Share

บทที่ 2

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนอุ้มเย่ซินหย่าสาวเท้ายาว ๆ ออกไป กระแทกเข้ากับไหล่ซูมั่วตอนเดินผ่านประตู เธอถูกชนจนเซและกระแทกเข้ากับขอบประตู

ความเจ็บบนหลังเท้าและน่องขาทำให้เธออดกำขอบประตูไว้แน่นไม่ได้

คนในห้องส่วนตัวมองมาด้วยสายตาหลากหลายรูปแบบ มีทั้งเหยียดหยาม เย้ยหยัน เยาะเย้ยเหน็บแนม...

แต่ซูมั่วไม่สนใจเลยสักนิด

เธอหมุนตัวอย่างช้า ๆ คอยเกาะกำแพงไว้ และเดินจากไปอย่างยากลำบาก

เมื่อถึงคลินิก พยาบาลได้เข้ามาทายาให้ ครั้นเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของเธอ พยาบาลถึงกับสูดหายใจลึก ๆ ทันที

ตุ่มน้ำบนหลังเท้าทั้งหมดมันพองขึ้นนานแล้ว ตุ่มที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ถึงขนาดเท่าเสี่ยวหลงเปาเลยทีเดียว ส่วนตุ่มอื่น ๆ ที่เหลือก็มีขนาดเท่ากับไข่มุกบนสร้อยไข่มุก เรียกได้ว่าขนพองสยองเกล้า

“พระเจ้า! คุณไปโดนลวกอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้คะเนี่ย?” พยาบาลถามอย่างตกใจ

ซูมั่วต้องกัดฟันแน่นเพราะความเจ็บมาตลอดทาง จนตอนนี้กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งตึงไปหมด อ้าปากตอบคำถามไม่ได้เลย

พยาบาลทายาไปพลาง พูดจาทอดถอนใจไปพลาง

“เมื่อกี้นี้ก็มีคนถูกน้ำร้อนลวกมาคนหนึ่ง แฟนเขานี่อุ้มเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจเหมือนถูกไฟลนเชียว จะให้หัวหน้าแพทย์เป็นคนตรวจรักษาให้ได้ เป็นรอยแดงเล็ก ๆ แค่ไม่กี่รอยเอง มาช้าสักหน่อยก็หายเองได้”

ซูมั่วได้ฟังก็เกิดความขมปร่าและเศร้าสร้อยขึ้นในใจ คนที่โดยน้ำร้อนลวกจนเป็นรอยเล็ก ๆ ไม่กี่รอยคนนั้น ไหนยังจะคนที่อุ้มเธอมาด้วยอีก ถ้าเป็นอย่างที่คิดก็คงจะเป็นเย่ซินหย่ากับฟู่อี้ชวนนั่นแหละ

ตามคาด ด้วยฟู่อี้ชวนทั้งห่วงใยทั้งกังวลเสียขนาดนั้น แม้แต่พยาบาลก็เข้าใจว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน

“ถ้าผู้หญิงคนนั้นได้รับบาดเจ็บเหมือนคุณ ไม่รู้ว่าแฟนของเขาจะเจ็บปวดใจแค่ไหน” พยาบาลพูดต่อ

ได้รับบาดเจ็บเหมือนเธอ?

ซูมั่วมองตุ่มน้ำขนาดเขื่องบนหลังเท้าตัวเอง มันทั้งใสแจ๋ว ทั้งบวมเป่ง

ถ้าเป็นเย่ซินหย่า เกรงว่าฟู่อี้ชวนคงจะเรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงจากทั่วทั้งเมืองมารักษาให้เธอแน่

แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นตัวเธอ กลับถูกทิ้งอย่างไม่ลังเล เขาให้เธอมาหาหมอคนเดียว ไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้กันเลยแม้แต่นิด

ดูแลใส่ใจต่างกันขนาดนี้ มันราวฟ้ากับเหวชัดๆ

หน้าจอโทรศัพท์พลันสว่างวาบ ซูมั่วหันมอง เป็นฟู่อี้ชวนที่โทรเข้ามา

เขาอยู่กับเย่ซินหย่าไม่ใช่เหรอ? แล้วโทรมาหาเธอทำไม?

