Share

นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ
นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ
Penulis: อิงเซี่ย

บทที่ 1

Penulis: อิงเซี่ย
วันนั้นที่ซูมั่วตัดสินใจหย่า เกิดเรื่องขึ้นสองเรื่อง

เรื่องแรกคือนางในดวงใจของฟู่อี้ชวนหวนกลับมาประเทศแล้ว เขาทุ่มเงินจำนวนห้าสิบล้านสั่งทำเรือสำราญเพื่อต้อนรับนางในดวงใจ ทั้งยังปล่อยตัวปล่อยใจอยู่บนเรือสำราญกับนางในดวงใจของเขาถึงสองวันสองคืน

สื่อหลายสำนักต่างประโคมข่าวไปทั่วว่าทั้งคู่กำลังจะกลับมาคืนดีกัน

อีกเรื่องหนึ่งคือซูมั่วตอบรักคำเชิญของรุ่นพี่ กลับไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการในบริษัทที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยกัน

อีกหนึ่งเดือนเธอก็จะจากไป

แน่นอน ว่าเธอจะอะไรล้วนไม่มีใครสนใจทั้งสิ้น

ในใจของฟู่อี้ชวน เธอก็แค่คนที่แต่งงานมาเป็นแม่บ้านให้ตระกูลฟู่ก็เท่านั้น

เธอปิดบังทุกคน

กำจัดร่องรอยการใช้ชีวิตในตระกูลฟู่ทุกอย่างในระยะเวลาสองปีมานี้ของตัวเองอย่างเงียบเชียบ

แอบซื้อตั๋วเครื่องบินไปจากที่นี่

อีกสามวัน

เธอจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งของที่นี่อีก

นับจากนี้เธอกับฟู่อี้ชวนจะเป็นคนแปลกหน้า

[ส่งน้ำซุปสร่างเมามา สองชุด]

จู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในโทรศัพท์มือถือ ซูมั่วมองข้อความที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งนั้นแล้วก็หลุบตาลง กำนิ้วมือแน่น

ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบนาที ฟู่อี้ชวนกำลังร่วมงานเลี้ยงต้อนรับการกลับประเทศที่จัดขึ้นเพื่อเย่ซินหย่า

เมื่อก่อนฟู่อี้ชวนไม่เคยให้เธอนำซุปสร่างเมาไปให้ เขามักจะดื่มอยู่แค่ในบ้าน เพราะรู้สึกว่าการที่เธอโผล่หน้าไปมันขายขี้หน้า ไม่อยากยอมรับตัวตนของเธอ

ฉะนั้นในเวลานี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูมั่วจะดีใจด้วยคิดว่าในที่สุดฟู่อี้ชวนก็ยอมรับเธอกับผู้คนภายนอกเสียที ทว่าตอนนี้...

สายตาจดจ้องอยู่ที่คำว่า “สองชุด” เธอรู้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเย่ซินหย่า

ดังคาด เมื่ออยู่ต่อหน้าความรักที่แท้จริง เขากล้ายอมรับ “ภรรยา” ผู้ต้อยต่ำ ไม่เป็นที่เชิดหน้าชูตาคนนี้อย่างตรงไปตรงมา

ซูมั่ววางมือลง ไปเตรียมซุปสร่างเมาที่ห้องครัว

สัญญาที่ทำไว้กับคุณปู่ฟู่ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบเก้าวันสุดท้าย เธอมองเวลาที่นับถอยหลังบนโทรศัพท์แวบหนึ่ง

ทันทีที่ครบกำหนด เธอก็จะหลุดพ้นทันที...

การอยู่ด้วยกันมาสองปีไม่อาจแลกความจริงใจกลับมาได้แม้แต่เศษเสี้ยว ท้ายที่สุดแล้ว... ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเธอที่เพ้อฝันมากเกินไป

เธอ... รักเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว

เดือนสุดท้ายก็ทำหน้าที่ “ภรรยา” ให้เสร็จสิ้นแล้วกัน

ซุปสร่างเมาร้อนระอุในหม้อ มันเป็นเมนูที่เธอถนัดที่สุด เพราะเวลาสองปีที่ผ่านมาเธอต้องต้มให้ผู้ชายคนนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน

ดวงตาเหม่อลอยโดยไม่รู้ตัว ในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสงบอันน่าเศร้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ปิดฝาหม้อเก็บความร้อนสนิท ด้านในบรรจุซุปสร่างเมาสองชุด ตามด้วยเรียกรถเดินทางไปยังโรงแรมหรู

ภายในรถ ซูมั่วนั่งอยู่เงียบ ๆ พลางมองข้อความที่ส่งมาเมื่อเช้านี้จากเบอร์คนแปลกหน้าบนโทรศัพท์

[มั่วมั่ว จำฉันได้ไหม? ฉันซินหย่าเองนะ ฉันกลับมาประเทศแล้ว ดีใจจริง ๆ ที่จะได้เจอเธออีกครั้ง ถึงเธอจะแย่งอี้ชวนของฉันไป แต่พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ ตอนเย็นมาเจอกันแล้วก็กินข้าวด้วยกันนะ]

ใช่แล้ว ฟู่อี้ชวนไม่เคยพูดถึงงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ที่เธอรู้ก็เพราะนี่เป็นการ “เชิญ” ที่เย่ซินหย่าเป็นฝ่ายส่งมาให้เธอก่อน

อ่านถ้อยคำที่แฝงไปด้วย “ความใจกว้างโอบอ้อมอารี” ขนาดนั้นของอีกฝ่ายแล้ว ซูมั่วถึงกับกระตุกยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก

แย่งฟู่อี้ชวนไป?

ทั้งที่คุณปู่ฟู่เป็นคนขัดขวาง เย่ซินหย่าเองก็รับเงินค่าเลิกกับเขาจำนวนห้าสิบล้านแล้วก็ไปต่างประเทศแท้ ๆ แล้วพูดได้อย่างไรว่าตัวเธอเองเป็นคนแย่มา?

เธอยอมรับว่าตนเองโลภเลยยอมตามน้ำไป แต่ไม่เคยเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปแทรกกลางก่อน

ส่วนความใจกว้างโอบอ้อมอารีน่ะเหรอ เหอะ ๆ

หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงคิดว่าเย่ซินหย่าเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ทั้งข้างนอกข้างใน แต่พอขึ้นมัธยมปลาย เธอถึงได้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการเสแสร้ง

แต่ตอนนั้นมันก็สายเกินแก้ เธอถูกตัดขาดกับทุกคน กลายเป็นคนโดดเดี่ยวถูกเพ่งเล็งคนนั้น จนถึงขึ้นถูกบูลลี่ ภายหลังถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเย่ซินหย่า...

งานเลี้ยงต้อนรับในวันนี้ พวกเพื่อนสมัยมัธยมหลายคนก็มาร่วมด้วย ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มี “เพื่อนสนิท” ของเธอในตอนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาต้องยืนอยู่ฝั่งเย่ซินหย่าแน่

ซูมั่วไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงนั่น เพราะรู้ว่าเป็นการปิดประตูตีแมว และไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนเก่าพวกนั้น ด้วยในใจรู้สึกอึดอัด จึงกะว่าพอส่งซุปสร่างเมาเสร็จก็จะออกมา

เมื่อถึงด้านนอกประตูห้องจัดงาน ซูมั่วเตรียมพร้อม เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตู

ประตูเปิดออกภายในไม่กี่วินาที ซูมั่วยื่นมือออกไป ทว่าคนที่มารับกลับไม่ใช้ฟู่อี้ชวน แต่เป็นเย่ซินหย่าที่ใส่ชุดราตรีสีขาว

“มั่วมั่ว เธอมาแล้ว รีบเข้ามาเร็ว ทุกคนกำลังรอเธออยู่เลย” เย่ซินหย่าแย้มยิ้มสดใสเป็นประกาย เธอแต่งหน้าอย่างประณีต เหมือนกับเจ้าหญิง

บนลำคอของเธอเป็นสร้อยคอสีฟ้าน้ำทะเลเส้นหนึ่ง ซึ่งก็คือสร้อยเส้นนั้นที่เธอเห็นที่บ้าน เมื่อไม่กี่วันก่อนฟู่อี้ชวนเพิ่งประมูลมาได้ ที่แท้เขาก็ให้เย่ซินหย่าเป็นของขวัญนี่เอง

“ไม่ล่ะ ฉันแค่มาส่งซุปสร่างเมา” ซูมั่วมีสีหน้าเงียบสงบ เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบระคนเย็นชา

“มั่วมั่ว ไม่เจอเธอตั้งสองปีก็ห่างเหินกับฉันแล้วเหรอ? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่โกรธเธอเรื่องที่แย่งอี้ชวนไป” เย่ซินหย่ากัดปากเล็กน้อย แสดงท่าทีน้อยใจออกมาก่อน

ซูมั่วเหลือจะทนกับท่าทางเสแสร้งเป็นคนดีน่าสงสารอย่างกับนางเอกละครของเย่ซินหย่า ดังนั้นเธอเลยเบี่ยงตัวเดินเข้าไปวางของ

ทว่าเย่ซินหย่ากลับรั้งเธอไว้ พลางวางมือลงบนฝาหม้อเก็บความร้อน นิ้วหัวแม่มือขยับเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น

“ถ้าเธอไม่อยากเข้างานจริง ๆ งั้นเดี๋ยวฉันเอาไปให้อี้ชวนเอง” เย่ซินหย่าพูดอย่างหวังดี

ซูมั่วขมวดคิ้ว คิดว่าทำไมเย่ซินหย่าถึงยอมเลิกแล้วต่อกันง่าย ๆ ขนาดนี้ แต่ตัวเธอเองก็ไม่อยากเข้าไปจริง ๆ เลยยื่นหม้อเก็บความร้อนออกไป

ในจังหวะที่ส่งของรับของกันนี้ อีกฝ่ายรับหม้อเก็บความร้อนไว้ไม่มั่นคง ทำให้หม้อร่วงหล่นลงพื้น

ฝ้าหม้อเปิดออกหมด น้ำซุปร้อนกระเด็นกระดอน ขณะเดียวกันเย่ซินหย่าก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลางกรีดร้องออกมา “โอ๊ย เจ็บจัง ขาฉัน!”

