Share

ตอนที่ 2

Author: TheXang789
last update Last Updated: 2025-09-23 13:38:56

หลังจากวันนั้นแล้ว ดรีมคิดว่าธรรชจะเลิกตามตอแยเรื่องที่ทัก แต่ไม่ใช่แบบนั้น หลังจากนั้นเรียกได้ว่าธรรชตามติดแทบทุกฝีก้าว

และดรีมก็ได้เป็นคนแรกที่รู้ว่าจริงๆแล้วธรรชไม่ใช่คนจนอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ เพราะรถที่ธรรชใช้ตามดรีมนั้นเป็นบิ้กไบค์คันโตราคาแพงที่หลายๆคนได้แต่ฝันถึง

จนหลายครั้งดรีมก็เลยให้ธรรชพาไปส่งที่หอ แม้จะต้องเจอกับคำถามน่ารำคาญหรือประโยคประหลาดตามหลังมาก็ตาม แต่แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นดรีมก็ไม่เคยบอกธรรชสักครั้งว่าไอ้สิ่งที่รับมาเป็นอะไร

และกับเพื่อนของดรีมเองก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดขึ้นได้

พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าธรรชอยากจะมีเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ ทุกครั้งที่เดินเข้ามาถามเรื่องอะไรก็ตามที่ดรีมไปรับมาแล้ว เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ธรรชก็ปลีกตัวออกไป ไม่ได้ทำมึนนั่งรวมกลุ่มกับพวกเขา

"สรุปแล้วมันเรื่องอะไรวะดรีม?"

"ไม่รู้ มันเพ้อเจ้อไปเอง"

"แต่กูว่าไม่ใช่แล้วมั้ง"

หลายวันมานี้ธรรชยิ่งตามติดดรีมมากยิ่งขึ้น ตัวของดรีมเองอาจจะไม่ทันสังเกต แต่เพื่อนในกลุ่มเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของดรีมบ้างแล้ว

จากเดิมดรีมแม้ไม่ใช่คนเจ้าสำอางค์อะไรนัก แต่ว่าก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยตัวเอง แต่หลายวันมานี้หลังจากที่ธรรชเอ่ยทักเรื่องรับของอะไรสักอย่าง ก็ดูเหมือนว่าจะซูบลงไปนิดหน่อย แล้วก็ดูไม่มีราศีเท่าไหร่

ที่น่าแปลกคือตามร่างกายมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆตามแขน หรือต้นคอด้านหลังแบบที่เจ้าตัวอาจจะไม่ได้สังเกตเห็นง่ายๆ

"จะไม่ใช่อะไรล่ะ? มันอย่างกับคนโรคจิต"

เพื่อนที่นั่งข้างกันเอาศอกกระทุ้งเบาๆเป็นการปราม

"อย่าพูดถึงเพื่อนแบบนั้น"

"ก็ทำไมกูจะพูดไม่ได้ วันก่อนมันตามไปด้อมๆมองๆอยู่ถึงหน้าหอกู ดีนะกูมองเห็นก่อนเลยไปแจ้งยามที่หอ"

"มันต้องทำขนาดนั้นเลยหรอวะ"

"ใช่มั้ยล่ะ อย่างกับโรคจิต"

ดรีมยิ่งพูดแล้วยิ่งหงุดหงิด ท่าทางที่ไม่ปกติของธรรชทำให้ดรีมเองก็ลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะคนที่หอมองว่าดรีมเป็นคนทำให้ธรรชมาทำตัวลับๆล่อๆอยู่หน้าหอหลายต่อหลายวันแล้ว

"แล้วไมมึงไม่ด่ามันอ่ะ"

"ด่าแล้วมันไปก็ดีสิ เหลือแต่ด่าพ่อล่อแม่มันแล้วตอนนี้"

