนที่โรมรันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อสักครู่ต่างได้รับความบอบช้ำไม่แตกต่างกัน"ไม่ได้เรื่องทะเลาะวิวาทอย่างไรก็ต้องจัดการให้ด
"ท่านพี่ที่ข้าไปวาดรูปที่นั่นความจริงมีเหตุผลที่ข้ายังไม่ได้บอกท่าน" องค์หญิงสิบสามสารภาพบางสิ่งออกมา"ข้ารู้" หยางเอ้อหลางยิ้มบางๆพลางเช็ดน้ำตาให้นาง"ท่านรู้...." องค์หญิงสิบสามนิ่งอึ้งแล้ว "เจ้ากำลังตามสืบคนผู้นั้นอยู่ใช่หรือไม่""ท่านรู้ได้อย่างไร""ข้าบังเอิญเห็นภาพวาดเข้า เจ้าวาดละเอียดกระทั่งรอยกระบี่ที่ข้าทิ้งไว้ที่ข้อมือของคนผู้นั้นความจริงต้องขอบคุณเจ้าที่วาดสายลับเอาไว้ได้หลายคน พวกมันมีบางส่วนที่ออกจากเมืองหลวงตอนนี้ข้าสั่งให้ทหารควบคุมตัวไว้หมดแล้ว""ท่านพี่ท่านฉลาดยิ่งนัก"องค์หญิงสิบสามตกตะลึงแล้วในคราแรกที่นางตระเวนวาดภาพบังเอิญไปพบคนผู้หนึ่งเข้า หากมองผิวเผินเขาเป็นเพียงช่างตีเหล็กที่มีใบหน้างดงามผู้หนึ่ง แต่องค์หญิงสิบสามจดจำรูปหน้าคนแม่นนักเมื่อแอบมองเขาบ่อยครั้งคิ้วของคนผู้นั้นคล้ายกับคิ้วของคนที่จับกุมตัวนางและหนีรอดไปได้ในวันนั้นเหลือเกิน ยิ่งวาดเขายิ่งให้ความรู้สึกว่าต้องใช่ไป๋อี้ บุรุษที่โดดเด่นเช่นนั้นผิวพรรณขาวผ่อง ผิดกับสีผิวของคนที่อยู่กับเปลวไฟทั้งวันย่อมมีรอยด่างดำเผาไหม้เป็นธรรมดาผิดแผกกับช่างตีเหล็กทั่วไปนัก นางต้องการให้แน่ใจว่าคนผู้นั้นใช่ไป๋อี้ท
หยางเอ้อหลางถอดอาภรณ์ของตนเองออกอีกทั้งยังช่วยภรรยาถอดของนางจนสองร่างไร้สิ่งขวางกั้นร่างเปลือยแนบชิดโลมลูบกันและกัน ในมือของหยางเอ้อหลางประคองสองเต้าอวบเอาไว้อย่างทะนุถนอม นิ้วมือของเขาไล้วนปลายถันช้าๆ จวบจนมันเต่งตั้งใต้นิ้วมือเรียว ผิวกายเนียนเรียบของนางทำให้หยางเอ้อหลางคลั่งแทบขาดใจหยางเอ้อหลางไล้ปลายลิ้นของตนดูดเลียจนทั่วกายภรรยา ไม่ว่าเขาจะสัมผัสตรงจุดไหนล้วนสร้างความปั่นป่วนร้อนรุ่มให้เกิดแก่องค์หญิงสิบสามเป็นอย่างยิ่งนิ้วเรียวของนางบีบเคล้นช่วงหัวไหล่อีกทั้งยังลูบลงมาที่ช่วงแขนมัดแน่น เมื่อผู้เป็นสามีไล้ปลายลิ้นลงไปยังส่วนล่าง องค์หญิงสิบสามครางในลำคอนางแยกขาออกกว้างให้เขาเชยชม กดศีรษะของเขาลงไปหยางเอ้อหลางอ้าปากรวบยอดเกสรเอาไว้ในปาก เริ่มรักนางด้วยความกระหายองค์หญิงสิบสามร้องครวญคราง ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาทั้งกระหายอีกทั้งซอกซอน ความรู้สึกเสียวซาบซ่านแสนทรมานเกิดขึ้นกับนางทุกครั้งเมื่อเขาสัมผัสดื่มกิน ความรู้สึกแสนหวานอีกทั้งทรมานที่นางไม่ต้องการให้เขาหยุด"ท่านพี่ ตรงนั้น อ๊า"นางเสียวแปลบเมื่อปลายลิ้นเขาละเลงลงบนปลายเกสรของนางถี่ยิบ หยางเอ้อหลางครางเมื่อเห็นว่าภรรยาส
