ดรีมที่หลงเชื่อคำโฆษณาหลอกลวงจากเพจขายวัตถุมงคลเพจหนึ่ง รับเอาของอัปมงคลมาพกไว้ติดตัว
ดูเพิ่มเติม"มหา ทางนี้"
ชายหนุ่มหน้านิ่งสวมแว่นสายตาเทอะทะหันมองตามทิศทางของเสียงเรียก เห็นชายหนุ่มอีกคนท่าทางร่าเริงโบกมือให้จนหัวสั่น เขาเดินตามเสียงเรียกไปนิ่งๆ ชายที่ตะโกนเรียกเมื่อครู่นั่งลงบนม้าหินอ่อนตัวเดิมแล้วพนมมือขึ้นมา
"มหาให้พรหน่อยครับ"
บนโต๊ะม้าหินอ่อนมีนักศึกษาคนอื่นนั่งล้อมวงกันอยู่ ทุกคนหันขวับมาเมื่อได้ยินว่าเพื่อนร่วมโต๊ะเรียก 'มหา' คนนั้นมาหาที่โต๊ะ จากที่พากันนั่งอ่านชีทสรุปสำหรับสอบเก็บคะแนนในวันนี้ พากันวางชีทลงแล้วพนมมือตามเพื่อนคนแรก
คนที่เพื่อนเรียกว่ามหานิ่วหน้า
"ไม่ได้อ่านชีทมาหรอครับ"
"อ่านนะ แต่ไม่เข้าหัวเลยมหา เร็วๆ"
"อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ"
"สาธุ"
เพื่อนที่นั่งล้อมวงพากันยกมือสาธุหลังจากมหาพูดภาษาบาลีที่พวกตนก็ไม่เข้าใจออกมา กลุ่มเด็กนักศึกษาพากันยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนที่ 'ธรรช ธริทร์วรัช' จะพูดประโยคถัดไปออกมา
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ"
เพื่อนตรงหน้ายกมือค้างเหลือกตาขึ้นมามองธรรชที่กวนตีนหน้านิ่งแต่เช้า ทุกคนเคร่งเครียดกับการสอบเก็บคะแนน แต่ไอ้แว่นหน้านิ่งนี่กลับกวนกันให้เสียเวลา
ลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นคนเรียกธรรชมาที่โต๊ะ
"กวนตีนแล้วมหา นั่งนี่ๆ"
ธรรชสอดตัวนั่งลงข้างๆเพื่อนที่รู้สึกสนิทใจมากที่สุดในคณะ หยิบย่ามสีเหลืองตุ่นๆของตัวเองขึ้นมาวางไว้บนตัก เพื่อนที่นั่งข้างกันแบมือยื่นมาตรงหน้า
"อย่ามาทำมึน เอาข้าวต้มมัดมา"
ธรรชล้วงเข้าไปในย่ามก่อนจะหยิบข้าวต้มมัดที่ว่าออกมาสองมัด
"อย่าลืมยกมือไหว้ก่อนทานด้วยครับ หลวงตาให้เก็บไว้ให้ดรีมโดยเฉพาะเลยนะ"
'ดรีม เดชาธร' เพื่อนที่ธรรชรู้สึกสนิทสนมมากที่สุดในคณะ และเป็นคนที่พาธรรชเข้าสังคม จากตอนแรกที่ธรรชไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครเลยในคณะ
"โห หลวงตารักกูมากเลยสินะ วันหยุดนี้ไปนอนวัดได้ป่าว เดี๋ยวเช้าไปช่วยหลวงตาบิณฑบาตร"