ดรีมจนใจเกินจะกล่าว ไม่รู้ว่าธรรชจะมาติดตามอะไรตัวเองนักหนา

แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าดรีมนั้นปิดบังเรื่องที่ตัวเองไปเอาตะกรุดอันหนึ่งมาบูชา ซึ่งหลังจากที่ได้มาดรีมก็คิดว่าชีวิตก็ดีขึ้นอยู่บ้างเหมือนกัน เรื่องมีดวงเล็กๆน้อยๆก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ดรีมไม่เชื่อว่าสิ่งที่ธรรชพูดจะเป็นความจริง

"ถ้ามันคุกคามหนักกว่านี้มึงต้องแจ้งความแล้วนะ"

ใครจะไปรู้ เพื่อนร่วมคณะที่ดูเงียบๆอย่างธรรชอาจจะเป็นพวกโรคจิต วิตถารอะไรทำนองนั้นก็ได้ ถึงดรีมจะเป็นผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง แต่หากเทียบกับธรรชแล้วยังต่างกันอยู่เล็กน้อย

ถ้าหากธรรชมันเอาจริงขึ้นมา อาจจะสู้ไม่ไหวก็ได้

"เออ กูก็คิดเหมือนกัน"

แม้ว่าดรีมจะไม่ได้อยากแจ้งความอะไรขนาดนั้น แต่คนที่หอก็คงหวั่นใจอยากจะแจ้งความบ้างแล้วล่ะ

"แล้วนี่จะกลับยังไง"

"เดี๋ยวธรรชมันก็มา"

เพื่อนของดรีมยิ่งทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าถูกคุกคามขนาดนั้นจะต้องไม่อยากเข้าใกล้แล้วหรือเปล่า แต่ดรีมกลับยอมให้ธรรชไปส่งที่หอง่ายๆแบบนี้เลย

"สรุปแล้วยังไงวะ"

"เออน่า นู่น มาแล้ว"

ธรรชยังตรงดิ่งเข้ามาหาดรีมด้วยท่าทางไม่น่าเข้าใกล้เช่นเดิม คงไม่มีใครชินนอกจากดรีมที่เห็นอย่างนั้นทุกวัน

"ดรีมครับ สรุปจะบอกได้หรือยัง..."

"โอ๊ย พูดมาก ไปๆกลับแล้ว ไปแล้วนะพวกมึง"

ดรีมคว้าเอาธรรชที่ทำหน้าไม่เป็นมิตรลากไปอีกทางหนึ่ง ธรรชเองก็ยอมตามไปแต่โดยดีเพราะมีแค่ดรีมคนเดียวที่เป็นเป้าหมาย

พักหลังมานี้ธรรชยิ่งร้อนรนเมื่อดรีมดูเหมือนจะอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เจ้าตัวอาจจะไม่สังเกต แม้เวลาที่ธรรชอยู่ด้วย ผีสาวตนนั้นจะตามจากที่ไกลๆก็ตาม

แม้คนอื่นจะไม่เห็น แต่ธรรชเห็น

ทุกครั้งที่ธรรชเข้าใกล้ดรีมเธอจะผละออกจากตัวดรีมแขึ้นไปอยู่บนเพดาน แล้วไต่เพดานตามมาเรื่อยๆพร้อมกับส่งสายตาเคียดแค้นให้กับธรรช แต่แน่นอนว่าธรรชไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร ดีเสียอีกที่มองเห็นตัว ยังดีกว่าแฝงเข้าไปในร่างของดรีมได้สำเร็จ

"ดรีม ถ้าไม่บอกมันจะแย่ลงเรื่อยๆ"

รอยช้ำตามร่างกายของเพื่อนร่วมคณะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่ามันค่อยๆกัดกินดรีมไปทีละเล็กละน้อย

"มึงเพ้อเจ้อนะธรรช"

"ดรีมรู้ดีอยู่แก่ใจ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ"

ธรรชไม่ชอบใจที่ดรีมไม่ยอมเสียทีว่าไปรับเอาอะไรมา เมื่อธรรชมาส่งถึงหน้าหอแล้วจึงได้เกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย

"เอามาให้ผมเถอะครับ"

"เรื่องดิ่ กูเช่ามาแพง"

ธรรชจะอ้าปากถามต่อแต่ก็เห็นว่ายามของหอเดินปรี่เข้ามาเกือบจะถึงตัวแล้ว จึงทำได้แค่ยัดกระดาษชิ้นเล็กใส่มือของดรีม พูดทิ้งท้ายไว้นิดหน่อย

"ถ้ามีอะไรต้องโทรมานะครับ"

ธรรชรู้ดีว่าดรีมไม่เคยเมมเบอร์ของธรรชเอาไว้ในเครื่องเลยแม้แต่ครั้งเดียว เผลอๆจะทิ้งกระดาษที่เขียนเบอร์โทรของธรรชทุกครั้งที่ได้รับด้วยซ้ำไป

"น้องเป็นอะไรมั้ย?"

ยามของหอพักที่บังเอิญเห็นการโต้เถียงเมื่อครู่เดินเข้ามาถามดรีมด้วยความเป็นห่วง เพราะดรีมเคยแจ้งเอาไว้ว่าธรรชมาคอยเฝ้าดรีมอยู่หน้าหอ อีกทั้งยังทำตัวลับๆล่อๆสร้างความหวาดระแวงให้กับคนที่หอพัก

"ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณมาก"

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ยังไม่ได้คืนดีกับแฟนล่ะสิ แต่ก็ใส่ใจดีนะ ยังมารับมาส่งตลอดเลย"

เพราะคู่รักชายชายนั้นไม่ได้อยู่ในที่ลับอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นยามของหอพักที่เห็นมาหลายครั้งต่อหลายครั้งจึงชินไปเรียบร้อย แถมยังเข้าใจว่าธรรชมาคอยด้อมๆมองๆเป็นเพราะจะมาง้อแฟนอีก

"ไม่ใช่ครับพี่..."

"เอาหน่า ไม่ต้องอายหรอก พี่เข้าใจ"

ยามของหอพักตบบ่าดรีมปุๆ ก่อนจะเดินไปยังป้อมของตัวเองโดยไม่รอฟังคำแก้ตัวใดๆ ดรีมจนใจเดินเข้าหอพักไปง่ายๆ

ดรีมกดลิฟต์ไปยังชั้นห้าที่เป็นชั้นของห้องพักตัวเอง ในขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิด มันก็เปิดออกอีกครั้ง ดรีมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ คิดว่ามีคนจะเข้า แต่เมื่อเงยหน้ามองก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า

ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างที่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไป มันยังหยุดและเปิดทุกชั้นจนถึงชั้นห้า เมื่อถึงชั้นห้าแล้วดรีมจึงรีบพุ่งตัวออกจากลิฟต์อย่างรวดเร็ว

"อะไรวะ"

ดรีมรีบๆแตะคีย์การ์ดแล้วพุ่งตัวเข้าห้องพักอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกคิดว่าหลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วจะลงไปหาอะไรกินในซอยของหอพัก แต่จากเหตุการณ์ประหลาดที่เจอในลิฟต์เมื่อครู่ ดรีมก็คิดว่าคืนนี้คงได้พึ่งมาม่าแทน

ดรีมลูบอกตัวเองให้ใจเย็นลง พยายามไม่คิดมากเรื่องที่พบเมื่อครู่ คิดว่าคงเป็นเพราะลิฟต์อาจจะมีอะไรผิดปกติสักอย่างจึงทำให้เกิดเรื่องแบบนั้น จัดการธุระส่วนตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป

เช้าวันต่อมาดรีมตื่นมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อลืมตาขึ้นมาได้ดรีมรีบดีดตัวลงจากเตียงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ออกไปจากห้องทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

