ใจดวงน้อยกระตุกก่อนจะเกิดความอุ่นวาบขึ้นที่ใจ วินาทีนั้นความเชื่อใจมากมายมหาศาลอยู่รอบตัวเธอ เธอศรัทธาในเขา สิงหราชเป็นคนเก่ง เธอเชื่อว่าเขาจะพาเธอรอดได้
หญิงสาวพยักหน้า นายหัวของไร่ธรภูมิโล่งใจ เขาค่อยๆโอบหญิงสาวเข้ามากอด นั่งลงไปในน้ำ ก่อนจะนำเสื้อที่เปียกชื้น มาปิดใบหน้าทั้งเขาและเธอ
ดวงตาของทั้งคู่มองไปยังกลุ่มอัคคีที่กำลังลุกลาม เกิดประกายไฟทั่วบริเวณ สิงหราชได้แต่หวังว่าน้ำในสระคงไม่ร้อนเกินไปเพราะไม่อยากนั้นตัวคงได้สุกก่อน
“คุณรักฉันตอนไหน” คนในอ้อมกอดเอ่ยถาม พลันทำให้ต้องหลุบตามองอีกครั้ง นึกย้อนไปในอดีตตอนเห็นนาราครั้งแรก ใบหน้าน้อยเกลี้ยงเกลา ยิ้มให้ทุกคนอย่างน่ารัก ถึงอย่างนั้นก็ยังเถียงเรื่องหนี้กับเขาอย่างไม่ยอมแพ้ พอคิดมาถึงเรื่องหนี้ใจดวงใหญ่ก็ห่อเหี่ยว เพราะรู้ว่าจะเป็นปัญหาในภายหลังแน่นอน
“ถ้าอยากรู้ต้องรอดไปด้วยกันสิ” เขาเอ่ย เอ่ยทั้งๆที่รู้ว่านาราเริ่มไม่ไหวแล้ว คนตัวเล็กกำลังเหนื่อยหอบ ฝุ่นควันกลิ่นฉุนลอยเข้าจมูกในยามที่เผลอ ปอดเขาแข็งแรงกว่าเธอมาก เลยรับมันได้ดี เขายังไหวอยู่ แต่คนตัวเล็กนั้นเริ่มดูไม่ไหวแล้ว
ใบหน้าชื้นเหงื่อเริ่มแสดงความเหนื่อยล้า สิงหราชรีบกระชับคนข้างกายเข้ามากอด ลูบหลังเบาๆ ร่างสูงหลับตาลง ภาวนาในใจอย่างหนักหน่วงว่าขอให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอย่าเป็นอะไรเลย
“นาค...”
เสียงทุ้มเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นคนตัวเล็กเงียบไป เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและผิดหวัง ผิดหวังกระทั่งอกด้านซ้ายสั่นรัวราวกับโดนคนกระหน่ำตี
“นาค”
“....”
“นาค...”
เขาเรียกเธออีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
ไม่ได้ยินเสียงกลับมา
จะเล่นงานกันไปถึงไหน
สิงหราชเงยหน้ามองฟ้าที่บัดนี้สาดไปด้วยสีแห่งเปลวเพลิง ใจของเขาปั่นป่วนจนบ้าคลั่ง และมันบ้าจนสั่งให้เขาไม่อยู่ตรงนี้ ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมกันอุ้มคนที่สลบในอ้อมแขนลักษณะท่าเจ้าสาว เขาพาตัวเองเดินออกมา ไม่หวั่นกลัวแม้กระทั่งฝ่าเท้าจะเหยียบย้ำโดนถ่านร้อน
ดวงตาคมกวาดมองทั่ว ก่อนเงยมองท้องฟ้าเพื่อดูกลุ่มควันลอยออกมาจากตรงไหนบ้าง ถ้าตรงนั้นโล่งก็อาจแปลไว้ว่าพื้นดินตรงนั้นยังไม่เกิดการเผาไหม้ ชั่ววินาทีสิงหราชตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าเขาจะฝ่าออกไป
แน่นอนถ้าเขาไปคนเดียว ออกวิ่งสุดแรง อาจจะไปทันก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ปิดทางออก ทว่าไม่อาจทำแบบนั้นได้เขาไม่อาจทิ้งหัวใจตัวเอง
หัวใจของสิงที่มันรู้ตั้งแต่วันแรกว่าเป็นของใคร
ความตายมันอยู่แค่นี้ เพียงเอื้อมมือ แต่กูจะไม่ตาย สัญญากับยมบาลไว้เลย
ไม่กลัวอะไรอีกแล้วร่างสูงวิ่งเข้าไปในช่องหนึ่งที่ไม่มีไฟเผาป่า ฝ่าเท้าหนาเหยียบย้ำความร้อนจากก้อนตะโกของเถ้าถ่านทว่าไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมาจากเขา สิงหราชวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ตึง!
