Home / โรแมนติก / นที (โปรด) รัก / บทที่ 5 นกปีกหัก

Share

บทที่ 5 นกปีกหัก

Author: 23.19น.
last update Last Updated: 2025-10-15 02:05:25

ความเงียบภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนท่ามกลางพายุที่ยังไม่สงบนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทำให้บรรยากาศเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญอยู่ในรถคันเดียวกันมากกว่าคนที่รู้รักกันเสียอีก

สายตาของนทีจับจ้องไปยังทัศนวิสัยเบื้องหน้า ร่องรอยของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านการแสดงออก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ เพราะฝนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ตกหนักขึ้นจนทำให้เร่งความเร็วล้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่นทีไม่ใช่คนประมาท ต่อให้ใจร้อนเพียงใดแต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำอะไรที่ไร้การยั้งคิดลงไป

ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนอื่นอยู่ในรถคันเดียวกันแล้ว เขาก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ แม้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันจะน่าอึดอัดเพียงใดก็ตาม อีกอย่างท่าทีของคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่หล่อนควบคุมได้แย่กว่า เขามองออกว่าหล่อนเกรงใจเขาจนนั่งตัวเกร็งแทบจะเป็นก้อนหินที่หายใจได้ของแม่คุณนั่น มันก็ช่าง... น่ารำคาญจริง ๆ

อัจฉราแอบชำเลืองหางตามองนที ยิ่งเห็นว่าเขาเคาะนิ้วบนพวงมาลัยไม่หยุด หล่อนก็ยิ่งรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก มือบางของหล่อนกำกระเป๋าเป้ที่เปียกชุ่มบนตักแน่นขึ้นเล็กน้อย กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันเบา ๆ ความเงียบมันทำให้รู้สึกกดดันเกินไป ในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหวจนละสายตาไปจากใบหน้าด้านข้างของนทีในที่สุด

คิดว่าชายหนุ่มคงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาที่แอบมองเขาเมื่อครู่ แต่เปล่าเลย... เธอคิดผิดถนัด เพราะไม่ว่าจะเป็นการแอบมองเพียงเสี้ยววินาทีสั้น ๆ เสียงเสื้อผ้าเปียกชื้นของหล่อนที่ส่งเสียงยามที่เธอเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา หรือแม้แต่เสียงฟันที่กระทบกันเพราะความหนาวเย็น

มันไม่รอดพ้นไปจากประสาทสัมผัสของนทีเลยสักอย่าง ยิ่งเธอพยายามเงียบและเคลื่อนให้เบาเท่าไหร่มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น มันไม่ใช่ความตั้งใจที่นทีต้องการที่จะสังเกตเห็น... แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าการมีอยู่ของอัจฉราในครั้งนี้ มันทั้งน่ารำคาญแต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

“ทำไมถึงไปเดินตากฝนแบบนั้นได้ละ...”

ในที่สุดก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายยุติความเงียบลง เสียงทุ้มดังขึ้นปิดฉากความเงียบอย่างทนไม่ไหว แต่สีหน้าและท่าทางของเขายังคงนิ่งเฉยยากที่จะอ่านออกว่าเขาถามไปเพื่ออะไร ต้องการคำตอบแบบไหนจากปากของอัจฉราที่ยังไม่ยอมปริปาก

อัจฉราสะดุ้งเบา ๆ คำถามของนทีมาไม่ทันตั้งตัวจนเกือบจะตั้งรับไม่ทัน มันเป็นความไม่คาดคิดอีกอย่างสำหรับผู้ชายที่ปกติเธอต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนมาตลอด หญิงสาวกลืนน้ำลายเบา ๆ มือบางยิ่งเย็นเฉียบกว่าเก่า กำกระเป๋าแน่นขึ้นจนมันแทบผิดรูป ก่อนที่เธอจะตั้งสติ และหันไปมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่เจือด้วยความสับสนและประหลาดใจเล็กน้อยอย่างเก็บอาการ

“เนย...”

