เข้าสู่ระบบความจริงเรื่องนี้ไม่ได้แปลกอะไร รถรับจ้างผ่านออนไลน์มารับงานแถวนี้ไม่ใช่ว่าปกติมากเลยเหรอ?อีกอย่างเขายังเผยใบหน้าตรง ๆ ทั้งยังทักทายเธอ ถ้าเป็นคนร้ายคงไม่ยอมให้เธอเห็นว่ามีรูปลักษณ์ยังไงหรอก เหมือนคนที่สะกดรอยตามเธอคราวก่อนแต่ว่า...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัมผัสที่หกทำงานหรือเปล่า ซูมั่วถึงรู้สึกว่ามันแปลกมาก ในขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกว่า...การปรากฏตัวของอีกฝ่ายถี่เกินไปเดินตามกลุ่มคนไป ทำทีว่าเป็นเพื่อนของพวกเธอ หลังจากนั้นพอไปถึงทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินอีกแห่ง ซูมั่วก็เดินเข้าไปทันทีเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีคนมารับแต่เปลี่ยนไปเข้าสถานีรถไฟใต้ดินอีกทางหนึ่ง ภายในรถที่จอดอยู่ข้างถนน สีหน้าของชายคนนั้นก็เคร่งขรึมขึ้นมาพอเขาไม่ยิ้ม นั่นก็ดูเป็นรูปลักษณ์ที่ดุดันมาก มองแล้วน่าขนลุกมากเป้าหมายระมัดระวังมากเกินไป ดูท่าจะระวังตัวจากเขามากแล้ว ทั้งที่เพิ่งเผยตัวเป็นวันที่สองเท่านั้นเดิมคิดว่าผู้หญิงสาว ๆ จะใสซื่อหลอกง่าย หรือช่วงแรกอาจใช้ไพ่ความรู้สึกสร้างความสัมพันธ์ก่อน จากนั้นค่อยพาคนออกนอกเมืองจิงไปจัดการต่อในเขตชานเมือง ดูท่าแผนนี้จะใช้ไม่ได้แล้วแผนการใช้ไม่ได้ แถมเขายังเปิดเ
หลีโย่วตอบกลับไปด้วยสติ๊กเกอร์ว่า ‘เข้าใจแล้วค่ะ’ ทั้งสองคนก็จบการสนทนาหลังจากนั้นเธอกลับรู้สึกแปลก ๆ แล้วพูดกับตัวเองว่า“โจวจิ่งอันทำไมให้ฉันไปขอบคุณ เขาไม่มีแชตพี่ชายเหรอ?”เธอไม่ได้ส่งต่อให้พี่ชาย เพราะมันไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ในฐานะเพื่อนของเธอ มันก็แค่แวะไปส่งก็เท่านั้น จำเป็นจะต้องขอบคุณแทนโจวจิ่งอันด้วยเหรอเช้าวันรุ่งขึ้นซูมั่วตื่นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ หัวยังรู้สึกมึนนิดหน่อยหลังจากปิดนาฬิกาปลุกแล้ว เธอก็มองดูเวลา หลับตาลงพริ้ม ๆ อีกสักพักเตรียมจะลุกขึ้นแต่ระหว่างหลับตาอยู่ จู่ ๆ เธอก็ลืมตาขึ้นมา เพราะในหัวนึกถึงเรื่องทั้งหมดเมื่อคืนขึ้นมาเรื่องไปกินข้าวกับรุ่นพี่และก็หลีโย่วเธอจำได้อย่างชัดเจน จำได้กระทั่งว่านั่งรถของหลีเชินกลับมา และยังใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาด้วยแต่หลังจากนั้นล่ะ?…เธอกลับภาพตัดไปเลยซูมั่วลุกขึ้นนั่ง หันไปมองหัวเตียง ตรงนั้นยังวางผ้าเช็ดหน้าไหมสีน้ำเงินเข้มไว้อยู่ ซึ่งเป็นของหลีเชินแล้วมองไปที่เสื้อผ้าของตัวเอง ก็ยังเป็นชุดเมื่อวานนี้ไม่ได้ถอด ถอดแค่รองเท้าออกเธอนวดคิ้ว เป็นครั้งแรกที่ดื่มแล้วเมาจนจำอะไรไม่ได้ ไม่
