Share

บทที่ 2 นที

Author: 23.19น.
last update Last Updated: 2025-10-12 02:15:50

ก๊อก ๆ ๆ

ชื่อของ นที เลิศธารินทร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อ หากแต่เปรียบเสมือนกับตราประทับแห่งความสำเร็จในวงการกฎหมาย ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเขาในวงการนี้ หนึ่งในทนายฝีมือดีที่สุด คดีไหนที่ว่ายาก คดีไหนที่ว่าดัง คดีที่ใหญ่ที่เขารับมาถ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้แพ้... ก็ไม่มีคดีไหนที่เขาไม่เคยชนะ

เพราะในศาล ชัยชนะไม่ใช่คำตอบทุกครั้งไป แต่เป็นแค่ ‘หมากตัวหนึ่ง’ บนกระดานที่เขาเลือกเดินเท่านั้น

“เข้ามาครับ...”

เสียงทุ้มเรียบเปล่งออกไปโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นอย่างเคยชิน สีหน้าไร้อารมณ์ใดเป็นพิเศษ แผ่นหลังยังคงตั้งตรงราวกับไม่รู้จักคำว่าล้า

แสงจากโคมไฟเหนือโต๊ะทำงานส่องกระทบเนื้อผ้าสูทเรียบเนียนไร้รอยยับ ชุดที่ตัดได้อย่างพอดีตัวจนยากจะเชื่อว่าเป็นแค่ ‘สูททำงาน’ ปากกาด้ามสีเงินเงาวับเคียงข้างร่างสัญญา สิ่งที่สำหรับเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่สำหรับคนบางคนอาจหมายถึงราคาเงินเดือนทั้งหมดในชีวิตพวกเขา

แม้ท่าทางจะดูสุภาพและไม่เร่งรีบ แต่ในทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่าง ราวกับมีเส้นกั้นที่มองไม่เห็น เส้นที่ใครก็ไม่อาจก้าวได้ง่าย ๆ เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ผิวเผินดูนิ่งสงบ แต่ลึกลงไปใครจะรู้... ว่ากระแสน้ำนั้นเชี่ยวกรากเพียงใด

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่คมสบตากับหญิงสาวอีกฟากของโต๊ะอย่างเฉียบขาด รอยยิ้มบางเบาแตะมุมปากเหมือนจะอบอุ่น ความแตกต่างจากสีหน้าเรียบขรึมเมื่อครู่นี้ทำให้หัวใจคนมองเต้นผิดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้

ไม่มีใครแน่ใจว่าสำหรับชายที่ชื่อ ‘นที’ เขาคือทิวาอุ่นในฤดูหนาว หรือเพียงแค่เย็นชาดั่งธารน้ำแข็งกันแน่ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมใครก็ตามที่ได้พบเขาถึงได้อยากค้นหาคำตอบด้วยตัวเองกันนัก

“พี่... เอ่อ... พี่นที อ้ายเองค่ะ”

อ้ายใจ หลุดจากภวังค์ ดวงตาคู่กลมกะพริบปริบ ๆ พลันหลุบมองพื้นอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเคอะเขินระบายประดับใบหน้ารับอีกฝ่าย ก่อนที่สาวเจ้าเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานมากขึ้น ในมือของเจ้าหล่อนนั้นมีปิ่นโตใบน้อยถือติดมาด้วย

“คุณป้าขอให้อ้ายช่วยเอาข้าวเย็นมาให้พี่นทีค่ะ”

หล่อนว่าพลางชูภาชนะใส่อาหารให้เห็น ฝ่ามือของเธอเย็นเฉียบและสั่นเล็กน้อยด้วยความประหม่าปนเขินอาย ซึ่งไม่รอดพ้นสายตาเฉียบของนที แต่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ

“ขอบคุณมากนะครับ แต่น้องอ้ายไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาให้ตามที่คุณแม่พี่ขอก็ได้นะ อีกเดี๋ยวพี่ก็จะกลับบ้านแล้ว ลำบากเราเปล่า ๆ”

