ถึงแม้ว่าเงินเดือนของเลขาท่านประธานบริษัทลงทุนขนาดใหญ่จะมากถึงแปดหมื่นบาทต่อเดือน แต่ฟาติมาก็ยังเลือกที่จะเช่าหอพักเล็ก ๆ อยู่ เธอไม่มีรถเป็นของตัวเอง ทุกวันจะเดินออกจากออฟฟิศไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเธอยังต้องใช้หนี้นอกระบบที่พ่อแม่บุญธรรมทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ต่อเดือนเธอจะต้องจ่ายดอกเบี้ยไม่รวมดอกประมาณห้าหมื่นบาท ค่าเช่าหอพักอีกรวมค่าเดินทางตกเดือนละหนึ่งหมื่น อีกสองหมื่นเธอแบ่งไว้ใช้ค่ากินอยู่ แล้วก็เก็บบางส่วนเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉิน
การมีรถส่วนตัวก็สำคัญ แต่มันยังไม่จำเป็นในตอนนี้ ฟาติมายังต้องหาเงินมาจ่ายเงินต้น…เพราะไม่งั้นก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปแบบนี้ทั้งชีวิต ถามว่าหนี้ที่ไม่ได้สร้างขึ้นมานี้เธอจะหนีได้ไหม จะไม่จ่ายได้หรือเปล่า ตามหลักความเป็นจริงแล้วมันก็ทำได้ จะหาทนายมาจัด แจ้งตำรวจก็ยังได้ แต่เธอไม่ทำ…เพราะเจ้าหนี้คนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีบุญคุณกับเธอมาก
วันนี้เป็นอีกวันที่ฟาติมาเดินผ่านหน้าเวดดิ้งสตูดิโอ แต่เพราะฟ้าเริ่มครึ้มเหมือนจะมีพายุฝนเลยทำให้เธอไม่ได้หยุดยืนดูชุดเจ้าสาวชุดที่เคยได้สวมใส่ เธอกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะต้องตากฝนกลับบ้าน ทว่าตอนที่กำลังจะเดินผ่านไปกลับมีใครบางคนเข้ามาขวางทางเธอไว้เสียก่อน
“คุณฟ้า” เป็นชัชวินทร์คนใจดีที่เจอกี่ครั้งเขาก็มักจะมีรอยยิ้มปนเปื้อนบนใบหน้าอยู่เสมอ
“คุณชัช?” ครั้งก่อนฟาติมากับชัชวินทร์ได้คุยกันไม่มากนัก แต่ก็ได้แนะนำชื่อของกันและกันเอาไว้
“ผมมารอเจอคุณโดยเฉพาะเลย เข้าไปข้างในก่อนครับ เหมือนว่าฝนใกล้จะตกแล้วนะ”
“คุณชัชมีเรื่องอะไรด่วนไหมคะ? ฟ้าต้องรีบกลับให้ถึงห้องก่อนที่ฝนจะตก”
“ไม่ใช่เรื่องด่วนหรอก เป็นเรื่องที่อยากขอให้คุณช่วย…แล้วผมก็คิดว่าฝนคงตกก่อนที่คุณจะถึงบ้านแน่ ๆ น่าจะมีพายุนะครับ เข้าไปข้างในกับผมนะ รอฝนหยุดแล้วผมจะพาคุณไปส่งเอง”
