แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนอุ้มเย่ซินหย่าสาวเท้ายาว ๆ ออกไป กระแทกเข้ากับไหล่ซูมั่วตอนเดินผ่านประตู เธอถูกชนจนเซและกระแทกเข้ากับขอบประตู

ความเจ็บบนหลังเท้าและน่องขาทำให้เธออดกำขอบประตูไว้แน่นไม่ได้

คนในห้องส่วนตัวมองมาด้วยสายตาหลากหลายรูปแบบ มีทั้งเหยียดหยาม เย้ยหยัน เยาะเย้ยเหน็บแนม...

แต่ซูมั่วไม่สนใจเลยสักนิด

เธอหมุนตัวอย่างช้า ๆ คอยเกาะกำแพงไว้ และเดินจากไปอย่างยากลำบาก

เมื่อถึงคลินิก พยาบาลได้เข้ามาทายาให้ ครั้นเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของเธอ พยาบาลถึงกับสูดหายใจลึก ๆ ทันที

ตุ่มน้ำบนหลังเท้าทั้งหมดมันพองขึ้นนานแล้ว ตุ่มที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ถึงขนาดเท่าเสี่ยวหลงเปาเลยทีเดียว ส่วนตุ่มอื่น ๆ ที่เหลือก็มีขนาดเท่ากับไข่มุกบนสร้อยไข่มุก เรียกได้ว่าขนพองสยองเกล้า

“พระเจ้า! คุณไปโดนลวกอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้คะเนี่ย?” พยาบาลถามอย่างตกใจ

ซูมั่วต้องกัดฟันแน่นเพราะความเจ็บมาตลอดทาง จนตอนนี้กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งตึงไปหมด อ้าปากตอบคำถามไม่ได้เลย

พยาบาลทายาไปพลาง พูดจาทอดถอนใจไปพลาง

“เมื่อกี้นี้ก็มีคนถูกน้ำร้อนลวกมาคนหนึ่ง แฟนเขานี่อุ้มเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจเหมือนถูกไฟลนเชียว จะให้หัวหน้าแพทย์เป็นคนตรวจรักษาให้ได้ เป็นรอยแดงเล็ก ๆ แค่ไม่กี่รอยเอง มาช้าสักหน่อยก็หายเองได้”

ซูมั่วได้ฟังก็เกิดความขมปร่าและเศร้าสร้อยขึ้นในใจ คนที่โดยน้ำร้อนลวกจนเป็นรอยเล็ก ๆ ไม่กี่รอยคนนั้น ไหนยังจะคนที่อุ้มเธอมาด้วยอีก ถ้าเป็นอย่างที่คิดก็คงจะเป็นเย่ซินหย่ากับฟู่อี้ชวนนั่นแหละ

ตามคาด ด้วยฟู่อี้ชวนทั้งห่วงใยทั้งกังวลเสียขนาดนั้น แม้แต่พยาบาลก็เข้าใจว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน

“ถ้าผู้หญิงคนนั้นได้รับบาดเจ็บเหมือนคุณ ไม่รู้ว่าแฟนของเขาจะเจ็บปวดใจแค่ไหน” พยาบาลพูดต่อ

ได้รับบาดเจ็บเหมือนเธอ?

ซูมั่วมองตุ่มน้ำขนาดเขื่องบนหลังเท้าตัวเอง มันทั้งใสแจ๋ว ทั้งบวมเป่ง

ถ้าเป็นเย่ซินหย่า เกรงว่าฟู่อี้ชวนคงจะเรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงจากทั่วทั้งเมืองมารักษาให้เธอแน่

แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นตัวเธอ กลับถูกทิ้งอย่างไม่ลังเล เขาให้เธอมาหาหมอคนเดียว ไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้กันเลยแม้แต่นิด

ดูแลใส่ใจต่างกันขนาดนี้ มันราวฟ้ากับเหวชัดๆ

หน้าจอโทรศัพท์พลันสว่างวาบ ซูมั่วหันมอง เป็นฟู่อี้ชวนที่โทรเข้ามา

เขาอยู่กับเย่ซินหย่าไม่ใช่เหรอ? แล้วโทรมาหาเธอทำไม?

