Home / โรแมนติก / นที (โปรด) รัก / บทที่ 3 เลิศธารินทร์

Share

บทที่ 3 เลิศธารินทร์

Author: 23.19น.
last update Last Updated: 2025-10-13 02:15:41

อรุณรุ่งส่องแสงไปทั่วหล้าสุดขอบฟ้า ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนานอีกครั้งในวันใหม่ ภายในห้องครัวกว้างสุดหรูหรา เต็มไปด้วยเครื่องครัวใช้สำหรับการประกอบอาหาร หม้อแกงสเตนเลสอย่างดีกำลังตั้งเตาร้อนระอุ ส่งกลิ่นอายจากข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จได้ไม่นาน ทั้งในห้องอาหารก็เช่นกัน ถ้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ บนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวส่งกลิ่นอบอวลในอากาศ ถูกจัดวางเอาไว้ตามจำนวนคนในครอบครัว

เสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเป็นระยะ รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันอย่างเป็นกิจวัตรขับเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อย้อนกลับเข้ามาในครัวนั้นกลับเงียบเหงาเสียจนใจหาย มีร่างบอบบางร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เป็นตัวละครประกอบฉาก ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตนกันหมดแล้ว

มีเพียงแค่อัจฉราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ งานก้นครัวในตอนเช้า เที่ยง เย็น คือหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เมื่อตอนนี้ยังไม่เลยช่วงเวลาดังกล่าวไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแอบมางีบหลับสักพัก ขอบตาดำคล้ำ ผิวขาวซีดผิดไปจากปกติ คือหลักฐานชัดเจนว่าหล่อนอดหลับอดนอนมาแทบจะทั้งคืน ผล็อยหลับไปก็แค่พักเดียวเท่านั้น เพราะข่มตานอนไม่ได้... เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวานมันกวนใจนัก วุ่นวาย เป็นปัญหาหนักที่ทำให้คิดไม่ตกตลอดคืน

กระทั่งตอนนี้อัจฉรายังไม่สามารถที่จะลบมันออกไปจากใจได้ง่าย ๆ เลยเสียด้วยซ้ำ ภาพความทรงจำชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า เหมือนผีในใจที่ตามหลอกหลอน พยายามคิดหาทางรอด แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเอาเสียเลย มันยากและยุ่งเหยิงไปหมด โดยเฉพาะกับคำขู่ที่ยังจำไม่ลืม

‘อยากได้ตัวหล่อนไปขัดดอกหากไม่มีเงินไปใช้หนี้’ มันทั้งกดดัน และชวนให้หวาดหวั่นจนวางใจไม่ลง หายใจไม่ทั่วท้อง

เสียงลมหายใจแผ่วผ่อนออกมาเบา ๆ เมื่อเรื่องเดิม ๆ เข้ามาทำให้วุ่นวายใจอีกแล้ว เปลือกตาที่หนาหนักของอัจฉราก็เปิดขึ้นช้า ๆ สีหน้ายังคงหลงเหลือความวิตก ดวงตาที่ดูใช้ความคิด และคิ้วเรียวสวยที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่หญิงสาวจะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจที่รู้ดีว่ามันแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากน้ำมันก้นถังเลยสักนิด

“.....”

อัจฉราปล่อยให้ความเงียบช่วยปลอบใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็ลุกขึ้นยืนบิดกายไล่ความปวดเมื่อยเล็กน้อย หลอกร่างกายตัวเองให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทั้งที่โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวเหน็บปอยผมที่ร่วงลงมาปกกรอบหน้าไปไว้หลังใบหู ก่อนจะกรีดมือรีดเสื้อผ้านิดหน่อย... อย่างน้อยเธอก็ยังรู้ตัวว่าไม่ควรปล่อยตัวให้โทรมไปมากกว่านี้

โดยเฉพาะเมื่อตระหนักดีว่าสายตาของคนข้างนอกนั้น มี ‘หนึ่งคน’ ที่หล่อนสนใจยิ่งกว่าใคร อัจฉรากลืนน้ำลายเบา ๆ ในจังหวะที่ก้าวเท้าไปเกือบจะพ้นออกจากห้องครัวแล้ว ความจริงข้อนี้ก็พุ่งมากระแทกหน้าอย่างจัง ขวัญที่เรียกมาก็พลันพังทลายลงอย่างสิ้นท่า เธอยอมรับในใจว่าเธอไม่อยากให้เขาเห็น อัจฉราไม่อยากให้ ‘นที’ เห็นเธอในสภาพนี้เลย

