Share

นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ
นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ
Author: อิงเซี่ย

บทที่ 1

Author: อิงเซี่ย
วันนั้นที่ซูมั่วตัดสินใจหย่า เกิดเรื่องขึ้นสองเรื่อง

เรื่องแรกคือนางในดวงใจของฟู่อี้ชวนหวนกลับมาประเทศแล้ว เขาทุ่มเงินจำนวนห้าสิบล้านสั่งทำเรือสำราญเพื่อต้อนรับนางในดวงใจ ทั้งยังปล่อยตัวปล่อยใจอยู่บนเรือสำราญกับนางในดวงใจของเขาถึงสองวันสองคืน

สื่อหลายสำนักต่างประโคมข่าวไปทั่วว่าทั้งคู่กำลังจะกลับมาคืนดีกัน

อีกเรื่องหนึ่งคือซูมั่วตอบรักคำเชิญของรุ่นพี่ กลับไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการในบริษัทที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยกัน

อีกหนึ่งเดือนเธอก็จะจากไป

แน่นอน ว่าเธอจะอะไรล้วนไม่มีใครสนใจทั้งสิ้น

ในใจของฟู่อี้ชวน เธอก็แค่คนที่แต่งงานมาเป็นแม่บ้านให้ตระกูลฟู่ก็เท่านั้น

เธอปิดบังทุกคน

กำจัดร่องรอยการใช้ชีวิตในตระกูลฟู่ทุกอย่างในระยะเวลาสองปีมานี้ของตัวเองอย่างเงียบเชียบ

แอบซื้อตั๋วเครื่องบินไปจากที่นี่

อีกสามวัน

เธอจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งของที่นี่อีก

นับจากนี้เธอกับฟู่อี้ชวนจะเป็นคนแปลกหน้า

[ส่งน้ำซุปสร่างเมามา สองชุด]

จู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในโทรศัพท์มือถือ ซูมั่วมองข้อความที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งนั้นแล้วก็หลุบตาลง กำนิ้วมือแน่น

ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบนาที ฟู่อี้ชวนกำลังร่วมงานเลี้ยงต้อนรับการกลับประเทศที่จัดขึ้นเพื่อเย่ซินหย่า

เมื่อก่อนฟู่อี้ชวนไม่เคยให้เธอนำซุปสร่างเมาไปให้ เขามักจะดื่มอยู่แค่ในบ้าน เพราะรู้สึกว่าการที่เธอโผล่หน้าไปมันขายขี้หน้า ไม่อยากยอมรับตัวตนของเธอ

ฉะนั้นในเวลานี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูมั่วจะดีใจด้วยคิดว่าในที่สุดฟู่อี้ชวนก็ยอมรับเธอกับผู้คนภายนอกเสียที ทว่าตอนนี้...

สายตาจดจ้องอยู่ที่คำว่า “สองชุด” เธอรู้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเย่ซินหย่า

ดังคาด เมื่ออยู่ต่อหน้าความรักที่แท้จริง เขากล้ายอมรับ “ภรรยา” ผู้ต้อยต่ำ ไม่เป็นที่เชิดหน้าชูตาคนนี้อย่างตรงไปตรงมา

ซูมั่ววางมือลง ไปเตรียมซุปสร่างเมาที่ห้องครัว

สัญญาที่ทำไว้กับคุณปู่ฟู่ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบเก้าวันสุดท้าย เธอมองเวลาที่นับถอยหลังบนโทรศัพท์แวบหนึ่ง

ทันทีที่ครบกำหนด เธอก็จะหลุดพ้นทันที...

การอยู่ด้วยกันมาสองปีไม่อาจแลกความจริงใจกลับมาได้แม้แต่เศษเสี้ยว ท้ายที่สุดแล้ว... ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเธอที่เพ้อฝันมากเกินไป

เธอ... รักเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว

เดือนสุดท้ายก็ทำหน้าที่ “ภรรยา” ให้เสร็จสิ้นแล้วกัน

ซุปสร่างเมาร้อนระอุในหม้อ มันเป็นเมนูที่เธอถนัดที่สุด เพราะเวลาสองปีที่ผ่านมาเธอต้องต้มให้ผู้ชายคนนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน

ดวงตาเหม่อลอยโดยไม่รู้ตัว ในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสงบอันน่าเศร้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ปิดฝาหม้อเก็บความร้อนสนิท ด้านในบรรจุซุปสร่างเมาสองชุด ตามด้วยเรียกรถเดินทางไปยังโรงแรมหรู

ภายในรถ ซูมั่วนั่งอยู่เงียบ ๆ พลางมองข้อความที่ส่งมาเมื่อเช้านี้จากเบอร์คนแปลกหน้าบนโทรศัพท์

[มั่วมั่ว จำฉันได้ไหม? ฉันซินหย่าเองนะ ฉันกลับมาประเทศแล้ว ดีใจจริง ๆ ที่จะได้เจอเธออีกครั้ง ถึงเธอจะแย่งอี้ชวนของฉันไป แต่พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ ตอนเย็นมาเจอกันแล้วก็กินข้าวด้วยกันนะ]

ใช่แล้ว ฟู่อี้ชวนไม่เคยพูดถึงงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ที่เธอรู้ก็เพราะนี่เป็นการ “เชิญ” ที่เย่ซินหย่าเป็นฝ่ายส่งมาให้เธอก่อน

อ่านถ้อยคำที่แฝงไปด้วย “ความใจกว้างโอบอ้อมอารี” ขนาดนั้นของอีกฝ่ายแล้ว ซูมั่วถึงกับกระตุกยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก

แย่งฟู่อี้ชวนไป?

ทั้งที่คุณปู่ฟู่เป็นคนขัดขวาง เย่ซินหย่าเองก็รับเงินค่าเลิกกับเขาจำนวนห้าสิบล้านแล้วก็ไปต่างประเทศแท้ ๆ แล้วพูดได้อย่างไรว่าตัวเธอเองเป็นคนแย่มา?

เธอยอมรับว่าตนเองโลภเลยยอมตามน้ำไป แต่ไม่เคยเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปแทรกกลางก่อน

ส่วนความใจกว้างโอบอ้อมอารีน่ะเหรอ เหอะ ๆ

หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงคิดว่าเย่ซินหย่าเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ทั้งข้างนอกข้างใน แต่พอขึ้นมัธยมปลาย เธอถึงได้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการเสแสร้ง

แต่ตอนนั้นมันก็สายเกินแก้ เธอถูกตัดขาดกับทุกคน กลายเป็นคนโดดเดี่ยวถูกเพ่งเล็งคนนั้น จนถึงขึ้นถูกบูลลี่ ภายหลังถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเย่ซินหย่า...

งานเลี้ยงต้อนรับในวันนี้ พวกเพื่อนสมัยมัธยมหลายคนก็มาร่วมด้วย ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มี “เพื่อนสนิท” ของเธอในตอนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาต้องยืนอยู่ฝั่งเย่ซินหย่าแน่

ซูมั่วไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงนั่น เพราะรู้ว่าเป็นการปิดประตูตีแมว และไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนเก่าพวกนั้น ด้วยในใจรู้สึกอึดอัด จึงกะว่าพอส่งซุปสร่างเมาเสร็จก็จะออกมา

เมื่อถึงด้านนอกประตูห้องจัดงาน ซูมั่วเตรียมพร้อม เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตู

ประตูเปิดออกภายในไม่กี่วินาที ซูมั่วยื่นมือออกไป ทว่าคนที่มารับกลับไม่ใช้ฟู่อี้ชวน แต่เป็นเย่ซินหย่าที่ใส่ชุดราตรีสีขาว

“มั่วมั่ว เธอมาแล้ว รีบเข้ามาเร็ว ทุกคนกำลังรอเธออยู่เลย” เย่ซินหย่าแย้มยิ้มสดใสเป็นประกาย เธอแต่งหน้าอย่างประณีต เหมือนกับเจ้าหญิง

บนลำคอของเธอเป็นสร้อยคอสีฟ้าน้ำทะเลเส้นหนึ่ง ซึ่งก็คือสร้อยเส้นนั้นที่เธอเห็นที่บ้าน เมื่อไม่กี่วันก่อนฟู่อี้ชวนเพิ่งประมูลมาได้ ที่แท้เขาก็ให้เย่ซินหย่าเป็นของขวัญนี่เอง

“ไม่ล่ะ ฉันแค่มาส่งซุปสร่างเมา” ซูมั่วมีสีหน้าเงียบสงบ เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบระคนเย็นชา

“มั่วมั่ว ไม่เจอเธอตั้งสองปีก็ห่างเหินกับฉันแล้วเหรอ? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่โกรธเธอเรื่องที่แย่งอี้ชวนไป” เย่ซินหย่ากัดปากเล็กน้อย แสดงท่าทีน้อยใจออกมาก่อน

ซูมั่วเหลือจะทนกับท่าทางเสแสร้งเป็นคนดีน่าสงสารอย่างกับนางเอกละครของเย่ซินหย่า ดังนั้นเธอเลยเบี่ยงตัวเดินเข้าไปวางของ

ทว่าเย่ซินหย่ากลับรั้งเธอไว้ พลางวางมือลงบนฝาหม้อเก็บความร้อน นิ้วหัวแม่มือขยับเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น

“ถ้าเธอไม่อยากเข้างานจริง ๆ งั้นเดี๋ยวฉันเอาไปให้อี้ชวนเอง” เย่ซินหย่าพูดอย่างหวังดี