รอยยิ้ม และคำพูดที่ฟังเหมือนเกรงใจนั่นทำให้หัวใจของอ้ายใจเต้นผิดจังหวะ หล่อนยิ้มเก้อ ตีความคำพูดของนทีว่าคือเป็นความห่วงใย หล่อนชอบเขามากจนละเลยน้ำเสียงที่แสนจะธรรมดาและความนิ่งลึกของชายหนุ่มไปอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวตกอยู่ในวังวน แถมเจ้าหล่อนยังอยู่ในจุดที่ใกล้เกินเอื้อมยิ่งกว่าใคร

เพราะเป็นคนที่ผู้ใหญ่หมายตาอยากให้เป็นคู่กันในอนาคต แม้จะไม่มีตำแหน่งหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ ไม่มีสถานะ หรือชื่อเรียก แต่การที่มารดาของอีกฝ่ายมักจะขอร้องให้ช่วยส่งข้าวส่งน้ำมาเสมอ ในช่วงที่นทีต้องอยู่ทำงานจนดึก หรือแม้แต่เวลามีเรื่องสำคัญอย่างอื่น อ้ายใจจึงมักจะคิดว่าตนเป็น ‘คนสำคัญ’ ของนทีเพียงแค่หนึ่งเดียวมาตลอด

“ไม่ลำบากหรอกค่ะ! อ้ายเต็มใจ”

หล่อนคลี่ยิ้มกว้างกว่าเก่า ดวงตาเป็นประกายระยับ ใจละลายไปหมดเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง อ้ายใจยิ้มแก้มปริ ดวงหน้าของหล่อนพลันเห่อร้อน ต้องแก้เขินด้วยการเดินเอาปิ่นโตไปวางเอาไว้ให้บนโต๊ะกลางตัวเรียบ

ก่อนที่เสียงถอดเถาปิ่นโตจะดังขึ้น นทีจับจ้องไปยังการกระทำของหล่อน แววตาของเขาไม่มีประกายของความรู้สึกใดเป็นพิเศษ เขาปล่อยให้อ้ายใจได้ทำตามใจตัวเองไปจนเสร็จ ไม่ได้คิดจะหักหน้าหล่อนหรือพูดให้อีกฝ่ายอาย จนกระทั่งหญิงสาวได้แยกชั้นปิ่นโตวางครบหมดแล้ว

“แล้วนี่น้องอ้ายจะกลับเลยไหมครับ”

เสียงทุ้มเอ่ยถาม น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงด้วยความกดดันบางอย่างที่ได้พูดออกมาตรง ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ขยับเสื้อสูทให้เรียบร้อย เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะกลางที่มีภาชนะใส่อาหารหน้าตาน่ากินวางรออยู่ รอยยิ้มแตะมุมปากราวกับรู้ทันเพียงแค่มอง

“หน้าตาน่ากินจัง...”

ชายหนุ่มเปรยออกมาเบา ๆ แนบเนียนจงใจ เขาหันไปมองหญิงสาวผ่านเลนส์แว่นที่ยังสวมอยู่ ซึ่งมันทำให้ภาพลักษณ์ของเขายิ่งดูหล่อและฉลาดจนคนมองระยะใกล้ยิ่งใจเต้นแรง

“น้องอ้ายทำเองหมดนี่เลยเหรอครับ”

“ชะ... ใช่ค่ะ อ้ายทำเองหมดนี่เลยค่ะ”

อ้ายใจตอบกลับอย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงติดขัดเล็กน้อย สายตาหลุบต่ำไม่กล้าสบตาตรง ๆ กายแทบจะม้วนบิดอย่างคนเขินจัด ถ้อยคำของหล่อนใสและฟังดูซื่อนัก หากใครไม่รู้ก็ต้องคิดว่าหล่อนพูดความจริงเป็นแน่

แต่ไม่ใช่กับนที... เขารู้อยู่เต็มอกว่าหล่อนโกหก แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่จะไปทำให้อ้ายใจเสียหน้า เขาเพียงแค่มองหน้าหล่อนนิ่ง ๆ แม้อีกฝ่ายจะชิงหน้าแดงจัดราวกับผลตำลึงสุกไปแล้ว และนั่นทำให้นทีพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างมาก

