แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ฉันเอนกายอยู่บนเก้าอี้โรงพยาบาลแสนเย็นเฉียบพลางกำหนดลมหายใจเข้าออก น้ำตาของแม่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย คำปลอบประโลมไหน ๆ คงส่งไปไม่ถึงจิตใจเธอ ฉันเจ็บปวดแทนแม่ ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย

เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าตระหนก ฉันเผื่อใจเอาไว้ว่าพ่อจะหายดีแต่กลับกลายเป็นหายไปจากโลกแทนเสียนี่ ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี

ความคิดเห็นของเราไม่เคยลงรอยกันและพ่อก็คงจะเกลียดฉันแต่ฉันก็รักเขา เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ฉันจะไม่รักเขาได้อย่างไรกัน?

“ไหวไหม?” โรแวนเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างฉัน

ชายหนุ่มเดินทางมาถึงได้ประมาณชั่วโมงกว่า และคำถามเมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับฉันนับตั้งแต่มาถึง ฉันรับมือกับความกังวลของเขาไม่ถูก อย่างไรเสียเขาคนนี้ไม่เคยเก็บเอาความรู้สึกของฉันไปใส่ใจมาก่อน

“ไหวค่ะ” ฉันฝืนตอบกลับ

ตั้งแต่ที่รู้ข่าวฉันก็ยังไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้เลยสักหยด อาจเพราะยังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกหรือน้ำตาของฉันที่มีให้พ่อนั้นเหือดแห้งไปหมดแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันควรทำมากที่สุดคือประคองสติตนเองให้ไหวแทนทุกคนที่สติแตกไปแล้ว

เท้าคู่หนึ่งย่างก้าวมาหยุดตรงปลายวิสัยและเมื่อวาดสายตาขึ้นไปก็เห็นว่าทราวิสกำลังจ้องมองฉันอยู่ แววแห่งความอบอุ่นไม่เคยปรากฎอยู่ในสายตาคู่นั้นเลย ฉันรู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทำลงไปคืนนั้นผิดมหันต์ แต่ฉันยังชดใช้ให้กับเรื่องคืนนั้นไม่มากพอหรืออย่างไร?

“มีอะไร?” ฉันถาม

“แม่โทรไปหาเอมม่าบอกว่าพ่อโดนยิง อีกสักพักคงมาถึง แม่ยังไม่ได้บอกเรื่องที่พ่อเสียแล้วด้วย” เขาเอ่ย

ฉันได้ยินเสียงโรแวนสูดหายใจเข้าลึก ดูเหมือนว่าสัญญาณจากเขาเมื่อครู่จะบอกได้ชัดว่าชื่อเอมม่ามีผล

กระทบต่อชายหนุ่ม ความอบอุ่นจากเขาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บ ฉันตระหนักได้ว่าเสียเขาไปอีกแล้ว

“รู้แล้ว” ฉันพึมพำตอบกลับเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

ฉันไม่ได้พูดกับพี่สาวหลายปี และสงสัยว่าเธอจะอยากอยู่ในที่เดียวกับฉันไหมในเมื่อเธอชังน้ำหน้าฉันเสียปานนั้น

“ฉันอยากให้แกทำตัวดี ๆ แล้วอย่าไปยุ่งกับเธอ” แม่กล่าวเสริม พลางปาดน้ำตาบนใบหน้า

“แม่คะ แม่ก็รู้นี่ว่าสิ่งที่แม่ขอมันแทบเป็นไปไม่ได้”

“ฉันไม่สนหรอกนะว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ลูกสาวของฉันต้องระหกระเหินออกจากบ้านไปตั้งเก้าปีเพราะโดนแกทรยศหักหลัง คิดว่าฉันจะยอมให้แกทำเรื่องแบบนี้อีกหรือ ยิ่งตอนที่พ่อของแกไม่อยู่แล้วแบบนี้ด้วย ครอบครัวก็ยิ่งต้องกลับมาพึ่งพากันสิ” แม่กัดฟันพูด

ฉันชิงชังพวกเขาที่เอาแต่รื้อฟื้นอดีตออกมาทับถมกันเสียจริง ที่ผ่านมาฉันชดใช้ความโง่เง่าและไร้เดียงสาไม่พออีกหรือ? แต่พวกเขาก็ยังทรมานกันไม่เลิก

“เผื่อแม่อาจจะลืมไปนะคะ หนูก็เป็นลูกสาวของแม่เหมือนกัน หรือว่าหนูมันตายจากแม่ไปแล้ว?”

ฉันพลันยืนขึ้นและเดินออกไปโดยไม่อยู่รอฟังคำตอบ ฉันต้องออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์และใช้เวลาไตร่ตรอง

เมื่อได้ออกมาด้านนอก ฉันสูดอากาศเยียบเย็นเข้าปอด น้ำตากลับเอ่อขึ้นมาแต่ฉันจะไม่ร้องไห้อีก ฉันมาทำอะไรที่นี่กันแน่? แม่จะโทรมากวนทำไมถ้าคิดว่าตนเองมีลูกสาวอยู่แค่คนเดียวอย่างนั้น?