ซูมั่วไม่อยากรับสาย เลยคว่ำโทรศัพท์ไป

ตอนนี้พยาบาลกำลังเตรียมเข็มมาเจาะตุ่มน้ำตุ่มที่ใหญ่ที่สุดนั่น เนื่องด้วยมันมีขนาดใหญ่เกินไป น้ำเหลืองเลยไม่สามารถแห้งไปเองได้

ประจวบเหมาะกับในเวลานี้ ฟู่อี้ชวนมาหาที่คลินิกแล้ว ครั้นเขาเห็นซูมั่วนั่งอยู่บนเตียงพยาบาล ประโยคแรกยามที่ก้าวเข้ามาถึงกลายเป็นการซักถาม

“ทำไมไม่รับสายฉัน?”

เมื่อซูมั่วได้ยินเสียง เธอก็เงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความตกใจ

เธอไม่อยากทะเลาะกับเขา ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่พูดก็ไม่อยากพูดทั้งนั้น ได้แต่เอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ฉันปิดเสียง ไม่ได้ยิน”

ฟู่อี้ชวนมองไปแถวมือเธอ ซึ่งโทรศัพท์ก็คว่ำอยู่จริง ๆ เขาเลยไม่ได้โมโหอะไรมากแล้ว

ตอนนี้เอง พยาบาลหันไปมองเขา นี่ไม่ใช่คนที่ร้อนรนอุ้มผู้หญิงอีกคนมาโรงพยาบาลเหรอ?

“คุณเป็นอะไรกับคนไข้เหรอคะ?” พยาบาลถาม

ฟู่อี้ชวนอยากจะตอบไปในทันที ทว่าเสียงของเย่ซินหย่าพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“อี้ชวน มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?”

ฟู่อี้ชวนหันหน้าไปมอง คำว่า “สามี” คาอยู่ในลำคอ เขาได้แต่อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ซูมั่วรับรู้ได้ถึงความลังเลและไม่เต็มใจของเขา เธอยกมุมปากยิ้มเยาะตัวเอง เลยเป็นฝ่ายตอบแทนเขาเอง

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ”

ฟู่อี้ชวนได้ยินประโยคนี้ก็มองใบหน้าของซูมั่วที่มีสีหน้าไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ความโกรธพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่มีสาเหตุ ที่กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้กำลังโกรธอะไร

“เธอเป็นภรรยาของผม” ฟู่อี้ชวนพูดพลางจ้องเธอ

“เธออยากแต่งกับฉันเองไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมไม่ยอมรับต่อหน้าคนอื่นแล้วล่ะ?” เขาซักไซ้ซูมั่ว

ซูมั่วมองเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอทั้งไม่เข้าใจทั้งรู้สึกน่าขันในเวลาเดียวกัน

คนที่ไม่อยากยอมรับมันฟู่อี้ชวนไม่ใช่หรอกเหรอ? เธอแค่เห็นว่าเขาเอ่ยปากลำบาก เลยช่วยเขาพูด

ที่ด้านหลัง เย่ซินหย่าได้ยินฟู่อี้ชวนพูดคำนั้นออกมาแล้ว ดวงหน้าของเธอพลันฉายความตกตะลึงและความปวดร้าว จากนั้นก็กวาดตามองไปทางซูมั่วด้วยสายตาแค้นใจระคนร้ายกาจ เล็บสวย ๆ จิกลงกลางฝ่ามือ

พยาบาลกวาดสายตามองพวกเขาทั้งสามคนด้วยสายตาสงสัย เธอเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ดังนั้นน้ำเสียงที่ใช้กับผู้ชายเฮงซวยคนนี้จึงไม่ได้ดีอะไรนัก

“ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาออกไปด้วยค่ะ อย่าขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”

ฟู่อี้ชวนได้ยินคำว่า “ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง” คำนี้แล้ว พลันขมวดคิ้วและคิดจะเอ่ยปากพูด ซึ่งในตอนนี้เอง การเบี่ยงตัวของพยาบาล ทำให้เขาเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของซูมั่ว