“ถ้างั้น... ถ้างั้นอ้ายกลับก่อนดีกว่าค่ะ”

อ้ายใจลิ้นแทบพันกันเมื่อพูด หล่อนก้มหน้าไม่ยอมสบตากับนทีอยู่ มือบางยกขึ้นโบกลาคนตรงหน้าผล็อย ๆ แล้วรีบหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานส่วนตัวของนทีทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก แต่นทีก็ไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวตาม

เขามองจนกระทั่งอีกฝ่ายลับสายตาไปแล้ว ดวงตาคู่คมจึงตวัดหันไปมองกับข้าวที่วางเรียงกันอยู่ แววตาของเขาไร้อารมณ์ เขาแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ มือพลางล้วงกระเป๋า ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้สำนักงานตัวเดิม โดยที่ไม่แตะอาหารมื้อหรู ‘จากร้านดัง’ ที่วางเด่นอยู่เลยด้วยซ้ำ

ความเงียบเป็นสิ่งเดียวที่กลายเป็นเพื่อนไปในตอนนี้ ไม่มีเสียงพลิกกระดาษ เสียงปากกาขีดเขียนหรือแม้แต่เสียงใด ๆ นทีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เป็นท่วงท่าที่ผ่อนคลายในยามที่พักจากการใช้สมอง ชายหนุ่มปล่อยให้เวลาผ่านไปช้า ๆ อาหารที่ตั้งอยู่ถูกลืมจนเย็นชืดไปแล้ว ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง

นทีบิดกายไล่ความเมื่อยขบเล็กน้อย เขาติดกระดุมเสื้อสูทอย่างเร็วด้วยความชำนาญ จากนั้นก็ถอดแว่นออกจากหน้าเก็บใส่กล่องกำมะหยี่สีเข้มให้เข้าที่ เขาไม่ลืมเก็บปิ่นโต วางซ้อนชั้นกันเหมือนกับตอนที่มันมา ปิ่นโตใบน้อยแทบจะไม่เข้ากับรูปร่างสูงสง่าของเขาเลยขณะที่ชายหนุ่มหิ้วมันออกไปด้วย ทว่ามันก็น่ามองอย่างน่าอัศจรรย์ไม่แพ้กัน... ได้เวลากลับบ้านแล้ว

“กินข้าวหรือยังครับ?”

นทีถามพร้อมมอบรอยยิ้มให้ สายตาของเขามองไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกะดึก ณ ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ชายหนุ่มไม่ถามซ้ำแต่ยื่นปิ่นโตที่หิ้วอยู่ไปให้อีกฝ่ายรับเอาไว้ทันที ราวกับว่าไม่ต้องการคำปฏิเสธใด ๆ

“ขอบคุณครับ! คุณนที!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มใหญ่ทำหน้าฉงน แต่แล้วก็ยิ้มร่าออกมาและรับปิ่นโตไว้อย่างไม่อิดออดเช่นกัน คิดในใจอย่างอดไม่ได้ว่าลาภปากตนอีกแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่นับครั้งไม่ได้แล้วที่เขามักจะได้กินฟรีตลอดจากทนายหนุ่มที่พ่วงยศผู้บริหาร

ในขณะที่นทีเพียงแค่ยิ้มรับคำขอบคุณเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันเดินไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเองที่จอดรออยู่ ท่ามกลางลานจอดรถที่แทบจะร้างในช่วงดึก เขาปลดล็อกประตู ขึ้นไปนั่งบนเบาะหนังสีเข้ม คาดเข็มขัดนิรภัย ตามมาด้วยเครื่องยนต์คำรามอย่างนิ่มนวล ก่อนที่จะล้อจะแล่นออกไปจากตึกสำนักงานใหญ่ ตรงสู่ท้องถนนในยามราตรี

