“เป่าเป้ย ข้าจะโกรธจริงๆแล้วนะ”
“ก็ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้วไปกันเถอะ เสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”
พวกนางพากันไปกินข้าวที่ห้องอาหารของสำนักศึกษาซึ่งท่านหญิงจ้าวลู่อินและเจาเนี่ยเฟยนั่งกินอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อพวกนางเข้าไปถึง ฟางเหยาและเป่าเป้ยจึงพยายามหาที่นั่งที่ห่างจากพวกนางให้มากที่สุดเพราะไม่อยากมีเรื่อง
“ท่านหญิง พวกนางมาแล้ว”
“ข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงแค่ไหน”
“เพื่อนของข้าบอกว่าอาจารย์หยางสั่งให้นางเดินตามไปหลังจากพวกเราเดินออกจากห้องมาเจ้าค่ะ เห็นว่านางกับอาจารย์หยางเข้าไปในห้องของอาจารย์หยางสองคน”
“นังแพศยาไร้ยางอาย”
“ท่านหญิง ท่านจะทำอย่างไรต่อ เข้าไปจัดการนางเลยดีหรือไม่”
“ไม่ วิธีของเจ้ามันไม่เคยได้ผล เจ้าก็เห็นผลลัพธ์มิใช่หรือครั้งนี้อยู่เฉยๆไปเถอะ ใช้กำลังไม่ใช้ความคิดเอาชนะคนเช่นนางไม่ได้หรอก ครั้งนี้ให้ข้าจัดการเอง”
เจาเนี่ยเฟยนิ่งไปทันที นี่ท่านหญิงราวกับหลอกด่าว่านางไม่มีความคิด ทำสิ่งใดก็พลาดเสมอ จ้าวลู่อินไม่เหมือนนาง แม้ว่าจะไม่เคยออกหน้าให้มีเรื่องแต่ก็เป็นพวกชอบยุให้ผู้อื่นมีเรื่องกันด้วยคำพูดนิ่มๆ ซึ่งพวกนางก็มักจะหลงกลเพราะนางเป็นถึงท่านหญิง
“เฮ้อ กินข้าวอร่อยมากขึ้นมาหน่อย พวกนางคงไม่กล้ามาหาเรื่องเราไปอีกนาน”
“ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้วละ รีบกินเถอะ เห็นว่าหลังเขาเป็นน้ำตกและมีบ่อน้ำพุร้อนกับเย็น ข้าอยากไปเดินเล่น”
“ไม่เอาแล้ว ข้าอยากกลับไปพักผ่อนเจ้าไปคนเดียวเถอะ”
“อืม ถ้างั้นเจ้าก็กลับไปก่อน อ้อ ข้าฝากเอายาไปเก็บให้ด้วย”
“ได้ เจ้าก็ระวังหน่อยนะ นี่ก็ค่ำแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงน่าข้าจะรีบกลับ”
พวกนางเดินแยกกันไปเป่าเป้ยเดินถือยาและกลับไปที่ห้องพักส่วนฟางเหยาเดินไปที่ด้านหลังเขา นางเดินเข้าไปเรื่อยๆและพบลานก่อนถึงน้ำตก ถัดไปเป็นป่าไผ่
“ที่นี่เหมาะกับการฝึกวิชาจริงๆ ทั้งเงียบทั้งเย็นสบาย”
นางเดินไปเรื่อยๆจนถึงธารน้ำตกด้านใน ไอร้อนคงมาจากบ่อน้ำพุร้อนนางจึงรีบเดินเข้าไปดู
“โอ้โห สวยกว่าที่คิดมากเลย ไหนๆก็มาแล้ว…..อาบน้ำที่นี่เลยก็แล้วกัน”
ที่นี่มิใช่สถานที่ต้องห้าม และไม่ได้มีกฎใดบอกว่าห้ามให้มาอาบน้ำหรือฝึกวิชาที่นี่ ในเวลานี้นักเรียนแต่ละคนก็เข้าไปยังห้องพักกันแล้วเพื่อเตรียมอาบน้ำและเข้านอน
ฟางเหยาค่อยๆถอดชุดออกและเดินตัวเปลือยเปล่าลงไปแช่น้ำอุ่นที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นทันที
“สบายจริงๆ”
เสียงไผ่ลู่ลมยิ่งทำให้จิตใจนางสงบลง นางหลับตาลงพร้อมกับปล่อยใจให้เพลิดเพลินกับการแช่อ่างน้ำร้อนโดยไม่ทันระวังตัวแต่อย่างใด ฝีเท้าหนึ่งวิ่งมาทางนี้ นางยังไม่ได้ยินเพราะมองไปยังน้ำตกด้านล่าง เสียงน้ำตกนั้นกลบเสียงด้านหน้า
“ข้าเห็นว่ามันไปทางนี้”
“ตามไป มันเข้ามาขโมย “สิ่งนั้น” เป็นแน่”
“แยกกันตามหา”
บุรุษหนุ่มนั้นวิ่งมาจนสุดทางและเมื่อเห็นว่าไม่มีทางหนีจึงรีบปลดชุดออกและทิ้งชุดสีดำลงไปที่น้ำตก เขาเปลือยกายลงและพุ่งตัวลงไปที่บ่อน้ำพุร้อนทันทีและเมื่อเดินลงไปเพื่อจะซ่อนตัวกลับเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
“แย่แล้ว!!”