เสียงของอัจฉราสั่นเล็กน้อยด้วยความหนาวเย็น ขณะที่สมองก็รีบคิดหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว หลุบตาลง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น กลีบปากอิ่มแย้ม ออกพร้อมกับข้ออ้างที่แสนจะแผ่วเบา พร้อมคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ประกอบคำสารภาพที่ปรุงแต่งขึ้นมา

“เนยมาไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้ายค่ะ... แถวนั้นรถน้อยอยู่แล้วด้วย เนยเลยต้องเดินแล้วฝนมันก็ดันตกพอดี... เลยเป็นอย่างที่เห็นค่ะ”

โกหก... นทีฟังแค่นั้นเขาก็มั่นใจได้ง่าย สายตาขอบเขาเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าปัดคอนโซลรถยนต์ ซึ่งมันพึ่งจะเลยเวลาหมดรถไปไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่เขาก็นับถือใจหล่อนไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งที่หล่อนน่าจะรู้ดีกว่าใคร ว่าคำโกหกมันหลอกเขาไม่ได้ง่าย ๆ หากไม่เซียนพอ... ซึ่งเธอไม่ใช่

รอยยิ้มแตะมุมปากนทีเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็นมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ตัวเอง ก่อนที่ชายหนุ่มจะมุ่งความสนใจไปยังถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง แทนที่จะขยี้ให้อีกฝ่ายพูดความจริง เขาเลือกที่จะตามน้ำเธอไปก่อน

“อืม... ดูเหมือนจะตกหนักกว่าเดิมด้วยนะ”

เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบา ๆ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขายอมพูดกับหล่อนมากขนาดนี้ ชายหนุ่มทำเป็นสังเกตฝนเม็ดใหญ่ที่ยังเทลงมาไม่ขาดสาย แต่ท่าทางของเขาในมุมมองของอัจฉรามันช่างเย็นชาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอยู่ดี แต่ก็แอบโล่งใจอยู่ลึก ๆ ที่นทีไม่ท้วงคำโกหกของหล่อนเมื่อครู่นี้

“ค่ะ ตกหนักจริง ๆ”

อัจฉราคลี่ยิ้มบาง ๆ รอยยิ้มดูฝืนชัดเจน จากความรู้สึกต่าง ๆ ที่ผสมปนเปกันไปหมด หล่อนขยับตัวไปมาด้วยความไม่สบายตัวอีกครั้ง คลายมือออกกระเป๋าเป้ใบเก่งที่กำแน่นในตอนแรกออก ก่อนจะดึงมันขึ้นมากอดเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว เพราะตอนนี้เธอหนาวจนตัวสั่นไปหมด

หางตาของนทีสังเกตเห็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นของเธอ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรเขาชะลอความเร็วลงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นแขนข้างหนึ่งไปข้างหลังอย่างแม่นยำ เขาสัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีบนเบาะหลังของรถก็คว้าติดมือมาด้วยทันที

“เอาไปสิ... น่าจะใช้ห่มคลายหนาวได้อยู่”

ดวงตาของอัจฉราเบิกกว้างเมื่อหันกลับไปทางต้นเสียง หัวใจของหล่อนกระตุกวูบ เต้นผิดจังหวะ ความรู้สึกอึดอัดเมื่อครู่แปลเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย หญิงสาวมองสิ่งที่ชายหนุ่มยื่นมาให้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งหวาดหวั่น เกรงใจ ตื่นเต้นและหวั่นไหว ดวงตาคู่สวยละสายตาจากผ้าสีเข้มที่เขายื่นให้มองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม

หล่อนสารภาพว่าทำตัวไม่ถูกกับการกระทำที่ฉับพลันของเขาและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หัวใจดวงน้อยของอัจฉราเต้นไม่เป็นส่ำ รู้ประทับใจแต่ก็ประหม่าเกินกว่าที่จะรับเอาไว้ได้ โดยเฉพาะเมื่อผ้าผืนนั้นคือ...

“ได้เหรอคะ แต่นี่มันครุยของคุณนทีนะคะ”

“แล้ว?”

นทีสวนกลับทันที น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ท่าทางก็เช่นกัน แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ แววตาคมดุบังเอิญสบตาเข้ากับเธอพอดี เขายังไม่ทันทำอะไรหญิงสาวก็รีบก้มหน้างุดเสียเลย ปฏิกิริยาที่ได้เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น ถึงไม่ได้คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่มันกลับทำให้มุมปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน... ซึ่งเขาเองก็รู้ตัวดี