ตุ่มน้ำขนาดใหญ่แสนน่าสยดสยองนั้นบาดดวงตาของเขา พาบให้หัวใจบีบรัดทีหนึ่ง ลืมเลือนคำพูดที่เมื่อครู่อยากจะพูดออกไปเสียสิ้น

เขายื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว กันเย่ซินหย่าที่ก้าวเข้าประตูไปแล้วครึ่งตัวให้ออกไปด้านนอกพร้อมเบี่ยงตัวหลบ ไม่ให้บังแสงตรงประตู

เขาไม่ได้จากไปไหน ทำเพียงยืนชิดอยู่กับกำแพง มองตรงไปยังเท้าทั้งสองข้างนั้น ดวงตาพลันมืดครึ้ม

ตั้งแต่หลังเท้าไปจนน่องขาล้วนเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ และบนรอยแดงก็มีตุ่มน้ำขนาดใหญ่พร้อมกับตุ่มน้ำพุพองเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ เต็มไปหมด

พยาบาลใช้เข็มเจาะตุ่มเล็ก ๆ ตุ่มหนึ่ง ใช้แผ่นสำลีปลอดเชื้อซับน้ำเหลือง ขาของซูมั่วสั่นเล็กน้อย

ภรรยาในนามของเขาคนนี้ สิ้นเปลืองความคิดไปมากมายเพื่อทำให้ปู่บังคับเขาให้แต่งงานกับเธอ ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้เขาเห็นเธอเป็นแค่ของประดับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่า ที่แท้เธอก็ผอมและอ่อนแอขนาดนี้

“ช่วงนี้ห้ามใส่รองเท้า ห้ามขยับตัวทำอะไรมาก และทายาสามครั้งต่อวันนะคะ” พยาบาลกำชับหลังเจาะตุ่มน้ำตุ่มใหญ่แล้ว

ซูมั่วพยักหน้า เธออยากลุก ทว่าความเจ็บบนหลังเท้าทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่างตอนยืน

ตอนนี้เองที่ฟู่อี้ชวนก้าวฉับ ๆ เข้ามา เขาค้อมเอวแล้วอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที

เพราะเสียการทรงตัว ซูมั่วเลยยื่นมือออกไปเกาะไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัว พอได้สติก็รีบชักมือออกทันที พลางพูดว่า

“ปล่อยฉันลง”

“เกาะให้แน่น ถ้าหล่นลงไปก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน” ฟู่อี้ชวนพูดออกมาเพียงเท่านั้น

เขาปล่อยมือข้างหนึ่ง ทำให้ซูมั่วรีบโอบรอบคอเขาไว้กันหล่นทันที ฟู่อี้ชวนใช้มือข้างที่ปล่อยออกไปคว้ารองเท้าแตะกับโทรศัพท์ของเธอมา

ซูมั่วมองเส้นหน้าของชายหนุ่ม เม้มปากพลางเงียบ ไม่พยายามดิ้นอีก

เธอรู้ดีว่าการอุ้มครั้งนี้ไม่มีความรักแม้แต่นิดเดียว เป็นแค่เพราะเห็นบาดแผลของเธอแล้ว เลยทำทานสักหน่อยอย่างความรู้สึกช้า

หรือเขาอาจกลัวว่าพอคุณปู่ฟู่รู้เรื่องเข้าจะมาติเตียน มันเป็นแค่การทำให้วัวหายแล้วล้อมคอกเท่านั้นเอง

ฟู่อี้ชวนอุ้มซูมั่วออกไป ที่ด้านนอกประตู เย่ซินหย่าเห็นภาพฉากนี้แล้ว ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“มั่วมั่ว เธอพอโอเคไหม?”