เศษเสี้ยวในจิตใจส่วนหนึ่งสั่งให้ฉันรีบเดินออกไปและอย่าหันหลังกลับมาอีก เพราะยังไงซะฉันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้เลย และพวกเขาเองก็ไม่เคยมองว่าฉันเป็นครอบครัวเช่นเดียวกัน ฉันควรจะเดินออกจากที่นี่ไปเสียให้พ้นและลืมพวกเขาไปเหมือนอย่างที่พวกเขากระทำกับฉัน

“คุณคะ ไม่ทราบว่าใช่ลูกสาวของคนไข้ เจมส์ ชาร์พหรือเปล่าคะ?” จู่ ๆ พยาบาลคนหนึ่งเดินมาด้านหลังทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ

ฉันพยักหน้าตอบรับหลังจากปรับให้ใจที่เต้นระรัวสงบลง

“รบกวนมาด้วยหน่อยกันค่ะ เนื่องจากจำเป็นต้องยืนยันร่างผู้เสียชีวิต” เธอกล่าวกับฉันอย่างอ่อนโยน อาจเป็นเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน

“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ”

พยาบาลคนนั้นเดินจากไปเพื่อให้เวลาฉันได้ตัดสินใจ แม้ว่าพ่อจะไม่ดูดำดูดีแต่เขาก็ยังเลี้ยงดูฉันมาดังนั้นฉันจึงติดค้างเขา ด้วยเหตุนี้ฉันจึงตัดสินใจได้ว่าจะจัดงานศพให้เหมาะสมก่อนจะโบกมือลาครอบครัวแบบนี้เสียที

ให้พวกเขาเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่แสนวิเศษกันไป พวกเขาไม่ต้องมาทนกับฉันอย่างที่ผ่าน ๆ มาอีก

หลังจากเดินเข้าไปด้านใน ฉันเอ่ยถามทางเพื่อจะไปยังห้องดับจิต เมื่อเดินไปถึงทุกคนที่เหลือก็ยืนยันร่างผู้เสียชีวิตเรียบร้อย

ฉันกวาดตามองไปยังร่างตรงหน้าซึ่งนอนแน่นิ่งอยู๋ในห้องดับจิต ใบหน้าของเขาช่างสงบราวกับว่าเพียงแค่หลับไปเท่านั้น ใคร ๆ ก็คงมองว่าเขาเพียงพักสายตา หาใช่ลาจากโลกนี้ไปอย่างความจริงที่เป็น วิญญาณของเขาเริ่มออกเดินทางไปยังดินแดนแสนไกลแล้ว

“ลาก่อนค่ะพ่อ” ฉันเอ่ยคำลา

ฉันมองร่างของพ่อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินออกจากห้องดับจิตไป ความหนักอึ้งที่หัวใจแบกรับเอาไว้ถูกสลัดทิ้งไปเมื่อตระหนักได้ว่าพ่อไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวที่ฉันจะเอ่ยคำลา พวกเขาไม่มีวันจะรักฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องเลิกเพ้อฝันเสียที

ฉันเดินออกไปนั่งอยู่บริเวณพักคอยบนเก้าอี้ที่ห่างไกลจากสายตาพวกเขาที่สุด แม่กำลังสาละวนอยู่กับเอกสารและใบเสร็จต่าง ๆ ทราวิสเหม่อลอยจ้องมองกำแพงอย่างว้าเหว่ ส่วนโรแวนก็ไม่ได้ร่วมอยู่ตรงนี้

ฉันนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงจากพวกเขาแต่ฉันก็ตั้งมั่นกับตนเองเอาไว้แล้ว นี่คงเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาความสบายใจของตนเอง ฉันเบื่อหน่ายเสียเหลือเกินกับการจมอยู่กับกองทุกข์เช่นนี้ เบื่อหน่ายกับการที่ปล่อยให้คนเหล่านี้มาทำร้ายจิตใจของฉันอยู่ร่ำไป

เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจและสายตาของฉันไปได้ เมื่อฉันมองเห็นเธอ เธอก็ยังสวยสะพรั่งอย่างเคย ผมยาวสลวยสีบลอนด์ ขายาวเรียว ใบหน้ารูปหัวใจได้ทรง และรูปร่างเย้ายวนชวนชายทุกผู้ทุกนามสะท้านไปทั้งใจ

ทราวิสกอดเธอพลางกล่าวคำปลอบประโลม เป็นหนังคนละม้วนกับตอนที่ฉันเดินทางมาถึง ความโหยหาและความเจ็บปวดกระหน่ำเข้าใส่ฉันอีกครั้ง แต่ฉันสะกดกลั้นมันเอาไว้

พี่น้องทั้งสองผละจากกัน เป็นช่วงเวลาเดียวกับโรแวนเดินมาพอดี ทันทีที่เขาเห็นเธอ ขาเขาก็ชะงักทันใด ฉันมองเห็นว่าเขากลืนน้ำลาย

“เอมม่าหรือ?” เขาสะอื้นเรียกชื่อเธอ เพียงคำเดียวกลับมีหลากหลายอารมณ์แฝงอยู่

ศีรษะของเอมม่าหันไปตามทิศทางของเสียงเรียก วินาทีที่ตาทั้งสองบรรจบกัน สรรพสิ่งรอบกายพลันเลือนหายไปหลงเหลือเพียงสองคน อ้อมแขนทั้งสองคนโผเข้ากอดกันรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วของเดอะ แฟลชซะอีก

หากว่าการที่เห็นทราวิสกอดเอมม่าทำให้ฉันเจ็บปวดแล้ว ฉันก็คงไม่รู้ว่าภาพนี้จะฉีกทึ้งฉันได้แค่ไหน ทำให้ฉันพังทลายได้แค่ไหน

เอมม่ากลับมาแล้ว นาทีที่เห็นเธออยู่ในอ้อมแขนของโรแวน คงไม่มีใครต้องมาตอกย้ำความจริงกับฉันอีก ความจริงที่เขายังรักเธอหมดทั้งใจไม่ว่าเวลาจะผ่านนานเท่าใดก็ตาม
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 539

    ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต

  • ธุลีใจ   บทที่ 538

    ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา

  • ธุลีใจ   บทที่ 537

    "ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา

  • ธุลีใจ   บทที่ 536

    มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 535

    เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ

  • ธุลีใจ   บทที่ 534

    กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status