"เหตุใดความผิดข้า"นางดึงเขามาจุมพิตแล้วเอ่ยว่า "เพราะข้าชอบที่ท่านงดงามโดยไร้อาภรณ์เช่นนั้นจึงต้องถอดเป็นเพื่อนท่าน หาได้ชอบนอนเปลือยไม่""องค์หญิงสิบสามท่านลามกเกินไปแล้ว"เขาดีดหน้าผากนาง จัดแจงภรรยาจนแน่ใจว่าแต่งกายรัดกุมแล้วจึงวางใจก่อนจะลุกขึ้น"ท่านต้องไปแล้วหรือ""อืม""ไปที่ใด""ไปจับโจร""โจรหรือ""หมินเออร์ข้าบอกท่าน ของในจวนสกุลหยางถูกขโมยเมื่อคืน สืบทราบพบคนร้ายได้แล้วพบว่ากลุ่มโจรคือคนที่ทำงานอยู่โรงตีเหล็กจำต้องเข้าตรวจค้นทันที""มีโจรเข้าจวนเมื่อใด เหตุใดเป็นคนตีเหล็กพวกนั้น หรือว่าท่าน.." "โจรปล้นหรือ ข้าคิดว่าคงเป็นเมื่อตอนที่ท่านทะเลาะกับคนอื่นเลยไม่มีเวลามาสนใจเรื่องในจวน" หยางเอ้อหลางเอ่ยแย้มยิ้ม"อ้อ หมายความว่าตอนที่ข้าตีคนท่านให้คนเอาของที่ถูกขโมยไปไว้ในโรงตีเหล็กนั่นหรือ"หยางเอ้อหลางพยักหน้าอีกทั้งยังยิ้มบาง องค์หญิงสิบสามเข้าใจแล้ว สามีของนางร้ายกาจนักกล้าใส่ความคนเช่นนี้ นางคาดเดาวิธีทำงานของเขาไม่ออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ท่านพี่ ข้าไปด้วยได้หรือไม่" "รอข้าจับคนได้ก่อนท่านค่อยมาเป็นพยานในภายหลัง"กล่าวจบเสียงอาชิงที่รออยู่หน้าห้องพลันดังขึ้น"ท่านแม่ทัพเสร
"ท่านหมอ ข้าต้องตามท่านหมอ"องครักษ์ฝานเสียสติไปแล้ว เขาวิ่งวุ่นไปหาท่านหมอโดยที่ไม่ฟังผู้ใดอีกอาชิงมองคนผู้นั้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ นางกับองค์หญิงสิบสามใช่ว่าจะเคยมีเรื่องครั้งแรกเสียเมื่อใด อาชิงชินเสียแล้ว"เช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะ""เจ้าดูแลตนเองให้ดีนะ พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นมาปรนนิบัติเข้าใจหรือไม่"องค์หญิงสิบสามกำชับหนักแน่น อาชิงพยักหน้ายอบกายแล้วถูกสาวใช้ประคองออกจากห้องไปข่าวองค์หญิงสิบสามทะเลาะกับฮูหยินโรงตีเหล็กแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ฮูหยินชราจิบน้ำชาอีกทั้งยังฟังเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับหลานสะใภ้ด้วยใบหน้าปนแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า"นังหนูผู้นี้จะว่าไปก็ซุกซนไม่เบา""ท่านย่าเจ้าคะ ดูเหมือนว่าเพราะเรื่องนี้ชาวบ้านจึงนินทาว่าสกุลหยางได้สะใภ้ป่าเถื่อนทำให้เสื่อมเสียเจ้าค่ะ"พี่สะใภ้ผู้หนึ่งซึ่งค่อนข้างเป็นผู้ยึดมั่นกฎเกณฑ์เอ่ยขึ้น เพราะชาวบ้านนินทาหนาหูนางจึงไม่อาจทนได้จนต้องนำความมาฟ้องท่านย่าหวังให้ผู้เฒ่ากล่าวตักเตือนองค์หญิงสิบสามเสียบ้างในจวนนี้ทุกคนต่างไม่มีใครกล้าแตะองค์หญิงสิบสามเนื่องด้วยรู้ว่าหยางเอ้อหลางนั้นรักใคร่ทะนุถนอมภรรยาเพียงใด คงมีเพียงฮูหยินชราผู้นี้ที
