ไป๋หลันตกลงมานานมาก ไม่ถึงพื้นสักที เธอรู้สึกว่าประหลาดจึงลืมตาดู แต่ลืมตาเท่าไรก็ลืมไม่ขึ้น เริ่มรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนและปวดหัวรุนแรง แต่ในที่สุดเธอก็ตกถึงพื้น
ตัวเธอกระแทกกับก้อนหินแข็งอย่างแรงจนปวดไปทั้งสะโพก มีเสียงตะโกนวุ่นวายรอบๆ ตัว แต่ฟังไม่ค่อยชัดว่าพูดอะไรกันบ้าง คราวนี้เธอพยายามลืมตาได้แล้ว แสงจ้าแสบตาจนต้องยกมือขึ้นมาบัง
เหมือนว่าไป๋หลันจะล้มอยู่ข้างรูปปั้นหินที่มีลักษณะเหมือนโคมไฟ มิน่าถึงได้เจ็บมาก ไหล่ของเธอปวดร้าว ได้กลิ่นคาวเลือดด้วย
แต่เอ๊ะ !..เมื่อครู่เธอตกลงมาจากที่สูงไม่ใช่เหรอ เธอเจ็บก้นไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอเข้าใจผิด
“แย่แล้วววว ช่วยด้วย !!!..”
“กรี๊ดดดด...”
“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย !”
ภาพตรงหน้าของไป๋หลันค่อยๆ ชัดขึ้น หญิงสาวในชุดโบราณพลิ้วไหวกำลังวิ่งหนีสุนัขตัวหนึ่งอย่างน่าสงสาร สุนัขสีหม่นสกปรกตัวนั้นวิ่งเห่าอย่างบ้าคลั่งน้ำลายฟูมปาก ลิ้นห้อย ท่าทางดุร้าย แต่ไร้เรี่ยวแรง วิ่งโซเซ ขาหลังดูแล้วแปลกๆ หางลู่ตก
ไป๋หลันรู้ทันทีว่าสุนัขตัวนั้นกำลังป่วย เพราะสมัยเด็กๆ ที่เธอยังอยู่บ้านนอกกับปู่ย่า มีเด็กข้างบ้านเคยถูกสุนัขแบบนั้นกัด เด็กคนนั้นก็ป่วยและตายในที่สุด เธอกลัวมากจึงจำได้ดี
เธอหันไปมองรอบๆ ที่นี่เป็นสวนแบบโบราณ มีผู้หญิงสาวสามคนใส่ชุดแบบโบราณสีเดียวกัน วิ่งไล่ตามสุนัขตัวนั้น ในมือมีไม้สั้นๆ ไล่ตี อีกคนจะใช้มือเปล่าจับตัวสุนัข และอีกคนก็แหกปากร้องขอให้คนช่วย มีหญิงอีกคนที่นั่งบนพื้นห่างออกไปเอาแต่ร้องไห้ ดูแล้วท่าทางอายุมากแล้ว
ระหว่างที่คนอื่นกำลังเดือดร้อนเพราะถูกสุนัขป่วยโรคกลัวน้ำวิ่งไล่ ไป๋หลันยังมีเวลาสำรวจรอบๆ เพราะแม้ทุกอย่างจะดูน่ากลัว แต่ภาพที่เธอเห็นกลับเหมือนภาพซีรีส์ที่กำลังสโลว์โมชัน
“ช่วยด้วย รีบไปตามใครมาช่วยสิ” หญิงคนที่นั่งร้องไห้อยู่ตะโกนราวกับจะเสียสติ มีผู้ชายใส่ชุดโบราณสีเก่าๆ วิ่งออกไปทางซุ้มประตู
