แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: อิงเซี่ย
“หาต่อไป ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะหายตัวไปได้” ฟู่อี้ชวนกัดฟันพูด

หลี่หยวนทำทุกวิธีแล้วจริง ๆ เขาโทรศัพท์ไปหลายสาย แต่คุณนายไม่รับเลย

ขณะที่เขาเกือบจะหมดหวัง สุดท้าย เมื่อโทรออกอีกครั้ง อีกฝ่ายก็รับสายแล้ว

“คุณนาย! ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมาก

“โทรหาฉันทำไม” ปลายสาย ซูมั่วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คือประธานฟู่...” หลี่หยวนตอบตามสัญชาตญาณ แต่ก็รีบหยุด และหาข้ออ้าง

“ประธานฟู่ให้ผมหาเอกสาร ผมหาไม่เจอ เลยอยากมาถามคุณครับ แต่คุณไม่อยู่ และเอกสารก็เร่งด่วนมากด้วย...”

ซูมั่วถึงกับรู้สึกพูดไม่ออกกับฟู่อี้ชวน โยนของมั่วซั่วจนหาไม่เจอแล้วมาถามเธอเนี่ยนะ?

“ให้เขาหาเอง” ซูมั่วพูดเสียงเย็นชา

“คุณนาย...ประธานฟู่ติดประชุมทั้งวันเลยครับ เขายุ่งอยู่...” หลี่หยวนใช้เล่ห์กล น้ำเสียงร้อนรนกระสับกระส่ายมาก ฟังเหมือนแทบจะร้องไห้

แม้ซูมั่วจะรำคาญฟู่อี้ชวน แต่ก็ไม่อาจทำตัวไม่ดีใส่หลี่หยวน จึงได้แต่บอก

“ลองค้นในห้องหนังสือของเขาอีกที ใต้ตู้หรือบนพื้น อาจหล่นอยู่ก็ได้”

“แต่คุณนายครับ ของของประธานฟู่ผมไม่กล้าค้นมั่วซั่ว ไม่อย่างนั้นคุณ...” หลี่หยวนพูดอีกครั้ง น้ำเสียงสั่นเทา

“ฉันอยู่โรงพยาบาล ไม่ว่าง นายค้นตามสบายเถอะ” ซูมั่วพูดตามตรง

ทางด้านหลี่หยวนตอบตกลงหลายครั้ง วางสายไป และส่งข้อความหาเจ้านายอย่างตื่นเต้นเป็นอันดับแรก

[ประธานฟู่ เจอแล้วครับ คุณนายอยู่ที่โรงพยาบาล]

ขณะเดียวกัน ในห้องประชุม

โทรศัพท์ของฟู่อี้ชวนที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้อความเข้าจนสั่นวินาทีหนึ่ง หน้าจอสว่างขึ้น เขาเหลือบมอง และชะงักไปทันที

จากนั้นก็ลุกขึ้นแทบจะทันที คว้าโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอก

“พวกนายประชุมต่อเลย ฉันมีธุระต้องไปจัดการ”

ในห้องทำงานของผู้ช่วย

หลี่หยวนกำลังตรวจสอบโรงพยาบาล แต่ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดดัง “ปัง” ครั้งหนึ่ง แรงจนประตูแทบแยกออก

“เธอล่ะ? อยู่โรงพยาบาลไหน?” ฟู่อี้ชวนพุ่งไปข้างโต๊ะทำงานของหลี่หยวน บรรยากาศกดดันลงมา ถามกดดันเขา

เขาลืมได้อย่างไร ซูมั่วได้รับบาดเจ็บ เธออยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นไม่ได้หนีออกจากบ้าน

ความโกรธเจือจางลงมาก อย่างอธิบายไม่ถูก

“ประ...ประธานฟู่ ผมกำลังตรวจสอบครับ” หลี่หยวนถูกทำให้ตกใจจนพูดเสียงสั่น

ฟู่อี้ชวนสงบอารมณ์ลงทันที ตั้งสติกลับมา นึกบางสิ่งได้ จึงพูด

“ตรวจสอบโรงพยาบาลในเขตจินสุ่ยก่อน อยู่ละแวกบ้านฉัน”

หลี่หยวนรีบพยักหน้า แต่ฟู่อี้ชวนรอนานขนาดนั้นไม่ไหว จึงคว้าคนเดินไปพลางให้เขาค้นหาไปด้วย

“ตรวจสอบพบแล้วครับประธานฟู่ โรงพยาบาลแห่งนั้นอยู่ใกล้บ้านคุณมาก คุณนายอยู่ห้องผู้ป่วยห้อง 316” หลี่หยวนพูด

“คนขับ ขับไปเร็ว” ฟู่อี้ชวนออกคำสั่ง เม้มริมฝีปาก สีหน้าเย็นชาแข็งกระด้าง

“นายรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาล?” หาคนเจอแล้ว ฟู่อี้ชวนที่นึกขึ้นได้ก็ถามอีกครั้ง

“คุณนายรับโทรศัพท์ แล้วเธอก็บอกว่า...” คำพูดหลี่หยวนยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงกระแทกดังขึ้นจากเบาะหลังอย่างแรง จึงไม่กล้าพูดอีกทันที

ตอนนี้ สีหน้าของฟู่อี้ชวนมืดครึ้มราวกับก้นหม้อ ความโกรธครอบงำอีกครั้ง ราวกับอยากกินหัวคน แทบทนไม่ไหวที่จะเข้าไปซักไซ้ซูมั่วเดี๋ยวนี้

ขณะเดียวกัน ในห้องผู้ป่วย

กระดูกก้นกบของซูมั่วที่ร้าวยังเจ็บอยู่ นอนอยู่บนเตียง คนไข้ข้างเตียงมาพูดคุยกับเธอ เธอก็ถือโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจ

แต่คุยได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดเสียงดัง “ปัง” ทุกคนต่างก็ตกใจ รวมถึงซูมั่ว มองไปทางประตูตามสัญชาตญาณ

แค่แวบเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายไปทันที แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชามาก กำมือแน่น

ฟู่อี้ชวนเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอก็ยิ่งโกรธ เมื่อครู่ยังทั้งพูดทั้งยิ้มให้คนอื่น แต่ทำหน้ามืดมนให้เขาโดยเฉพาะเลยเหรอ?

“เธอตั้งใจใช่ไหมซูมั่ว? ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์พังเหรอ? ถ้าพังแล้วจะรับสายหลี่หยวนได้ยังไง?!” ฟู่อี้ชวนตะโกนเสียงดังอย่างเดือดดาล

เขานึกถึงตัวเองที่โทรไปเกินร้อยสายเมื่อเช้าแต่ก็ยังแพ้สายเดียวของหลี่หยวน เขารู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้าแล้ว

“นายเป็นบ้าเหรอฟู่อี้ชวน ที่นี่โรงพยาบาลนะ นายจะมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ทำไม” ซูมั่วน้ำเสียงเย็นชา จ้องมองใบหน้าชายคนนั้นอย่างดุร้าย

“โรงพยาบาล เหอะ ๆ เธอก็รู้นี่ว่าเป็นโรงพยาบาล แล้วยังจงใจมานอนแกล้งตายอีกเหรอ?” ฟู่อี้ชวนหัวเราะเยาะ

ซูมั่วได้ยินก็กำมือแน่นขึ้น เธออยากยันตัวลุกขึ้น แต่ความเจ็บที่ก้นกบทำให้เธอขมวดคิ้ว

“เสแสร้ง เสแสร้งเข้าไป!” ฟู่อี้ชวนพูดอย่างดุร้าย สาวเท้ายาวไปข้างหน้า คว้าคอเสื้อของซูมั่วยกเธอขึ้นมานั่ง

“แค่เท้าถูกลวก ต้องมาอยู่โรงพยาบาลเลยเหรอ? เสแสร้งให้ใครดูกัน!”

ซูมั่วมองชายเสียสติคนนี้ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป ยกมือขึ้นฟาดไปตรง ๆ

เสียงตบดังกังวาน ฟู่อี้ชวนชะงักไปทันที หลังจากนั้นก็ผลักเธอล้มด้วยความโกรธ

ซูมั่วถูกผลักลงข้างเตียง เธอโน้มตัว ก้นกบเหมือนถูกคนหัก และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

“เธอลืมไปแล้วจริง ๆ เหรอว่าตัวเองนามสกุลอะไร ถึงกล้ามาตบฉัน” ฟู่อี้ชวนกัดฟันพูด ทั้งยังก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่เหล่าผู้ป่วยช่วยกันขวางเขาไว้

“หยุดนะ! คุณจะทำอะไรคนไข้?” ทันใดนั้นเอง พยาบาลที่ถูกดึงดูดมาด้วยเสียงตะโกน ก็รีบเข้ามาขวางพลางพูด

“ไสหัวไปให้หมด! ฉันเป็นสามีเธอ! เธอไม่ได้ป่วย แค่เสแสร้งทั้งนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอกลับบ้าน!” ฟู่อี้ชวนตะคอกเสียงดัง

“สามีเหรอ? คุณเป็นสามีแบบไหนกัน! เธอกระดูกร้าวแล้วคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? จะไม่อยู่รักษาที่โรงพยาบาลได้ยังไง?” พยายามก็ตะโกนกลับไป

ความโกรธของฟู่อี้ชวนถูกคำว่า “กระดูกร้าว” ดับลงทันที มองผู้หญิงที่ขดตัวอยู่บนเตียงแบบอึ้ง ๆ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sanit Ronnatee
นางเอกนี่โง่บรมเลยลพ..วิธีการมีเยอะแยะไม่นำมาชัย..ยอมเจ็บตัวตลอดอยู่กัมหมาตัวนี้มีแต่เจ็บ..ไม่แข็งเองโทษใครละ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 462

    “แต่ว่านะ คุณซูอาจจะไม่สนใจนาย เพราะนายมันปากกวนส้นตีน หาเรื่องผู้หญิงไปทั่วแบบนี้ คงไม่เป็นโสดทั้งชาติหรอกนะ?”อีกฝ่ายเงียบไม่พูดอะไร ก่อนถูกพูดแทงใจดำจนวางสายไปเจิ้งเซวียนหัวเราะออกมาเสียงดัง รู้สึกว่าสุดท้ายตัวเองก็พลิกกลับมาชนะได้ จากนั้นเขาก็มองเพดาน รู้สึกเบื่อมากจริง ๆแต่…เขาก็ไม่มีอารมณ์ไปท่องราตรี แม่งเอ๊ย นกเขาไม่ขันแล้วแค่ทุกครั้งที่คุยกับนางแบบสาว เขาก็จะนึกถึงเรื่องน่าอายที่เขาทำไว้เมื่อคืน คิดขึ้นมาแล้วก็อยากตายตรงนั้นเลยเลื่อนดูแอปพลิเคชันดูภาพยนตร์บนจอ ก็ไม่มีเรื่องไหนอยากดู สุดท้ายเลยไปเล่นเกมแทน แต่เพราะจิตใจไม่สงบทำให้แพ้ตลอดเจิ้งเซวียนนอนหมดแรงอยู่บนเตียง สายตาว่างเปล่า ศีรษะพาดอยู่ขอบเตียงเขารู้สึกว่านี่คงเป็นเพราะสวรรค์อิจฉาที่เขาเสน่ห์แรงเกินไป เลยให้เขาได้รับกรรมแบบนี้จะนอนก็เร็วเกินไป จะไปจีบหญิงก็ไม่มีอารมณ์ จะให้คุณกับผู้ชายก็ยิ่งแล้วใหญ่ สุดท้ายเขาดันไปเผลอกดเปิดหน้าต่างแชตของซูมั่วโดยไม่รู้ตัวครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาเขียนข้อความ แล้วถามอีกฝ่ายว่าหลับหรือยังอย่าเข้าใจผิดนะ เขาไม่ได้จะทักไปจีบอีกฝ่าย เพราะยังไงเธอก็เป็นลูกค้าของเขาอยู่ เขายัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 461

    เจิ้งเซวียน “นายเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ เจอกันแทบทุกวัน ต้องไม่รู้สึกว่าเปลี่ยนไปอยู่แล้ว…นี่ไม่ใช่เปลี่ยนนิดหน่อยเลย แต่เปลี่ยนจากเด็กกลายเป็นสาวสวย จนเขาแทบจำไม่ได้…“ฉันกับเธอไม่ได้เจอกันหกปี รู้สึกว่าเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติ” เจิ้งเซวียนตอบกลับหลีเชิน“ตอนมหาลัยนายชอบมาบ้านฉันอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ เจอน้องสาวฉันก็ไม่น้อย ตอนนั้นเธอเรียนอยู่มัธยม หน้าตาเค้าโครงก็แทบจะเป็นรูปชัดเจนแล้วนะ” หลีเชินพูดเจิ้งเซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คำที่เกือบจะหลุดปากพูดออกมาก็ต้องอดทนกลืนกลับเข้าไป ไม่อยากเสียเวลามาเถียงกับคนซื่อคนนี้ ไม่งั้นเขาคิดว่าต้องเถียงกันถึงพรุ่งนี้เช้าแน่สิบเจ็ดกับยี่สิบสี่มันจะเหมือนกันได้ยังไง???ผู้หญิงในช่วงวัยนี้ก็เหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน อายุสิบเจ็ดก็เหมือนกับดอกตูม แต่อายุยี่สิบสี่นั่นคือเบ่งบานเต็มที่แล้วอีกอย่าง นายไม่รู้เหรอว่าการแต่งหน้าเป็นในสี่วิชามารของเอเชีย??อย่าว่าแต่เปลี่ยนไปเยอะเลย ขนาดผู้ชายยังสามารถแต่งให้กลายเป็นผู้หญิงได้!!หลีเชินนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ ไอ้เวอร์จิ้นอ่อนประสบการณ์ปลายสาย พอเห็นว่าเจิ้งเซวียนเงียบไปหลายวินาที หลีเชินก็พูด

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 460

    แต่เมื่อดูจากผลแพ้ชนะคืนนี้แล้ว ดูเหมือนเธอจะกังวลมากเกินไปนอกจากเพื่อนสนิทจะถูกเอาเปรียบไปบ้าง ก็ถือเป็นว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในงานซูมั่วคุยเป็นเพื่อนเธอ จนกระทั่งเธอกลับถึงบ้าน จึงเพิ่งวางสายหลีโย่วเข้าบ้าน สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวทั้งหมดถูกเก็บไว้ หลังจากตอบแม่แบบส่ง ๆ ก็ขึ้นไปชั้นบนหลีเชินโผล่มาตรงหน้า ถือแก้วน้ำอยู่ แล้วถาม“เป็นยังไงบ้าง? คืนนี้มีแขกผู้ชายที่ถูกใจไหม?”หลีโย่วตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่ พี่รู้ไหมว่าพี่เหมือนอะไร?”หลีเชิน “?”“เหมือนแม่เล้าที่คอยเรียกลูกค้าให้พวกสาว ๆ ในสมัยโบราณมากเลย” หลีโย่วพูดด้วยรอยยิ้มหลีเชิน “...”“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ฉันเป็นห่วงเธอ และคิดถึงอนาคตที่มีความสุขของเธออยู่นะ” หลีเชินพูด“เธอคิดว่าถ้าเธอชอบใครแล้วฉันจะยอมให้เธอแต่งงานเลยเหรอ? ฉันยังต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ผ่านด่านฉันก็ไม่ได้”หลีโย่วเบะปาก ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่กำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินพี่ชายเธอถามอีกครั้ง“คืนนี้เจิ้งเซวียนก็ไปงานเลี้ยงเรือสำราญนั่นด้วย พวกเธอเจอกันไหม?”“เจอกัน” หลีโย่วตอบ“ไม่ได้เจอกันหกปี เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากฉันกลับมาเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 459

    ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งเขา และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอด้วยคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าทุกการกระทำ และทุกคำพูดของหลีโย่วก็ล้วนไม่ได้มีปัญหาความแปลกใจตอนที่เห็นตนปรากฏตัว ก็เพราะว่าจำเขาได้ จึงเดินตามเขาออกไปทันทีตนยื่นน้ำผลไม้ให้เธอ เธอก็รับไปดื่มอย่างไม่มีความระแวดระวัง เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอบอกว่าไม่ได้คบใคร บอกว่ามีพี่ชายที่เข้มงวด แล้วยังบอกว่าเขาอายุเท่า ๆ กับพี่ชายของเธอ ทุกอย่างก็สอดคล้องกันหมดเจิ้งเซวียน ‘...เพราะงั้นเป็นเขาเองที่มีปัญหา ใครใช้ให้ไม่ถามชื่ออีกฝ่ายก่อนล่ะ? กลับตั้งใจหว่านเสน่ห์แล้วค่อยถามอีกที’ที่ผ่านมาจีบหญิงไม่เคยพลาด ในที่สุดวันนี้ก็พลาด เหมือนคนเดินอยู่ริมน้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง?เจิ้งเซวียนปิดหน้าอย่างหมดแรง สุดท้ายผ่านไปสิบนาทีเต็ม ๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็สตาร์ตรถเตรียมตัวกลับบ้านสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสบายใจได้ก็คือหลีโย่วจะไม่บอกพี่ชายของเธอ และเขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทตัวต่อตัวแล้วถูกจัดการขณะเดียวกัน บนถนนที่กว้างขวางรถเฟอร์รารีเปิดประทุนขับเร็วมาก ทับเส้นจำกัดความเร็วเสียงลมหวีดหวิวข้างหู ก็ยังไ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 458