ทว่าคนมันจะตกต่ำ อะไรก็ไม่ช่วยจริง ๆ ยิ่งไม่อยากเจอสิ่งใด สิ่งนั้นก็ยิ่งพุ่งเข้าหาเสียเหลือเกิน แม้แม่จะมาในนามของนายหญิงของบ้าน ไม่ใช่คนที่เธออยากจะเลี่ยงตรง ๆ ก็ตาม แต่ใช่ว่าจะพ้นกันอยู่ดี เพราะนทีก็อยู่ในห้องอาหารเช่นกัน

“เดี๋ยวนะ...”

น้ำเสียงพร่า ๆ ตามวัย แต่แหลมคมและแฝงความประหลาดใจ คิ้วโด่งดังคันศรเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สายตายังคงจ้องไม่วางตา

“เนยเหรอ? ไปยืนทำอะไรตรงคนเดียว ออกมาก่อนสิ”

อัญชุลี เลิศธารินทร์ คุณหญิงของบ้านวางช้อนลงในถ้วยข้าวต้มที่พร่องไปมากแล้ว ขณะรอคอยให้หญิงสาวที่หล่อนกำลังหมายตา โดยเฉพาะเรือนผมที่ปกคลุมศีรษะกลมสวยของอีกฝ่าย... มันช่างดึงดูดสายตาเสียเหลือเกิน และแอบทำให้คนวัยหล่อนรู้สึกขัดใจอยู่ลึก ๆ เหมือนกัน

“ค่ะ คุณผู้หญิง”

อัจฉราตอบรับ แอบกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนจะรีบปั้นรอยยิ้มประดับใบหน้าทันที หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามือตัวเองเย็นเฉียบ และทุกก้าวที่ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารนั้นมันเหมือนเดินอยู่ในโคลนดูดไม่มีผิด อัจฉราได้แต่มองพื้น ท่าทางที่เหมือนเกรงใจเป็นปกติ แต่หล่อนรู้ตัวเองดีว่ากำลังหลบสายตาของใครบางคนอยู่

“ทำไมย้อมแดงล่ะ? ดำเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้วนะ”

อัญชุลีตั้งคำถามจั่วหัวทันทีที่อัจฉราหยุดเคลื่อนไหว สายตาของหญิงสูงวัยกวาดมองสาวใช้ในบ้านของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ความรู้สึกที่ถูกจ้องมองนั้นทำให้อัจฉราปฏิเสธความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย

“คุณแม่ แต่หนูว่าก็สวยดีออกนะคะ”

เสียงหวานใสดังแทรกขึ้น ณดาว ลูกสาวคนเล็กเพียงคนเดียวของเลิศธารินทร์ เหมือนเป็นเรื่องน่าขัน... เพราะว่าเธออายุเท่ากันกับอัจฉรา รอยยิ้มอันแสนสดใสประดับดวงหน้าจิ้มลิ้มของหล่อน แววตาเป็นประกายวิบวับแต่แฝงไปด้วยความรู้ทัน

“จริงไหม พี่ที? สีแดงเข้ากับเนยเขานะคะ ดูเป็นผู้หญิง... แซ่บ ๆ ดี”

อัจฉรารู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดทับอยู่ในอากาศ หล่อนเผลอกลืนน้ำลายอย่างแผ่วเบา แม้รอยยิ้มจะยังคงประดับดวงหน้าหวาน แต่มันก็เป็นแค่รอยยิ้มที่ปั้นแต่งขึ้นมามากกว่าที่จะเป็นสิ่งที่แสดงออกอย่างจริงใจ ทว่าลึก ๆ ก็แอบหวังว่าจะได้รับคำชมจากนทีบ้าง แต่หล่อนก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ มือบางยิ่งบีบเข้าหากันแน่น เธอทั้งประหม่าและรู้สึกกดดันจนอยากออกไปให้ไวจากตรงนี้

ในขณะเดียวกันนั้นนทีที่มองเธออยู่แล้วอย่างเปิดเผยก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในความเงียบนี้เขากำลังสังเกตทุกอากัปกิริยาของอัจฉราอยู่ในใจ ผ่านสายตาคู่คมเฉียบเขาเห็นทั้งมือที่บีบเข้าหากันแน่น ลำคอระหงที่กระเพื่อมไหวเล็กน้อยในตอนที่เธอกลืนน้ำลาย รวมไปถึงดวงหน้าสวยที่ซีดคล้ำดูไม่มั่นใจเหมือนวันอื่น ๆ