ซูมั่วไม่อยากรับสาย เลยคว่ำโทรศัพท์ไป

ตอนนี้พยาบาลกำลังเตรียมเข็มมาเจาะตุ่มน้ำตุ่มที่ใหญ่ที่สุดนั่น เนื่องด้วยมันมีขนาดใหญ่เกินไป น้ำเหลืองเลยไม่สามารถแห้งไปเองได้

ประจวบเหมาะกับในเวลานี้ ฟู่อี้ชวนมาหาที่คลินิกแล้ว ครั้นเขาเห็นซูมั่วนั่งอยู่บนเตียงพยาบาล ประโยคแรกยามที่ก้าวเข้ามาถึงกลายเป็นการซักถาม

“ทำไมไม่รับสายฉัน?”

เมื่อซูมั่วได้ยินเสียง เธอก็เงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความตกใจ

เธอไม่อยากทะเลาะกับเขา ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่พูดก็ไม่อยากพูดทั้งนั้น ได้แต่เอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ฉันปิดเสียง ไม่ได้ยิน”

ฟู่อี้ชวนมองไปแถวมือเธอ ซึ่งโทรศัพท์ก็คว่ำอยู่จริง ๆ เขาเลยไม่ได้โมโหอะไรมากแล้ว

ตอนนี้เอง พยาบาลหันไปมองเขา นี่ไม่ใช่คนที่ร้อนรนอุ้มผู้หญิงอีกคนมาโรงพยาบาลเหรอ?

“คุณเป็นอะไรกับคนไข้เหรอคะ?” พยาบาลถาม

ฟู่อี้ชวนอยากจะตอบไปในทันที ทว่าเสียงของเย่ซินหย่าพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“อี้ชวน มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?”

ฟู่อี้ชวนหันหน้าไปมอง คำว่า “สามี” คาอยู่ในลำคอ เขาได้แต่อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ซูมั่วรับรู้ได้ถึงความลังเลและไม่เต็มใจของเขา เธอยกมุมปากยิ้มเยาะตัวเอง เลยเป็นฝ่ายตอบแทนเขาเอง

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ”

ฟู่อี้ชวนได้ยินประโยคนี้ก็มองใบหน้าของซูมั่วที่มีสีหน้าไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ความโกรธพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่มีสาเหตุ ที่กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้กำลังโกรธอะไร

“เธอเป็นภรรยาของผม” ฟู่อี้ชวนพูดพลางจ้องเธอ

“เธออยากแต่งกับฉันเองไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมไม่ยอมรับต่อหน้าคนอื่นแล้วล่ะ?” เขาซักไซ้ซูมั่ว

ซูมั่วมองเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอทั้งไม่เข้าใจทั้งรู้สึกน่าขันในเวลาเดียวกัน

คนที่ไม่อยากยอมรับมันฟู่อี้ชวนไม่ใช่หรอกเหรอ? เธอแค่เห็นว่าเขาเอ่ยปากลำบาก เลยช่วยเขาพูด

ที่ด้านหลัง เย่ซินหย่าได้ยินฟู่อี้ชวนพูดคำนั้นออกมาแล้ว ดวงหน้าของเธอพลันฉายความตกตะลึงและความปวดร้าว จากนั้นก็กวาดตามองไปทางซูมั่วด้วยสายตาแค้นใจระคนร้ายกาจ เล็บสวย ๆ จิกลงกลางฝ่ามือ

พยาบาลกวาดสายตามองพวกเขาทั้งสามคนด้วยสายตาสงสัย เธอเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ดังนั้นน้ำเสียงที่ใช้กับผู้ชายเฮงซวยคนนี้จึงไม่ได้ดีอะไรนัก

“ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาออกไปด้วยค่ะ อย่าขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”