ในตอนนั้นเองที่กิ่งไม้ตกใส่ข้างหน้า ความร้อนฉ่ากระเด็นใส่เท้าจนต้องยกเท้าออกมา มันเสี่ยงมากถ้าวิ่งไปต่อ ขาของเขาต้องพุพองเป็นหนองในอนาคต แต่มาถึงขนาดนี้แล้วใจนายหัวไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ร่างสูงเปลี่ยนคนที่อุ้มอยู่ขึ้นมาใส่หลัง ตัดสินใจกระโดดข้ามกิ่งไม้ จากนั้นก็ลากคนตัวเล็กออกมา
ไม่ไหว
ขามันชาไปหมด ราวกับไปวิ่งมาราธอนนับสิบรอบได้ หนำซ้ำยังมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ด้านหลังที่ราวกับแผดเผาเขาให้ตายทั้งเป็น สิงหราชมองเห็นเงาของตัวเองที่มีคนตัวเล็กอยู่ข้างหลัง กังวลใจขึ้นมา
อกแกร่งกระเพื่อมหายใจหนัก จากที่คิดว่าทนไหว ทว่าตอนนี้เหมือนไม่ไหวซะแล้ว ทั้งควันและความร้อนเล่นงานอย่างหนักจนเขารู้สึกราวกับหลุดออกมาจากเตาอบ
มือหนายกขึ้นปาดเหงื่อ ก่อนจะเปลี่ยนเอาคนด้านหลังมาอุ้มท่าเจ้าหญิงเหมือนเดิม ดวงตาคมหลุบมองคนในอ้อมแขน สัญญากับเธอ
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตาย แล้วฉันจะไม่ตายเหมือนกัน”
ความตายไม่ได้น่ากลัว แต่ถ้าตายไปแล้วไม่มีเธอ เขาขอไม่ตายซะดีกว่า
และใช่เมื่อตัดสินใจไม่ตาย ก็ต้องเอาตัวเองไปต่อให้ได้ในที่สุด ร่างสูงวิ่งไปข้างหน้าเร็วปานพายุ โผล่มาอีกทีตอนที่อยู่ถนนใหญ่
ครึ้ม
เสียงฟ้าร้องกระหน่ำลงมา ในตอนนั้นเองที่สิงหราชคิดว่าฟ้าก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขาเสมอไป
สายฝนโปรยปรายลงมาทั่วป่า เพลิงไหม้ที่กำลังกลืนกินผืนป่าอย่างหิวกระหายเมื่อถูกเม็ดฝนชำระก็ทยอยกันดับลง
นายหัวของไร่ธรภูมิแทบหัวเราะเหมือนคนเป็นบ้าคลั่ง ความรู้สึกกลัวจะไม่ได้อยู่กับร่างบางเมื่อครู่ดับสูญแล้ว เขาได้แต่มองฟ้า มองคนข้างตัว ก่อนจะพาคนในอ้อมแขนเดินออกไปเงียบๆจนถึงไร่ธรภูมิ
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง