@ คลับ S
หลังจากส่งฟ้าใสที่คอนโด ปกรณ์รีบต่อสายหาธันวาทันที แล้วนัดเจอกันที่คลับ S
ชายหนุ่มมาถึงที่คลับก่อนเพื่อนสนิทจึงนั่งดื่มรอในห้อง VIP เงียบๆ สายตาเรียวสวยจ้องมองเครื่องดื่มสีอำพัน พลางครุ่นคิด ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้
“จำไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือแกล้งจำไม่ได้นะ ถ้าเป็นการแกล้งก็เหมือนจริงเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มรำพัน ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มนั่นขึ้นดื่ม
กึก ปัง
“ไงเพื่อน มาก่อนเปิดก่อนเลยเหรอ ไปเจอว่าที่คู่หมั้นเป็นไงบ้าง มีความสุขจนอยากฉลองเลยเหรอวะ” ธันวาเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนยกแก้วกระดกเครื่องดื่ม ไปหลายยก พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างเลยรีบทักทาย
“หึ ฉลองเหรอ ฉลองอะไรวะ หน้ากูนี่ เหมือนคนอยากฉลองเหรอวะ”
“อ้าว เห็นยกเอา ยกเอา ก็นึกว่าสบายใจ” ก็ยังไม่ได้เห็นหน้านี่หว่า
“สบายใจกับผีอะไร คิดไม่ออกเนี่ยว่าจะทำยังไงดี ให้เขายกเลิกไปด้วยตนเอง แต่ดูเหมือนจะดื้อด้านพอสมควร”
“แกหมายถึงใคร คู่หมั้นแก หรือแม่แก”
“ไอ้เวรนี่ ลามปาม ก็ต้องยัยว่าทีคู่หมั้นกูสิ”
“เออ ว่าแต่สวยมั้ยวะ ไม่ถูกใจเลยเหรอ”
“ก็..........อืม น่ารักดี ตอนเด็กว่าน่ารักแล้ว ตอนโตออกสวยกว่า” เมื่อนึกถึงหน้าหญิงสาว พลันนึกถึงเด็กผมเปียหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู สลับกลับมาที่หน้าผ่องของสาวที่ได้เห็นใกล้ๆ ตอนขับรถไปส่งก็แอบยิ้มออกมาเล็กน้อย
"น่านแหนะ เฮ้ยไอ้กรณ์อย่าเพิ่งเหม่อสิวะ คุยให้จบก่อน” พร้อมกับดีดนิ้วตรงหน้าชายหนุ่มเพื่อให้หลุดจากภวังค์
“เฮ้ย!” ปกรณ์ตื่นจากภวังค์ พร้อมอาการตกใจเล็กน้อย
“เออ น่ารักดี แต่น่าจะดื้อพอสมควร เถียงตลอด เจอแค่เย็นจนไปส่งนี้ ปวดหัวมากเลยหละ” พร้อมกับยกมือมานวดขมับ ไปคิดถึงยัยนั่นแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย
“น่ารักเหรอ น่าสนดีนี่ ว่าแต่ได้ไปส่งมาเหรอ แล้วได้คุยกับเขาเรื่องถอนหมั้นหรือยัง”
“คุยแล้ว แต่เขาบอกว่าให้กูไปบอกแม่เอง”
“อ้าว แล้วมึงว่ายังไงต่อหละ”
“กูก็เลยบอกว่ากูไม่มีปัญหาหมั้นได้ อยู่ที่ว่าเขาจะทนกูได้มั้ย”
“หา! มึงบอกเขาไปอย่างนี้เหรอ แล้วเขาว่ายังไงต่อ”
“เขาก็บอกว่าเขาไม่มีปัญหา”
ป๊าบ! เสียงฟาดลงบนหน้าขาอย่างแรงจากธันวา “ต้องอย่างนี้สิวะ ว่าที่แฟนมึง”
ป๊าบ! อีกที แต่งวดนี้เป็นปกรณ์ฟาดเข้าที่หลังหัวทุยของธันวา “ใครแฟนกู แล้วมึงต้องตื่นเต้นขนาดนี้เพื่อ”
“แหะๆ ลืมตัวไป แต่เขาแสบได้ใจ ดูไม่กลัวประธานบริษัท TK กรุ๊ป ผู้ยิ่งใหญ่เลย” ธันวาลูบหัวด้านหลัง พร้อมยิ้มแหยๆ