“มันไปทางนั้นแน่”
“แต่ตรงนั้นเป็นบ่อน้ำพุ มันไม่น่าจะมาทางนี้"
“ตามไปดูก็รู้”
ฟางเหยาหันมาและต้องตกใจเมื่อเห็นภาพบุรุษหนุ่มที่เปลือยกายอยู่เบื้องหน้า แม้ว่าจะแค่ครึ่งตัวแต่แผงอกกว้างขาวสะอาดนั้นทำเอานางตกใจแต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้านางในตอนนี้นั้น
“อา…อาจารย์หยาง!!”
“เงียบก่อน มีคนกำลังมา!!”
เขาพุ่งตัวเข้ามาโอบรัดนางเอาไว้และพานางไปซ่อนตัวหลังโขดหิน ฟางเหยาไม่คิดว่าจะมาพบเขาในเวลาแบบนี้ หรือเขาก็จะมาอาบน้ำเช่นกัน
“ท่านปล่อยข้านะ”
“เจ้าเงียบก่อนสักประเดี๋ยว”
“แต่ว่าข้า…”
“เงียบก่อน”
เสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ นางยังไม่ยอมเงียบ เสียงน้ำดังขึ้นเรื่อยๆเขาไม่มีทางเลือกจึงจับนางที่เปลือยเปล่าหันมา
“ขออภัย ล่วงเกินเจ้าแล้ว”
“ท่านจะ…”
ริมฝีปากของเขาประทับลงมาที่ปากนางทันที เสียงตีน้ำหยุดลงทันที ทุกอย่างอยู่ในความเงียบทันทีแต่นางยังพยายามดันตัวเองออกจากเขา แต่เฟิ่งหยวนแรงมากกว่านางมากนั้น
เขากอดรัดตัวนางจนนางไม่สามารถขยับตัวได้เลย เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้า พวกเขามองไม่เห็นทั้งคู่ หยางเฟิ่งหยวนดึงนางเข้ามาแนบชิดตัวมากยิ่งขึ้นเพื่อให้โขดหินนั้นบดบังทั้งคู่ได้จนมิดตัวไม่เป็นที่สังเกต
“ที่นี่เป็นบ่อน้ำพุร้อน เป็นเขตของสำนักศึกษามันไม่มาทางนี้หรอก”
“ไปค้นดูที่อื่น ข้าไม่เชื่อว่ามันจะหนีไปได้ไกล”
ฟางเหยาไม่ได้ยินเสียงที่คุยกันอยู่เลยสักนิด บัดนี้นางหูอื้อตาลายไปกับสัมผัสจากจูบของคนตรงหน้า กายกำยำที่เบียดเข้ามาจนนางขยับไปไหนไม่ได้อีกทั้งปากที่ขยับเล็กน้อยนั้นทำให้นางเริ่มหายใจติดขัด
มือหนาจับคางนางเพื่อให้รับสัมผัสจากปากเขาอีกครั้ง นางไม่อาจหนีได้อีกแล้ว แขนนางเริ่มโอบกอดเขาปล่อยให้เขานำทางนางอย่างเต็มใจ ที่จริงแล้วนางกำลังจะหมดแรงต่างหากเพราะไม่เคยถูกผู้ใดล่วงเกินเช่นนี้มาก่อน
“ลี่…ฟางเหยา ขออภัย”
“ท่าน….”