ธรรชพยักหน้ารับ ดรีมเคยไปนอนวัดอยู่ช่วงหนึ่งกลายเป็นลูกรักหลวงตาไปเรียบร้อยแล้ว วันไหนที่ธรรชมีเรียนเช้าจะมีข้าวต้มมัด หรือขนมที่คนเอามาใส่บาตรฝากมาให้ดรีมเสมอ
"เอาสิครับ เดี๋ยวผมจะบอกหลวงตาเอาไว้ให้"
ดรีมแกะข้าวต้มมัดกินพร้อมทั้งก้มหน้าอ่านชีทสรุปไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนข้างตัวนั้นอ่านอย่างไรก็อ่านไม่เข้าหัว ขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น
ธรรชยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา เห็นว่ายังเหลือเวลาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลาเข้าห้องสอบ จึงหยิบชีทสรุปของตัวเองขึ้นมา
"เดี๋ยวผมช่วยติวครับ"
ดรีมหันขวับมามองตาวาว เช่นเดียวกับเพื่อร่วมโต๊ะคนอื่นๆที่หันมามองด้วยสายตาซาบซึ้ง ธรรชถอนหายใจเมื่อตอนนี้เพื่อนทุกคนไม่ได้สนใจชีทตรงหน้าแล้ว กลายเป็นว่าทุกคนหันมาสนใจธรรชที่บอกว่าจะช่วยติวให้แทน
"มหา นายนี่มันคนดีจริงๆ"
"แต่ก็หัดอ่านเองบ้างเถอะครับ เมื่อคืนดรีมต้องเล่นเกมจนดึกแน่เลย"
"เอาน่า ทีมต้องการเรา"
"จะบอกหลวงตานะครับ"
"มหาอย่าขี้ฟ้อง"
ธรรชจนใจจะพูดจึงได้เริ่มติวให้เพื่อนๆ และทุกคนก็พากันตั้งใจดีเพราะวิชานี้สอบค่อนข้างยาก แต่สอบเก็บคะแนนนี้ไม่ได้ยากมากขนาดนั้น ต่างคนต่างต้องการคะแนนเก็บเพื่อไปช่วยพยุงเกรดกันทั้งนั้น
นั่งหัวจุ่มกันอยู่ไม่นานก็ใกล้เวลาจะเข้าห้องแล้ว ธรรชและกลุ่มเพื่อนที่นั่งติวกันเมื่อครู่ลุกเดินขึ้นตึกไปยังห้องสอบ
โดยมีดรีมยังจ้องชีทในมือในขณะที่เดินขึ้นตึก ธรรชต้องคอยจับเอาไว้ไม่ให้ก้าวพลาดจนเกิดอุบัติเหตุร่วงลงไปเสียก่อน
"ธรรชเลี้ยงดรีมมันเหมือนลูกเลยว่ะ"
"เพราะดรีมเป็นลูกลิงไงครับ หลวงตาฝากมาว่าให้ดูแลดีๆ"
"ไปนอนวัดไม่กี่คืนเป็นลูกรักหลวงตาเลยหรอวะ"
เพื่อนในกลุ่มแซวขำๆ ธรรชเองก็ยิ้มๆก่อนจะตอบ
"ตอนแรกข้าวก้นบาตรเป็นของน้องหลงครับ ตอนนี้หลวงตาแบ่งมาให้ดรีมตลอด"
"น้องหลง?"
"ครับ ที่วัดมีสุนัขลูกรักของหลวงตา ชื่อหลงครับ"
เมื่อรู้ว่าน้องหลงเป็นใครเพื่อนๆก็ปล่อยก๊ากออกมาอย่างไม่ไว้ท่าที ส่วนดรีมหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ธรรช
"มึงจะบอกว่ากูแย่งข้าวหมากินหรอ?"