ดวงตาของซูมั่วมีเพียงความเย็นชา เธอไม่พูดออกมาสักคำ ด้วยไม่อยากเข้าร่วมกับละครหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์นี้ของอีกฝ่าย

ฟู่อี้ชวนได้ฟังแล้วเป็นฝ่ายตอบเอง “ซินหย่า ขาของเธอได้รับบาดเจ็บ เดินไม่ได้ ฉันเลยต้องอุ้มเธอน่ะ”

เย่ซินหย่ายังคงรักษารอยยิ้มบนดวงหน้าไว้ พลางว่า

“ไม่ต้องอธิบายฉันหรอกน่า มั่วมั่วเป็นภรรยาของนาย นายจะอุ้มเธอก็เป็นเรื่องที่สมควร แถมเธอยังบาดเจ็บอยู่ด้วย”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sanit Ronnatee
รู้ว่าเขาไม่ชอบยังจะไปให้เขาทำร้ายอีกเนาะเจ็บไม่จำ..ตัดขาดต้องไยดีอีดเหรอประสาท
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 460

    แต่เมื่อดูจากผลแพ้ชนะคืนนี้แล้ว ดูเหมือนเธอจะกังวลมากเกินไปนอกจากเพื่อนสนิทจะถูกเอาเปรียบไปบ้าง ก็ถือเป็นว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในงานซูมั่วคุยเป็นเพื่อนเธอ จนกระทั่งเธอกลับถึงบ้าน จึงเพิ่งวางสายหลีโย่วเข้าบ้าน สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวทั้งหมดถูกเก็บไว้ หลังจากตอบแม่แบบส่ง ๆ ก็ขึ้นไปชั้นบนหลีเชินโผล่มาตรงหน้า ถือแก้วน้ำอยู่ แล้วถาม“เป็นยังไงบ้าง? คืนนี้มีแขกผู้ชายที่ถูกใจไหม?”หลีโย่วตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่ พี่รู้ไหมว่าพี่เหมือนอะไร?”หลีเชิน “?”“เหมือนแม่เล้าที่คอยเรียกลูกค้าให้พวกสาว ๆ ในสมัยโบราณมากเลย” หลีโย่วพูดด้วยรอยยิ้มหลีเชิน “...”“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ฉันเป็นห่วงเธอ และคิดถึงอนาคตที่มีความสุขของเธออยู่นะ” หลีเชินพูด“เธอคิดว่าถ้าเธอชอบใครแล้วฉันจะยอมให้เธอแต่งงานเลยเหรอ? ฉันยังต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ผ่านด่านฉันก็ไม่ได้”หลีโย่วเบะปาก ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่กำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินพี่ชายเธอถามอีกครั้ง“คืนนี้เจิ้งเซวียนก็ไปงานเลี้ยงเรือสำราญนั่นด้วย พวกเธอเจอกันไหม?”“เจอกัน” หลีโย่วตอบ“ไม่ได้เจอกันหกปี เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากฉันกลับมาเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 459

    ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งเขา และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอด้วยคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าทุกการกระทำ และทุกคำพูดของหลีโย่วก็ล้วนไม่ได้มีปัญหาความแปลกใจตอนที่เห็นตนปรากฏตัว ก็เพราะว่าจำเขาได้ จึงเดินตามเขาออกไปทันทีตนยื่นน้ำผลไม้ให้เธอ เธอก็รับไปดื่มอย่างไม่มีความระแวดระวัง เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอบอกว่าไม่ได้คบใคร บอกว่ามีพี่ชายที่เข้มงวด แล้วยังบอกว่าเขาอายุเท่า ๆ กับพี่ชายของเธอ ทุกอย่างก็สอดคล้องกันหมดเจิ้งเซวียน ‘...เพราะงั้นเป็นเขาเองที่มีปัญหา ใครใช้ให้ไม่ถามชื่ออีกฝ่ายก่อนล่ะ? กลับตั้งใจหว่านเสน่ห์แล้วค่อยถามอีกที’ที่ผ่านมาจีบหญิงไม่เคยพลาด ในที่สุดวันนี้ก็พลาด เหมือนคนเดินอยู่ริมน้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง?เจิ้งเซวียนปิดหน้าอย่างหมดแรง สุดท้ายผ่านไปสิบนาทีเต็ม ๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็สตาร์ตรถเตรียมตัวกลับบ้านสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสบายใจได้ก็คือหลีโย่วจะไม่บอกพี่ชายของเธอ และเขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทตัวต่อตัวแล้วถูกจัดการขณะเดียวกัน บนถนนที่กว้างขวางรถเฟอร์รารีเปิดประทุนขับเร็วมาก ทับเส้นจำกัดความเร็วเสียงลมหวีดหวิวข้างหู ก็ยังไ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 458