แต่เมื่อออกมาจากห้องแล้วก็พบเข้ากับลิฟต์เจ้ากรรมที่เกิดเรื่องประหลาดเมื่อวาน ดรีมลังเลไม่กล้าเดินเข้าลิฟต์ไปคนเดียวกลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบเมื่อวานขึ้นอีก ดรีมยืนรอจนกว่าจะมีคนออกมาจากห้องเพื่อที่จะได้ลงลิฟต์ไปพร้อมกัน

ในขณะที่ยืนรออยู่ก็ได้ยินเสียงประหลาดในห้องของตัวเอง ดรีมตัวเย็นวาบ ใจหนึ่งอยากจะเปิดประตูเข้าไปดู แต่ดรีมมั่นใจว่าในห้องนั้นไม่มีคนอยู่เพราะดรีมอยู่หอคนเดียว แต่ก็ไม่ได้เปิดอะไรทิ้งเอาไว้ ก่อนออกมาจากห้องมั่นใจว่ากดรีโมตปิดแอร์แล้ว

ดรีมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างเดินลงบันได เข้าไปดูในห้อง หรือว่ารอลงลิฟต์พร้อมกับคนอื่นจะเลือกอย่างไหนดี

ราวกับโชคช่วยมีคนชั้นเดียวกันเดินออกมาจากห้องพอดี เขาหันมาเห็นดรีมยืนทำตัวประหลาดอยู่หน้าห้องของตัวเองก็ตกใจเล็กน้อย ดรีมรีบเดินตามเข้าลิฟต์ไปด้วยอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่ถึงนาทีลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นล่าง ในตอนนี้ยังเช้าเกินกว่าที่จะไปนั่งรอเพื่อนอยู่ที่มหาลัย แต่ว่าดรีมไม่อยากจะรั้งรออยู่ที่หออีกต่อไปแล้ว ดรีมโบกวินมอไซค์ที่อยู่เยื้องๆกับหอพักเพื่อเข้าไปรอเพื่อนในมหาลัยทันที

ยังมีเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆถึงจะเริ่มคลาส ดรีมฟุบหน้าลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่หน้าตึกเรียนในวันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็หลับไม่ลง ดรีมนั่งตาค้างอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเพื่อนคนแรกของเขามาถึง

เมื่อเพื่อนเห็นสภาพของดรีมก็เอ่ยทักด้วยความตกใจ

"ไอ้ดรีม มึงไปทำอะไรมา?"

เมื่อวานนี้ก่อนแยกกันก็ยังดูดีๆอยู่ แม้ว่าจะดูซีดเซียวไปบ้าง แต่ว่าก็ไม่ได้หนักหนาเท่าวันนี้ สภาพดรีมในสายตาของเพื่อนตอนนี้ราวกับคนป่วยหนัก และโทรมมาก ดรีมเองก็รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สามารถนั่งทรงตัวตรงๆได้

"อืม..รู้สึกล้าๆว่ะ นอนไม่หลับ"

"เห้ย มันไม่ใช่แค่นอนไม่หลับแล้ว สภาพมึงเหมือนจะตายเลย โคตรซีด"

เพียงครู่เดียวเพื่อนคนอื่นก็เดินตามมา เพื่อนคนแรกเลยกวักมือเรียกให้รีบๆมา

"อะไรของมึงวะภาม?"

"มึงมาดูไอ้ดรีม มันจะตายห่าแล้ว"

"ไอ้เหี้ยนี่ปากหมา"

ดรีมฟาดลงบนต้นขาของภามดังเพี๊ยะ

"มึงไม่ได้ส่องกระจกหรือไง? เห็นสารรูปตัวเองมั้ยว่าอนาถแค่ไหน?"

"ไอ้เหี้ย มึงไปทำอะไรมาวะ?"

นอกจากภามแล้ว เมื่อเพื่อนที่มาใหม่ชะโงกมาดูก็ทำท่าทางเหมือนกับภามไม่มีผิดเพี้ยน

"เห็นมั้ยกูบอกแล้ว"

"มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะ?"