"คิดไปเองครับ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย"
ธรรชตัดบทดันหลังดรีมให้เดินนำขึ้นไปบนตึก ก่อนที่จะเข้าห้องสอบดรีมก็ยังจ้องชีทอยู่อย่างนั้นจนชีทแทบขาด จนวินาทีสุดท้ายนั่นแหละจึงได้ฝากชีทไว้กับธรรชและเดินเข้าห้องไป
มาถึงตอนนี้แล้วทุกคนคงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เป็นชีวิตสุดสงบสุขของเด็กมหาวิทยาลัย มีวันเที่ยวเล่น มีวันเรียนหนัก วันสอบ กินข้าวกับเพื่อน รวมกลุ่มกันติวข้อสอบหน้าตึก
แต่ที่จริงแล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เรียกว่าลากเลือดอยู่พอตัว
เดิมทีแล้วธรรชไม่ได้สนิทกับใครเลยในคณะ เป็นคนเงียบๆปลีกวิเวก นอกจากเรื่องเรียน หรือเรื่องงานกลุ่มก็แทบจะไม่ปริปากพูดกับใคร น้อยคนมากที่จะได้ยินเสียงของธรรช
ธรรชใช้ชีวิตแบบปลีกวิเวกขั้นสุด เรียนเสร็จกลับ ไม่มีสังสรรค์ ไม่มีพูดคุยกับเพื่อนคนไหนเรื่องส่วนตัวหรือคุยเล่นอะไรก็ไม่มี เดิมทีแล้วธรรชไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่งนัก
แล้วอยู่ๆก็มีเรื่องที่ว่าธรรชอาศัยอยู่วัดถูกพูดถึง ธรรชที่คิดว่าเพื่อนคนอื่นอาจจะไม่ชอบก็ยิ่งปลีกตัวจากสังคม ไม่ได้อายที่อยู่วัดอะไร แต่ในความคิดของธรรชคือกลัวว่าเพื่อนจะไม่อยากคบ หรือก็คือคิดไปเองนั่นแหละ
แล้วธรรชก็ชอบทำหน้านิ่งไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก ดังนั้นเพื่อนเองก็ไม่มีใครเข้าหาธรรชเหมือนกัน เพราะคิดว่าธรรชไม่อยากคบใคร
แต่มันก็มีเรื่องพลิกผันอยู่ดี
ธรรชจำได้แม่นว่าวันนั้นก่อนจะออกจากวัดรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าไม่ได้เกี่ยวกับตัวเอง ดังนั้นจึงเดินทางไปมหาลัยตามปกติ
เมื่อมาถึงมหาลัยก็จอดมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของตัวเองเอาไว้และกำลังจะเดินขึ้นตึก ก็พบเข้ากับสิ่งที่ทำให้ธรรชรู้สึกอึมครึมตั้งแต่เช้า
เพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งมีพลังงานสีดำกลิ่นเหม็นเน่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนคนอื่น ธรรชจ้องเขม็งไม่วางตาจนเพื่อนที่นั่งด้วยกันสังเกตเห็นก็สะกิดให้เพื่อนคนนั้นหันมามอง
ธรรชยังคงมองเพื่อนคนนั้นแม้ว่าเจ้าตัวจะหันมามองแล้วเหมือนกัน ยิ่งธรรชเห็นว่าเพื่อนคนนั้นรู้ตัวแล้ว ก็เดินดุ่มๆเข้าไปหาทันที
"มึงไปหาเรื่องเขาหรือเปล่าดรีม?"
"เห้ย บ้า กูไม่เคยคุยกับเขาด้วยซ้ำ"
แต่แน่นอนว่าเป้าหมายของธรรชที่เดินเข้ามานั้นเป็นดรีมอย่างแน่นอน ธรรชหยุดยืนเว้นระยะห่างนิดหน่อยก็จะเอ่ยถามดรีมเสียงเข้ม
"ไปรับอะไรมาครับ?"
เพื่อนที่นั่งล้อมกันอยู่แทบจะร้องห้ะออกมาพร้อมกัน ทั้งธรรชและเพื่อนกลุ่มนี้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแม้แต่น้อย
"อะไรวะ?"
"ดรีมใช่มั้ยครับ? ไปรับอะไรมาครับ?"
"รับอะไรวะ ดรีม มึงรู้เรื่องมั้ยเนี่ย"
แม้เพื่อนทั้งกลุ่มจะดูงงงวย แต่ดรีมรู้ดีว่าธรรชถามเรื่องอะไร ดรีมรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้บอกความจริงไป
"ไม่รู้ รับอะไร"
"มันไม่ใช่ของดีหรอกนะครับ เอามาให้ผมเถอะ"
ธรรชมองไปที่ดรีมนิ่งๆจนดรีมต้องหลบสายตา เพื่อนของดรีมมองธรรชสลับกับดรีมงงๆ ไม่เข้าใจว่าธรรชกำลังพูดเกี่ยวกับอะไร
"อะไรวะมึง ไปเอาอะไรของเขามาหรือเปล่าดรีม"
"เอาอะไรล่ะ กูไม่ได้เอาอะไรของเขามาสักหน่อย"
ดรีมหันหน้าหนีไม่มอง แต่ธรรชก็ยังจ้องมองนิ่งไม่ละสายตาจนเพื่อนของดรีมต้องช่วยพูด
"กูว่ามึงอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ คือเพื่อนกูมันก็ไม่ได้ขี้ขโมยอะไร.."