ไป๋หลันพยายามลุกขึ้นเพื่อหาทางช่วยทำอะไรสักอย่าง แต่รู้สึกเวียนหัวอย่างหนัก ต้องใช้มือจับโคมเสาหินไว้ถึงจะยืนตัวตรงได้ และพอมองรอบๆแล้ว ด้านข้างของไป๋หลันเป็นบ้านทรงโบราณที่ราคาแพงมาก
มองจากทางเข้าบ้าน เห็นชัดเจนว่าในนั้นมีหน้าไม้ขนาดใหญ่พร้อมลูกศรวางเด่นสง่าอยู่กลางบ้าน บนโต๊ะที่คล้ายหิ้งวางของ แต่เหตุการณ์ตรงหน้าถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน
ไป๋หลันไม่ทันคิดอะไรมาก ด้วยความอยากช่วยคนจึงวิ่งไปหยิบหน้าไม้พร้อมลูกศรในบ้านหลังนั้นตามความเคยชิน และวิ่งออกมาดูสถานการณ์ เธอเห็นว่าหน้าไม้มีขนาดใหญ่มาก วัดด้วยสายตาคร่าวๆ ไป๋หลันคิดว่าตัวคันศรอาจกว้างเท่าผู้ใหญ่คนหนึ่งกางมือทั้งสองข้าง
และเพราะขนาดที่ใหญ่มาก ทำให้การขึ้นสายหน้าไม้จึงยากมากไปด้วย ไป๋หลันมองไปทางหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีสุนัข ตอนนี้ภาพไม่ได้สโลว์โมชันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นกำลังหมดแรง สุนัขใกล้จะวิ่งถึงตัวเธอทุกที ไป๋หลันต้องตัดสินใจพาดหน้าไม้กับโคมหิน ยกเท้ายันปีกหน้าไม้ สองมือออกแรงทั้งหมดที่มีเพื่อดึงขึ้นสาย
ทันทีที่ขึ้นสายรั้งได้เธอก็วางลูกศรลงไป ย่อเข่าให้ตัวหน้าไม้อยู่ในระดับสายตาเพราะเธอไม่อยากยกหน้าไม้ขนาดใหญ่นั้นขึ้นมา กลัวว่าถ้ายกขึ้นอาจเล็งเป้าคลาดเคลื่อนได้ จะเป็นอันตรายกับผู้หญิงที่กำลังวิ่งหนี จึงวางหน้าไม้กับเสาหินนั่นเสียเลย
เมื่อเล็งไปที่สุนัขตัวนั้นแล้วไป๋หลันก็เหนี่ยวไก ลูกดอกพุ่งตรงไปยังกลางลำตัวสุนัขอย่างแม่นยำ เพราะหน้าไม้มีขนาดใหญ่มาก สายขึงจึงยิ่งส่งให้ลูกศรพุ่งไปด้วยความแรงสูง ลูกศรขนาดใหญ่ปักไปที่ตัวสุนัข ลากตัวมันลอยไปไกลหลายเมตร แรงสะท้อนที่ส่งกลับมายังไป๋หลันก็รุนแรงไม่แพ้กัน
“บันทึกที่ยอดเยี่ยมดดด” ในบันทึกความทรงจำของคุณ
ไหล่ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนยิ่งเจ็บชัดเจนขึ้นบนไหล่ของเธอปวดร้าวมากกว่าเดิมหลายเท่าไป๋หลันหยี่ตาก่อนที่จะทำให้ยกหน้าไม้ออกยืนขึ้นดูผลงานของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ว้ายอิ”