"กูประหลาดใจมากที่เห็นว่ามึงแบกสังขารของมึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ มึงป่วยหรือเปล่า?"

เพราะว่าดรีมรีบออกมาจากหอ ดังนั้นนอกจากเปลี่ยนชุดนักศึกษาแล้ว อาบน้ำล้างหน้าอะไรก็ไม่ได้ทำ คว้ากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ออกมาด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว ดรีมเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้เพื่อนฟัง เพื่อนทำหน้ายี้ก่อนจะต่อสายตรงหาเพื่อนที่ยังมาไม่ถึง

ไม่นานเพื่อนอีกคนก็มาพร้อมกับของที่สั่งไป

"ไอ้พุมันสั่งของพวกนี้ทำไมวะ"

"เอามาให้เพื่อนมึงนี่ไง มาดูมันนี่"

น้ำพุเรียกกลุ่มเพื่อนที่มาใหม่ให้มาดูสภาพคนที่วิ่งหัวแรกแหกกระเซิงมาจากหอตั้งแต่ไก่โห่ อีกทั้งยังมาแบบเน่าๆน้ำท่าไม่อาบ แม้แต่ล้างหน้าแปรงฟันก็ยังไม่ทำ

"เหี้ย นี่คืออะไร ผีหลอกหรอมึง"

สภาพซีดเซียวเหมือนคนใกล้ตายของดรีมทำให้เพื่อนคนอื่นทั้งตกใจและประหลาดใจไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่ว่าเมื่อวานก่อนแยกกันยังดีๆอยู่หรอ

"..."

"ดรีม"

"อาจจะเป็นผีจริงๆก็ได้มึง..."

ดรีมตอบเพื่อนเสียงอ้อมแอ้ม มือไม้อยู่ไม่สุข ทำตาหลุกหลิกไม่สบตาใคร กลุ่มเพื่อนมองกันเองไปมา ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

"หอมึงอยู่มาจะสามปีแล้วไม่ใช่หรือไง?"

หอที่ดรีมอยู่เป็นหอที่ดรีมเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปีหนึ่ง ถ้าหากจะเจอก็น่าจะเจอไปนานแล้วไม่ใช่มาเจอเอาตอนปีสามแบบนี้

"ก็ใช่..."

"แต่ผีในหอจะทำมึงขนาดนี้เลยหรอ?"

ก่อนที่จะได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพื่อนคนหนึ่งก็เหลือบไปเห็นธรรชกำลังเดินดิ่งเข้ามาหาอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้สีหน้าดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิม

"พ่อไอ้ดรีมมา"

ดรีมหันขวับเมื่อได้ยินว่าธรรชมาแล้ว ดรีมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกดีใจมากขนาดนี้ เพราะทุกๆวันก่อนหน้านี้เอาแต่ขับไสไล่ส่งเสียมากกว่า

ธรรชไม่ได้ตื่นตกใจเหมือนเพื่อนคนอื่นเมื่อเห็นสภาพของดรีม เพราะมันก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดเดาเอาไว้เท่าไหร่นัก

ประโยคแรกที่เอ่ยทักไม่ใช่คำพูดทับถมที่ดรีมไม่เชื่อเรื่องที่ธรรชเตือน แต่เป็นประโยคน่ารำคาญที่ดรีมได้ยินทุกวันจนเอียน

เพียงแต่วันนี้อาจจะต่างไปนิดหน่อย

"บอกผมได้หรือยัง? ว่าไปรับอะไรมา?"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นะโมพุทธายะ   ตอนที่ 2