โดยที่ไม่การรอให้อีกฝ่ายตอบกลับอะไรอีก เขาโยนเสื้อคลุมสีดำที่มีแถบสีขาวทองพาดบ่าฝั่งซ้ายไปไว้บนตักคนที่ยังคงนั่งก้มหน้างุดอยู่ทันที ทำให้ร่างบางที่เปียกจนเสื้อผ้าของตัวเองแนบไปกับสัดส่วนนั่นสะดุ้งเบา ๆ แต่นทีไม่สน เขาไม่ได้พิศวาสอยากจะมองด้วยซ้ำ เสร็จก็หันหน้ากลับไปมองถนนตรงหน้า ฝนเริ่มซาแล้วเขาก็เร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย

ขณะเดียวกันหัวใจของอัจฉรายิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ หล่อนมองผ้าที่คลุมอยู่บนตัก กลีบปากอิ่มของเธอเม้มเข้าหากันเบา ๆ เพื่อซ่อนรอยยิ้มที่มันเผยออกมานิด ๆ อย่างช่วยไม่ได้ หล่อนค่อย ๆ หยิบเสื้อคลุมผืนสำคัญของนทีขึ้นมา กลิ่นโคโลญจน์ที่ติดผ้าโชยมาแตะจมูกของหญิงสาว เธอเผลอสูดหายใจเข้าเบา ๆ กับกลิ่นของเขา ดวงตาไหววูบเล็กน้อยเมื่อตระหนักถึงการกระทำของตัวเอง

หล่อนรู้ดีว่านทีไม่ได้เปิดใจให้... แต่สำหรับตอนนี้สิ่งนี้มันมีความหมายมากกว่าที่ใครจะเข้าใจ อย่างน้อย ๆ ในวันที่ฝนตก แต่ต้นไม้ที่กำลังจะตายก็โชคดีได้น้ำมาต่อชีวิตของมันเช่นกัน

“ขอบคุณค่ะ...”

อัจฉราเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว หล่อนไม่ได้หันไปมองเขาอีกกลัวว่าจะเผยความรู้สึกออกไปจนหมด เธอเพียงแค่คลี่ผ้าออกเงียบ ๆ ก่อนจะใช้มันห่มตัวเองเอาไว้ ถึงจะเป็นแค่ผ้าห่มจำเป็นแต่ในความรู้สึกของหญิงสาว ยามนี้มันอบอุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มผืนหนาที่ไหนที่เธอเคยใช้เสียอีก

นทีไม่ได้ตอบกลับเขาเพียงแค่พยักหน้าสั้น ๆ ไม่แม้แต่จะปรายตามองคนข้าง ๆ อีก เขาปล่อยให้อัจฉราได้ซึมซับกับความอบอุ่นชั่วคราวนั้นเงียบ ๆ รถยนต์ยังคงแล่นฝ่าสายฝนพรำ แต่ตอนนี้บรรยากาศกลับคลายความตึงเครียดไปได้อย่างน่าประหลาด นทีไม่ได้รู้สึกรำคาญกับการมีอยู่ของเธออีกต่อไป... อย่างน้อยก็ในตอนนี้

เช่นเดียวกันอัจฉราเธอกอดชุดครุยแนบอกแน่น ราวกับมันเป็นโล่กำบังเสียงหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่ในอก เธอรู้สึกค่อย ๆ ผ่อนคลายลง แม้จะไม่เต็มที่แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอวางใจ ร่างบางเอนหลังพิงพนักเบาะหนัง ความเงียบทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความล้าผสมกับความเครียดที่สะสมชัดเจนมากขึ้น

จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจนหมดตัว อ่อนแอกว่าที่จะแบกรับต่อไปไหว จนสุดท้ายก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเปลือกตาปิดสนิท หนาหนักจนลืมไม่ขึ้นอีกต่อไป มีความอบอุ่นจากครุยและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเนื้อผ้าช่วยปลอบใจ จนอัจฉราจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอดึงดูดความสนใจของนทีได้อย่างไม่รู้ตัว เท้าที่วางอยู่บนคันเร่งผ่อนแรงลง หางตาของเขาชำเลืองมองคนข้างกายอีกครั้ง ดวงตาคู่คมฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว มุมปากของเขากระตุกขึ้น ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าทุกครั้ง แต่มันเป็นเพราะเขานึกขันตัวเองไม่ใช่เพราะอัจฉรา

ทั้งที่นทีตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่ง แต่ลึก ๆ เขาก็รู้ตัวเองดีว่าเขาอยากรู้มากกว่าที่เห็นอยู่นี้ อยากหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอกันแน่ ทำไมเธอถึงดูเหมือนลูกนกปีกหัก และหลงทางท่ามกลางสายฝนไปได้... มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนกับใครเลย โดยเฉพาะกับเธอ