รถคันหรูวิ่งผ่านมาทันได้เห็นว่าฟาติมากำลังยืนคุยกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ คนที่นั่งอยู่เบาะหลังสั่งให้คนขับรถจอดรถเพื่อหยุดดู แล้วเขาก็ได้เห็นกับตาว่าหญิงสาวถูกผู้ชายคนนั้นคว้ามือไปกุมไว้แล้วพาเข้าไปด้านในเวดดิ้งสตูดิโอ
“นั่นมันฟ้านี่ ผู้ชายอีกคนใครวะ? มึงรู้จักไหมไอ้กั้ง?” หากจะมีใครสักคนที่กล้าเรียกกัมปนาทว่า ‘ไอ้กั้ง’ ในเวลานี้ ก็คงจะมีเพียงคนเดียวคืออิทธิ หรืออั๋น เพื่อนรักที่เคยเที่ยวเล่นด้วยกันสมัยที่เขาอยู่ในชุมชนแออัด พอได้เป็นใหญ่เป็นโต กัมปนาทไม่เคยคิดทิ้งคนที่เคยดีกับเขาไว้ข้างหลัง อะไรที่ช่วยได้เขาช่วยหมด หนึ่งในนั้นคือเพื่อนคนนี้ ที่ให้งานทำ ให้มาเป็นผู้ช่วยและคอยขับรถให้ ก็ถ้าไอ้อั๋นมันยอมไปเรียนต่อตามที่เขาบอก เขาก็คงจะให้ตำแหน่งที่ดีกว่านี้กับเพื่อนได้ แต่มันไม่ยอมเรียนน่ะสิ
“ไม่รู้ ทำไมกูต้องรู้จัก?” ฟันกรามขบกันแน่นจนเห็นขึ้นมาเป็นสัน ตาคมคายยังคงมองออกไปนอกกระจกรถ มองดูฟาติมาเดินเข้าไปด้านในกับไอ้หน้าหล่อนั่น
“ก็เขาอยู่กับฟ้า แล้วมึงก็บอกให้กูจอดรถ…ไม่ได้จะดูสองคนนั้นเหรอ?” อั๋นรู้ทุกอย่าง รู้ทุกความเป็นมาเป็นไประหว่างเพื่อนรักกับแฟนเก่า แต่สองคนนี้จะเป็นแฟนเก่ากันได้จริงหรือ เพราะเท่าที่อั๋นรู้มา…ยังไม่มีใครบอกเลิกใครเลย
“ใครบอกว่ากูจะดูสองคนนั้น? มึงอย่าคิดเองเออเองไอ้อั๋น!”
“เออ ๆ มึงไม่ได้ดูหรอก แค่ให้กูจอดรถเฉย ๆ ก็แล้วมึงจะดูทำไมล่ะเนอะ มึงไม่ได้รักฟ้าแล้ว ไม่หึง ไม่หวง ไม่เหี้ยอะไรทั้งนั้นแล้วใช่ไหมล่ะ” อั๋นชอบแซวเพื่อนเรื่องนี้มาตลอด รู้ว่าตัวเองมีภาษีดีกว่าคนอื่น แซวได้ เล่นหัวได้เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ตอนเพื่อนต้องเข้าคุก ไอ้อั๋นคนนี้ก็ไปเยี่ยมและคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด
“หุบปากไปเลยไอ้เวร!”
“หรือเขาเป็นแฟนใหม่ฟ้าวะ? หล่อซะด้วย…ดูเหมือนรวยอีกต่างหาก”
“กูบอกให้มึงหุบปากไงไอ้อั๋น!”
“ครับ ๆ ไอ้อั๋นคนนี้จะหุบปากแล้วครับคุณเจ้านาย!”
“…” แฟนใหม่อย่างนั้นหรือ? ไอ้อั๋นมันชอบพูดอะไรไม่เข้าหูเขาอยู่เรื่อย ฟาติมาจะมีแฟนได้ยังไงในเมื่อเธอเป็นนางบำเรอของเขา เธอเป็นผู้หญิงของเขา หัวใจเธอ ร่างกายเธอ ชีวิตเธอเป็นของเขา ถ้าเขาไม่อนุญาตแล้วเธอจะไปมีแฟนได้ยังไง?!