ฟู่อี้ชวนได้ยินคำว่า “ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง” คำนี้แล้ว พลันขมวดคิ้วและคิดจะเอ่ยปากพูด ซึ่งในตอนนี้เอง การเบี่ยงตัวของพยาบาล ทำให้เขาเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของซูมั่ว

ตุ่มน้ำขนาดใหญ่แสนน่าสยดสยองนั้นบาดดวงตาของเขา พาบให้หัวใจบีบรัดทีหนึ่ง ลืมเลือนคำพูดที่เมื่อครู่อยากจะพูดออกไปเสียสิ้น

เขายื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว กันเย่ซินหย่าที่ก้าวเข้าประตูไปแล้วครึ่งตัวให้ออกไปด้านนอกพร้อมเบี่ยงตัวหลบ ไม่ให้บังแสงตรงประตู

เขาไม่ได้จากไปไหน ทำเพียงยืนชิดอยู่กับกำแพง มองตรงไปยังเท้าทั้งสองข้างนั้น ดวงตาพลันมืดครึ้ม

ตั้งแต่หลังเท้าไปจนน่องขาล้วนเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ และบนรอยแดงก็มีตุ่มน้ำขนาดใหญ่พร้อมกับตุ่มน้ำพุพองเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ เต็มไปหมด

พยาบาลใช้เข็มเจาะตุ่มเล็ก ๆ ตุ่มหนึ่ง ใช้แผ่นสำลีปลอดเชื้อซับน้ำเหลือง ขาของซูมั่วสั่นเล็กน้อย

ภรรยาในนามของเขาคนนี้ สิ้นเปลืองความคิดไปมากมายเพื่อทำให้ปู่บังคับเขาให้แต่งงานกับเธอ ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้เขาเห็นเธอเป็นแค่ของประดับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่า ที่แท้เธอก็ผอมและอ่อนแอขนาดนี้

“ช่วงนี้ห้ามใส่รองเท้า ห้ามขยับตัวทำอะไรมาก และทายาสามครั้งต่อวันนะคะ” พยาบาลกำชับหลังเจาะตุ่มน้ำตุ่มใหญ่แล้ว

ซูมั่วพยักหน้า เธออยากลุก ทว่าความเจ็บบนหลังเท้าทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่างตอนยืน

ตอนนี้เองที่ฟู่อี้ชวนก้าวฉับ ๆ เข้ามา เขาค้อมเอวแล้วอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที

เพราะเสียการทรงตัว ซูมั่วเลยยื่นมือออกไปเกาะไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัว พอได้สติก็รีบชักมือออกทันที พลางพูดว่า

“ปล่อยฉันลง”

“เกาะให้แน่น ถ้าหล่นลงไปก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน” ฟู่อี้ชวนพูดออกมาเพียงเท่านั้น

เขาปล่อยมือข้างหนึ่ง ทำให้ซูมั่วรีบโอบรอบคอเขาไว้กันหล่นทันที ฟู่อี้ชวนใช้มือข้างที่ปล่อยออกไปคว้ารองเท้าแตะกับโทรศัพท์ของเธอมา

ซูมั่วมองเส้นหน้าของชายหนุ่ม เม้มปากพลางเงียบ ไม่พยายามดิ้นอีก

เธอรู้ดีว่าการอุ้มครั้งนี้ไม่มีความรักแม้แต่นิดเดียว เป็นแค่เพราะเห็นบาดแผลของเธอแล้ว เลยทำทานสักหน่อยอย่างความรู้สึกช้า

หรือเขาอาจกลัวว่าพอคุณปู่ฟู่รู้เรื่องเข้าจะมาติเตียน มันเป็นแค่การทำให้วัวหายแล้วล้อมคอกเท่านั้นเอง

ฟู่อี้ชวนอุ้มซูมั่วออกไป ที่ด้านนอกประตู เย่ซินหย่าเห็นภาพฉากนี้แล้ว ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“มั่วมั่ว เธอพอโอเคไหม?”