“เออ สิวะ แสบ แสบมาก ตอนเด็กว่าแสบ ตอนนี้ก็แสบเป็นหลายเท่า”
“เฮ้ย รู้จักกันตั้งแต่เด็กเลยเหรอวะ อย่างนี้ก็น่าจะคุยกันง่ายสิ”
“เออ มาบ้านกูตั้งแต่เด็ก จนเกิดเรื่อง แล้วก็ไม่มาอีกเลย วันนี้ทำเป็นจำกูไม่ได้ โคตรเสียเซลฟ์เลย”
“สรุปมึงโมโหที่เขาไม่ยอมถอนหมั้น หรือโกรธที่เขาจำมึงไม่ได้วะ ตอนเด็กๆ มึงอาจจะน่าเกลียดก็ได้” ธันวาพูดพร้อมหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ
“หึ ถ้ากูน่าเกลียดคงไม่มีใครน่ารักอีกแล้วหละ แมวมองมาติดต่อกูไปเล่นละคร เป็นพรีเซนเตอร์ โฆษณาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่แม่กูไม่ยอมเอง กูเองก็ไม่อยากเป็น วุ่นวาย”
“แหม ไอ้คนหล่อ ลืมไป” ธันวาพูดขึ้นมาอย่างหมั่นไส้
“แล้วสรุปมึงโกรธเขาเรื่องอะไร ลืมมึง! หรือไม่ยอมถอนหมั้น” ธันวาเลิกคิ้วถาม เข้าสู่โหมดจริงจัง
“ไม่ยอมถอนหมั้นสิวะ เรื่องลืมกู กูไม่สนหรอก เพราะยังไง เดี๋ยวกูจะทำให้จำได้เอง”
“มั่นใจขนาดนั้นเลย” พร้อมรอยยิ้มอย่างปรามาสบนใบหน้า
“เออ มึงคอยดูแล้วกัน” ปกรณ์พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“สรุปมีแผนแล้ว ว่างั้น”
“ยัง แต่ว่ามีแนวทางแล้ว”
“เออ มีอะไรให้กูช่วยก็บอกแล้วกัน ว่าแต่แนะนำให้กูรู้จักบ้างสิ ดูแล้วเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ ที่ทำให้เพื่อนกูเสียศูนย์ถึงขั้น ชวนกูออกมาคลับตั้งแต่สี่ทุ่ม โดยไม่มีสาวๆ มาเคียงข้างเลย” ประโยคแรก พูดเหมือนดีอยากช่วยเพื่อน ประโยคหลังรู้เลยประชดเพื่อน
“มึงอยากได้ มึงก็เรียกเอาแล้วกัน ไม่ต้องเผื่อกูนะ วันนี้ไม่มีอารมณ์” พูดพร้อมกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง “ไอ้เพื่อนเวร” พร้อมสบถออกมาเล็กน้อยใส่เพื่อน
“ตามนั้น” ธันวายิ้มกริ่มเมื่อได้ยินดังนั้น พร้อมกับโบกมือเรียกผู้จัดการมาจัดเด็กส่งมาให้
หลายวันต่อมา หลังจากที่ปกรณ์ส่งฟ้าใสที่คอนโด คนทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ทำให้ฟ้าใสค่อยผ่อนคลายลง เพราะไม่เห็นว่าปกรณ์จะมายุ่งวุ่นวาย และกระทบกับแผนการดำเนินชีวิตของตัวเอง จึงมีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เวลาบ่ายสอง ขณะที่ฟ้าใสกำลังออกแบบโฆษณาตัวใหม่ให้กับบริษัทลูกค้า
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง เสียงข้อความจากแอพพลิเคชั่นชื่อดัง ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของฟ้าใส
หล่อไร้รัก: (สติ๊กเกอร์ หนุ่มหล่อทำหน้าเก็ก)
“ใครอะ โปรไฟล์ก็มีแต่ภาพวิวภูเขา พวกโรคจิตหรือเปล่าเนี่ย” ฟ้าใสพึมพำเมื่อได้รับข้อความเป็นสติ๊กเกอร์การ์ตูนผู้ชายหล่อหน้าเก็ก เมื่อคิดว่าอาจจะเป็นพวกโรคจิตจึงกำลังจะกดเข้าไปเพื่อบล็อค ยังไม่ทันได้บล็อค ก็มีข้อความส่งมาอีก
