Share

บทที่ 2

Penulis: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนอุ้มเย่ซินหย่าสาวเท้ายาว ๆ ออกไป กระแทกเข้ากับไหล่ซูมั่วตอนเดินผ่านประตู เธอถูกชนจนเซและกระแทกเข้ากับขอบประตู

ความเจ็บบนหลังเท้าและน่องขาทำให้เธออดกำขอบประตูไว้แน่นไม่ได้

คนในห้องส่วนตัวมองมาด้วยสายตาหลากหลายรูปแบบ มีทั้งเหยียดหยาม เย้ยหยัน เยาะเย้ยเหน็บแนม...

แต่ซูมั่วไม่สนใจเลยสักนิด

เธอหมุนตัวอย่างช้า ๆ คอยเกาะกำแพงไว้ และเดินจากไปอย่างยากลำบาก

เมื่อถึงคลินิก พยาบาลได้เข้ามาทายาให้ ครั้นเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของเธอ พยาบาลถึงกับสูดหายใจลึก ๆ ทันที

ตุ่มน้ำบนหลังเท้าทั้งหมดมันพองขึ้นนานแล้ว ตุ่มที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ถึงขนาดเท่าเสี่ยวหลงเปาเลยทีเดียว ส่วนตุ่มอื่น ๆ ที่เหลือก็มีขนาดเท่ากับไข่มุกบนสร้อยไข่มุก เรียกได้ว่าขนพองสยองเกล้า

“พระเจ้า! คุณไปโดนลวกอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้คะเนี่ย?” พยาบาลถามอย่างตกใจ

ซูมั่วต้องกัดฟันแน่นเพราะความเจ็บมาตลอดทาง จนตอนนี้กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งตึงไปหมด อ้าปากตอบคำถามไม่ได้เลย

พยาบาลทายาไปพลาง พูดจาทอดถอนใจไปพลาง

“เมื่อกี้นี้ก็มีคนถูกน้ำร้อนลวกมาคนหนึ่ง แฟนเขานี่อุ้มเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจเหมือนถูกไฟลนเชียว จะให้หัวหน้าแพทย์เป็นคนตรวจรักษาให้ได้ เป็นรอยแดงเล็ก ๆ แค่ไม่กี่รอยเอง มาช้าสักหน่อยก็หายเองได้”

ซูมั่วได้ฟังก็เกิดความขมปร่าและเศร้าสร้อยขึ้นในใจ คนที่โดยน้ำร้อนลวกจนเป็นรอยเล็ก ๆ ไม่กี่รอยคนนั้น ไหนยังจะคนที่อุ้มเธอมาด้วยอีก ถ้าเป็นอย่างที่คิดก็คงจะเป็นเย่ซินหย่ากับฟู่อี้ชวนนั่นแหละ

ตามคาด ด้วยฟู่อี้ชวนทั้งห่วงใยทั้งกังวลเสียขนาดนั้น แม้แต่พยาบาลก็เข้าใจว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน

“ถ้าผู้หญิงคนนั้นได้รับบาดเจ็บเหมือนคุณ ไม่รู้ว่าแฟนของเขาจะเจ็บปวดใจแค่ไหน” พยาบาลพูดต่อ

ได้รับบาดเจ็บเหมือนเธอ?

ซูมั่วมองตุ่มน้ำขนาดเขื่องบนหลังเท้าตัวเอง มันทั้งใสแจ๋ว ทั้งบวมเป่ง

ถ้าเป็นเย่ซินหย่า เกรงว่าฟู่อี้ชวนคงจะเรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงจากทั่วทั้งเมืองมารักษาให้เธอแน่

แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นตัวเธอ กลับถูกทิ้งอย่างไม่ลังเล เขาให้เธอมาหาหมอคนเดียว ไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้กันเลยแม้แต่นิด

ดูแลใส่ใจต่างกันขนาดนี้ มันราวฟ้ากับเหวชัดๆ

หน้าจอโทรศัพท์พลันสว่างวาบ ซูมั่วหันมอง เป็นฟู่อี้ชวนที่โทรเข้ามา

เขาอยู่กับเย่ซินหย่าไม่ใช่เหรอ? แล้วโทรมาหาเธอทำไม?