พายุจากไหนไม่รู้หอบเอาฝนห่าใหญ่เทลงมาจากฟ้า ฟาติมาได้แต่คิดว่าฝนตกหนักขนาดนี้เธอคงไม่ได้กลับห้องง่าย ๆ ตอนนี้กำลังนั่งจิบชาอุ่น ๆ ที่ชัชวินทร์ชงให้ เขาพูดเรื่องราวมากมายกับเธอ เล่าว่าทำไมถึงมาเป็นดีไซเนอร์ออกแบบชุดแต่งงาน เขาบอกว่าครอบครัวของเขาขายผ้า ทีแรกฟาติมาก็นึกถึงร้านขายผ้าเมตรที่พาหุรัด แต่พอคิดดี ๆ พอได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ครอบครัวของชัชวินทร์น่าจะเป็นโรงงานหรือบริษัทผลิตผ้าราคาแพงมากกว่า
เขาเล่าว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากมาเป็นดีไซเนอร์ออกแบบชุดแต่งงานมันเป็นเพราะเขาอยากเป็นคนตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้หญิงที่รักด้วยตัวเอง แต่รอยยิ้มของเขาเลือนหายไปในตอนที่บอกว่า…
“แต่ผมไม่อยากแต่งงานแล้วล่ะคุณฟ้า ที่ทำอยู่นี่ก็เพราะมันกลายเป็นงานไปแล้ว”
“ทำไมคุณชัชถึงไม่อยากแต่งงานล่ะคะ?” ถ้าเป็นคนอื่นฟาติมาคงไม่กล้าถาม แต่นี่เป็นชัชวินทร์…คนที่ใจดีและอบอุ่นมาก
“เพราะผมเคยผิดหวังมาก ๆ และเพราะที่บ้านเอาแต่บังคับให้ผมหาผู้หญิงดี ๆ มาแต่งงานด้วย ผมเลยเบื่อแล้วก็ขยาดกับการแต่งงาน”
“คุณชัชเป็นคนใจดี ฟ้าเชื่อว่าสักวันคุณชัชจะได้เจอใครสักคนที่ทำให้อยากแต่งงานขึ้นมาได้อีกครั้งค่ะ”
“ทำไมคุณฟ้าถึงคิดว่าผมใจดีล่ะ?”
“ก็…คุณชัชให้ชาฟ้าดื่ม” ฟาติมาเผยรอยยิ้ม ยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และไม่มีใครร้องขอ
“คุณฟ้ายิ้ม วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่ ๆ ยิ้มบ่อย ๆ นะครับ รอยยิ้มของคุณฟ้าสดใสมาก” ชัชวินทร์มองออกว่าฟาติมาต้องมีเบื้องหลังที่เจ็บปวด เขาเชื่อว่าเธอคนนี้อยากยิ้มออกมา แต่เพราะเรื่องราวในชีวิตมันบีบบังคับให้เธอยิ้มไม่ออก “ที่บอกว่ามีเรื่องอยากให้ช่วย ผมมีจริง ๆ นะคุณฟ้า ไม่ได้จะชวนคุณฟ้ามาหลบฝนหรือจิบชาเล่น ๆ ผมน่ะไม่ได้ใจดีอย่างที่คุณฟ้าคิด ทำอะไรแล้วก็แอบหวังผลอยู่เหมือนกัน”
“คุณชัชอยากให้ฟ้าช่วยเรื่องอะไรคะ?”
“มาเป็นแบบชุดเจ้าสาวให้ผมนะครับ”
“คะ?”
“วันก่อนที่คุณฟ้าลองใส่ชุดเจ้าสาว มันทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจหนึ่งขึ้นมา…ยังบอกไม่ได้หรอกว่ามันคืออะไร แต่เชื่อเถอะครับว่ามันต้องดีแน่ ผมอยากเริ่มมันจากชุดเจ้าสาวของคุณฟ้า” ชัชวินทร์ทำอะไรแล้วหวังผลก็จริง แต่ผลที่เขาหวังในครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ผลงานของตัวเอง เขาอยากช่วยฟาติมา เขาอยากทำให้เธอกล้าที่จะยิ้มออกมาโดยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
“ฟ้าทำไม่ได้หรอกค่ะ ฟ้า…มีงานเยอะมาก ๆ เลยค่ะคุณชัช ฟ้าว่า…”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธเลยนะ เราหาเวลาว่างตอนที่คุณฟ้าเลิกงานหรือไม่มีธุระก็ได้ คุณฟ้าแค่มาเป็นแบบให้ผมก็พอ แน่นอนว่าผมมีค่าเสียเวลาให้ด้วย”
“แต่…”
“ผมคิดงานไม่ออกมานานแล้ว แต่พอได้เห็นคุณฟ้าใส่ชุดเจ้าสาวเมื่อวันก่อน ไอเดียมันก็ปิ๊งขึ้นมาทันที ช่วยผมหน่อยนะคุณฟ้า” ชัชวินทร์เก่งเรื่องโน้มน้าวใจคน แล้วเขาก็ทำสำเร็จเสียด้วย
“ก็ได้ค่ะ ฟ้ารับปากก็ได้ค่ะ” สุดท้ายฟาติมาก็ยอมรับปาก เพียงเท่านั้นก็ได้เห็นรอยยิ้มของชัชวินทร์ทันที แต่แล้วเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาแทรกระหว่างบทสนทนาของเธอและเขา พอได้เห็นว่าเป็นชื่อกัมปนาทขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ฟาติมาก็รีบรับสายทันที แต่ยังไม่เปิดปากพูดอะไร คนปลายสายก็โพล่งเสียงแข็งขึ้นมาแล้ว
[มาที่เพนท์เฮาส์ของฉันเดี๋ยวนี้!]
“ตอนนี้เลยเหรอคะ?”
[ฉันบอกว่าเดี๋ยวนี้!]
“แต่ฝนตกหนักมากเลยนะคะคุณกั้ง…”
[แล้วมันเป็นปัญหาอะไร?! ฉันสั่ง…เธอมีหน้าที่แค่ต้องทำตาม! มาให้ฉันจับเธอกระแทกเดี๋ยวฟาติมา!]
“แต่วันนี้คุณกั้งก็ทำไปแล้วนี่คะ” ก็เมื่อช่วงสายไง ตอนที่เขาโมโหโกรธา คิดเองเออเองว่าฟาติมาหัวเราะเยาะที่เขาโดนวริศราปฏิเสธ
[ทำไปแล้วก็ทำอีกได้! ฉันจะทำวันละสองรอบหรือสิบรอบมันก็เรื่องของฉัน! มาเดี๋ยวนี้…ถ้าอีกสิบนาทีฉันยังไม่เห็นหน้าเธอ ก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกตลอดชีวิต!] กัมปนาทกล้าขู่เพราะรู้ดีว่าฟาติมาจะยอมทำตามความต้องการทุกอย่าง ใช่ว่าเขาขู่ไล่เธอครั้งแรกเสียที่ไหน ก่อนหน้านี้ก็ขู่แบบนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้งแต่เธอก็ไม่เคยไป และทุกครั้งที่ขู่ว่าไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกตลอดชีวิต หญิงสาวก็จะรีบตอบสนองความต้องการอันมากล้นของเขาในทันที กัมปนาทคนนี้…คนภายนอกอาจมองว่าเขานั้นนิ่ง สุขุม เก่งกาจ มีมารยาทและการวางตัวดีเลิศ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นในสิ่งที่ตรงกันข้าม มีเพียงฟาติมาที่รู้ว่าเขามันก็แค่เด็กชายผู้เอาแต่ใจตัวเอง!