เขายอมปล่อยนางแล้วและหันหลังให้ทันที
“ขออภัย ล่วงเกินเจ้าหนักแล้วข้าไม่คิดว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
ฟางเหยาคิดสิ่งใดไม่ออกนึกอะไรไม่ออกและพูดไม่ออกเช่นกัน นางนิ่งไปและเมื่อสติกลับคืนมาก็นึกได้ว่านางเปลือยกายอยู่ในสระจึงรีบหดตัวลงในน้ำจนเหลือเพียงคอและหันหลังให้เขาทันที
“ท่าน ท่านๆๆ มาทำอะไรที่นี่”
“ข้า…ออกมาตามคนร้าย แล้วหลงเข้ามา ขอโทษเจ้าด้วย ขะ…ข้าขอตัวก่อน”
เขากระโดดขึ้นจากสระน้ำและคว้าชุดที่ซ่อนเอาไว้มาสวม พลันหันไปมองข้างๆจึงได้เห็นชุดที่นางถอดเอาไว้ รวมถึงชุดชั้นในของนางด้วย หน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นทันที เช่นนั้นนางก็…ไม่ได้สวมสิ่งใดเลยนะสิ
“ข้า!! ขออภัยฟางเหยา ข้า..ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า”
“ท่านออกไปนะ!! ข้า..ข้ายังไม่อยากเห็นหน้าท่าน”
“แต่ว่าในเวลานี้…”
“ออกไปก่อน ข้าขอร้อง!!”
เสียงนางเริ่มสั่นเครือ หยางเฟิ่งหยวนอยากกล่าวขอโทษนางแต่เขากลับพูดไม่ออกเลยทำได้เพียงคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาสวมและเดินออกจากที่นั่นไปทันที ฟางเหยาหลับตาลงพร้อมกับตีไปที่หน้าผากตัวเองและต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะนางลืมไปว่ายังมีบาดแผลอยู่
“ให้ตายเถอะ ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรเช่นนี้นะ ตาเฒ่าหยางมาทำอะไรที่นี่ แล้วยัง….ฮึ๊ยย!!!! เจ็บใจนัก!!”
นางโมโหเมื่อนึกถึงจูบแรกที่เสียไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่โมโหมิใช่โกรธที่หยางเฟิ่งหยวนจูบ แต่กลับโมโหตัวเองที่ยินยอมให้เขาทำ ที่จริงนางควรต้องดันตัวออกห่าง แต่นี่กลับ…..
“โธ่เว้ย ซวยชะมัด!!”
นางสบถออกมาด้วยเสียงที่ดังก่อนจะค่อยๆขึ้นมาแล้วรีบแต่งตัวเพื่อจะเดินกลับไปที่หอพักของตนเอง นางเดินผ่านป่าไผ่ที่ก่อนหน้านี้เดินเข้ามาแต่บรรยากาศไม่ได้วังเวงถึงเพียงนี้
นางเดินต่อไปเรื่อยๆและเริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินตามมา นางแสร้งทำไม่สนใจและเริ่มหันกลับไปและซัดฝ่ามือใส่ผู้ที่ติดตามทันที
กระบวนท่านางถูกเขารับไว้ได้ หรือว่าจะเป็นคนร้ายที่พวกเขาตามหาอยู่ ดีละวันนี้นางจะได้ช่วยพวกอาจารย์จับโจร นางออกกระบวนท่าไปหลายท่าแต่เขากลับรับได้หมด
“ลี่ฟางเหยา หยุดก่อนนี่ข้าเอง”
ห้องส่งตัวกู้เป่าเป้ยโม่วตงลี่เดินเข้ามายังห้องส่งตัวเจ้าสาวของเขาพร้อมกับไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“ตงลี่ นั่นท่านหรือ”“ข้าเองเป่าเป้ย ขอโทษที่ให้เจ้ารอนานนะ”“ไม่เป็นไร ท่านรีบเถิด ข้ารู้สึกแปลกๆ อยากเปลี่ยนชุดแล้ว”“ได้สิ ข้าจะเปิดหน้าเจ้าตอนนี้เลย”เขาใช้ไม้เปิดใบหน้าเจ้าสาวแต่มันดันติดเครื่องประดับบนศีรษะของนางจนดึงออกไม่ได้“อย่าดึงนะ ข้าเอาออกเอง”“แย่จริง ข้ารีบร้อนไปหน่อยน่ะ”“ตงลี่ เหตุใดมือของท่านจึงสั่นถึงเพียงนี้”“ข้า…”“ท่านดื่มมาหนักหรือ หน้าท่านก็แดงมากเลยเกิดอะไรขึ้น ปกติท่านดื่มสุราเมาง่ายเช่นนี้เลยงั้นหรือ”“ข้าไม่ได้เมานะ เจ้า…ต้องดื่มสุรานี่กับข้าด้วย”“อ้อ ใช่แล้วๆข้าเกือบลืมไปเลย มาเพคะองค์ชาย”“ยังจำได้สินะว่าข้าเป็นองค์ชาย ปกติพูดกับข้าธรรมดานี่”“ก็ผู้ใดขอให้หม่อมฉันพูดเช่นนั้นเองเล่าเพคะ ตอนนี้จะมาน้อยอกน้อยใจมันไม่ช้าไปหรอกหรือเพคะ”“ก็แค่ช่วงจะไปเมืองหลวงเท่านั้นที่จะให้เจ้าฝึกพูดเช่นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการแล้ว ข้าได้ยินพี่สะใภ้คุยกับพี่แปดแล้วเวียนหัว”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”“ตามใจเจ้าเลย มาเถอะน้องหญิง ดื่มสุรามงคลกัน