ซูมั่วไม่อยากรับสาย เลยคว่ำโทรศัพท์ไป

ตอนนี้พยาบาลกำลังเตรียมเข็มมาเจาะตุ่มน้ำตุ่มที่ใหญ่ที่สุดนั่น เนื่องด้วยมันมีขนาดใหญ่เกินไป น้ำเหลืองเลยไม่สามารถแห้งไปเองได้

ประจวบเหมาะกับในเวลานี้ ฟู่อี้ชวนมาหาที่คลินิกแล้ว ครั้นเขาเห็นซูมั่วนั่งอยู่บนเตียงพยาบาล ประโยคแรกยามที่ก้าวเข้ามาถึงกลายเป็นการซักถาม

“ทำไมไม่รับสายฉัน?”

เมื่อซูมั่วได้ยินเสียง เธอก็เงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความตกใจ

เธอไม่อยากทะเลาะกับเขา ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่พูดก็ไม่อยากพูดทั้งนั้น ได้แต่เอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ฉันปิดเสียง ไม่ได้ยิน”

ฟู่อี้ชวนมองไปแถวมือเธอ ซึ่งโทรศัพท์ก็คว่ำอยู่จริง ๆ เขาเลยไม่ได้โมโหอะไรมากแล้ว

ตอนนี้เอง พยาบาลหันไปมองเขา นี่ไม่ใช่คนที่ร้อนรนอุ้มผู้หญิงอีกคนมาโรงพยาบาลเหรอ?

“คุณเป็นอะไรกับคนไข้เหรอคะ?” พยาบาลถาม

ฟู่อี้ชวนอยากจะตอบไปในทันที ทว่าเสียงของเย่ซินหย่าพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“อี้ชวน มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?”

ฟู่อี้ชวนหันหน้าไปมอง คำว่า “สามี” คาอยู่ในลำคอ เขาได้แต่อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ซูมั่วรับรู้ได้ถึงความลังเลและไม่เต็มใจของเขา เธอยกมุมปากยิ้มเยาะตัวเอง เลยเป็นฝ่ายตอบแทนเขาเอง

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ”

ฟู่อี้ชวนได้ยินประโยคนี้ก็มองใบหน้าของซูมั่วที่มีสีหน้าไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ความโกรธพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่มีสาเหตุ ที่กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้กำลังโกรธอะไร

“เธอเป็นภรรยาของผม” ฟู่อี้ชวนพูดพลางจ้องเธอ

“เธออยากแต่งกับฉันเองไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมไม่ยอมรับต่อหน้าคนอื่นแล้วล่ะ?” เขาซักไซ้ซูมั่ว

ซูมั่วมองเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอทั้งไม่เข้าใจทั้งรู้สึกน่าขันในเวลาเดียวกัน

คนที่ไม่อยากยอมรับมันฟู่อี้ชวนไม่ใช่หรอกเหรอ? เธอแค่เห็นว่าเขาเอ่ยปากลำบาก เลยช่วยเขาพูด

ที่ด้านหลัง เย่ซินหย่าได้ยินฟู่อี้ชวนพูดคำนั้นออกมาแล้ว ดวงหน้าของเธอพลันฉายความตกตะลึงและความปวดร้าว จากนั้นก็กวาดตามองไปทางซูมั่วด้วยสายตาแค้นใจระคนร้ายกาจ เล็บสวย ๆ จิกลงกลางฝ่ามือ

พยาบาลกวาดสายตามองพวกเขาทั้งสามคนด้วยสายตาสงสัย เธอเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ดังนั้นน้ำเสียงที่ใช้กับผู้ชายเฮงซวยคนนี้จึงไม่ได้ดีอะไรนัก

“ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาออกไปด้วยค่ะ อย่าขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”

ฟู่อี้ชวนได้ยินคำว่า “ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง” คำนี้แล้ว พลันขมวดคิ้วและคิดจะเอ่ยปากพูด ซึ่งในตอนนี้เอง การเบี่ยงตัวของพยาบาล ทำให้เขาเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของซูมั่ว

ตุ่มน้ำขนาดใหญ่แสนน่าสยดสยองนั้นบาดดวงตาของเขา พาบให้หัวใจบีบรัดทีหนึ่ง ลืมเลือนคำพูดที่เมื่อครู่อยากจะพูดออกไปเสียสิ้น