“หลับง่ายเสียจริงนะแม่คุณ... คงเจออะไรมาหนักสิท่า... ถึงได้สิ้นฤทธิ์ขนาดนี้”

นทีพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เท้ากดคันเร่งอีกครั้ง สายตากลับคืนสู่ทัศนวิสัยเบื้องหน้า ฝนตกหนักลงมาอีกแล้วจนกลายเป็นม่านสีขาว แต่นทีไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแต่ก็นุ่มนวลพอที่จะไม่รับกวนคนนอนหลับ

อีกอย่าง... เขาไม่แน่ใจที่อยู่ของอัจฉรา จึงตั้งใจจะพาหล่อนกลับไปกับเขา พลันรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เคยมีก็หายวับไป รถทั้งคันกลับคืนสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 5 นกปีกหัก

    ความเงียบภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนท่ามกลางพายุที่ยังไม่สงบนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทำให้บรรยากาศเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญอยู่ในรถคันเดียวกันมากกว่าคนที่รู้รักกันเสียอีกสายตาของนทีจับจ้องไปยังทัศนวิสัยเบื้องหน้า ร่องรอยของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านการแสดงออก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ เพราะฝนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ตกหนักขึ้นจนทำให้เร่งความเร็วล้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่นทีไม่ใช่คนประมาท ต่อให้ใจร้อนเพียงใดแต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำอะไรที่ไร้การยั้งคิดลงไปยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนอื่นอยู่ในรถคันเดียวกันแล้ว เขาก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ แม้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันจะน่าอึดอัดเพียงใดก็ตาม อีกอย่างท่าทีของคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่หล่อนควบคุมได้แย่กว่า เขามองออกว่าหล่อนเกรงใจเขาจนนั่งตัวเกร็งแทบจะเป็นก้อนหินที่หายใจได้ของแม่คุณนั่น มันก็ช่าง... น่ารำคาญจริง ๆอัจฉราแอบชำเลืองหางตามองนที ยิ่งเห็นว่าเขาเคา

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 4 มรสุม

    “หนูขอร้องนะคะเฮีย ตอนนี้หนูกับแม่ลำบากกันมากจริง ๆ”เสียงสั่นเครือออกมาจากปากของหญิงสาวที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วในขณะที่อัจฉรากำลังเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ของพ่อเป็นการส่วนตัว ณ จุดนี้หล่อนยอมลดศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอลงบ้าง อย่างไรเสียหล่อนก็แทบไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว ยิ่งถ้าต้องเป็น ‘ตัวของเธอ’ ยิ่งไม่มีทาง“แล้วหนู... มั่นใจได้ไงว่าจะไม่บิดเฮีย?”เฮียโจ้ ชายหน้าโหด รูปร่างผอมบางแต่สักเต็มตัว คำพูดของเขาห้วนสั้น ไม่กรรโชกแต่แฝงไปด้วยความกดดันอย่างผู้ที่รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าชัดเจน การแสดงออกนั้นดูไม่ยากที่จะสังเกตได้จากสายตาที่มักจะจ้องอัจฉราด้วยความพึงพอใจบางอย่างตั้งแต่หล่อนกล้าก้าวขาเข้าในรังของเขาตั้งแต่แรกแล้ว“หนูสัญญาว่าหนูไม่เบี้ยวเฮียแน่นอนค่ะ นะคะเฮีย... ให้หนูใช้หนี้แทนพ่อนะ”“โอ๊ย พูดมันก็พูดกันได้ง่าย ๆ หนู ตอน ‘ไอ้ยศ’ มันก็แทบจะคลานเข่ามาขอเฮียด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้มันหนีไปไหนแล้วล่ะ?”เจ้าหนี้หนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยันระคนขบขัน ทำให้คนฟังใจหายวูบ เขามองอัจฉราที่หน้าเริ่มถอด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 3 เลิศธารินทร์