ซูมั่วขมวดคิ้ว คิดว่าทำไมเย่ซินหย่าถึงยอมเลิกแล้วต่อกันง่าย ๆ ขนาดนี้ แต่ตัวเธอเองก็ไม่อยากเข้าไปจริง ๆ เลยยื่นหม้อเก็บความร้อนออกไป

ในจังหวะที่ส่งของรับของกันนี้ อีกฝ่ายรับหม้อเก็บความร้อนไว้ไม่มั่นคง ทำให้หม้อร่วงหล่นลงพื้น

ฝ้าหม้อเปิดออกหมด น้ำซุปร้อนกระเด็นกระดอน ขณะเดียวกันเย่ซินหย่าก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลางกรีดร้องออกมา “โอ๊ย เจ็บจัง ขาฉัน!”

เสียงกรีดร้องนี้ดึงดูให้คนในห้องจัดงานหันมองมาทางประตูเป็นตาเดียว ฟู่อี้ชวนลุกขึ้นแล้วสาวเท้ายาวเข้ามา ส่วนเย่ซินหย่าก็เริ่มร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บ

“ซูมั่ว นี่เธอถือหม้อเก็บความร้อนยังไงของเธอ? เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ทำให้ดียังทำไมได้?”

ฟู่อี้ชวนย่อตัวลง ถอดเสื้อคลุมสั่งตัดออกไปเช็ดน้ำซุปบริเวณน่องให้เย่ซินหย่าพร้อมกับติเตียน

“ฉัน...” ซูมั่วยังไม่ทันได้พูดอะไร เย่ซินหย่าก็ชิงพูดออกมาก่อน

“อี้ชวน นายอย่าไปว่ามั่วมั่วเลย ฉันถือไม่ดีเอง”

ฟู่อี้ชวนมองไปที่หม้อเก็บความร้อนด้านข้าง เขาคว้าฝาหม้อขึ้นมา แล้วเงยหน้าถลึงตาใส่ซูมั่วพลางว่า

“ฝาหม้อยังสภาพดีอยู่ ไม่มีแม้แต่รอยบิ่น ตกลงแล้วเป็นซินหย่าที่มือลื่น หรือเป็นเธอที่จงใจเปิดฝาเอาไว้ก่อน?”

ซูมั่วก้มหน้ามองลงไป เธอถูกถามแกมตำหนิจนงุนงงอยู่ครู่ใหญ่

หม้อเก็บความร้อนนี้คุณภาพดีมาก ต่อให้ทำตก ฝากก็จะไม่เปิดออก ทว่าตอนนี้ฝาหม้อไม่เพียงเปิดออกเท่านั้น แต่ยังไม่มีแม้แต่รอยแตกเลยด้วยซ้ำ...

“ฉันไม่ได้เปิดมันเลยนะ ไม่งั้นตลอดทางมานี่ฉันจะถือมันมายังไง?” ซูมั่วแย้ง

“จงใจก็คือจงใจ มีอะไรต้องให้แก้ตัวอีก?” ฟู่อี้ชวนพูดพลางส่งสายตาเย็นชา

ในสายตาเขา ซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อแต่งงานกับตระกูลร่ำรวยให้ได้ ตอนนั้นไม่รู้ไปเกลี้ยกล่อมปู่อย่างไร พอบีบให้ซินหย่าไปแล้วก็บังคับให้เขาได้แต่งงานกับเธอ

ดังนั้นเขาจะไปเชื่อเธอได้อย่างไร?

โยนฝาหม้อทิ้งไป ฟู่อี้ชวนลุกขึ้นด้วยต้องการอุ้มเย่ซินหย่าเดินออกไป สุดท้ายเขาก็เหลือสายตามองเล็กน้อย พอจะเห็นได้จากหางตาว่าบนหลังเท้าของซูมั่วก็มีรอยแดงปื้นใหญ่

เธอเองก็คงถูกน้ำซุปร้อนเหมือนกัน แถมยังจะกินบริเวณกว้างกว่าเย่ซินหย่าเสียอีก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาเพียงหนึ่งวินาที

แต่ก็แค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน โดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

ซูมั่วเจ็บหนักกว่าแล้วอย่างไร เธอทำตัวเองไม่ใช่เหรอ?

ทำร้ายคนอื่นจนย้อนเข้าตัวเอง นี่แหละกรรมตามสนอง

เย่ซินหย่าถูกอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าสาว แขนขาวเนียนโอบรอบคอเขาไว้ ขณะที่เขินอายก็เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล

“อี้ชวน มั่วมั่วเองก็...”

“ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ตายหรอก เธอไปโรงพยาบาลเองได้” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เธอเป็นนางแบบ ถ้าขาได้รับบาดเจ็บแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status