หยางเอ้อหลางกลับมาเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว เพราะไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันจึงทำให้เขาอ่อนเพลียเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกลับมาถึงจวนพบว่าองค์หญิงสิบสามถูกเรียกเข้าเฝ้าพลันขมวดคิ้ว"ฮูหยินน้อยเข้าวังตั้งแต่เมื่อใด""ตั้งแต่เช้าตรู่ขอรับ"พ่อบ้านเอ่ยพร้อมกับนำผ้าสะอาดให้หยางเอ้อหลางเช็ดหน้า"พ่อบ้านเตรียมชุดเข้าเฝ้า ข้าจะเข้าวัง""ขอรับ"หยางเอ้อหลางทิ้งผ้าผืนนั้นทันใด เมื่อคืนที่ผ่านมาเขานำกำลังจับกุมคนร้ายในโรงตีเหล็กและพบว่าแท้จริงแล้วบุรุษผู้นั้นใช้หน้ากากหนังอำพรางใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ เบื้องหลังของคนผู้นั้นกลับกลายเป็นหนึ่งในคณะราชทูตซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นถึงองค์ชายของแคว้นนามไป๋อี้นั่นเองหลังการต่อสู้กับหยางเอ้อหลางจนหนีหัวซุกหัวซุนครานั้น ไปอี้หาได้ออกจากต้าชิงเขายังคงแฝงเพื่อสืบข่าวของหินจันทราและหาทางแย่งชิงมันกลับมาไป๋อี้สวมหน้ากากมนุษย์ใช้อีกใบหน้าสานสัมพันธ์กันบุตรสาวโรงตีเหล็กมานาน หลังจากนั้นแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีผู้นั้น จวบจนลอบสังหารบิดาของนางจนตายแล้วแต่งเข้าเป็นบุตรเขยกุมอำนาจของโรงตีเหล็กเก่าแก่แห่งต้าชิง อีกทั้งให้สายลับแฝงกายเข้ามาทำงานที่นี่ไป๋อี้วางแผนนานหลายปีมีคนแทรก
ภายใต้แสงแดดอ่อนนี้สะท้อนใบหน้างดงามผิวขาวเกลี้ยงเกลา เป็นเพราะเขากลับจากชายแดนมานานมากแล้วผิวของเขาที่ถูกครอบด้วยสีหม่นจากการฝ่าแดดฝ่าฝนมาหลายปีบัดนี้ถูกขัดเกลาจนเกลี้ยงเผยผิวพรรณอ่อนนุ่มแบบบุรุษรูปงามหล่อเหลาจนองค์หญิงหลินฉีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามที่สุดอดใจเต้นระรัวไม่ได้ ทั้งๆ ที่คิดจะลืมเลือนแต่เขาเกิดมาดีเกินไปเช่นนี้ผู้ใดจะลืมได้ง่ายๆ กันเล่าแม้เขาจะอยู่ข้างๆ นางใกล้ชิดเช่นนี้หยางเอ้อหลางเพียงแต่ทำความเคารพนาง คนผู้นี้ยิ่งไม่เห็นนางในสายตา องค์หญิงใหญ่ยิ่งต้องการเอาชนะ สตรีที่คู่ควรกับหยางเอ้อหลางในแผ่นดินนี้ย่อมมีนางเพียงผู้เดียว"ท่านแม่ทัพ หากท่านต้องการเข้าเฝ้าข้าช่วยท่านได้"องค์หญิงคิดว่านางเป็นต่อแล้ว คนผู้นี้หากเป็นเรื่องขององค์หญิงสิบสามคงต้องยอมให้ลงนางหลายส่วน นางอยากให้หยางเอ้อหลางรู้สึกติดค้างนางบ้างแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี"ขอบพระทัย หม่อมฉันไม่ต้องการ"กล่าวจบเขาก็ประสานมือทำความเคารพ แล้วหันหลังเดินจากไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก องค์หญิงหลินฉีกำมือแน่น ในขณะที่ใบหน้ายังประดับไปด้วยรอยยิ้ม นางเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วแม้จะมีโทสะเพียงใดสิ่งเดียวที่นางทำได้ตอนนี้คืออดกลั
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี