Share

บทที่ 13

Author: อิงเซี่ย
“หาต่อไป ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะหายตัวไปได้” ฟู่อี้ชวนกัดฟันพูด

หลี่หยวนทำทุกวิธีแล้วจริง ๆ เขาโทรศัพท์ไปหลายสาย แต่คุณนายไม่รับเลย

ขณะที่เขาเกือบจะหมดหวัง สุดท้าย เมื่อโทรออกอีกครั้ง อีกฝ่ายก็รับสายแล้ว

“คุณนาย! ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมาก

“โทรหาฉันทำไม” ปลายสาย ซูมั่วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คือประธานฟู่...” หลี่หยวนตอบตามสัญชาตญาณ แต่ก็รีบหยุด และหาข้ออ้าง

“ประธานฟู่ให้ผมหาเอกสาร ผมหาไม่เจอ เลยอยากมาถามคุณครับ แต่คุณไม่อยู่ และเอกสารก็เร่งด่วนมากด้วย...”

ซูมั่วถึงกับรู้สึกพูดไม่ออกกับฟู่อี้ชวน โยนของมั่วซั่วจนหาไม่เจอแล้วมาถามเธอเนี่ยนะ?

“ให้เขาหาเอง” ซูมั่วพูดเสียงเย็นชา

“คุณนาย...ประธานฟู่ติดประชุมทั้งวันเลยครับ เขายุ่งอยู่...” หลี่หยวนใช้เล่ห์กล น้ำเสียงร้อนรนกระสับกระส่ายมาก ฟังเหมือนแทบจะร้องไห้

แม้ซูมั่วจะรำคาญฟู่อี้ชวน แต่ก็ไม่อาจทำตัวไม่ดีใส่หลี่หยวน จึงได้แต่บอก

“ลองค้นในห้องหนังสือของเขาอีกที ใต้ตู้หรือบนพื้น อาจหล่นอยู่ก็ได้”

“แต่คุณนายครับ ของของประธานฟู่ผมไม่กล้าค้นมั่วซั่ว ไม่อย่างนั้นคุณ...” หลี่หยวนพูดอีกครั้ง น้ำเสียงสั่นเทา

“ฉันอยู่โรงพยาบาล ไม่ว่าง นายค้นตามสบายเถอะ” ซูมั่วพูดตามตรง

ทางด้านหลี่หยวนตอบตกลงหลายครั้ง วางสายไป และส่งข้อความหาเจ้านายอย่างตื่นเต้นเป็นอันดับแรก

[ประธานฟู่ เจอแล้วครับ คุณนายอยู่ที่โรงพยาบาล]

ขณะเดียวกัน ในห้องประชุม

โทรศัพท์ของฟู่อี้ชวนที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้อความเข้าจนสั่นวินาทีหนึ่ง หน้าจอสว่างขึ้น เขาเหลือบมอง และชะงักไปทันที

จากนั้นก็ลุกขึ้นแทบจะทันที คว้าโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอก

“พวกนายประชุมต่อเลย ฉันมีธุระต้องไปจัดการ”

ในห้องทำงานของผู้ช่วย

หลี่หยวนกำลังตรวจสอบโรงพยาบาล แต่ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดดัง “ปัง” ครั้งหนึ่ง แรงจนประตูแทบแยกออก

“เธอล่ะ? อยู่โรงพยาบาลไหน?” ฟู่อี้ชวนพุ่งไปข้างโต๊ะทำงานของหลี่หยวน บรรยากาศกดดันลงมา ถามกดดันเขา

เขาลืมได้อย่างไร ซูมั่วได้รับบาดเจ็บ เธออยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นไม่ได้หนีออกจากบ้าน

ความโกรธเจือจางลงมาก อย่างอธิบายไม่ถูก

“ประ...ประธานฟู่ ผมกำลังตรวจสอบครับ” หลี่หยวนถูกทำให้ตกใจจนพูดเสียงสั่น

ฟู่อี้ชวนสงบอารมณ์ลงทันที ตั้งสติกลับมา นึกบางสิ่งได้ จึงพูด

“ตรวจสอบโรงพยาบาลในเขตจินสุ่ยก่อน อยู่ละแวกบ้านฉัน”

หลี่หยวนรีบพยักหน้า แต่ฟู่อี้ชวนรอนานขนาดนั้นไม่ไหว จึงคว้าคนเดินไปพลางให้เขาค้นหาไปด้วย

“ตรวจสอบพบแล้วครับประธานฟู่ โรงพยาบาลแห่งนั้นอยู่ใกล้บ้านคุณมาก คุณนายอยู่ห้องผู้ป่วยห้อง 316” หลี่หยวนพูด

“คนขับ ขับไปเร็ว” ฟู่อี้ชวนออกคำสั่ง เม้มริมฝีปาก สีหน้าเย็นชาแข็งกระด้าง

“นายรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาล?” หาคนเจอแล้ว ฟู่อี้ชวนที่นึกขึ้นได้ก็ถามอีกครั้ง

“คุณนายรับโทรศัพท์ แล้วเธอก็บอกว่า...” คำพูดหลี่หยวนยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงกระแทกดังขึ้นจากเบาะหลังอย่างแรง จึงไม่กล้าพูดอีกทันที

ตอนนี้ สีหน้าของฟู่อี้ชวนมืดครึ้มราวกับก้นหม้อ ความโกรธครอบงำอีกครั้ง ราวกับอยากกินหัวคน แทบทนไม่ไหวที่จะเข้าไปซักไซ้ซูมั่วเดี๋ยวนี้

ขณะเดียวกัน ในห้องผู้ป่วย

กระดูกก้นกบของซูมั่วที่ร้าวยังเจ็บอยู่ นอนอยู่บนเตียง คนไข้ข้างเตียงมาพูดคุยกับเธอ เธอก็ถือโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจ

แต่คุยได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดเสียงดัง “ปัง” ทุกคนต่างก็ตกใจ รวมถึงซูมั่ว มองไปทางประตูตามสัญชาตญาณ

แค่แวบเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายไปทันที แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชามาก กำมือแน่น

ฟู่อี้ชวนเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอก็ยิ่งโกรธ เมื่อครู่ยังทั้งพูดทั้งยิ้มให้คนอื่น แต่ทำหน้ามืดมนให้เขาโดยเฉพาะเลยเหรอ?

“เธอตั้งใจใช่ไหมซูมั่ว? ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์พังเหรอ? ถ้าพังแล้วจะรับสายหลี่หยวนได้ยังไง?!” ฟู่อี้ชวนตะโกนเสียงดังอย่างเดือดดาล

เขานึกถึงตัวเองที่โทรไปเกินร้อยสายเมื่อเช้าแต่ก็ยังแพ้สายเดียวของหลี่หยวน เขารู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้าแล้ว

“นายเป็นบ้าเหรอฟู่อี้ชวน ที่นี่โรงพยาบาลนะ นายจะมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ทำไม” ซูมั่วน้ำเสียงเย็นชา จ้องมองใบหน้าชายคนนั้นอย่างดุร้าย

“โรงพยาบาล เหอะ ๆ เธอก็รู้นี่ว่าเป็นโรงพยาบาล แล้วยังจงใจมานอนแกล้งตายอีกเหรอ?” ฟู่อี้ชวนหัวเราะเยาะ

ซูมั่วได้ยินก็กำมือแน่นขึ้น เธออยากยันตัวลุกขึ้น แต่ความเจ็บที่ก้นกบทำให้เธอขมวดคิ้ว

“เสแสร้ง เสแสร้งเข้าไป!” ฟู่อี้ชวนพูดอย่างดุร้าย สาวเท้ายาวไปข้างหน้า คว้าคอเสื้อของซูมั่วยกเธอขึ้นมานั่ง

“แค่เท้าถูกลวก ต้องมาอยู่โรงพยาบาลเลยเหรอ? เสแสร้งให้ใครดูกัน!”

ซูมั่วมองชายเสียสติคนนี้ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป ยกมือขึ้นฟาดไปตรง ๆ

เสียงตบดังกังวาน ฟู่อี้ชวนชะงักไปทันที หลังจากนั้นก็ผลักเธอล้มด้วยความโกรธ

ซูมั่วถูกผลักลงข้างเตียง เธอโน้มตัว ก้นกบเหมือนถูกคนหัก และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

“เธอลืมไปแล้วจริง ๆ เหรอว่าตัวเองนามสกุลอะไร ถึงกล้ามาตบฉัน” ฟู่อี้ชวนกัดฟันพูด ทั้งยังก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่เหล่าผู้ป่วยช่วยกันขวางเขาไว้

“หยุดนะ! คุณจะทำอะไรคนไข้?” ทันใดนั้นเอง พยาบาลที่ถูกดึงดูดมาด้วยเสียงตะโกน ก็รีบเข้ามาขวางพลางพูด

“ไสหัวไปให้หมด! ฉันเป็นสามีเธอ! เธอไม่ได้ป่วย แค่เสแสร้งทั้งนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอกลับบ้าน!” ฟู่อี้ชวนตะคอกเสียงดัง

“สามีเหรอ? คุณเป็นสามีแบบไหนกัน! เธอกระดูกร้าวแล้วคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? จะไม่อยู่รักษาที่โรงพยาบาลได้ยังไง?” พยายามก็ตะโกนกลับไป

ความโกรธของฟู่อี้ชวนถูกคำว่า “กระดูกร้าว” ดับลงทันที มองผู้หญิงที่ขดตัวอยู่บนเตียงแบบอึ้ง ๆ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sanit Ronnatee
นางเอกนี่โง่บรมเลยลพ..วิธีการมีเยอะแยะไม่นำมาชัย..ยอมเจ็บตัวตลอดอยู่กัมหมาตัวนี้มีแต่เจ็บ..ไม่แข็งเองโทษใครละ
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status