พิธีมงคลสมรส“ยินดีด้วยๆ องค์ชายทั้งสองยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งเฟิ่งหยวนและตงลี่ต้องคอยรับแขกในงานหลังจากที่เจ้าสาวของพวกเขาถูกส่งไปยังห้องส่งตัวแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะอยากเร่งไปยังห้องส่งตัวมากแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยงก่อน องค์รัชทายาทสั่งคนให้เรียกทั้งคู่เข้าไปในห้องเพื่อเลี่ยงแขกสักครู่ “พี่ใหญ่ เรียกพวกเรามา มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีของขวัญจะมอบให้เจ้าทั้งสอง”พวกเขาเดินตามองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องและนั่งที่โต๊ะ “นี่คือ….”“นี่ก็คือของขวัญที่จะมอบให้พวกเจ้าในคืนนี้ ดื่มเสียสิ ข้าให้คนต้มมาให้พวกเจ้า บำรุงเสียหน่อยก่อนจะเข้าห้องส่งตัว”""บำรุง""“ใช่ เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเป็นพี่เจ้านะเรื่องเช่นนี้ข้าผ่านมาก่อน รับรองว่าเจ้าจะได้มีบุตรทันใช้เป็นแน่ เหตุใดจ้องหน้าข้าเช่นนี้เล่า ไม่เชื่องั้นหรือ”“ไม่ใช่ไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าข้าคิดว่าพี่แปดกับข้า จำเป็นต้องบำรุงด้วยยานี่ด้วยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะก็ในเมื่อพวกกระหม่อม….แข็งแรงดุจอาชาศึกขนาดนี้”“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าบ่าวหมาดๆอย่างพวกเจ้าหรอกน่า เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าเป็นตัวอย่างสิ นางตั้งครรภ
สิบวันถัดมากองทัพขององค์รัชทายาทเดินทางไปแคว้นหานพร้อมกับส่งมอบตัวองค์ชายกว้านเหมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แคว้นหานหยุดรุกรานแคว้นรอบข้างเป็นเวลาสามสิบปีนับจากนี้ตัวแทนแคว้นต่างๆเข้าร่วมในการทำข้อสัญญาในครั้งนี้ด้วย กว้านเหมาถูกลดลำดับขั้นเป็นเพียงอ๋องและถูกส่งไปชายแดนด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลกับความเจริญเพื่อเป็นการลงโทษ“เขายอมงั้นหรือเพคะ”“เป็นคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจะดัดนิสัยเขาที่เอาแต่ใจ อันที่จริงฮองเฮาเองก็หาวิธีดัดนิสัยของเขามานานแล้วครั้งนี้ถือว่าเขาน่าจะเข็ดไปอีกนาน”“เช่นนั้นเรื่องที่ชายแดนก็นับว่าสงบแล้ว”“ใช่แล้วล่ะ กว้านเหมากลัวแทบตายเมื่อรู้ว่ายาถอนพิษต้องกินถึงสามครั้ง เขาเลยยอมบอกแหล่งผลิตอาวุธร้ายแรงและแหล่งผู้ที่ค้าขายดินปืนและเครื่องมือผลิตให้พี่ใหญ่ จากนี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าผลิตอาวุธนั่นอีก”“แน่ใจหรือเพคะว่าเขาบอกหมดแล้ว”“เขากลัวขนาดนั้น คงไม่กล้าปิดบังอะไรไว้อีกแล้วละ เรื่องนี้เป็นความชอบของเจ้า เสด็จพ่อประทานรางวัลมาให้มากมายรวมถึง…ล้างมลทินให้กับวิหควายุด้วย จากนี้วิหควายุคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงความเป็นธรรมกำจัดคนชั่วเพื่อแผ่นดิน”“เช่นนั้นแสดงว่าหม่อมฉันก็ยังใช้ชื่อน