ดวงตาของซูมั่วมีเพียงความเย็นชา เธอไม่พูดออกมาสักคำ ด้วยไม่อยากเข้าร่วมกับละครหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์นี้ของอีกฝ่าย

ฟู่อี้ชวนได้ฟังแล้วเป็นฝ่ายตอบเอง “ซินหย่า ขาของเธอได้รับบาดเจ็บ เดินไม่ได้ ฉันเลยต้องอุ้มเธอน่ะ”

เย่ซินหย่ายังคงรักษารอยยิ้มบนดวงหน้าไว้ พลางว่า

“ไม่ต้องอธิบายฉันหรอกน่า มั่วมั่วเป็นภรรยาของนาย นายจะอุ้มเธอก็เป็นเรื่องที่สมควร แถมเธอยังบาดเจ็บอยู่ด้วย”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 254

    กระดูกก้นกบ...บริเวณนั้นคงผ่าตัดยากสินะ?กระดูกร้าว...นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?ตำแหน่งนั้น หรือว่าฟู่อี้ชวนตั้งใจจะใช้เท้าเตะท้องซูมั่ว แต่ซูมั่วพลิกตัวหลบ เลยถูกเตะเข้าที่ก้นกบ?มือที่ยันคางของหลีเชินกำแน่นขึ้นเขารู้ว่าซูมั่วผอมแค่ไหน ถ้าว่ากันตามแรงของฟู่อี้ชวน แค่เตะอย่างเดียว หากเตะอีกสักสองทีก็คงตายคาที่ได้เลย“เดี๋ยวนะ ทำไมนายใส่ใจอาการบาดเจ็บของลูกความฉันขนาดนี้” คำพูดของเจิ้งเซวียนดังขึ้นอย่างกะทันหันโดยเฉพาะคำว่า ‘ใส่ใจ’ สองพยางค์นี้ที่เตือนสติเขา เพราะเมื่อครู่หลีเชินก็เพิ่งใส่ใจผู้หญิงบางคนไป แถมก่อนจะพูดถึงเธอยังพูดเบี่ยงไปถึงน้องสาวเขาก่อนด้วยทันใดนั้น เจิ้งเซวียนที่มีประสบการณ์โชกโชนด้านความรักก็เข้าใจทันที และเบิกตากว้างพลางพูด“คนที่นายชอบคือซูมั่วเหรอ??”คำพูดนี้เสียงดังลั่น ดึงสติของหลีเชินกลับมา จากนั้นก็ปฏิเสธทันที“นายพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย เป็นทนายกลับปล่อยข่าวลือ รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย”“งั้นนายบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงที่นายนึกถึงจนว้าวุ่นเมื่อกี้คือเธอหรือเปล่า?” เจิ้งเซวียนหรี่ตา และถามหลีเชินชะงักไปครึ่งวินาที และช่องว่างในจังหวะนั้น เจิ้งเซวียนก็ชี้ข

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 253

    หลีเชินมองเขา สีหน้านิ่งค้าง จากนั้นเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นหลายส่วน“รีบบอกฉันเร็วสิ พี่สะใภ้ชื่ออะไร? เป็นคนจากวงการไหน? ฉันรู้จักไหม?” เจิ้งเซวียนตื่นเต้นขึ้นมา จิตวิญญาณความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนได้ยินคำพูดนี้ หลีเชินก็เหมือนมีเส้นขีดสีดำที่หน้าผาก พูดอย่างจริงจัง“พี่สะใภ้อะไรกัน พวกเราเคยเจอกันแค่สองสามครั้งเอง”“แสดงว่าเป็นรักแรกพบน่ะสิ~” เจิ้งเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ดูท่าอีกฝ่านจะรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยสิ? เป็นสาวสวย มีเสน่ห์โดดเด่น” เจิ้งเซวียนพูดต่อหลีเชิน “...”ในหัวเขาผุดใบหน้าของซูมั่วขึ้นมา ความจริงแล้วเจิ้งเซวียนก็เดาไม่ผิด เพียงแต่...“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” หลีเชินพูดแก้ทันทีเจิ้งเซวียนยิ้มโดยไม่พูด ยักคิ้วขึ้น ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอกยกขึ้น สีหน้าแสดงความรู้สึกว่า ‘ฉันรู้ ฉันเข้าใจฉัน รับทราบแล้ว’หลีเชิน “...”“ไม่ใช่จริง ๆ ฉันกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็แค่ช่วงนี้ได้ติดต่อกันทางอ้อมบ่อยขึ้น” หลีเชินพูดอีกครั้งจาก ‘อดีตภรรยาของฟู่อี้ชวน’ มาจนถึง ‘เพื่อนของน้องสาว’ และยังเป็นพนักงานของบริษัทคู่ค้า กระทั่งงานที่เจิ้งเซวียนรับมาด้วยถึงยั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 252