"ผมไม่ได้บอกว่าดรีมขโมยของ ผมถามว่าดรีมไปรับเอาอะไรมา ของไม่ดีนะครับ"
ธรรชพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวลแต่ตอนนี้ดรีมเริ่มจะติดรำคาญแล้วจึงตะคอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก
"มึงบ้าป้ะเนี่ย บอกว่าเปล่าก็เปล่าสิวะ"
นอกจากธรรชแล้วเพื่อนคนอื่นก็นิ่งไปตามๆกัน ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หันมองธรรชและดรีมสลับกันไปมา กลัวว่าทั้งคู่จะวางมวย
"ใจเย็นน่า ธรรช มึงอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ มันไม่ใช่คนอะไรอย่างนั้นหรอก"
ดรีมรำคาญจนต้องลุกหนีไปอีกทาง ธรรชมองตามไม่วางตา เพื่อนของดรีมเมื่อเห็นว่าดรีมลุกออกไปแล้วก็รีบลุกตามไป ธรรชมองตามกลุ่มของดรีมไม่ละสายตา เพื่อนคนหนึ่งที่หันกลับมาเห็นว่าธรรชยังมองอยู่ก็พากันซุบซิบๆ ธรรชเองก็ไม่ได้สนใจมองตามจนกลุ่มของดรีมลับสายตาไป
ในขณะที่เดินหนีมาจากธรรชในหัวดรีมเอาแต่คิดว่าธรรชรู้ได้ยังไงว่าเขาไปรับอะไรมา
ดรีมยกมือขึ้นจับตะกรุดที่ห้อยอยู่ที่คอของตัวเองด้วยความสงสัยเมื่อสองสามวันก่อนได้เลื่อนเจอเพจของขลัง ของดีในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มหนึ่ง ด้วยความที่ดรีมเองก็อยากลองเอามาใช้กับเรื่องโชคลาภ โดยทางเพจนั้นโฆษณาว่าเป็นเมตตามหานิยม พกแล้วจะร่ำรวย มีเงินมีทอง มีโชคลาภ ผู้คนรักใคร่เอ็นดู
ในใจของดรีมกึ่งหนึ่งก็เพียงแค่อยากรู้อยากลอง ที่สำคัญมันก็ราคาไม่แพงจึงได้สั่งมาบูชา เมื่ออ่านใบกำกับแล้วก็ได้ความว่าให้ห้อยติดตัวเอาไว้ ถอดแค่ตอนที่จะอาบน้ำ
อิทธิฤทธิ์ของตะกรุดดอกนี้ยังไม่ได้เป็นที่ประจักษ์แต่อย่างใด แต่ว่าดรีมเพิ่งจะห้อยตะกรุดนี่วันแรกก็มาเจอธรรชพูดจาไม่เข้าหูเสียแล้วจึงได้หงุดหงิดไม่น้อย
"ทำไมมันเข้ามาพูดแบบนั้นวะ?"
เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มถามดรีมเมื่อเห็นว่าดรีมเองก็มีท่าทีหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อครู่
"กูจะไปรู้มันหรอ อยากมีเพื่อนมั้ง"
"เป็นมึงอยากมีเพื่อนจะเข้าหาแปลกๆอย่างนั้นหรือไง น่ากลัวชิบหาย"
ดรีมไม่เชื่อว่าธรรชจะมีความสามารถเห็นว่าสิ่งไหนดีไม่ดียังไง คิดว่าคงเป็นเพราะอยู่ที่มหาลัยคนเดียวแล้วเหงาเลยอยากจะมีเพื่อน แต่ไม่รู้วิธีเข้าหามากกว่า
"กูว่ามันน่ากลัวอ่ะ มึงไปรับอะไรมาจริงป้ะเนี่ย"
"มึงเชื่อมันหรอ?"
"เอ้า กูก็ไม่รู้ กูถึงได้มาถามนี่ไง"
ดรีมขมวดคิ้วมุ่น ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมธรรชถึงได้เข้ามาทักเรื่องนั้น
"ช่างเหอะ ถึงห้องแล้วเนี่ย"
กลุ่มของดรีมพากันไปนั่งริมหนึ่งของห้องเรียน เพื่อนร่วมคณะต่างก็พากันทยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนผ่านไปสักระยะ ตัวปัญหาในสายตาของดรีมก็เดินเข้าห้องมา จนตอนนี้ธรรชก็ยังมองมาที่ดรีมไม่วางตา
ทั้งดรีมและกลุ่มเพื่อนก็พากันเมินไม่สนใจ กระทั่งธรรชหย่อนตัวลงที่เก้าอี้แลคเชอร์หน้าห้อง สายตาจับผิดของธรรชจึงได้ละไปจากลุ่มของดรีม
เวลาสองชั่วโมงครึ่งผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็จบลงด้วยดีในตอนบ่ายกว่าๆ กลุ่มของดรีมกำลังเก็บของอยู่ ธรรชเดินดิ่งเข้ามาหาอีกครั้ง คราวนี้ดรีมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะสบถคำหยาบออกมาเบาๆ
"ดรีมไม่ต้องบอกผมตอนนี้ก็ได้ แต่นี่เบอร์ผม ถ้ามีอะไรก็โทรมานะครับ"
ธรรชวางกระดาษแผ่นเล็กลงบนโต๊ะแลคเชอร์ของดรีม
"เชื่อผมเถอะว่าของที่ดรีมเอามา มันไม่ใช่ของดี"
ธรรชเดินออกจากห้องเรียนไป ดรีมเหลือบตามองเลขสิบหลักที่เขียนใส่กระดาษแผ่นเล็ก ก่อนจะเลิกสนใจ ดรีมไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาดูด้วยซ้ำ
"ท่าจะประสาท"
กลุ่มของดรีมพูดกลั้วหัวเราะพากันออกจากห้องเรียนไปยังโรงอาหาร ส่วนธรรชไม่ได้คิดจะกินข้าวร่วมกับใครก็แยกตัวกลับทันที
ธรรชเดินมาถึงมอไซค์ที่จอดเอาไว้ข้างตึกแล้วก็ต้องชะงักนิดหน่อย
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของธรรชมีกลุ่มก้อนพลังงานลบสีดำวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เมื่อธรรชเดินเข้าไปใกล้ก็เหมือนกับว่ามันรับรู้ถึงธรรช
ร่างของหญิงสาวตัวผอมแห้ง ผิวหนังไหม้เกรียมจนเป็นสีถ่านค่อยๆบิดคอหันกลับมามองธรรชที่ยืนอยู่ข้างหลัง
หญิงสาวคนนั้นเป็นสิ่งเดียวกับที่ธรรชเห็นตอนที่เจอดรีม
ในตอนที่เธออยู่กับดรีม เธอขี่ไหล่ของดรีมเอาไว้ในลักษณะนั่งยองๆบนไหล่ของดรีม มือไหม้เกรียมส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนสำหรับธรรชกุมรอบคอของดรีมอยู่
ตอนนั้นเมื่อเธอรู้ว่าธรรชมองเห็นก็มองธรรชด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ริมฝีปากของเธอก็ไหม้เกรียมจนแห้ง แต่เธอก็พยายามเปิดปากพูด หนังบริเวณที่ติดกันตรงริมฝีปากถูกถ่างอ้าปากออกเสียรูปทรง เสียงแหบแห้งยานครางเปล่งออกมาเบาๆ เป็นคำพูดเดียวกันกับตอนนี้
"อย่าเสือก"