รอยยิ้มแตะมุมปากเบา ๆ ก่อนที่จะละสายตาไปจากเธอในที่สุด เขามองน้องสาวเพียงคนเดียวพร้อมกับยิ้มให้หล่อนน้อย ๆ เพียงแค่นั้น เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมเกี่ยวกับเรื่องสีผมของอัจฉรา ที่แม้จะแดงจัดจ้านขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

นทีหันไปบอกพ่อและแม่ของเขา ไม่แม้แต่จะมองไปยังสาวใช้คนสวย เขาทำเหมือนกับว่าการมีอยู่ของเธอเป็นเพียงแค่อากาศ ก่อนที่เสียงขูดพื้นจะดังขึ้น เมื่อเขาขยับมันออกไปพร้อมกับลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นรูปร่างสูงโปร่งที่ดูภูมิฐานและสง่างาม เขาติดกระดุมแจ็กเกตสูทเนื้อดี จัดเนกไทให้เข้าที่ด้วยท่วงท่าที่ไร้ที่ติ

“เดี๋ยวก่อนสิ ตาที”

“ครับ?”

ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคู่คมหันมองไปทางผู้เป็นแม่อีกครั้ง คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยจนจับสังเกตไม่ได้

“เมื่อคืนแม่เห็นว่าแกกลับบ้านดึกเลย วานให้น้องอ้ายช่วยเอาข้าวไปให้ที่สำนักงาน เป็นยังไงบ้าง ได้กินฝีมือน้องหรือยัง”

น้ำเสียงของอัญชุลีแสดงออกถึงความสุขอย่างไม่ปิดบัง เช่นเดียวกับแววตาและรอยยิ้มของเธอ ผิดไปจากภาพลักษณ์คุณหญิงเจ้าระเบียบที่มองสาวใช้ในปกครองอย่างสิ้นเชิง

สีหน้าของนทียังคงเป็นกลาง ไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับคาดการณ์เอาไว้แต่แรกแล้วว่าอัญชุลีคงไม่มีเรื่องอะไรจะถามเขาแต่เช้าแบบนี้ ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวซึ่งก็คือเรื่องของอ้ายใจ หญิงสาวที่ครอบครัวของเขาพยายามจะจับคู่ให้ โดยใช้เหตุผลเข้าทางผู้ใหญ่เป็นข้ออ้างเพื่อให้แนบเนียน

“ครับ...”

เพียงแค่ถ้อยคำสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการพยักหน้าเบา ๆ เท่านั้นจากนที แต่เท่านั้นก็ทำให้คนรอฟังพึงพอใจเป็นอย่างมากแล้ว แววตาอัญชุลีเป็นประกายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ขณะ ‘นพพล’ ที่ฟังอยู่เงียบ ๆ มาตั้งแต่แรกยังพลอยยิ้มไปด้วยความรู้สึกเดียวกัน ภรรยาอย่างเห็นด้วย นพพล เลิศธารินทร์ ไม่ใช่คนช่างพูด แต่เมื่อพูดแล้วก็เจาะประเด็นอย่างตรงไปตรงมา

“ดี ๆ ผูกมิตรกับน้องเขาไว้ อนาคตเผื่อออกงานด้วยกันบ่อย ๆ จะได้ไม่ต้องเคอะเขินกัน”

ถ้อยคำของผู้เป็นประมุขหลักของบ้านเหมือนเอาไฟไปลนเส้นฟางเส้นสุดท้าย ความอดทนของอัจฉราขาดสะบั้น เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นเพียงแค่คนนอก แต่นั่นยังไม่เจ็บเท่ากับการที่ต้องมาทนฟังเรื่องครอบครัวคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเรื่องของชายหนุ่มที่เธอ ‘แอบชอบ’

หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอเหมือนเงาประกอบฉาก มีค่าน้อยยิ่งกว่าของตกแต่งใด ๆ ในห้องนี้เสียอีก ในจังหวะที่กำลังจะถอยกลับไปเงียบ ๆ ดวงตาก็ดันเผลอช้อนขึ้น สายตาของเธอเหมือนรู้ว่าจะต้องมองไปทางใดแม้สมองจะไม่ได้ต้องการเช่นนั้นก็ตาม อัจฉราสบตากับนทีอย่างจังในจังหวะที่เขากำลังจะออกไปจากห้องอาหาร

