LOGINหลิวหลิงลี่ยิ้มกว้างหลังจากได้ยินคำตอบจากเสี่ยวหลี่ สตรีทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหันหน้าไปมองสตรีที่อายุมากที่สุดด้วยสายตาอ้อนวอน
ครั้นจงเอ่าได้เห็นสตรีอายุน้อยกว่าทั้งสองจ้องมองมาก็รู้สึกกดดันไม่น้อย ทว่าจงเอ่าก็มิได้ตอบตกลงในทันที นางนั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้ากับท่านต่างไม่อยากเป็นสาวรับใช้ของนายหญิงเพราะกลัวท่านโหว แต่บัดนี้ท่านก็น่าจะเห็นแล้วว่าท่านโหวหาได้เป็นคนจิตใจคับแคบถึงขั้นลงโทษคนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวด้วย อีกอย่างสองสามวันมานี้ท่านก็เห็นแล้วว่าการเป็นสาวใช้ของนายหญิงนั้นดีเพียงใด ถึงเป็นสาวใช้ในจวนเจ้าเมืองหนานเหลียนตอนนี้จะสบาย แต่อีกไม่กี่วันเจ้าเมืองคนใหม่จะมาถึงแล้ว ใครจะรับประกันได้ว่าเจ้าเมืองคนใหม่จะเป็นเช่นไร” เสี่ยวหลี่เอ่ยโน้มน้าวจงเอ่า เมื่อเห็นว่าหญิงรับใช้ที่อายุมากกว่านางไม่เอ่ยตอบออกมาเสียที
หลิวหลิงลี่เห็นจงเอ่านั่งไตร่ตรองอยู่ ก็รู้ว่าหญิงรับใช้อายุมากมิใช่ว่าไม่อยากติดตามนาง แต่อาจจะยังมีบางอย่างทำให้กังวล
“ก่อนหน้านี้ที่ข้าถามว่าหญิงรับใช้คนใดไม่มีญาติ หรือไม่มีคนในครอบครัวมีชีวิตอยู่แล้ว เพราะข้าไม
“ฮูหยินเจ้าพาท่านแม่กับคุณชายรองเผยไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตรงนี้ข้าจะจัดการเอง” หลัวหยางโหวจงใจเรียกหลิวหลิงลี่ว่าฮูหยิน เพื่อย้ำเตือนเผยไจ่เหวินกับลูกน้องให้ระลึกอยู่เสมอ แม้เขาจะไม่อยู่ข้าง ๆ นางก็ตามชายหนุ่มเจ้าของจวนเห็นว่า ในเมื่อเผยสิงเวยกับไป๋ฉินหลันไม่ได้ปฏิเสธความผิดของตนเองแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องให้พยานนั่งอยู่ที่นี่ เพราะสำหรับเผยไจ่เหวินอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นพี่น้องที่เติบโตด้วยกันมา และจากที่หลัวหยางโหวลองสังเกตคุณชายรองตระกูลเผยมาช่วงเวลาหนึ่ง ก็พอจะรู้ว่าเผยไจ่เหวินหาได้เป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่น โหดเหี้ยมพอที่จะมองคนสายเลือดเดียวกันต้องตายไปต่อหน้าได้ส่วนหลิวหลิงลี่นั้น ถึงเขาอยากให้นางจิตใจเข้มแข็ง กล้าจัดการคนที่ทำร้ายนาง แต่เขาก็ไม่อยากให้นางต้องฝืนเห็นคนตายต่อหน้า ดังนั้นจึงใช้มารดาเป็นข้ออ้างเมื่อไป๋ฉินหลันเห็นหลิวหลิงลี่ลุกขึ้นเดินไปพยุงเฉินอี้เหริน สตรีตระกูลไป๋ก็รีบลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปหานายหญิงของจวนอย่างรวดเร็ว เพื่อจะขอให้หลิวหลิงลี่ช่วยขอร้องหลัวหยางโหวแทนนาง แต่ทว่ากลับถูกพ่อบ้านประจำจวนขวางเอาไว้“ท่านป้า นายหญิงอย่าเพิ่งไป ท่านช่วยขอร้องท่านโหวแทนข้าด้วย ข้
ครั้นหลัวหยางโหวเห็นหลิวหลิงลี่ไม่เอ่ยอันใดออกมา ก็คิดว่าหญิงสาวยังคงไม่เชื่อคำพูดของเขา นั่นทำให้ความเดือดดาลในใจเพิ่มขึ้นอีก แต่บุรุษหนุ่มเจ้าของจวนก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ เพราะกลัวว่าหากพูดรุนแรง หรือใช้น้ำเสียงดุดันเกินไป อาจทำให้หญิงสาวกลัวเขาไปมากกว่านี้ หลัวหยางโหวจึงกดเสียงให้ต่ำลง“ถึงเจ้าจะยังไม่เชื่อข้าก็ไม่เป็นไร เพียงแต่การกระทำของเจ้ายามนี้ข้าไม่ชอบเอาเสียเลย