    “ไปให้พ้นเลย เอาแต่พูดเรื่องไม่ดีอยู่ได้” หวังคุนด่าพลางยิ้มเจิ้งเซวียนมองหลีโย่ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายพูด“เสี่ยวโย่วจื่อก็อยู่เล่นที่นี่ต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ วันหลังจะนัดรวมตัวกับพี่ชายเธอด้วย”“ฉันก็จะไปเหมือนกันค่ะ อยู่นานพอสมควรแล้ว ไปรายงานพี่ชายได้แล้วค่ะ” หลีโย่วยิ้มอย่างซุกซนเจิ้งเซวียนเข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร สรุปคือวันนี้หลีเชินบังคับให้เธอมางานนี้นึกถึงตอนที่เธอบอกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้ พี่ชายเธอเข้มงวดมาก ซึ่งก็ตรงกับนิสัยของหลีเชินจริง ๆ เพราะงั้น...ทำไมเขาถึงนึกเชื่อมโยงไม่ได้ตั้งแต่แรกกันนะ?ในใจเจิ้งเซวียนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย รู้สึกว่าวันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ดูยาม เขาไม่ได้ขายหน้าขนาดนี้มานานแล้วจริง ๆ แถมยังเป็นต่อหน้าน้องสาวอีก...“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ” เจิ้งเซวียนเก็บความคิด และพูดด้วยรอยยิ้มบาง“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมาเอง แต่เราออกไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ” หลีโย่วพูดทั้งสองคนเดินคู่กันออกมาจากงาน ลงจากเรือสำราญ จากนั้นก็ไปที่ลานจอดรถในช่วงเวลานี้ มีแค่เสียงพื้นรองเท้าที่ก้าวเดินของทั้งคู่เท่านั้น

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 457

    เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับ...หลีเชินเขาหันคอที่แข็งทื่อไปช้า ๆ มองใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มหวานจาง ๆ ของหญิงสาวกระแสเวลาที่ยาวนานหกปีเหมือนย่อลงในชั่วขณะนี้ ภาพของหญิงสาวที่สดใสมีเสน่ห์ตรงหน้า ซ้อนทับกับเด็กสาวที่สวมแว่นกรอบดำทั้งยังอวบเล็กน้อยเมื่อสมัยมัธยมปลายเขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกคุ้นตานัก ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้...“หลี...หลีโย่ว” จ้องมองอย่างนิ่งงันไปหลายวินาที เจิ้งเซวียนจึงเพิ่งพูดอ้ำอึ้งอย่างตกตะลึงเห็นเพียงหญิงสาวพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าที่ยิ่งหวานและจริงใจ กลับทำให้หัวใจของเจิ้งเซวียนกระตุก ต้องฝืนรักษารอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก ไม่ให้กระอักเลือดออกมาการจีบสาวในวันนี้ไม่ใช่แค่ล้มเหลว แต่โคตรจะล้มเหลวเพราะเหตุไม่คาดฝันหลีโย่ว เสี่ยวโย่วจื่อ เด็กสาวคนนั้นที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด ผลคือเขากลับ...หยอดเธอ อยากจีบเธอมาเป็นแฟนจิตสำนึกถูกประณาม เขาถูกตอกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอายทางศีลธรรมแต่เขารู้สึกว่าตนคงไม่ต้องรอให้ถูกจิตสำนึกของตัวเองฆ่าตายหรอก เพราะถ้าหลีเชินรู้ว่าเขาจะจีบน้องสาวของอีกฝ่าย คงฟันตนตายก่อนในมีดเดียวแน่“เสี่ยวโย่วจื่อ...” เจิ้งเซ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 456