    อรุณรุ่งส่องแสงไปทั่วหล้าสุดขอบฟ้า ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนานอีกครั้งในวันใหม่ ภายในห้องครัวกว้างสุดหรูหรา เต็มไปด้วยเครื่องครัวใช้สำหรับการประกอบอาหาร หม้อแกงสเตนเลสอย่างดีกำลังตั้งเตาร้อนระอุ ส่งกลิ่นอายจากข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จได้ไม่นาน ทั้งในห้องอาหารก็เช่นกัน ถ้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ บนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวส่งกลิ่นอบอวลในอากาศ ถูกจัดวางเอาไว้ตามจำนวนคนในครอบครัวเสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเป็นระยะ รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันอย่างเป็นกิจวัตรขับเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อย้อนกลับเข้ามาในครัวนั้นกลับเงียบเหงาเสียจนใจหาย มีร่างบอบบางร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เป็นตัวละครประกอบฉาก ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตนกันหมดแล้วมีเพียงแค่อัจฉราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ งานก้นครัวในตอนเช้า เที่ยง เย็น คือหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เมื่อตอนนี้ยังไม่เลยช่วงเวลาดังกล่าวไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแอบมางีบหลับสักพัก ขอบตาดำคล้ำ ผิวขาวซีดผิดไปจากปกติ คือหลักฐานชัดเจนว่าหล่อนอดหลับอดนอนมาแทบจะทั้งคืน ผล็อยหลับไปก็แค่พักเดียวเท่านั้น เพราะข่มตานอนไ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 2 นที

    ก๊อก ๆ ๆชื่อของ นที เลิศธารินทร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อ หากแต่เปรียบเสมือนกับตราประทับแห่งความสำเร็จในวงการกฎหมาย ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเขาในวงการนี้ หนึ่งในทนายฝีมือดีที่สุด คดีไหนที่ว่ายาก คดีไหนที่ว่าดัง คดีที่ใหญ่ที่เขารับมาถ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้แพ้... ก็ไม่มีคดีไหนที่เขาไม่เคยชนะเพราะในศาล ชัยชนะไม่ใช่คำตอบทุกครั้งไป แต่เป็นแค่ ‘หมากตัวหนึ่ง’ บนกระดานที่เขาเลือกเดินเท่านั้น“เข้ามาครับ...”เสียงทุ้มเรียบเปล่งออกไปโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นอย่างเคยชิน สีหน้าไร้อารมณ์ใดเป็นพิเศษ แผ่นหลังยังคงตั้งตรงราวกับไม่รู้จักคำว่าล้าแสงจากโคมไฟเหนือโต๊ะทำงานส่องกระทบเนื้อผ้าสูทเรียบเนียนไร้รอยยับ ชุดที่ตัดได้อย่างพอดีตัวจนยากจะเชื่อว่าเป็นแค่ ‘สูททำงาน’ ปากกาด้ามสีเงินเงาวับเคียงข้างร่างสัญญา สิ่งที่สำหรับเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่สำหรับคนบางคนอาจหมายถึงราคาเงินเดือนทั้งหมดในชีวิตพวกเขาแม้ท่าทางจะดูสุภาพและไม่เร่งรีบ แต่ในทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่าง ราวกับมีเส้นกั้นที่มองไม่เห็น เส้นที่ใครก็ไม่อาจก้า

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 1 อัจฉรา

    “แม่ พ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดา หลังจากที่เดินเข้าบ้านมาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อง “ไม่รู้มัน สงสัยไปตายห่าตายโหงที่ไหนแล้วล่ะมั้ง” คนถูกถามตอบ น้ำเสียงไม่ใส่ใจกับคำถามซ้ำซากนั้น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันจนเคยชิน สายตาของหล่อนมองตามลูกสาวที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู บัดนี้กลับส่องประกายความไม่ได้ตั้งใจผิดจากเมื่อก่อนจนรู้สึกได้ “แล้วนี่ไปไหนมา กลับมาซะค่ำมืดเชียว” หล่อนถามเสียงแข็งเล็กน้อยแต่ก็ยังมีแววเกรงใจอยู่บ้าง สายตากวาดมองลูกสาวที่กำลังจะเดินเข้าครัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะไปหยุดที่หัวอีกครั้ง “แล้วนี่ทำผมสีอะไรของเอ็งวะ อีเนย แดงแรดขนาดนั้นไม่ห่วงว่าคุณอัญแกจะว่าอะไรหรือไง” อัจฉราหยุดกึก มือที่ยื่นออกไปจับฝาชีครอบอาหารบนโต๊ะลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปิดฝาชีออกเผยให้เห็นแกงสองถุงกับข้าวสวยอีกหนึ่งจาน มื้อเล็ก ๆ ที่เพียงพอแล้วสำหรับบ้านที่อยู่มีอยู่กันแค่สองคน หล่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status