    หลีเชินสั่งอาหารแล้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทอดถอนใจอะไรนักเพราะในมุมมองของเขาต่อให้เจิ้งเซวียนไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจแล้ว แต่ตราบใดที่อยากเจอหลีโย่ว ก็ไปหาที่บ้านเขาโดยตรงได้นี่?พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเหมือนกัน เพื่อนเก่ากลับมาพบกันจึงดื่มไปหลายแก้วเจิ้งเซวียนเล่าเรื่องการก่อตั้งธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา หลีเชินก็ฟังไป สำนักงานกฎหมายปั๋วเหวินในตอนนี้ถือว่าอยู่ในอันดับท็อปสามของเมืองจิงจากหนุ่มคาสโนวาที่เริ่มต้นจากศูนย์ มีผลงานได้แบบนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจิ้งเซวียนก็รู้จักแต่จีบสาวและสำมะเลเทเมา“แล้วนายล่ะ หลังจากเรียนต่อต่างประเทศแล้วกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล ทั้งยังไม่มีพี่น้องมาแก่งแย่งกัน หลังจากตั้งหลักได้แล้วก็ควรสร้างครอบครัวนะ” เจิ้งเซวียนพูด“นายคิดแทนฉันไกลไปหน่อยนะ” หลีเชินกล่าว“ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาอยู่เลยเหรอ? ตระกูลหลีต้องก้าวไปอีกขั้น ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ได้คิด”เจิ้งเซวียนได้ยินก็ยิ้ม หลีเชินเป็นเพื่อนที่มีความพยายามที่จะก้าวหน้าที่สุดของเขา เป็นแบบอย่างของทายาทที่ยอดเยี่ยมของตระกูล เมื่อก่อนเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 251

    [เธอพูดอะไรเนี่ย? ขายหน้าอะไร? ฉันทำอะไร?]หลีโย่วเห็นข้อความนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมานี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอีคิวของพี่ชายเธอน่าเป็นห่วง ไม่เคยมีความรักไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นชายแท้แบบนี้ได้นะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสัปดาห์ก่อนที่ติ่งเซิ่งไม่ใช่ว่าไปแกล้งหยอกล้อมั่วมั่วอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำเหรอ??นี่มันขัดแย้งเกินไปจริง ๆ เธอจึงตอบกลับ[ซูมั่วเป็นผู้หญิงนะ! พี่แช่งให้เธอเป็นริดสีดวงเนี่ยนะ? นี่มันสมเหตุสมผลเหรอ? นี่มันสุภาพเหรอ? นี่เป็นคำที่พี่พูดได้เหรอ?]ภายในห้องทำงานหลีเชินมองโทรศัพท์ แล้วเม้มปากเงียบ ๆเขาไม่ได้แช่งเสียหน่อย ก็แค่วิเคราะห์จากมุมมองทางการแพทย์ ว่านั่งชักโครกนาน ๆ เสี่ยงเป็นริดสีดวงได้ง่ายจริง ๆ ซึ่งไม่ค่อยดีต่อผู้หญิงหลีโย่วคิดว่านี่ไม่สุภาพเหรอ? แต่เรื่องอาการป่วยแบบนี้ เกี่ยวอะไรกับความสุภาพล่ะ?เขาก็ไม่ได้พูดคำหยาบอะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาตรงไหนเขาส่งข้อความอธิบายสิ่งที่คิดออกไปครั้งหนึ่ง กลับทำให้หลีโย่วอึ้งไปเลยเธออ่านครั้งที่สองแบบคำต่อคำ เพื่อยืนยันความคิดของพี่ชาย“มั่วมั่ว...” หลีโย่วเงยหน้าขึ้นมาพูด“ดูเห