หัวใจดวงน้อยพลันเต้นผิดจังหวะ โลกทั้งใบของอัจฉราเหมือนหยุดหมุนในวินาทีนั้น ขณะที่นทีไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษเลย ดวงหน้าหวานที่ซีดเผือดเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวและขึ้นสีเลือดฝาด ซึ่งหญิงสาวรู้ตัวดีเธอจึงรีบก้มหน้ามองพื้น พร้อมกันนั้นก็โค้งให้เบา ๆ เป็นการขออนุญาต ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นทางผ่านออกไปด้านหลังด้วยก้าวเดินที่ดูเหมือนจะควบคุมได้ ทั้งที่ในใจร้อนรนยิ่งกว่าใครเอาไฟมาสุมเสียอีก

“แม่ร่วง?!”

อัจฉราสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจหลังพึ่งพ้นออกมาจากธรณีประตูเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ก็ประจันหน้าเข้ากับหญิงสูงวัยเข้าอย่างจังจนเกือบจะชนกันล้ม ดีที่ต่างฝ่ายต่างตั้งหลักได้ก่อน

“โอ๊ย! จะรีบไปตามควายที่ไหนฮะ?! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยมึง!”

อรไพลินเขม่นตาดุ น้ำเสียงคุ้นหูแหวออกมาอย่างไม่พอใจ มือที่เหี่ยวย่นตามวัยยกขึ้นทาบอก ฟังเสียงหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตกใจ เพราะลูกสาวดันพรวดพราดออกมาไม่ดูทาง

“เนยไม่ได้ตั้งใจ...”

อัจฉราผ่อนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา หล่อนมองคนเป็นแม่ที่ยังจ้องเธออยู่ด้วยสายตาฉายแววตำหนิ สีหน้าที่แตกตื่นเมื่อครู่ก็ค่อย ๆ กลับคืนปกติ หญิงสาวกระแอมในลำคอเบา ๆ พยายามเคลียร์ความรู้สึกเดิมที่ค้างคาออกไปจากหัวใจที่เคยเต้นระส่ำเพราะคนที่พึ่งเผลอสบตากันก่อนหน้านี้

อรไพลินได้ฟังคำตอบก็แสนจะขัดใจ แต่ก็มองออกว่าลูกสาวไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก แต่แล้วก็ต้องขมวดหนักขึ้นไปอีกกับคำถามต่อมาจากปากของอัจฉรา ที่ทำให้หล่อนใจแทบจะลุกเป็นไฟ ทั้งที่คำถามนั้นมันไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยด้วยซ้ำ

“แล้วนี่แม่ไปไหนมา? แล้วมีอะไรหรือเปล่า”

“ตอนแรกน่ะไม่มี แต่ตอนนี้จะมีแล้ว! พูดกับกูเดี๋ยวนี้ไม่มีหางเสียงเลยนะมึง มารยาทมึงมันทรามลงตามน้องมึงไปหรือไงฮะ”

“แม่...”

อัจฉราขมวดคิ้ว แววตาที่มองคนเป็นแม่มีทั้งความสับสนและความไม่พอใจนิด ๆ ปะปนอยู่

“เป็นอะไร เนยก็แค่ถามดี ๆ แล้วแม่จะมาว่ากันทำไม”

“ถุย! จองห้องนักนะมึง...”

น้ำเสียงของอรไพลินเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน พร้อมกันนั้นสายตาก็ไล่มอง ‘อดีต’ ลูกสาวคนโปรดตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นไปจ้องหน้าอีกครั้ง แววตาร้ายกาจและดูแคลนจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือเจ้าของดวงตาคู่เดียวกัน ที่ครั้งหนึ่งเคยมองอัจฉราด้วยความชื่นชมและเอ็นดู

“เถียงคำไม่ตกฟาก... รู้แบบนี้เมื่อคืนกูน่าจะยกมึงให้พวกมันเอาไปทำเมียล้างหนี้ พอมึง ไหน ๆ ก็ไม่มีดีสักตัวอยู่แล้ว... ก็ไม่ต้องมีมันเลยสักคนยังจะดีกว่า”

อรไพลินฝากคำพูดเอาไว้อย่างร้ายกาจ วาจาแสบสันเหมือนแส้หนังที่ตวัดใส่เนื้อหนังอย่างแรง คนพูดก็พูดไปโดยไม่ไตร่ตรอง ใช้อารมณ์พูดเสร็จแล้วก็สะบัดก้นเดินหนีไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งให้คนฟังอย่างอัจฉราต้องจมอยู่กับบาดแผลสดใหม่เพียงคนเดียว