เสียงฮัมเบา ๆ ของเครื่องยนต์ประกอบกับเสียงล้อบดพื้นคอนกรีตดังเป็นจังหวะ ตลอดเส้นทางที่เขาต้องผ่านทางเป็นประจำ แสงไฟข้างทางส่องเข้ามาความมืดในตัวรถเป็นระลอก สร้างเงาตัดกับภายในห้องโดยสารที่หรูหราและสะอาดเอี่ยม ไม่แพ้กับผู้ที่เป็นเจ้าของของมัน แสงสีนวลที่ส่องเข้ามายังเผยให้เห็นใบหน้าที่เรียบเฉย และขณะที่นิ้วเคาะลงเป็นจังหวะบนพวงมาลัยอย่างเคยตัวอีกด้วย

ภาพลักษณ์ของนทีนั้นเป็นสิ่งที่อยากจะคาดเดา เขาหล่อเหลาดั่งรูปสลัก ริมฝีปากหยักได้รูปในตอนที่แย้มยิ้มคือเอกลักษณ์ไร้ที่ติ เวลาที่เขาแสดงออกต่อหน้าคนอื่นเขาเป็นแบบนั้น แต่มันไม่ใช่เมื่อเขาอยู่กับตัวเอง นทีแทบจะเหมือนคนละคน ไม่ยิ้ม ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ผ่านทั้งสีหน้าและแววตา การที่เขาปั้นแต่งเป็นเลิศ ซ่อนทุกอย่างเก่ง... มันก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่ยิ่งน่าค้นหา

หลายนาทีผ่านไป ในที่สุดเมื่อเสียงเครื่องยนต์คำรามเบาลง ประตูเหล็กบานหนักก็เลื่อนเปิดออก ค่อย ๆ เผยให้เห็นโครงสร้างของคฤหาสน์หรูสไตล์โมเดิร์นผสมกับความคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า รถสีดำเงาสะท้อนแสงไฟสีนวลเมื่อเคลื่อนตัวไปบนทางเข้าที่ปูหินลูกเต๋าสีเข้ม มุ่งหน้าสู่โรงรถที่ยังมีรถยนต์อีกหลายคันจอดเรียงกันอยู่

ทันทีที่รถหยุดนิ่งแล้ว นทีก็เปิดประตูพร้อมลงจากรถ พื้นรองเท้าหนังราคาแพงแตะพื้น เจ้าตัวก็เดินตรงเข้าไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มเรียกว่า ‘บ้าน’ ประตูบานคู่ลายวิจิตรก็ได้เปิดรออยู่แล้ว ราวกับรอคอยการกลับมาของเขา ไฟในบ้านเปิดแค่พอให้มองเห็นเท่านั้นในยามวิกาล นทีคลายเนกไทออก จากรองเท้าหนังมันวับถูกเปลี่ยนไปเป็นสลิปเปอร์สีขาว

เขาไม่ได้ตรงขึ้นไปชั้นบนในทันที แต่เลือกที่จะไปยังห้องครัวแทน แทบทั้งวันที่นทีต้องใช้พลังงานอย่างหนัก ทำให้ท้องของเขาประท้วงต่อหิว ห้องครัวเป็นที่เดียวที่ไฟยังเปิดสว่างจ้าอยู่ เผยให้เห็นชามข้าวต้มวางอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อน โดยปิดปากชามเอาไว้ด้วยพลาสติกห่ออาหาร มีโพสต์อิทแปะอยู่ด้วยพร้อมกับข้อความที่เขียนด้วยลายมือ

ข้าวเย็นของเขาไม่ร้อนแล้ว... แต่ถึงอย่างนั้นนทีก็ไม่ได้บ่น เขาอ่านข้อความเพียงแค่ผ่าน ๆ ตา ใจความว่า ‘อุ่นก่อนทานนะคะ เนยทำเอาไว้ให้ก่อนกลับบ้านเหมือนเดิมค่ะ’ เขาไม่ได้สนอะไรกับข้อความนั้น เพียงแค่ดึงมันออกไปพร้อมกับฟิล์มห่ออาหาร ขยุ้มจนเป็นก้อนแล้วโยนลงถังขยะอย่างไม่ยี่หระ ก่อนที่จะเอาข้าวต้มชามนั้นไปอุ่นในไมโครเวฟเงียบ ๆ ราวกับว่าเป็นเรื่องเคยชิน