ถึงเจ้าจะเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองหลิวผิงที่อ่อนแอไม่ชอบการต่อสู้ แต่เจ้าอย่าลืมว่ายามนี้เจ้าคือนายหญิงแห่งจวนหลัว ไม่เพียงท่านแม่ของข้าที่หนุนหลังเจ้า แต่ยามนี้ตราประทับของข้าก็อยู่ในมือเจ้าแล้ว ต่อให้ข้ารักคุณหนูไป๋ หรือร่วมมือกับนางจริง ๆ แล้วจะอย่างไร อำนาจที่อยู่ในมือของเจ้า ไม่มากพอที่จะทำให้เจ้ากล้าที่จะจัดการกับคนที่คิดจะเอาชีวิตของเจ้าเลยหรือ”หลัวหยางโหวหยุดเอ่ยครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตนนั้นเริ่มดุดันขึ้น ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม“ขอโทษทีเดิมทีที่เจ้าเป็นเช่นนี้ ก็ถือเป็นความผิดของข้าด้วย หากข้าไม่ข่มขู่เจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าก็คงไม่กลัวข้าถึงขั้นนี้ ทว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้น
“ไม่...”ซูเย่กำลังจะอ้าปากคัดค้านคำพูดของเผยสิงเวย ทว่ากลับถูกเผยไจ่เหวินยกมือขึ้นห้าม เพราะอย่างไรไป๋ฉินหลันก็เป็นญาติผู้น้องของเขา ด้วยความผิดที่สตรีตระกูลไป๋ทำต่อเขา เผยไจ่เหวินยอมให้คนอื่นส่งนางไปสู่ประตูปรโลกได้ แต่หากนางยังพอจะมีทางรอดชีวิต เขาก็ไม่คิดจะเป็นคนตอกฝาโลงของนางถึงซูเย่จะรู้สึกขัดใจที่เจ้านายของเขาใจอ่อนให้กับคนที่คิดร้ายกับตนเองอีกแล้ว แต่ในเมื่อเผยไจ่เหวินไม่ยอมให้เขาพูด ซูเย่ก็ทำได้แต่ปิดปากเงียบเอาไว้หลิวหลิงลี่ได้ยินคำพูดของเผยสิงเวยและได้เห็นท่าทีของเผยไจ่เหวิน ก็รู้ได้ทันทีว่าสองพี่น้องตระกูลเผยอยากช่วยชีวิตไป๋ฉินหลันมากเพียงใด ต่างจากหลัวหยางโหวที่แสดงท่าทีจริงจังขึงขังที่จะเอาชีวิตสตรีตระกูลไป๋ ทำให้หลิวหลิงลี่สับสนและสงสัยว่าเจ้าของจวนหลัวทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใด ทว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจหญิงสาวก็คิดเหตุผลที่หลัวหยางโหวทำเช่นนี้ขึ้นมาได้‘ที่แท้ท่านโหวก็แค่แสดงให้ท่านแม่เห็นสินะ ว่าท่านอยากลงโทษคุณหนูไป๋มากเพียงใด แล้วให้ข้าออกหน้าช่วยคุณหนูไป๋เพื่อไม่ให้ท่านแม่สงสัย และต่อว่าท่านได้ในภายหลัง ท่านนี่ช่างวางแผนการได้แยบยลเสียจริง’ ในเมื่อหลิวหลิงลี่ได้บอกหลัวห
‘ท่านโหวนะท่านโหว ท่านช่างกล้าทำร้ายญาติผู้พี่ของสตรีอันเป็นที่รักถึงขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ ถึงเขาจะลงมือกับแม่ทัพของท่าน แต่ท่านโหวก็น่าจะปรานีมอบความตายให้เขาไปเสีย มิใช่ทรมานเขาถึงขั้นนี้’ หลิวหลิงลี่รู้ว่ากฎข้อนี้ของหลัวหยางโหวไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่นางคิดไม่ถึงว่าหลัวหยางโหวจะทรมานเผยสิงเวยหนักถึงเพียงนี้เมื่อมองดูสภาพของคุณชายใหญ่เผยเสร็จ หลิวหลิงลี่ก็หันไปมองใบหน้าและอาภรณ์ของหญิงสาวสกุลไป๋ที่นั่งอยู่ไม่ห่างเผยสิงเวยมากนัก ก่อนจะหันมามองหลัวหยางโหว‘ช่างแสดงได้สมจริงยิ่งนัก นางกับท่านเหมาะสมกันที่สุดแล้ว รอให้ถึงเวลาอันสมควร ข้าจะไม่อยู่ขวางวาสนาดอกท้อของพวกท่านอย่างแน่นอน’ หลิวหลิงลี่ได้แต่คิดอยู่ในใจหลัวหยางโหวที่นั่งอยู่ข้างหญิงสาว รับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่างที่ผิดปกติไปของสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้าง