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 250

    พี่ชายเธอกระเหี้ยนกระหือรือจะมาเต๊าะคนอื่น เธอรู้สึกขายขี้หน้าเพื่อนสนิทจะตายอยู่แล้ว สามารถคัดชื่อเขาออกจากทะเบียนบ้านได้ไหมเนี่ย!“ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง นี่ก็ผ่านมาสิบหกนาทีแล้ว” เสียงของหลีเชินดังมาหลีโย่ว “!!!”เธอใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างเป็นที่อัปยศต่อชื่อเสียงของตระกูลหลี ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย!ยังไม่ทันจะได้สวนกลับไป ผู้ชายที่ปลายสายก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังแฝงความห่วงใยอยู่หลายส่วน“ถ้ายังไม่ออกมาจริง ๆ ลองพาเธอไปโรงพยาบาลดูสิว่าอาหารเป็นพิษหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นนั่งนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นริดสีดวงกันพอดี”ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินดังนั้น ซูมั่วก็กำหมัดแน่นในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ แทบจะขาดอากาศหายใจนี่มันคนประเภทไหนกัน!เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้คนสารเลวหลีเชินคนนี้ถ้าไม่ได้แขวะเธอสักหน่อยคงไม่ยอมเลิกรา!เธอรู้สึกว่าขณะที่ฟ้องหย่า ก็น่าจะฟ้องหลีเชินขึ้นศาลไปพร้อมกันได้เลย ในข้อหาก่อกวนโดยไม่มีเหตุอันควรและล่วงเกินทางวาจา!“ภูตผีปีศาจจงหายไป! ออกไปจากร่างพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้!” หลีโย่ว

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 249

    “ใช่สิคะ พี่มันพวกหัวขโมย” หลีโย่วสวนพี่ชายกลับหลีเชินไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึงตัดเข้าประเด็นทันทีว่า“แล้วซูมั่วล่ะ? เธออยู่ข้าง ๆ หรือเปล่า?”หลีโย่วเงยหน้าขึ้นไปมอง ซูมั่วสบตากับเธอแล้วรีบโบกมือและส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความต่อต้านและไม่ยอมรับเธอเข้าใจความหมายของเพื่อนสนิท จึงพูดว่า“มั่วมั่วไปเข้าห้องน้ำพอดี”หลีเชินได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสองวินาที แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ไปจริงเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะพูด”ซูมั่ว “...”ทำไมถึงถามคำถามนี้ออกมา ในเมื่อคุณก็พูดเหตุผลออกมาเองแล้วไม่ใช่เหรอ?นี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งกับเขา หรือจะต้องมาปะทะคารมกันตรงนี้?เมื่อเข้าใจสายตาที่พูดไม่ออกของเพื่อนสนิท หลีโย่วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูกระจกห้องครัว แกล้งทำเป็นเรียกคน แล้วตอบพี่ชายกลับไปว่า“ไปจริง ๆ ค่ะ พี่มีธุระอะไรรีบพูดมาเลย เดี๋ยวฉันเอาไปบอกให้”“เรื่องเต๊าะไม่ต้องพูดถึงเลยนะคะ มันขายขี้หน้าตระกูลหลี แล้วตอนนี้ฉันก็เปิดอัดเสียงอยู่ ถ้าพี่กล้าพูดฉันจะส่งให้พ่อกับแม่”หลีเชิน “...”เขาอยากจะถามว่าเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ? แต่พอคิดถึง ‘ประวัติ’ ที่ตัวเองเคยก่อไว้ ก็ไม่ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status