เหตุการณ์ที่วิ่งไล่ตีสุนัขอย่างรวดเร็วร้องตะโกนกับภาพตรงหน้าเพราะสุนัขตัวนั้นตายคาที่ดอกขนาดใหญ่และความรุนแรงของหน้าไม้ทำให้ไส้พุงและเลือดของสุนัขกระจัดกระจายส่งกลิ่นคาวมาไกลจนถึงตรงที่ไป๋หลันประเพณีที่คนของสุนัขไล่ล่าลงรองเท้าผ้าใบตัวสั่นด้วยระบบควบคุมแต่เธอปลอดภัย
ทุกสายตาหันมาทางไป๋หลันเธอถือแบนเนอร์อยู่อย่างเห็นได้ชัดก็คือรู้ว่าเธอสามารถยิงสุนัขในหน้าไม้นั้นยังอยู่ในมือเธอไปโหนรูปลอกได้ช่วยคนที่พิสูจน์ได้ด้วยหน้าไม้ใหญ่ขนาดนี้อาจดูรุนแรงกว่าเหตุแต่ช่วยคนไว้ได้จึงจะสำคัญที่สุด
“กรี๊ดดดด หน้าไม้พระราชทาน !!!” เก่าแก่ที่ก่อนหน้าเอาแต่เป็นที่รู้จักอีกครั้งถึงขั้นสุดยอดเสียงและตำนานที่เล่าลง
'หน้าไม้พระราชทาน ?' ไป๋โหลนมองหน้าไม้ใน
จุดเริ่มต้นดูดีๆ อีกครั้งเพื่อให้ช่างเป็นหน้าไม้ที่ประสบความสำเร็จและประสบความสำเร็จอย่างมากคล้องคอศรของไม้พิเศษขนาดเล็กๆ ลงไปทั้งคันและต่อเนื่องการต่อข้อด้วยเทคนิคแบบโบราณสายหน้าไม้ก็ทำหางม้าถักของแท้ทั้งยังลองใช้เคลือบได้เลยด้วยของโบราณอย่างแท้จริง !!
ไป๋ฮลันตกใจไม่น้อยเมื่อกี้สนใจแต่ช่วยคนเลยไม่ได้ดูให้ดีอีกครั้งเริ่มรู้สึกเสียใจแล้วใช้หน้าไม้ระดับสุดยอดนี้ยิงหมาป่วยตัวหนึ่งไป
“เจ้าทำอะไรลงไป !!” ของผู้ชายคนหนึ่งตะยืนดังมาจากด้านข้าง
การเดินทางไปมองดูชายวัยกลางคนดูสี่สิบถึงห้าสิบปีใส่ชุดโบราณสีเขียวขี้ม้าเข้มมองหน้าไม้บนใบหน้าของผู้ใช้ด้วยใบหน้าโกรธจัด
“ช่วยคนที่ยังไง” ไป๋หลันออกไปตอบแต่เสียงที่ได้ยินแปลกจนเหมือนไม่ใช่เสียงของมันและไพเราะมากกว่าเสียงปกติมาก
เราจะมองไปทางไหนก็นั่งนิ่งสงบ
“เจ้าคิดจะเป็นอย่างไรในตัวเองหรือ ?” เขาพูดโกรธเธอจนหน้าสั่น
“หา?” ไป๋หลันที่นี่
“ฉันยิงหมาในการยิงคนที่ไม่เห็นเด่นชัด” เธอชี้ไปที่ร่างของสุนัขที่นอนนิ่งท่ามกลางกองเลือดและไส้พุงของมัน
ชายคนนี้มาตรงหน้าและตบเธอเต็มแรง !!
ไป๋หลันหน้าได้สบายๆตามแรงตบข้างหูหิววิ้งงงง....