จึงหันมามองหญิงสาว และเป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เพราะสีหน้าของนางเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ราวคนละคน‘ประเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่า ข้าไม่ได้มีส่วนร่วมวางแผนทำร้ายเจ้า และยิ่งไม่คิดจะแต่งนางเข้าจวน’ หลัวหยางโหวไม่คิดเอ่ยอธิบายให้หลิวหลิงลี่ฟัง เพราะเขาจะทำให้นางเห็นกับตา“ยามนี้ทุ
“หากเจ้าอยากให้ข้าทำตามที่รับปากเอาไว้ ก็กลับมาเรียกข้าท่านพี่อย่างเดิม มิเช่นนั้น...” เมื่อหลิวหลิงลี่พูดถึงข้อตกลง หลัวหยางโหวจึงคิดนำเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองให้หญิงสาวหายโกรธ ทว่าสตรีจากเมืองหลิวผิงมิคิดให้บุรุษหนุ่มใช้เรื่องนี้มาต่อรอง นางจึงเอ่ยแทรกขึ้นมา“ตั้งแต่ข้ามาที่เมืองอันหยางก็ทำการค้ามาตลอด จึงทำให้ข้ารู้ว่า หากท่านอยากซื้อขายกับข้า ท่านต้องยอมจ่ายตามราคาที่ข้าต้องการ หรือไม่ท่านก็ต้องนำสิ่งที่ข้าต้องการมาแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม ดังนั้นหากข้ายังไม่ได้สิ่งที่ข้าปรารถนา ไหนเลยข้าจะทำตามคำขอของท่าน และอีกอย่างท่านโหวคงเคยชินกับการข่มขู่ผู้อื่น จนลืมไปแล้วกระมังว่า ตอนนี้ข้าต่างหากคือคนที่มีไพ่ในมือเหนือกว่า เช่นนั้นข้าคือคนที่มีสิทธิ์สั่ง ไม่ใช่ท่าน” หลิวหลิงลี่เอ่ยเน้นเสียงในประโยคท้ายหลัวหยางโหวถึงกับดวงตาเบิกโต เมื่อถูกหลิวหลิงลี่เอ่ยขู่ แต่ทว่าเขากลับมิรู้สึกโกรธนางแม้แต่น้อย เพียงไม่กี่ลมหายใจเขาก็หัวเราะออกมาดังลั่นเสียงหัวเราะของหลัวหยางโหวมิได้ทำให้บรรยากาศในลานกลางเรือนดีขึ้นแม้แต่น้อย ทว่ามันกลับตรงกันข้าม คนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ได้ยินเจ้าของจวนทั้งสองสนทนากันนั้
“ข้าได้ข่าวว่าเมื่อวานนี้ คุณชายใหญ่ตระกูลเผยคิดลงมือสังหารพวกท่าน พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลิวเลี่ยงลี่เอ่ยถามหลังจากที่เผยไจ่เหวินนั่งเรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณคุณหนูหลิวที่เป็นห่วง โชคดีที่ได้แม่ทัพฟางเซียวช่วยเอาไว้ พวกข้าจึงไม่เป็นไรแม้แต่น้อย”เมื่อได้รับคำตอบจากบุรุษตระกูลเผย หลิวหลิงลี่ก็ยิ้มกว้างให้บุรุษทั้งสาม โดยที่นางไม่ทันสังเกตว่าบุรุษที่นั่งอยู่ตรงกลางมีสีหน้าไม่พอใจเท่าใดนักหลิวหลิงลี่เอ่ยถามต่อ เมื่อเห็นว่าบริเวณภายในลานเงียบเกินไป อาจทำให้บุรุษทั้งสามที่เพิ่งมาถึงอึดอัดได้ “คนของจวนหลัวดูแลต้อนรับพวกท่านดีหรือไม่”ถึงหลัวหยางโหวจะนั่งนิ่งไม่ได้หันหน้ามามองหลิวหลิงลี่ แต่สีหน้าที่บุรุษหนุ่มเจ้าของจวนแสดงออกมานั้น ทำให้ซูเย่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเผยไจ่เหวินรับรู้ได้ว่า ไหน้ำส้มของหลัวหยางโหวได้แตกแล้ว เพราะสีหน้าของหลัวหยางโหวในยามนี้ไม่ต่างกับตอนที่เขาเจอที่โรงเตี๊ยมเลย‘หรือว่าเพราะข่าวลือที่แพร่อยู่ในเมือง ทำให้ท่านโหวไม่พอใจยามที่เห็นคุณหนูหลิวกับคุณชายสนทนากัน’ ซูเย่คิดในใจเมื่อเห็นสีหน้าของหลัวหยางโหวเมื่อซูเย่เห็นผู้เป็นนายของตนจะเอ่ยตอบนายหญิงของจวน เขาก็ไม่รอช้าท