ความเคยชินที่เปรียบดั่งกิจวัตรประจำวันของเขา... ส่วนหนึ่งในชีวิต ซึ่งไม่ได้มีอะไร ‘พิเศษ’ เกินไปสำหรับนทีที่กลับบ้านดึกแทบทุกวันอยู่แล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 5 นกปีกหัก

    ความเงียบภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนท่ามกลางพายุที่ยังไม่สงบนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทำให้บรรยากาศเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญอยู่ในรถคันเดียวกันมากกว่าคนที่รู้รักกันเสียอีกสายตาของนทีจับจ้องไปยังทัศนวิสัยเบื้องหน้า ร่องรอยของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านการแสดงออก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ เพราะฝนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ตกหนักขึ้นจนทำให้เร่งความเร็วล้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่นทีไม่ใช่คนประมาท ต่อให้ใจร้อนเพียงใดแต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำอะไรที่ไร้การยั้งคิดลงไปยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนอื่นอยู่ในรถคันเดียวกันแล้ว เขาก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ แม้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันจะน่าอึดอัดเพียงใดก็ตาม อีกอย่างท่าทีของคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่หล่อนควบคุมได้แย่กว่า เขามองออกว่าหล่อนเกรงใจเขาจนนั่งตัวเกร็งแทบจะเป็นก้อนหินที่หายใจได้ของแม่คุณนั่น มันก็ช่าง... น่ารำคาญจริง ๆอัจฉราแอบชำเลืองหางตามองนที ยิ่งเห็นว่าเขาเคา

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 4 มรสุม

    “หนูขอร้องนะคะเฮีย ตอนนี้หนูกับแม่ลำบากกันมากจริง ๆ”เสียงสั่นเครือออกมาจากปากของหญิงสาวที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วในขณะที่อัจฉรากำลังเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ของพ่อเป็นการส่วนตัว ณ จุดนี้หล่อนยอมลดศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอลงบ้าง อย่างไรเสียหล่อนก็แทบไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว ยิ่งถ้าต้องเป็น ‘ตัวของเธอ’ ยิ่งไม่มีทาง“แล้วหนู... มั่นใจได้ไงว่าจะไม่บิดเฮีย?”เฮียโจ้ ชายหน้าโหด รูปร่างผอมบางแต่สักเต็มตัว คำพูดของเขาห้วนสั้น ไม่กรรโชกแต่แฝงไปด้วยความกดดันอย่างผู้ที่รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าชัดเจน การแสดงออกนั้นดูไม่ยากที่จะสังเกตได้จากสายตาที่มักจะจ้องอัจฉราด้วยความพึงพอใจบางอย่างตั้งแต่หล่อนกล้าก้าวขาเข้าในรังของเขาตั้งแต่แรกแล้ว“หนูสัญญาว่าหนูไม่เบี้ยวเฮียแน่นอนค่ะ นะคะเฮีย... ให้หนูใช้หนี้แทนพ่อนะ”“โอ๊ย พูดมันก็พูดกันได้ง่าย ๆ หนู ตอน ‘ไอ้ยศ’ มันก็แทบจะคลานเข่ามาขอเฮียด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้มันหนีไปไหนแล้วล่ะ?”เจ้าหนี้หนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยันระคนขบขัน ทำให้คนฟังใจหายวูบ เขามองอัจฉราที่หน้าเริ่มถอด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 3 เลิศธารินทร์