"ข้าไม่รู้ว่าอะไรคือรัก อะไรคือหลง ข้าบอกได้เพียงว่า เพราะเป็นเจ้า ข้าจึงหลง ไม่ว่าจะอกโตของเจ้า ริมฝีปากนุ่มนิ่ม เสียงร้อง รอยยิ้ม ความหน้าด้าน ความบ้าคลั่ง หรือกระทั่งหยดน้ำตา ข้าก็ทั้งหลงทั้งรักไม่อาจสูญเสียไปได้จริงๆ" คำบอกรักของเขาชวนใจเต้นแล้วแต่คำขอแต่งงานยิ่งชวนให้รู้สึกดีใจจนอยากร้องไห้มากยิ่งกว่าอีกซู่หรานมือเท้าสั่นเทาจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร"ขะ ข้า..ข้ากลัว" เธอบอกเขาถึงความในใจ เธอก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรแต่เธอรู้สึกกลัวการต้องใช้ชีวิตกับคนอื่นมากจริงๆ"ข้าก็กลัว" เขาตอบเสียงทุ้ม"เจ้า..เจ้ากลัวแล้วยังขอแต่งงานอีกหรือ""อืม""เจ้าโง่ไปแล้วหรือ" ซู่หรานน้ำตาร่วง มือสั่นจนเริ่มควบคุมไม่ได้"ข้ากลัวว่าเจ้าจะทิ้งข้าอยู่ทุกวัน กลัวว่าพรุ่งนี้เจ้าอาจเปลี่ยนใจไปหาผู้อื่น แต่ข้ากลัวจะไม่ได้อยู่กับเจ้ามากกว่า ไม่ว่าอะไรข้าก็จะโยนทิ้งให้หมด""ข้ากลัวจะเสียใจ" ซู่หรานบอกเขาตามตรง"แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะเสียข้าให้ผู้อื่นหรือ" เขาถามตรง จี้ความกลัวของเธอ"กลัว กลัวสิ ฮือ" เธอตอบพร้อมเสียงสะอื้น"เช่นนั้นก็แต่งเถิด" เขาเริ่มใช้น้ำเสียงออดอ้อนขอร้อง และเธอรู้สึกว่ามันน่ารักจนไม่อาจทนได้จริงๆ"อ
"ไม่ เจ้าน่ารัก ข้าไม่กลัวแล้ว"สิ้นคำตอบของคนน่ารัก จิ้งจื่อก็ค่อยๆ ดันมังกรยิ่งใหญ่ของเขาเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับนาง เขารู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง ดีใจจนอธิบายไม่ถูก ในใจมีความสุขยิ่ง ร่างกายยิ่งกว่าสุขสมจนน้ำพุพุ่งกระจาย แต่เขาตัวสั่นกอดร่างเล็กอยู่เพียงครู่เดียวก็เริ่มขยับต่อไป ความคับแน่นทรมานก่อนหน้านี้ที่คับแคบจนเขาขยับลำบากก็เริ่มลื่นไหลมากขึ้น"อ้า อะ อ้า อื้อ จิ้ง อึก..อึก อื้อ"จิ้งจื่อเงยหน้ามองดูคนน่ารักของเขาที่ปกติแม้จะสุขสมเพียงใดก็ไม่ค่อยส่งเสียง นางมักจะกัดปากเก็บเสียงเงียบ แต่ยามนี้นางกำลังครางไม่เป็นภาษา ลืมเลือนแม้กระทั่งกัดปาก ได้แต่ร้องรับแรงกระแทกของเขาอย่างลืมตัวเขาดีใจมากที่สามารถเป็นฝ่ายกลั่นแกล้งจนนางทำตัวไม่ถูกได้บ้างแล้ว ยิ่งเวลาที่เขาบดเบียดจนนางเสร็จสม แต่เขาไม่ยอมพักและกระแทกกระทั้นต่อไปทันที นางจะจะจับไหล่เขาจนแน่น บางครั้งถึงขั้นจิกเล็บลงไปบนหลังเขา ร้องครางจนลืมตัวเขาต้องรีบจูบปิดปากเพราะกลัวใครจะได้ยิน แน่นอนว่าเขาชอบเสียงครางของคนน่ารักยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เขาไม่ต้องการให้ใครได้ยิน เขาอยากเก็บเอาไว้เป็นของเขาคนเดียว ดังนั้นเขาจึงชอบกระแทกให้นางสุขสมจนแทบก