แต่ขณะที่เขากำลังเตรียมจะพิมพ์ สายตาก็เหลือบไปเห็นด้านหลัง พบว่าประธานหลีเดินออกมาแล้ว ถึงกับโล่งอกทันทีเขากลับว่า [กำลังกลับครับ ประธานหลีพยุงคนเข้าไปส่ง จากนั้นไม่กี่นาทีก็ออกมา]หลีเชินขึ้นมาบนรถ คนขับก็รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะขับรถออกไปทันทีวิลล่าตระกูลหลีรถจอดในโรงจอดรถ หลีเชินเขย่าน้องสาวให้ตื่น หลีโย่วงัวเงียบ่นอย่างไม่พอใจ หลีเชินเลยพูดว่า“อยากให้พ่อกับแม่เห็นเธอกลับบ้านในสภาพเมามายแบบนี้ใช่ไหม?”หลีโย่วได้สติทันที แล้วรีบลงจากรถเอง แต่เพราะเพิ่งตื่นไม่มีแรง เกือบจะเซล้ม ดีที่หลีเชินคว้าไว้ได้ทันแน่นอนว่าเขาสามารถอุ้มน้องขึ้นไปได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ น้องสาวเขาจะอธิบายยังไงว่าเธอแค่ง่วงไม่ใช่เมาจนไม่ได้สติ?“มั่วมั่วล่ะ?” หลีโย่วเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พลันนึกถึงเพื่อนขึ้นมา หันกลับไปมอง ในรถว่างเปล่า“เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว” หลีเชินตอบหลีโย่วเอ่ยเพียง “อ๋อ ๆ” แล้วพูดต่อว่า“ฮึ่ม เธอก็ดื่มเก่งเหมือนกันหนิ ฉันนึกว่าจะแค่แก้วเดียวก็ล้มซะอีก”หลีเชินไม่พูดอะไร เลิกคิ้วพลางคิดในใจว่า“เมาหนักกว่าเธออีก ยังจะพูดว่าดื่มเก่ง?”กลับมาถึงห้องรับแขก ก็เห็
หาตำแหน่งเจอแล้ว เขาก็อุ้มเธอเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญจริง ๆ มีคนในคนอื่นคอนโดกำลังรอลิฟต์อยู่ พอเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงคนหนึ่งกำลังอุ้มแฟนสาวเดินมา ก็อดมองแล้วมองอีกไม่ได้หลีเชินเหลือบมองจากหางตาอย่างไม่แสดงท่าทีใด ๆ ดูนิ่งเป็นธรรมชาติ ไม่มีแม้แต่ความประหม่าว่าเป็นคนนอกคอนโดแต่ถ้าซูมั่วอยู่สงบเสงี่ยมตลอดก็คงดี แต่…แขนเรียวของหญิงสาวดันโอบมาบนไหล่ของเขา เหมือนกับว่าอยู่ในท่าที่ไม่สบาย พร้อมกับขมวดคิ้วหลีเชินหยุดหายใจไปเสี้ยววินาทีและไม่กล้าเคลื่อนไหว เพียงแต่เกร็งที่มือและกล้ามเนื้อที่แขนเล็กน้อยผิวบริเวณข้อมือของหญิงสาวสัมผัสลำคอของเขาด้วยความเย็นเล็กน้อย ยิ่งทำให้ร่างกายเขาร้อนระอุเวลานี้ สีหน้านิ่งเฉยของชายหนุ่มเหมือนเริ่มมีปฏิกิริยา แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไป กลัวว่าคนข้าง ๆ จะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไปที่ไม่สนิทกันเขาก้มลงแล้วมองใบหน้าที่กำลังหลับอยู่ภายใต้ผมสั้น ผิวขาวเนียนละเอียด ขนตาเป็นแพ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มเบา ๆจ้องมองอยู่อย่างนั้นหลายวินาที จนกระทั่งลิฟต์ลงมาถึงและประตูเปิดออก หลีเชินถึงได้ละสายตากลับไปซูมั่วช่างไม่มีการระวังตัวเลยจริง ๆ เมาข