    หลังจากวันนั้นแล้ว ดรีมคิดว่าธรรชจะเลิกตามตอแยเรื่องที่ทัก แต่ไม่ใช่แบบนั้น หลังจากนั้นเรียกได้ว่าธรรชตามติดแทบทุกฝีก้าวและดรีมก็ได้เป็นคนแรกที่รู้ว่าจริงๆแล้วธรรชไม่ใช่คนจนอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ เพราะรถที่ธรรชใช้ตามดรีมนั้นเป็นบิ้กไบค์คันโตราคาแพงที่หลายๆคนได้แต่ฝันถึงจนหลายครั้งดรีมก็เลยให้ธรรชพาไปส่งที่หอ แม้จะต้องเจอกับคำถามน่ารำคาญหรือประโยคประหลาดตามหลังมาก็ตาม แต่แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นดรีมก็ไม่เคยบอกธรรชสักครั้งว่าไอ้สิ่งที่รับมาเป็นอะไรและกับเพื่อนของดรีมเองก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดขึ้นได้พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าธรรชอยากจะมีเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ ทุกครั้งที่เดินเข้ามาถามเรื่องอะไรก็ตามที่ดรีมไปรับมาแล้ว เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ธรรชก็ปลีกตัวออกไป ไม่ได้ทำมึนนั่งรวมกลุ่มกับพวกเขา"สรุปแล้วมันเรื่องอะไรวะดรีม?""ไม่รู้ มันเพ้อเจ้อไปเอง""แต่กูว่าไม่ใช่แล้วมั้ง"หลายวันมานี้ธรรชยิ่งตามติดดรีมมากยิ่งขึ้น ตัวของดรีมเองอาจจะไม่ทันสังเกต แต่เพื่อนในกลุ่มเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของดรีมบ้างแล้วจากเดิมดรีมแม้ไม่ใช่คนเจ้าสำอางค์อะไรนัก แต่ว่าก็ไม่ได้ปล่อยปละละเล

  • นะโมพุทธายะ   ตอนที่ 1

    "มหา ทางนี้"ชายหนุ่มหน้านิ่งสวมแว่นสายตาเทอะทะหันมองตามทิศทางของเสียงเรียก เห็นชายหนุ่มอีกคนท่าทางร่าเริงโบกมือให้จนหัวสั่น เขาเดินตามเสียงเรียกไปนิ่งๆ ชายที่ตะโกนเรียกเมื่อครู่นั่งลงบนม้าหินอ่อนตัวเดิมแล้วพนมมือขึ้นมา"มหาให้พรหน่อยครับ"บนโต๊ะม้าหินอ่อนมีนักศึกษาคนอื่นนั่งล้อมวงกันอยู่ ทุกคนหันขวับมาเมื่อได้ยินว่าเพื่อนร่วมโต๊ะเรียก 'มหา' คนนั้นมาหาที่โต๊ะ จากที่พากันนั่งอ่านชีทสรุปสำหรับสอบเก็บคะแนนในวันนี้ พากันวางชีทลงแล้วพนมมือตามเพื่อนคนแรกคนที่เพื่อนเรียกว่ามหานิ่วหน้า"ไม่ได้อ่านชีทมาหรอครับ""อ่านนะ แต่ไม่เข้าหัวเลยมหา เร็วๆ""อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ""สาธุ"เพื่อนที่นั่งล้อมวงพากันยกมือสาธุหลังจากมหาพูดภาษาบาลีที่พวกตนก็ไม่เข้าใจออกมา กลุ่มเด็กนักศึกษาพากันยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนที่ 'ธรรช ธริทร์วรัช' จะพูดประโยคถัดไปออกมา"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ"เพื่อนตรงหน้ายกมือค้างเหลือกตาขึ้นมามองธรรชที่กวนตีนหน้านิ่งแต่เช้า ทุกคนเคร่งเครียดกับการสอบเก็บคะแนน แต่ไอ้แว่นหน้านิ่งนี่กลับกวนกันให้เสียเวลาลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นคนเรียกธรรชมาที่โต๊ะ"กวนตีนแล้วมหา นั่งนี่ๆ"ธรรชสอดตัวนั่งลงข้าง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status