"อีกครู่เดียว..ได้หรือไม่ ทำเช่นนี้ช่วยให้หายหนาว เจ้าเป็นคนบอก จำไม่ได้หรือ" เขาพยายามต่อรองซู่หรานรู้สึกสงสารท่าทางน่ารักนั้นยิ่งนัก เธอเสร็จสมแล้ว แต่เขายังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกว่าสงสารยิ่ง แต่ตัวเองก็ไม่มีแรงแล้ว เธอจึงยกมือชี้ที่ปากตัวเองแทน"เอ่อ..เจ้า.." เขาอยากพูดว่าหากนางไม่ไหวแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ความร้อนรุ่มก็กำลังกัดกินเขา"มาสิ" เธอพูดอย่างอ่อนแรงจิ้งจื่อตัดสินใจขยับตัวขึ้นไปคร่อมอยู่ตรงคอของร่างเล็ก เขาพยายามจัดท่าทางไม่ให้ทับจนนางหายใจไม่ออก ก่อนจะจ่อหัวมังกรชมพูไปที่ปากเล็กของนางซู่หรานยามนี้ เหนื่อยจนอ่อนแรง แต่อยากเอาใจเขาจึงอ้าปากแลบลิ้นไปเลียหัวมังกรร้อนผ่าวลำนั้น"อื้อ อะ" เธอเพียงเลียแผ่วปลาย เขาก็ส่งเสียงครางสุขสันต์จนน่าสงสารไปหมดซู่หรานอยากให้เขาสุขสมยิ่งขึ้นจึงยกมือดันก้นแน่นของเขาเพื่อให้เจ้ามังกรใหญ่ขยับเข้าปากมากขึ้นจิ้งจื่อรู้สึกดีจนตัวสั่น นางไม่เพียงอ้าปากให้ความสุขเขา แต่ยังขยับลิ้นไปมาเพื่อดุนดันลิ้นไปทั่วหัวมังกร ยิ่งทำให้เขาสุขสมยิ่งขึ้น เขาชอบสัมผัสนั้นมากจนไม่อาจห้ามใจไหว จึงขยับสะโพกขึ้นลงเบาๆ"อ้า อา" เขามีความสุขมากเกินไป
"ใช่แล้ว หากไม่ได้เขาข้าอาจตายไปนานแล้ว หรือไม่ตายก็คงเหมือนตายอยู่ดี" เขาพูดและรวบตัวคนขี้สงสัยเข้ามากอด"ครั้งแรกที่ข้าเข้าสู่สนามรบ ข้าฆ่าคนไปมากมายจนไม่อาจนับได้ หลังจากนั้นข้าไม่อาจมองผู้คนเช่นเดิมอีกเลย ผู้คนต่างยกย่องข้าแต่ก็หวาดกลัวข้าราวกับปีศาจร้าย ถึงพวกเขาจะเรียกข้าว่าวีรบุรุษสงคราม แต่ข้าก็คือฆาตกรที่ฆ่าคนไปมากมาย ข้ารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรจะยืนอยู่บนพื้นโลกกับผู้อื่นต่อให้พวกเขาจะมองข้าด้วยความชื่นชมแต่ก็มองด้วยความกลัวเช่นกัน จนข้าได้มาพบเขา ปณิธานของเขาทำให้ข้าอยากจะลองมีชีวิตอยู่และลงมือช่วยเหลือเขาสักครั้ง ต่อให้ต้องลงมือฆ่าคน ข้าก็รู้สึกว่าคุ้มค่า ข้าศรัทธาในตัวเขาและความตั้งใจของเขามาก""เพราะเช่นนี้ เจ้าจึงไม่ชอบที่ถูกจ้องมองหรือ" ซู่หรานถาม"อืม""เจ้าเป็นไท่เหอเจียนหู่ตั้งแต่อายุสิบสองเช่นนั้นหรือ" เธอตัดสินใจถามคำถามในสิ่งที่เธอกังวลตั้งแต่รู้ว่าเขาคือไท่เหอเจียนหู่"อืม" คำตอบของเขาเรียบง่าย แต่บีบคั้นหัวใจของซู่หรานจนเจ็บปวด เธอรู้สึกหายใจไม่ออกแทนเขา เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ต้องแบกภาระมากขนาดนี้ โลกนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ซู่หรานอยากปลอบประโลมเขาให้สมกับเป็นเพีย