    “ไปให้พ้นเลย เอาแต่พูดเรื่องไม่ดีอยู่ได้” หวังคุนด่าพลางยิ้มเจิ้งเซวียนมองหลีโย่ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายพูด“เสี่ยวโย่วจื่อก็อยู่เล่นที่นี่ต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ วันหลังจะนัดรวมตัวกับพี่ชายเธอด้วย”“ฉันก็จะไปเหมือนกันค่ะ อยู่นานพอสมควรแล้ว ไปรายงานพี่ชายได้แล้วค่ะ” หลีโย่วยิ้มอย่างซุกซนเจิ้งเซวียนเข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร สรุปคือวันนี้หลีเชินบังคับให้เธอมางานนี้นึกถึงตอนที่เธอบอกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้ พี่ชายเธอเข้มงวดมาก ซึ่งก็ตรงกับนิสัยของหลีเชินจริง ๆ เพราะงั้น...ทำไมเขาถึงนึกเชื่อมโยงไม่ได้ตั้งแต่แรกกันนะ?ในใจเจิ้งเซวียนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย รู้สึกว่าวันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ดูยาม เขาไม่ได้ขายหน้าขนาดนี้มานานแล้วจริง ๆ แถมยังเป็นต่อหน้าน้องสาวอีก...“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ” เจิ้งเซวียนเก็บความคิด และพูดด้วยรอยยิ้มบาง“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมาเอง แต่เราออกไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ” หลีโย่วพูดทั้งสองคนเดินคู่กันออกมาจากงาน ลงจากเรือสำราญ จากนั้นก็ไปที่ลานจอดรถในช่วงเวลานี้ มีแค่เสียงพื้นรองเท้าที่ก้าวเดินของทั้งคู่เท่านั้น

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 457

    เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับ...หลีเชินเขาหันคอที่แข็งทื่อไปช้า ๆ มองใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มหวานจาง ๆ ของหญิงสาวกระแสเวลาที่ยาวนานหกปีเหมือนย่อลงในชั่วขณะนี้ ภาพของหญิงสาวที่สดใสมีเสน่ห์ตรงหน้า ซ้อนทับกับเด็กสาวที่สวมแว่นกรอบดำทั้งยังอวบเล็กน้อยเมื่อสมัยมัธยมปลายเขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกคุ้นตานัก ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้...“หลี...หลีโย่ว” จ้องมองอย่างนิ่งงันไปหลายวินาที เจิ้งเซวียนจึงเพิ่งพูดอ้ำอึ้งอย่างตกตะลึงเห็นเพียงหญิงสาวพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าที่ยิ่งหวานและจริงใจ กลับทำให้หัวใจของเจิ้งเซวียนกระตุก ต้องฝืนรักษารอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก ไม่ให้กระอักเลือดออกมาการจีบสาวในวันนี้ไม่ใช่แค่ล้มเหลว แต่โคตรจะล้มเหลวเพราะเหตุไม่คาดฝันหลีโย่ว เสี่ยวโย่วจื่อ เด็กสาวคนนั้นที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด ผลคือเขากลับ...หยอดเธอ อยากจีบเธอมาเป็นแฟนจิตสำนึกถูกประณาม เขาถูกตอกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอายทางศีลธรรมแต่เขารู้สึกว่าตนคงไม่ต้องรอให้ถูกจิตสำนึกของตัวเองฆ่าตายหรอก เพราะถ้าหลีเชินรู้ว่าเขาจะจีบน้องสาวของอีกฝ่าย คงฟันตนตายก่อนในมีดเดียวแน่“เสี่ยวโย่วจื่อ...” เจิ้งเซ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status