เจ็ดวันเจ็ดชุดมีอยู่จริงหนึ่งคืนสี่ยกก็มีอยู่จริงเช่นกันฟาติมาคิดได้ก็วันที่เจ็ด ว่าเธอไม่น่าเอาเรื่องชุดนอนไม่ได้นอนมาหลอกล่อสามีจอมหื่นกระหายเลย เธอลืมไปเสียสนิทว่าสามีนั้นเจ้าเล่ห์แค่ไหน แค่เพราะเธอบอกว่าจะยอมให้ชุดแสนวาบหวิวที่เขาซื้อให้ เพียงเท่านั้นเขาก็สั่งเพิ่มมาอีกเป็นสิบ ๆ ชุด ยกเอาคำสัญญาของเธอขึ้นมาอ้าง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมเธอ ออดอ้อนเธอสารพัด ส่งสายตาน่าสงสาร บอกรักไม่หยุดปากเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการและใช่…ไอ้พี่กั้งมันได้ไปแล้วหกวัน ได้เห็นฟาติมาสวมชุดนอนไม่ได้นอนจนครบหกสีแล้ว คืนนี้เป็นคืนวันอาทิตย์ก็เป็นคืนที่เจ็ด เธอสวมชุดนอนผ้าลูกไม้สีแดงซีทรูที่บางแสนบาง บางจนแทบไม่ปกปิดอะไรเลย เดินออกจากห้องน้ำมาหยุดยืนที่ด้านหลังสามี เขานั่งหันหลังอยู่เตียง กอดอกทำท่าทีกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจเพราะกำลังงอนงอนที่ฟาติมาจะไม่ยอมสวมชุดสีแดงที่เขาชอบที่สุด งอนที่เธอจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เขางอนที่เธอบอกว่าเหนื่อย ทั้ง ๆ ที่หกวันที่ผ่านมาเป็นเขาที่ทำอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้พี่กั้งมันรอยคอยคืนนี้แบบใจจดใจจ่อ เพราะสีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้า สีม่วงมันไม่เร้าใจเขามากกว่าสีแดง
งานแต่งงานของฟาติมาและกัมปนาทจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในวันที่มีท้องฟ้าเปิดโล่งแจ่มใส แสงแดดแรกของวันส่องผ่านกิ่งไม้และดอกไม้หลากสี เจ้าบ่าวยืนอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานเพียงสี่คนเท่านั้นคือบุรธัช ผู้เป็นพ่อบุญธรรม ภวัตพี่ชายนอกสายเลือดคนที่เป็นเหมือนผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เขา อิทธิ เพื่อนที่คอยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา สุดท้ายก็คือชัชวินทร์ ชายหนุ่มที่มาในฐานะเพื่อนและพี่ชายที่แสนดีของเจ้าสาวสวนดอกไม้ถูกจัดเตรียมอย่างสวยงามด้วยแถบดอกไม้สีสันสดใส เสียงนกร้องเบา ๆ เป็นบรรยากาศที่เงียบสงบและงดงาม ฟาติมาเดินเข้ามาในชุดเจ้าสาวสีขาว เธอสวยสะกดหยุดทุกสายตา เพียงแวบแรกที่ได้เห็น ดวงตาของกัมปนาทก็เปล่งประกายขึ้นมาทันตาเห็น เขาเคยมีภาพนี้อยู่ในความคิดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันดับสลายไปในวันที่ต้องเข้าไปนอนระทมอยู่ในคุก จากที่ไม่คิดไม่ฝันแล้วว่าจะได้กลับมารักและแต่งงานกับฟาติมา สุดท้ายมันก็เกิดขึ้น…เขาที่ไม่เคยหมดรักเธอได้ ตอนนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเธอในวันงานแต่งงานแล้วฟาติมาเดินเข้ามาใกล้ชิดกับกัมปนาท พอเขายื่นมือมาให้เธอก็รับมือนั้นไว้ทันที สัญญาด้วยชีวิตและหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข
เกือบสองเดือนมานี้ ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่กัมปนาทมีความสุขที่สุด เพราะฟาติมาคนเดิมได้กลับมานอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว เพราะบทพิสูจน์จากเบื้องบน หรือกรรมเก่าที่เขาต้องชดใช้ได้จบลงแล้ว ตอนนี้เขาได้เมียกลับมานอนกอดที่บ้านอย่างสบายใจ ได้หอมได้จูบเธอโดยไม่ต้องกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ ตอนนี้เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าโคตรมีความสุขเลยจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!เขาจูบแก้มเธอ จูบหน้าผาก จูบที่ดวงตาคู่สวย จูบแล้วจูบเล่าหลังจากที่ต้องอดกลั้นมานานสองเดือน กอดเธอแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ได้ รัดตัวเธอไว้แนบกายราวกับว่ากลัวเธอจะหายไปจากเขาอีก“งื้อ! พี่กั้งจูบฟ้าไม่เลิกเลย ไม่กลัวฟ้าช้ำหมดหรือไง?”“ไม่กลัว ช้ำก็ไม่เป็นไร…รู้ไหมว่าพี่รอคอยวันนี้มานานขนาดไหน จุ๊บ!” ว่าแล้วเขาก็จูบแนบปากเธออีกที“สองเดือนไง พี่กั้งพูดตั้งหลายครั้งแล้วว่าต้องดูแลฟ้าเวอร์ชันทั้งดื้อทั้งซนมาสองเดือนเต็ม ๆ”“สำหรับคนอื่นมันอาจจะแค่สองเดือน แต่พี่น่ะ…พี่รู้สึกเหมือนมันยาวนานชั่วชีวิตเลย ช่วงเวลาที่ยาวนานและทรมานใจพี่มากที่สุดคือตอนที่ฟ้าอยู่ในห้องผ่าตัดกับห้อง ICU ตอนที่ฟ้าอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย ตอนนั้นพี่คิดแต่ว่าขอให้เป็นพี่เถอะ ขอให้พี่ตายแท
“แต่ทำไมพี่กั้งใส่ชุดเจ้าบ่าว?”นึกสงสัยขึ้นมาฟาติมาก็หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับกัมปนาท เธอไล่สายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ…เพราะคิดว่าวันนี้จะมีแค่เธอคนเดียวที่ได้ถ่ายรูปสวย ๆ“เอ่อ…ก็ถ้ามีเจ้าสาว ก็ต้องมีเจ้าบ่าวด้วยไม่ใช่เหรอ? หรือฟ้าไม่อยากให้พี่ถ่ายรูปด้วย?”“ก็แล้วพี่กั้งจะมาเป็นเจ้าบ่าวของน้องฟ้าได้ยังไง?”“ก็แล้วทำไมจะเป็นไม่ได้? พี่เป็น…” เวร! เวรอีกแล้ว! เขาจะพูดได้ยังไงว่าเป็นแฟนเธอ พูดได้หรือว่าเป็นผัวเธอด้วย “ช่างเถอะ ถ้าฟ้าไม่อยากให้พี่ถ่ายรูปด้วย พี่ไม่ถ่ายก็ได้ ฟ้าคงอยากให้พี่ชัชมาเป็นเจ้าบ่าวมากกว่าพี่!”“น้องฟ้าไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย น้องฟ้าแค่สงสัยว่าพี่กั้งอยากแต่งงานกับน้องฟ้าเหรอ? ถึงได้ใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบนี้”“แล้วถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ ฟ้าจะแต่งงานกับพี่ไหม? ถ้าพี่บอกว่าพี่อยากจูบฟ้าจนแทบบ้าแล้ว ฟ้าจะยอมให้พี่ทำไหม?” เออ! ทุกวันนี้เขาต้องรอให้เธอหลับก่อน ถึงจะเข้าไปนอนกอดเธอได้ ทุกคืนต้องลักลอบกอดเมีย หอมเมีย แล้วก็ทำได้แค่นั้น เช้าขึ้นมาก็ต้องรีบตื่นเพราะกลัวว่าเธอจะตื่นก่อนแล้วตกใจที่เห็นว่าเขาไปนอนกอดแบบนั้น“จูบเหรอ? แบบที่เอาปากกับปากมาชน