    อรุณรุ่งส่องแสงไปทั่วหล้าสุดขอบฟ้า ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนานอีกครั้งในวันใหม่ ภายในห้องครัวกว้างสุดหรูหรา เต็มไปด้วยเครื่องครัวใช้สำหรับการประกอบอาหาร หม้อแกงสเตนเลสอย่างดีกำลังตั้งเตาร้อนระอุ ส่งกลิ่นอายจากข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จได้ไม่นาน ทั้งในห้องอาหารก็เช่นกัน ถ้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ บนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวส่งกลิ่นอบอวลในอากาศ ถูกจัดวางเอาไว้ตามจำนวนคนในครอบครัวเสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเป็นระยะ รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันอย่างเป็นกิจวัตรขับเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อย้อนกลับเข้ามาในครัวนั้นกลับเงียบเหงาเสียจนใจหาย มีร่างบอบบางร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เป็นตัวละครประกอบฉาก ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตนกันหมดแล้วมีเพียงแค่อัจฉราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ งานก้นครัวในตอนเช้า เที่ยง เย็น คือหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เมื่อตอนนี้ยังไม่เลยช่วงเวลาดังกล่าวไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแอบมางีบหลับสักพัก ขอบตาดำคล้ำ ผิวขาวซีดผิดไปจากปกติ คือหลักฐานชัดเจนว่าหล่อนอดหลับอดนอนมาแทบจะทั้งคืน ผล็อยหลับไปก็แค่พักเดียวเท่านั้น เพราะข่มตานอนไ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 2 นที

    ก๊อก ๆ ๆชื่อของ นที เลิศธารินทร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อ หากแต่เปรียบเสมือนกับตราประทับแห่งความสำเร็จในวงการกฎหมาย ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเขาในวงการนี้ หนึ่งในทนายฝีมือดีที่สุด คดีไหนที่ว่ายาก คดีไหนที่ว่าดัง คดีที่ใหญ่ที่เขารับมาถ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้แพ้... ก็ไม่มีคดีไหนที่เขาไม่เคยชนะเพราะในศาล ชัยชนะไม่ใช่คำตอบทุกครั้งไป แต่เป็นแค่ ‘หมากตัวหนึ่ง’ บนกระดานที่เขาเลือกเดินเท่านั้น“เข้ามาครับ...”เสียงทุ้มเรียบเปล่งออกไปโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นอย่างเคยชิน สีหน้าไร้อารมณ์ใดเป็นพิเศษ แผ่นหลังยังคงตั้งตรงราวกับไม่รู้จักคำว่าล้าแสงจากโคมไฟเหนือโต๊ะทำงานส่องกระทบเนื้อผ้าสูทเรียบเนียนไร้รอยยับ ชุดที่ตัดได้อย่างพอดีตัวจนยากจะเชื่อว่าเป็นแค่ ‘สูททำงาน’ ปากกาด้ามสีเงินเงาวับเคียงข้างร่างสัญญา สิ่งที่สำหรับเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่สำหรับคนบางคนอาจหมายถึงราคาเงินเดือนทั้งหมดในชีวิตพวกเขาแม้ท่าทางจะดูสุภาพและไม่เร่งรีบ แต่ในทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่าง ราวกับมีเส้นกั้นที่มองไม่เห็น เส้นที่ใครก็ไม่อาจก้า

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 1 อัจฉรา

    “แม่ พ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดา หลังจากที่เดินเข้าบ้านมาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อง “ไม่รู้มัน สงสัยไปตายห่าตายโหงที่ไหนแล้วล่ะมั้ง” คนถูกถามตอบ น้ำเสียงไม่ใส่ใจกับคำถามซ้ำซากนั้น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันจนเคยชิน สายตาของหล่อนมองตามลูกสาวที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู บัดนี้กลับส่องประกายความไม่ได้ตั้งใจผิดจากเมื่อก่อนจนรู้สึกได้ “แล้วนี่ไปไหนมา กลับมาซะค่ำมืดเชียว” หล่อนถามเสียงแข็งเล็กน้อยแต่ก็ยังมีแววเกรงใจอยู่บ้าง สายตากวาดมองลูกสาวที่กำลังจะเดินเข้าครัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะไปหยุดที่หัวอีกครั้ง “แล้วนี่ทำผมสีอะไรของเอ็งวะ อีเนย แดงแรดขนาดนั้นไม่ห่วงว่าคุณอัญแกจะว่าอะไรหรือไง” อัจฉราหยุดกึก มือที่ยื่นออกไปจับฝาชีครอบอาหารบนโต๊ะลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปิดฝาชีออกเผยให้เห็นแกงสองถุงกับข้าวสวยอีกหนึ่งจาน มื้อเล็ก ๆ ที่เพียงพอแล้วสำหรับบ้านที่อยู่มีอยู่กันแค่สองคน หล่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status