"จิ้งจื่อ ไม่เอา" เธอผลักและพยายามถอยหนี แต่มือแข็งแกร่งของเขารวบจับสองมือเธอขึ้นไปไว้บนหัว และเริ่มจูบวนรอบยอดถัน พยายามดูดดันหัวมังกรเข้าไปอีกครั้ง"ไม่เอาแบบนี้ จิ้งจื่อ อย่าทำเช่นนี้ ขอร้อง" เธอเสียงสั่นกลัว"เพราะเหตุใด" เขายอมพูดคุยกับเธอแล้ว"ขะ ข้ากลัว" "แล้วต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะไม่กลัว" เสียงของเขาสั่นเครือ แต่ไม่ใช่เพราะความกำหนัด คล้ายว่าเขากำลังจะร้องไห้มากกว่า"จิ้ง..จิ้งจื่อ" ซู่หรานเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียง"ต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ" เขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอในที่สุด"ข้ารักเจ้า รักมากกว่าเขา เขาไม่ได้รักเจ้า เหตุใดเจ้าจึงยึดติดกับเขานัก" นัยน์ตาของจิ้งจื่อแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ใกล้จะร้องไห้เต็มทีซู่หรานชะงักค้าง เธอตกใจทั้งกับคำบอกรักและท่าทางเจ็บปวดของเขา หัวใจของเธอกำลังพองโต"เป็นข้าไม่ได้หรือ ข้ารักเจ้า รักมาก..รักจนไม่อาจสูญเสียไปได้ เปลี่ยนเป็นข้าเถิด ข้าสาบานด้วยชีวิต ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าล้วนยินยอมทั้งสิ้น" จิ้งจื่อสบตาหญิงสาว พูดความในใจตัวเองออกมาด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกพ่ายแพ้ยิ่งแต่สำหรับซู่หราน เธอคล้ายตกหลุมรักความน่ารักของเขาเป็นครั้ง
"ข้าคิดถึงเจ้า คืนก่อนเจ้าก็ยังบอกว่าคิดถึงข้าอยู่เลย วันนี้เจ้าน้อยใจอะไรอีก เจ้าไม่พูดข้าจะรู้ได้อย่างไร" เธอพยายามพูดง้อเขา มือหนึ่งเกาะเอวไว้อีกมือก็ลูบคลำจนสิ่งนั้นของเขาเริ่มจะพองโตใหญ่ขึ้นบ้างแล้ว"หยุด!" เขาพยายามพูดเสียงให้ดุที่สุด แต่สองมือของเขากลับทำได้เพียงกุมข้อมือบางเล็กของนางไว้เท่านั้น ยิ่งนางลูบคลำ ขายาวของเขาก็ยิ่งสั่นมากขึ้น"เจ้าหนาวหรือ ให้ข้าช่วยนะ" เธอพูดออดอ้อนและเริ่มดึงเข็มขัดของเขาออก"หยุด!!" เขาแทบจะตะคอกใส่เธอซู่หรานตกใจจนสองมือหยุดชะงักเธอค่อยๆ หดมือกลับมาไว้ข้างตัวจิ้งจื่อเดินไปตรงกำแพงและโขกหัวตัวเองกับกำแพงแรงๆ หนึ่งที"เจ้าทำอะไร!!" ซู่หรานตกใจเธอรีบร้อนจะวิ่งไปดูเขา"อย่าเข้ามา!!" เขาตะเบ็งเสียงใส่จนเธอไม่กล้าเข้าใกล้"เจ้า..เจ้าเป็นอะไร อย่าทำเช่นนี้" หัวใจของซู่หรานเจ็บปวดมากเมื่อเห็นเขาต้องเจ็บเช่นนี้"ข้าเกลียดเจ้า" จิ้งจื่อเสียงเย็น"...อ้อ ได้ ขะ ข้าเข้าใจแล้ว" ซู่หรานรู้สึกแย่มากที่พยายามไล่ตามผู้ชายคนหนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัดสินใจผิดพลาดแล้ว เธอไม่น่าฟังคำของน้องสาวจนมาทำเรื่องน่าอายพวกนี้เลย"เจ้ามันเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นสตรีหน้าด้าน ไ