เสียงกรีดร้องนี้ดึงดูให้คนในห้องจัดงานหันมองมาทางประตูเป็นตาเดียว ฟู่อี้ชวนลุกขึ้นแล้วสาวเท้ายาวเข้ามา ส่วนเย่ซินหย่าก็เริ่มร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บ

“ซูมั่ว นี่เธอถือหม้อเก็บความร้อนยังไงของเธอ? เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ทำให้ดียังทำไมได้?”

ฟู่อี้ชวนย่อตัวลง ถอดเสื้อคลุมสั่งตัดออกไปเช็ดน้ำซุปบริเวณน่องให้เย่ซินหย่าพร้อมกับติเตียน

“ฉัน...” ซูมั่วยังไม่ทันได้พูดอะไร เย่ซินหย่าก็ชิงพูดออกมาก่อน

“อี้ชวน นายอย่าไปว่ามั่วมั่วเลย ฉันถือไม่ดีเอง”

ฟู่อี้ชวนมองไปที่หม้อเก็บความร้อนด้านข้าง เขาคว้าฝาหม้อขึ้นมา แล้วเงยหน้าถลึงตาใส่ซูมั่วพลางว่า

“ฝาหม้อยังสภาพดีอยู่ ไม่มีแม้แต่รอยบิ่น ตกลงแล้วเป็นซินหย่าที่มือลื่น หรือเป็นเธอที่จงใจเปิดฝาเอาไว้ก่อน?”

ซูมั่วก้มหน้ามองลงไป เธอถูกถามแกมตำหนิจนงุนงงอยู่ครู่ใหญ่

หม้อเก็บความร้อนนี้คุณภาพดีมาก ต่อให้ทำตก ฝากก็จะไม่เปิดออก ทว่าตอนนี้ฝาหม้อไม่เพียงเปิดออกเท่านั้น แต่ยังไม่มีแม้แต่รอยแตกเลยด้วยซ้ำ...

“ฉันไม่ได้เปิดมันเลยนะ ไม่งั้นตลอดทางมานี่ฉันจะถือมันมายังไง?” ซูมั่วแย้ง

“จงใจก็คือจงใจ มีอะไรต้องให้แก้ตัวอีก?” ฟู่อี้ชวนพูดพลางส่งสายตาเย็นชา

ในสายตาเขา ซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อแต่งงานกับตระกูลร่ำรวยให้ได้ ตอนนั้นไม่รู้ไปเกลี้ยกล่อมปู่อย่างไร พอบีบให้ซินหย่าไปแล้วก็บังคับให้เขาได้แต่งงานกับเธอ

ดังนั้นเขาจะไปเชื่อเธอได้อย่างไร?

โยนฝาหม้อทิ้งไป ฟู่อี้ชวนลุกขึ้นด้วยต้องการอุ้มเย่ซินหย่าเดินออกไป สุดท้ายเขาก็เหลือสายตามองเล็กน้อย พอจะเห็นได้จากหางตาว่าบนหลังเท้าของซูมั่วก็มีรอยแดงปื้นใหญ่

เธอเองก็คงถูกน้ำซุปร้อนเหมือนกัน แถมยังจะกินบริเวณกว้างกว่าเย่ซินหย่าเสียอีก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาเพียงหนึ่งวินาที

แต่ก็แค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน โดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

ซูมั่วเจ็บหนักกว่าแล้วอย่างไร เธอทำตัวเองไม่ใช่เหรอ?

ทำร้ายคนอื่นจนย้อนเข้าตัวเอง นี่แหละกรรมตามสนอง

เย่ซินหย่าถูกอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าสาว แขนขาวเนียนโอบรอบคอเขาไว้ ขณะที่เขินอายก็เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล

“อี้ชวน มั่วมั่วเองก็...”

“ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ตายหรอก เธอไปโรงพยาบาลเองได้” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เธอเป็นนางแบบ ถ้าขาได้รับบาดเจ็บแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (3)
goodnovel comment avatar
เอิง เอย
อ่านน่าสนใจดีนะ
goodnovel comment avatar
Aom
คนแต่งเรื่องมักจะแต่ให้นางเอกโง่ในสายตาคนอื่น
goodnovel comment avatar
Aom
จะไปก็ไป ต้องรอทำไม เดือนนึง
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status