หล่อไร้รัก: ทำอะไรอยู่ อ่านแล้วไม่ตอบ
ฟ้าใสใส: ใครเนี่ย โรคจิตหรือเปล่า
หล่อไร้รัก: ใช่ฟ้าใสหรือเปล่า เราเพิ่งเจอกันไง
ฟ้าใสใส: ใครอะ ไอ้โรคจิต รู้ชื่อฉันได้ไง เป็นสต็อคเกอร์*เหรอ
หล่อไร้รัก: อ้าว ผมปกรณ์ไง ลูกคุณหญิงอรพินท์ เพื่อนคุณน้าอัญชลี คุณแม่คุณไง
ฟ้าใสใส: โอเคๆ จำได้แล้ว ทักมามีอะไร
หล่อไร้รัก: เย็นนี้มีงานเลี้ยงที่บริษัท คุณแม่ผมชวนคุณกับคุณแม่มาที่งานด้วย
ฟ้าใสใส: วันนี้ฉันมีแผนทำโอที คุณไม่ได้บอกล่วงหน้า อีกอย่างคุณแม่ฉันไม่น่าจะว่างเหมือนกัน
หล่อไร้รัก: เรื่องคุณน้าอัญ คุณไม่ต้องห่วง คุณแม่ผมโทรคุยกับท่านแล้ว กำลังส่งคนไปรับ ส่วนคุณ ผมให้เวลาเคลียร์งานอีกครึ่งชั่วโมง ผมจะเข้าไปรับ เพราะต้องไปแต่งตัวอีก
ฟ้าใสเมื่อเห็นข้อความดังนั้น รีบวอยซ์คอลกลับไปหาทันที
“นี่คุณจะบ้าเหรอ มันเพิ่งบ่ายสองเองนะ แล้วฉันมีงานต้องทำ วันนี้ฉันวางแผนไว้ว่าจะเลิกประมาณสองทุ่ม” ฟ้าใสตะโกนใส่ทันทีเมื่อปกรณ์รับสาย ปกรณ์ต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหูหลังได้ยินเสียงไม่สบอารมณ์จากสาวเจ้า
“ผมลางานให้คุณแล้ว คุณไม่ต้องห่วง อย่าลืมคุณต้องไปแต่งตัวเพื่อทำสวยอีก อย่างคุณน่าจะใช้เวลานาน เพราะฉะนั้น ผมต้องไปรับคุณเร็วหน่อย ไม่อยากขายหน้าที่หน้างาน”
“หา! คุณลางานให้ฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรมาลางานให้ฉัน แล้วปากอย่างนี้ คิดว่าฉันจะไปมั้ย” หนอยหาว่าเราไม่สวย ปากเสียไม่เลิกเลยจริงๆ ใครได้เป็นผัวนี่ซวยแน่ๆ แต่เอ มันคู่หมั้นเรานี่หว่า ไม่ได้ต้องรีบถอนหมั้นเร็วๆ ไม่อยากซวย
“ก็สิทธิ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ไงหละ ผมยังไม่ได้บอกคุณเหรอว่าบริษัท TK กรุ๊ปที่ผมเป็นประธานถือหุ้นใหญ่บริษัทที่คุณทำอยู่”
“อะไรนะ” ฟ้าใสเมื่อได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้าง สมองมึนงง
“เอาหน่า ไม่ต้องเยินยอผมตอนนี้ เตรียมตัวด้วย ป่านนี้ หัวหน้าคุณคงได้รับแจ้งแล้วว่าคุณลาครึ่งวันบ่ายนี้ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงลงมาเจอที่หน้าบริษัทด้วย แค่นี้หละ”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด เสียงโทรศัพท์วางสายไปแล้ว
หมายเหตุ* สต็อกเกอร์ (stalker) หมายถึงบุคคลที่ติดตามหรือเฝ้าสังเกตคนอื่นอย่างลับๆ และบ่อยครั้งเป็นการกระทำที่บุคคลนั้นไม่ได้ยินยอม การกระทำลักษณะนี้มักทำให้เป้าหมายรู้สึกอึดอัดหรือกลัว บางครั้งการเป็นสต็อกเกอร์อาจนำไปสู่การคุกคามความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของเป้าหมาย
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”