รถแล่นช้ากว่าปกติ ทำให้ระยะเวลาในการเดินทางนานกว่าปกติไปประมาณหนึ่งในสามซูมั่วเป่าลมอุ่น พร้อมกับสูดกลิ่นจากผ้าเช็ดหน้า ท้องสงบลง แล้วก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาในสมองเธอคิดว่าจะนอนไม่ได้ เดี๋ยวก็ต้องลงรถแล้ว แต่เธอกลับควบคุมตัวเองไม่ได้ และค่อย ๆ หลับไปถึงคอนโดเมืองหยางกวง รถหยุดลง หลีเชินไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูรถ จึงหันไปมองดีมาก สองสาวขี้เมา หลับกันหมดเลย“คุณชายครับ ผมจะพาคุณซูขึ้นไปส่งเองครับ” คนขับรถพูด“ไม่ต้อง นายรออยู่ตรงนี้แหละ” หลีเชินพูด พร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วเปิดประตูรถเขาเดินอ้อมไปเปิดประตูรถด้านหลัง มองหญิงสาวที่นอนขดตัวอยู่ ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าของเขาไว้ จึงโน้มตัวลงไปอุ้มเธอออกมาเบามาก…นั่นเป็นความรู้สึกแรกของเขา ราวกับว่าตัวเองกำลังอุ้มก้อนสำลีอยู่จากนั้นก็รู้สึกว่าผอมมากผอมราวกับว่าถ้าเขาไม่เกร็งแขนไว้ เธออาจจะหล่นลงมาในช่องได้หลีเชินรู้ว่าซูมั่วตัวผอม โครงร่างก็เล็ก แต่พอได้มาสัมผัสร่างกายจริง ๆ กลับให้ความรู้สึกอีกแบบเขาอดไม่ได้ที่จะยกเธอขึ้นเรื่อย ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริงอยู่ดีปิดประตูรถแล้ว เขาก็อุ้มเธอเดินเข้
เขาไปจ่ายเงินเรียบร้อย พร้อมกับเรียกคนช่วยขับแทนบนโทรศัพท์ริมถนนหลีเชินไม่ได้ขึ้นรถทันที แต่เปิดประตูหลังรถรอให้ผู้หญิงทั้งสองคนขึ้นไปก่อน“ดื่มไปเยอะไหม อยากอาเจียนหรือเปล่า? ผมให้คนขับรถไปซื้อยาสร่างเมาให้ไหม?” หลีเชินมองเข้าไปในรถแล้วพูดน้องสาวของเขาดื่มเก่ง จริง ๆ แล้วคำพูดนั้นคือเพื่อซูมั่วได้ยิน เพราะตอนนั้นเห็นขวดเบียร์หลายขวดบนโต๊ะ และยังมีไวน์ด้วย“พี่ วันนี้เกินนึกใจดีอะไรขึ้นแล้วหรือไง? ไม่เพียงแต่มารับฉันด้วยตัวเอง ยังใส่ใจฉันขนาดนี้อีก” หลี่โย่วพูดหลีเชิน: “…”“ไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไหร่หรอก คนก็ยังไม่เมาเลย เอาล่ะ ไปกันเถอะ~” หลีโย่วยิ้มพลางพูดเองเออเองหลีเชินมองไปที่หญิงสาวที่นั่งเงียบไม่พูดอะไร นอกจากใบหน้าที่แดงเล็กน้อย ก็ไม่ได้มีอะไรอีก จึงปิดประตูรถไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ ให้คนขับรถเปิดกระจกรถ เขาพูดขณะรถออกตัวว่า “ขับให้ดี ๆ หน่อยนะ”“ถ้ารู้สึกไม่สบายบอกได้เลยนะ” หลีเชินพูดอีกครั้ง พลางไปมองที่ทางเบาะหลัง“รู้แล้ว ๆ จู้จี้เหมือนยายแก่ไปได้” หลีโย่วพูดอย่างรำคาญหลีเชินไม่ได้อยากสนใจน้องสาวขี้บ่นของตัวเอง แต่หันมองไปที่ซูมั่วซูมั่วสบตากับอีกฝ่าย นิ่งไป