    “เธอเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ? รู้จักการเต้นหลายประเภทแถมยังเชี่ยวชาญหมดเลยด้วย เหมือนเป็นนักเต้นมาตั้งแต่เกิดเลย”“ฉันเคยเต้นกับคู่เต้นผู้หญิงคนอื่นนะ แต่ท่วงท่าของพวกเธอไม่คล่องแคล่วเท่าเธอ และยิ่งไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเธอด้วย”“ตอนเพลงเร็วจังหวะเธอก็ดีมาก เข้าถึงอารมณ์เพลงได้เร็ว รอยยิ้มก็สดใสเปล่งประกาย เหมือนสาวน้อยชาวทิเบตที่มีความกระตือรือร้นใต้ภูเขาหิมะเลย”......เขาชม แต่หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ รู้ว่าอีกฝ่ายอาย เขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดโปงในฐานะนักล่าฝ่ายรุกคนหนึ่ง เมื่อบรรยากาศค่อย ๆ คืบหน้า มือซ้ายของเขาก็ขยับเล็กน้อย แล้วเป็นฝ่ายจับมือที่นุ่มนิ่มของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันมืออีกข้างที่โอบหลังเอวไว้หลวม ๆ ก็วางลงไปอย่างแผ่วเบา พร้อมพาเธอหมุนวงใหญ่รอบหนึ่งเมื่อเพลงวอลซ์จบลง ทั้งสองคนเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ รับลมทะเล และพูดคุยเรื่อยเปื่อย ตอนนี้คืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว“อายุเท่าไรแล้ว?” เจิ้งเซวียนถาม “ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?”“ยี่สิบสี่แล้ว” หญิงสาวตอบเจิ้งเซวียนแปลกใจเล็กน้อย แล้วพูด“ดูไม่ออกเลยจริง ๆ ฉันนึกว่าเธอเพิ่งบรรลุนิติภาวะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่ซะอีก”ประโยคน

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 455

    “ดื่มเถอะ ฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่ใช้วิธีต่ำทรามแบบนั้นหรอก”หญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็จิบสองอึกจนชุ่มคอ จากนั้นก็นั่งลงเงียบ ๆ“เมื่อกี้มองออกว่าเธอเหนื่อยกับการรับมือ ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้นัดแนะกันมาก่อน แต่กลับร่วมมือกันได้ดีทีเดียว” เจิ้งเซวียนพิงราวกั้นพลางมองเธอแล้วพูด“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย เจิ้งเซวียนที่ฟังความผิดปกติไม่ออก ยิ้มบางและพูด“แค่ช่วยเหลือเล็กน้อย ช่วยเธอได้ฉันก็ดีใจ”บทสนทนาดูเหมือนจะจบลงตรงนี้ แต่เจิ้งเซวียนเป็นใคร เขาสร้างหัวข้อสนทนาได้ง่ายเหมือนจับวางอยู่แล้ว“ฉันเห็นการเต้นเพลงแรกของเธอ จังหวะแปดนับที่สาม ถ้าหมุนเพิ่มอีกครึ่งรอบอาจจะสวยกว่านี้นะ” เขาพูดเขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำสวยหรูเพื่อชมเอาใจเธอ และยิ่งไม่ได้บอกว่าท่าเต้นของเธอได้มาตรฐานแค่ไหน และรูปร่างของเธอเย้ายวนแค่ไหนแต่ชี้ให้เห็นถึง ‘ปัญหา’ ราวกับกำลังพูดเรื่องการเต้นรำอย่างบริสุทธิ์ใจเพราะวิธีจีบผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักกับผู้หญิงที่เคยมีความรักนั้นแตกต่างกันมาก การชมอย่างผลีผลามและเจตนาที่ชัดเจนเกินไปมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายตกใจจนหนีไปกลับกันการชี้แนะอย่างจริงใจ และรุกอย่างช้า ๆ จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status