หญิงสาวพูดไม่ออก หล่อนรู้สึกหน้าชาไปหมด ทั้งในฐานะลูกสาว ทั้งในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง หัวใจมันบีบรัดไปหมด ความเจ็บปวดที่เคยซ่อนลึกเอาบัดนี้เริ่มแตกร้าวออกมาทีละนิด อัจฉราได้แต่พร่ำถามกับตัวเองว่าทำไมอรไพลินถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทั้งที่ลึก ๆ แล้วในใจก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไร

เพราะตอนนี้หมากบนกระดาษมันได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็น ‘เบี้ย’ ในเกมไปแล้ว... โดยสมบูรณ์แบบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 5 นกปีกหัก

    ความเงียบภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนท่ามกลางพายุที่ยังไม่สงบนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทำให้บรรยากาศเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญอยู่ในรถคันเดียวกันมากกว่าคนที่รู้รักกันเสียอีกสายตาของนทีจับจ้องไปยังทัศนวิสัยเบื้องหน้า ร่องรอยของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านการแสดงออก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ เพราะฝนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ตกหนักขึ้นจนทำให้เร่งความเร็วล้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่นทีไม่ใช่คนประมาท ต่อให้ใจร้อนเพียงใดแต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำอะไรที่ไร้การยั้งคิดลงไปยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนอื่นอยู่ในรถคันเดียวกันแล้ว เขาก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ แม้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันจะน่าอึดอัดเพียงใดก็ตาม อีกอย่างท่าทีของคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่หล่อนควบคุมได้แย่กว่า เขามองออกว่าหล่อนเกรงใจเขาจนนั่งตัวเกร็งแทบจะเป็นก้อนหินที่หายใจได้ของแม่คุณนั่น มันก็ช่าง... น่ารำคาญจริง ๆอัจฉราแอบชำเลืองหางตามองนที ยิ่งเห็นว่าเขาเคา

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 4 มรสุม

    “หนูขอร้องนะคะเฮีย ตอนนี้หนูกับแม่ลำบากกันมากจริง ๆ”เสียงสั่นเครือออกมาจากปากของหญิงสาวที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วในขณะที่อัจฉรากำลังเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ของพ่อเป็นการส่วนตัว ณ จุดนี้หล่อนยอมลดศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอลงบ้าง อย่างไรเสียหล่อนก็แทบไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว ยิ่งถ้าต้องเป็น ‘ตัวของเธอ’ ยิ่งไม่มีทาง“แล้วหนู... มั่นใจได้ไงว่าจะไม่บิดเฮีย?”เฮียโจ้ ชายหน้าโหด รูปร่างผอมบางแต่สักเต็มตัว คำพูดของเขาห้วนสั้น ไม่กรรโชกแต่แฝงไปด้วยความกดดันอย่างผู้ที่รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าชัดเจน การแสดงออกนั้นดูไม่ยากที่จะสังเกตได้จากสายตาที่มักจะจ้องอัจฉราด้วยความพึงพอใจบางอย่างตั้งแต่หล่อนกล้าก้าวขาเข้าในรังของเขาตั้งแต่แรกแล้ว“หนูสัญญาว่าหนูไม่เบี้ยวเฮียแน่นอนค่ะ นะคะเฮีย... ให้หนูใช้หนี้แทนพ่อนะ”“โอ๊ย พูดมันก็พูดกันได้ง่าย ๆ หนู ตอน ‘ไอ้ยศ’ มันก็แทบจะคลานเข่ามาขอเฮียด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้มันหนีไปไหนแล้วล่ะ?”เจ้าหนี้หนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยันระคนขบขัน ทำให้คนฟังใจหายวูบ เขามองอัจฉราที่หน้าเริ่มถอด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 3 เลิศธารินทร์