เขายื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว กันเย่ซินหย่าที่ก้าวเข้าประตูไปแล้วครึ่งตัวให้ออกไปด้านนอกพร้อมเบี่ยงตัวหลบ ไม่ให้บังแสงตรงประตู

เขาไม่ได้จากไปไหน ทำเพียงยืนชิดอยู่กับกำแพง มองตรงไปยังเท้าทั้งสองข้างนั้น ดวงตาพลันมืดครึ้ม

ตั้งแต่หลังเท้าไปจนน่องขาล้วนเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ และบนรอยแดงก็มีตุ่มน้ำขนาดใหญ่พร้อมกับตุ่มน้ำพุพองเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ เต็มไปหมด

พยาบาลใช้เข็มเจาะตุ่มเล็ก ๆ ตุ่มหนึ่ง ใช้แผ่นสำลีปลอดเชื้อซับน้ำเหลือง ขาของซูมั่วสั่นเล็กน้อย

ภรรยาในนามของเขาคนนี้ สิ้นเปลืองความคิดไปมากมายเพื่อทำให้ปู่บังคับเขาให้แต่งงานกับเธอ ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้เขาเห็นเธอเป็นแค่ของประดับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่า ที่แท้เธอก็ผอมและอ่อนแอขนาดนี้

“ช่วงนี้ห้ามใส่รองเท้า ห้ามขยับตัวทำอะไรมาก และทายาสามครั้งต่อวันนะคะ” พยาบาลกำชับหลังเจาะตุ่มน้ำตุ่มใหญ่แล้ว

ซูมั่วพยักหน้า เธออยากลุก ทว่าความเจ็บบนหลังเท้าทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่างตอนยืน

ตอนนี้เองที่ฟู่อี้ชวนก้าวฉับ ๆ เข้ามา เขาค้อมเอวแล้วอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที

เพราะเสียการทรงตัว ซูมั่วเลยยื่นมือออกไปเกาะไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัว พอได้สติก็รีบชักมือออกทันที พลางพูดว่า

“ปล่อยฉันลง”

“เกาะให้แน่น ถ้าหล่นลงไปก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน” ฟู่อี้ชวนพูดออกมาเพียงเท่านั้น

เขาปล่อยมือข้างหนึ่ง ทำให้ซูมั่วรีบโอบรอบคอเขาไว้กันหล่นทันที ฟู่อี้ชวนใช้มือข้างที่ปล่อยออกไปคว้ารองเท้าแตะกับโทรศัพท์ของเธอมา

ซูมั่วมองเส้นหน้าของชายหนุ่ม เม้มปากพลางเงียบ ไม่พยายามดิ้นอีก

เธอรู้ดีว่าการอุ้มครั้งนี้ไม่มีความรักแม้แต่นิดเดียว เป็นแค่เพราะเห็นบาดแผลของเธอแล้ว เลยทำทานสักหน่อยอย่างความรู้สึกช้า

หรือเขาอาจกลัวว่าพอคุณปู่ฟู่รู้เรื่องเข้าจะมาติเตียน มันเป็นแค่การทำให้วัวหายแล้วล้อมคอกเท่านั้นเอง

ฟู่อี้ชวนอุ้มซูมั่วออกไป ที่ด้านนอกประตู เย่ซินหย่าเห็นภาพฉากนี้แล้ว ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“มั่วมั่ว เธอพอโอเคไหม?”

ดวงตาของซูมั่วมีเพียงความเย็นชา เธอไม่พูดออกมาสักคำ ด้วยไม่อยากเข้าร่วมกับละครหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์นี้ของอีกฝ่าย

ฟู่อี้ชวนได้ฟังแล้วเป็นฝ่ายตอบเอง “ซินหย่า ขาของเธอได้รับบาดเจ็บ เดินไม่ได้ ฉันเลยต้องอุ้มเธอน่ะ”

เย่ซินหย่ายังคงรักษารอยยิ้มบนดวงหน้าไว้ พลางว่า

“ไม่ต้องอธิบายฉันหรอกน่า มั่วมั่วเป็นภรรยาของนาย นายจะอุ้มเธอก็เป็นเรื่องที่สมควร แถมเธอยังบาดเจ็บอยู่ด้วย”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Sanit Ronnatee
รู้ว่าเขาไม่ชอบยังจะไปให้เขาทำร้ายอีกเนาะเจ็บไม่จำ..ตัดขาดต้องไยดีอีดเหรอประสาท
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status