ตามจริงแล้ววันนี้กัมปนาทจะต้องพาฟาติมาออกไปหาชัชวินทร์ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไปไม่ไหวแล้ว เพราะเธอไม่สบายตัว รู้สึกปวดท้องประจำเดือนจนไม่เป็นอันทำอะไร เห็นเมียนอนซมอยู่แต่บนโซฟา ไอ้พี่กั้งมันก็กระวนกระวายคล้ายจะเป็นบ้า ออกไปหายาแก้ปวดประจำเดือนมาให้เธอกิน ประคบประหงมเธอจนเกินเบอร์ อบอุ่นยิ่งกว่าถุงน้ำร้อนบนท้องฟาติมาตอนนี้เสียอีก“ดีขึ้นบ้างหรือยัง? ยังปวดท้องอยู่ไหม?” เขาเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ จับแขนเธอบ้าง ลูบแก้มเธอบ้าง ไม่ชอบเลยที่ต้องมาเห็นเมียนอนปวดท้องแบบนี้“ไม่ปวดแล้ว น้องฟ้าหายปวดแล้ว น้องฟ้าเพิ่งเปลี่ยนผ้าอนามัยไป ตอนนี้น้องฟ้าออกไปหาพี่ชัชได้หรือยัง?” ยังปวดอยู่ ลุกเดินแทบไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่ว่าอยากออกไปเที่ยว อยากออกไปลองชุดเจ้าสาวที่ร้านพี่ชัช“ไม่จริงเลยสักนิด พี่เห็นอยู่ว่าฟ้ายังปวดท้อง ฟ้าเดินไปเข้าห้องน้ำจะไม่ไหวด้วยซ้ำ ต้องให้พี่อุ้มไปด้วยซ้ำ พักไปเล่นกับพี่ชัชก่อนนะ ค่อยไปวันหลังดีไหม?”“แต่พี่ชัชบอกว่าจะให้น้องฟ้าใส่ชุดเจ้าสาวถ่ายรูป!”“วันอื่นก็ได้ครับ”“แต่น้องฟ้าจะไปวันนี้! ถ้าน้องฟ้าตายล่ะ? ปวดท้องมาก ๆ อาจจะตายก็ได้นะ ถ้าน้องฟ้าตายก็จะไม่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสวย ๆ นะ!” ฟา
ตั้งแต่ที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฟาติมาวัยเจ็ดขวบ มีหลายสิ่งอย่างที่กัมปนาทต้องเรียนรู้ เขาต้องหาความรู้ใหม่ราวกับว่าตัวเองเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาวอยู่ในวัยกำลังโต ถึงแม้จะพร่ำบอกฟาติมาอยู่หลายครั้งว่าความจริงแล้วเธออายุยี่สิบแปด เธอไม่ใช่เด็กเจ็ดขวบอย่างที่เข้าใจ เธอไม่จำเป็นต้องไปเรียนหนังสือ แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนลมที่เข้าหูซ้าย ทะลุออกหูขวาทุกวันฟาติมาก็ตกใจกับเรือนร่างของตัวเอง บางวันเธอเคยนั่งร้องไห้เพราะตกใจหน้าอกที่โตผิดหูผิดตา เคยถึงขั้นร้องกรี๊ดเพราะกลัวไรขนอ่อน ๆ ที่ตรงส่วนนั้น กัมปนาทต้องนั่งสอน นั่งคุย ต้องพะเน้าพะนออยู่ตลอด พอไม่ต้องนั่งวีลแชร์ฟาติมาก็ชอบวิ่งเล่นไปทั่วเพนท์เฮาส์ ทุกเช้าหลังอาบน้ำเสร็จจะต้องรีเควสให้กัมปนาททำผมทรงต่าง ๆ ที่เธออยากได้ ไอ้เขาที่ไม่เคยมีลูก ไม่เคยทำผมให้ใครเลยต้องมานั่งหัดถักเปีย หัดผูกผม แล้วที่เคยทำอาหารเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งเดือนมานี้เขาหัดทำเพิ่มขึ้นมาจนทำเป็นหลายอย่างแล้วใช่…ตอนนี้ฟาติมาอยู่ในสภาวะความทรงจำถดถอยมาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว“วันนี้เอาทรงอะไรครับ?” วันนี้กัมปนาทเหนื่อยแต่เช้า เพราะกว่าจะเล่นวิ่งไล่จับกับเด็กน้อยแ