    อรุณรุ่งส่องแสงไปทั่วหล้าสุดขอบฟ้า ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนานอีกครั้งในวันใหม่ ภายในห้องครัวกว้างสุดหรูหรา เต็มไปด้วยเครื่องครัวใช้สำหรับการประกอบอาหาร หม้อแกงสเตนเลสอย่างดีกำลังตั้งเตาร้อนระอุ ส่งกลิ่นอายจากข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จได้ไม่นาน ทั้งในห้องอาหารก็เช่นกัน ถ้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ บนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวส่งกลิ่นอบอวลในอากาศ ถูกจัดวางเอาไว้ตามจำนวนคนในครอบครัวเสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเป็นระยะ รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันอย่างเป็นกิจวัตรขับเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อย้อนกลับเข้ามาในครัวนั้นกลับเงียบเหงาเสียจนใจหาย มีร่างบอบบางร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เป็นตัวละครประกอบฉาก ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตนกันหมดแล้วมีเพียงแค่อัจฉราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ งานก้นครัวในตอนเช้า เที่ยง เย็น คือหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เมื่อตอนนี้ยังไม่เลยช่วงเวลาดังกล่าวไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแอบมางีบหลับสักพัก ขอบตาดำคล้ำ ผิวขาวซีดผิดไปจากปกติ คือหลักฐานชัดเจนว่าหล่อนอดหลับอดนอนมาแทบจะทั้งคืน ผล็อยหลับไปก็แค่พักเดียวเท่านั้น เพราะข่มตานอนไ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 2 นที

    ก๊อก ๆ ๆชื่อของ นที เลิศธารินทร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อ หากแต่เปรียบเสมือนกับตราประทับแห่งความสำเร็จในวงการกฎหมาย ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเขาในวงการนี้ หนึ่งในทนายฝีมือดีที่สุด คดีไหนที่ว่ายาก คดีไหนที่ว่าดัง คดีที่ใหญ่ที่เขารับมาถ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้แพ้... ก็ไม่มีคดีไหนที่เขาไม่เคยชนะเพราะในศาล ชัยชนะไม่ใช่คำตอบทุกครั้งไป แต่เป็นแค่ ‘หมากตัวหนึ่ง’ บนกระดานที่เขาเลือกเดินเท่านั้น“เข้ามาครับ...”เสียงทุ้มเรียบเปล่งออกไปโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นอย่างเคยชิน สีหน้าไร้อารมณ์ใดเป็นพิเศษ แผ่นหลังยังคงตั้งตรงราวกับไม่รู้จักคำว่าล้าแสงจากโคมไฟเหนือโต๊ะทำงานส่องกระทบเนื้อผ้าสูทเรียบเนียนไร้รอยยับ ชุดที่ตัดได้อย่างพอดีตัวจนยากจะเชื่อว่าเป็นแค่ ‘สูททำงาน’ ปากกาด้ามสีเงินเงาวับเคียงข้างร่างสัญญา สิ่งที่สำหรับเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่สำหรับคนบางคนอาจหมายถึงราคาเงินเดือนทั้งหมดในชีวิตพวกเขาแม้ท่าทางจะดูสุภาพและไม่เร่งรีบ แต่ในทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่าง ราวกับมีเส้นกั้นที่มองไม่เห็น เส้นที่ใครก็ไม่อาจก้า

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 1 อัจฉรา

    “แม่ พ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดา หลังจากที่เดินเข้าบ้านมาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อง “ไม่รู้มัน สงสัยไปตายห่าตายโหงที่ไหนแล้วล่ะมั้ง” คนถูกถามตอบ น้ำเสียงไม่ใส่ใจกับคำถามซ้ำซากนั้น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันจนเคยชิน สายตาของหล่อนมองตามลูกสาวที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู บัดนี้กลับส่องประกายความไม่ได้ตั้งใจผิดจากเมื่อก่อนจนรู้สึกได้ “แล้วนี่ไปไหนมา กลับมาซะค่ำมืดเชียว” หล่อนถามเสียงแข็งเล็กน้อยแต่ก็ยังมีแววเกรงใจอยู่บ้าง สายตากวาดมองลูกสาวที่กำลังจะเดินเข้าครัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะไปหยุดที่หัวอีกครั้ง “แล้วนี่ทำผมสีอะไรของเอ็งวะ อีเนย แดงแรดขนาดนั้นไม่ห่วงว่าคุณอัญแกจะว่าอะไรหรือไง” อัจฉราหยุดกึก มือที่ยื่นออกไปจับฝาชีครอบอาหารบนโต๊ะลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปิดฝาชีออกเผยให้เห็นแกงสองถุงกับข้าวสวยอีกหนึ่งจาน มื้อเล็ก ๆ ที่เพียงพอแล้วสำหรับบ้านที่อยู่มีอยู่กันแค่สองคน หล่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status