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจ ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยบอกไม่เคยพูดสิ่งใดเลยงั้นหรือฟางเหยา”“เฟิ่งหยวน เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นคนผิดเอง แต่โปรดฟังเหตุผลก่อน ในเวลานั้นหม่อมฉันมีเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย พระองค์มิได้มาหาหม่อมฉันก่อนที่ข้าจะไปที่นั่น หม่อมฉันรู้เพราะว่าพระองค์ถูกอาจารย์ขังเอาไว้ เรื่องนี้ไม่โทษพระองค์ แต่หม่อมฉันรู้นิสัยของกว้านเหมาว่าจะต้องทำเช่นนั้นเลยตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แต่รู้ว่าเขาต้องหลงกลตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว เรื่องนี้…”“แล้วหากเขาไม่หลงกลเจ้า และทำเรื่องน่าอายนั่นขึ้นมาละ เจ้าคิดว่าหากข้ารู้เรื่องนี้ทีหลัง หรือเจ้ากว้านเหมานั่นมาพูดกับข้าว่ามัน…..”“หม่อมฉันเข้าใจเรื่องที่พระองค์ทรงกังวล แต่มันมิได้เกิดขึ้นและหม่อมฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหากว่าเขาไม่หลงกล ก็แค่ใส่ยาเอาไว้ในสุราเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะได้สัมผัสตัวหม่อมฉัน เฟิ่งหยวนหม่อมฉัน…..พูดจริงๆนะ”“เรื่องยาถอนพิษนั่น.....”“ยาถอนพิษนั่นเป็นแผนของหม่อมฉันเอง ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยเตือนแล้วว่าคนผู้นี้มีมากกล หม่อมฉันเลยคิดว่าการถอนพิษกับเขามันง่ายไปหน่อย หนามยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้จึงจะสามารถลากแผนชั่วของเขาออก
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องโถงเพื่อจะเดินกลับออกไปขึ้นรถม้า ฟางเหยาเมื่อเห็นเขาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนๆและวิ่งตามเขาออกมาทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าเขานึกไม่พอใจสิ่งใดหรือไม่“เฟิ่งหยวน นั่นท่านจะไปที่ใด”เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จอาในห้องโถงและเรื่องยาถอนพิษที่องค์รัชทายาทตรัสเมื่อครู่เขาก็เริ่มกัดกรามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย“องค์ชาย พระองค์เป็นอะไรไปเพคะ”“เปล่า ข้าเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อน”“แต่ว่านี่ยังไม่ดึกเลยนะเพคะ แล้วก็องค์รัชทายาทก็ยังประทับอยู่”เขาหันมามองใบหน้าที่มองเขาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขากำลังโมโหนาง และยังไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจขององค์ชายแปดเริ่มร้อนรนเพราะความโกรธ“เหตุใดพระองค์จึงทำท่าทีเช่นนี้ มีผู้ใดทำให้พระองค์กริ้วงั้นหรือเพคะ”“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดจะบอกเรื่องยาถอนพิษของกว้านเหมากับข้าเมื่อใด”คำถามนี้ทำเอานางตกใจไปเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยุ่งและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านจนลืมบอกเรื่องนี้กับเขาไป นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาโกรธ ฟางเหยารู้สึกแปลกใจ เรื่องยาพิษนั่นนางนำยาถอนพิษไปให้อาจารย์แล้วจึงมิได้ใส่ใจอีก แต่เหตุใด….“พระองค์โกรธหม่อมฉันเรื่องนี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิ
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่