หลังจากวันนั้นแล้ว ดรีมคิดว่าธรรชจะเลิกตามตอแยเรื่องที่ทัก แต่ไม่ใช่แบบนั้น หลังจากนั้นเรียกได้ว่าธรรชตามติดแทบทุกฝีก้าวและดรีมก็ได้เป็นคนแรกที่รู้ว่าจริงๆแล้วธรรชไม่ใช่คนจนอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ เพราะรถที่ธรรชใช้ตามดรีมนั้นเป็นบิ้กไบค์คันโตราคาแพงที่หลายๆคนได้แต่ฝันถึงจนหลายครั้งดรีมก็เลยให้ธรรชพาไปส่งที่หอ แม้จะต้องเจอกับคำถามน่ารำคาญหรือประโยคประหลาดตามหลังมาก็ตาม แต่แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นดรีมก็ไม่เคยบอกธรรชสักครั้งว่าไอ้สิ่งที่รับมาเป็นอะไรและกับเพื่อนของดรีมเองก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดขึ้นได้พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าธรรชอยากจะมีเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ ทุกครั้งที่เดินเข้ามาถามเรื่องอะไรก็ตามที่ดรีมไปรับมาแล้ว เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ธรรชก็ปลีกตัวออกไป ไม่ได้ทำมึนนั่งรวมกลุ่มกับพวกเขา"สรุปแล้วมันเรื่องอะไรวะดรีม?""ไม่รู้ มันเพ้อเจ้อไปเอง""แต่กูว่าไม่ใช่แล้วมั้ง"หลายวันมานี้ธรรชยิ่งตามติดดรีมมากยิ่งขึ้น ตัวของดรีมเองอาจจะไม่ทันสังเกต แต่เพื่อนในกลุ่มเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของดรีมบ้างแล้วจากเดิมดรีมแม้ไม่ใช่คนเจ้าสำอางค์อะไรนัก แต่ว่าก็ไม่ได้ปล่อยปละละเล
"มหา ทางนี้"ชายหนุ่มหน้านิ่งสวมแว่นสายตาเทอะทะหันมองตามทิศทางของเสียงเรียก เห็นชายหนุ่มอีกคนท่าทางร่าเริงโบกมือให้จนหัวสั่น เขาเดินตามเสียงเรียกไปนิ่งๆ ชายที่ตะโกนเรียกเมื่อครู่นั่งลงบนม้าหินอ่อนตัวเดิมแล้วพนมมือขึ้นมา"มหาให้พรหน่อยครับ"บนโต๊ะม้าหินอ่อนมีนักศึกษาคนอื่นนั่งล้อมวงกันอยู่ ทุกคนหันขวับมาเมื่อได้ยินว่าเพื่อนร่วมโต๊ะเรียก 'มหา' คนนั้นมาหาที่โต๊ะ จากที่พากันนั่งอ่านชีทสรุปสำหรับสอบเก็บคะแนนในวันนี้ พากันวางชีทลงแล้วพนมมือตามเพื่อนคนแรกคนที่เพื่อนเรียกว่ามหานิ่วหน้า"ไม่ได้อ่านชีทมาหรอครับ""อ่านนะ แต่ไม่เข้าหัวเลยมหา เร็วๆ""อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ""สาธุ"เพื่อนที่นั่งล้อมวงพากันยกมือสาธุหลังจากมหาพูดภาษาบาลีที่พวกตนก็ไม่เข้าใจออกมา กลุ่มเด็กนักศึกษาพากันยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนที่ 'ธรรช ธริทร์วรัช' จะพูดประโยคถัดไปออกมา"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ"เพื่อนตรงหน้ายกมือค้างเหลือกตาขึ้นมามองธรรชที่กวนตีนหน้านิ่งแต่เช้า ทุกคนเคร่งเครียดกับการสอบเก็บคะแนน แต่ไอ้แว่นหน้านิ่งนี่กลับกวนกันให้เสียเวลาลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นคนเรียกธรรชมาที่โต๊ะ"กวนตีนแล้วมหา นั่งนี่ๆ"ธรรชสอดตัวนั่งลงข้าง
ความคิดเห็น