รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน
“อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ
นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย
แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา
“ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที
“โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มันทำลูกเธอ “พี่สาวมึงตอนนี้โดนจับเข้าคุกก็เพราะมึงไม่ใช่เหรอ”
เพราะเธองั้นเหรอ นาราอยากหัวเราะ
“จะมาโทษหนูได้ยังไง ก็ในเมื่อพี่เหมียวคบคนผิดเอง เธอทำผิด ก็สมควรได้รับโทษทางกฎหมาย” ตำรวจนั่นใช่คนดีที่ไหน เป็นมัลลิกาไม่ใช่เหรอที่เข้าไปพัวพันกับเขาเอง เธอมีส่วนผิดอะไร
“งั้นมึงจะมาสมน้ำหน้ากูงั้นสิ” ธัญญาดวงตาวาวโรจน์ โกรธจนอยากกระชากหัวหลานเข้ามาตบ “หน็อย ตอนนี้ได้ดิบได้ดีมีผัวรวยแล้วนี่ ทำไม อยากตอกย้ำกูขนาดมาถึงที่นี่เลยหรือไง” ใช่ วันนี้นังเด็กนี่ชนะเธอแล้ว มันชนะลูกสาวเธอ เหมียวลูกเธอต้องเข้าคุก ซึ่งตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง เธอเจ็บปวดใจเหลือเกิน
นาราได้แต่มองญาติของตน ก่อนมองไปที่สิงหราชอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยที่ต้องเห็นป้าตัวเองเจ็บปวด แต่ในสิ่งที่พูดมันก็ต้องพูด อีกอย่างเธอยังไม่ลืมว่าป้าของเธอเหยียดเธอขนาดไหน เพราะแบบนั้นเอาคืนบ้างก็ช่างปะไร
“เปล่าค่ะ หนูจะมาพูดเรื่องหนี้”
หนี้...
ธัญญานิ่งไป เธอแทบจะหยุดร้องไห้ นังเด็กนี่หมายความว่าไงที่มาพูดเรื่องหนี้ หรือว่ามันจะรู้แล้ว
“หนูอยากบอกป้าว่าให้ป้าหาเงินมาใช้หนี้สามีหนู เพราะไม่อย่างนั้นบ้านหลังนี้จะถูกหนูยึด”
อะไรนะ
ธัญญาตัวชาวาบไปทั้งกาย รู้สึกราวกับโดนค้อนฟาดเข้าที่หัว ความรู้สึกหนักหน่วงพุ่งเข้าสู่หัวใจอย่างแรง เมื่อกี้นังเด็กนี่มันพูดว่าอะไรนะ จะให้เธอใช้หนี้งั้นเหรอ หนี้ตั้งหลายล้านธัญญาจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้ หนี้กู้จากธนาคารมาก็มากแล้ว เธอจะมีปัญญาใช้ได้ยังไง
“นี่แก” ธัญญาลมแทบจับ จากที่ยืนด่าหลานสาวฉอดๆยังต้องล้ม ดีที่แม่ของตนพยุงไว้
ไม่ได้แล้ว โฉมพลีซึ่งเป็นแม่ของธัญญาและยายของนารา เห็นทีคงต้องพูดอะไรสักอย่าง เดิมทีเธอเป็นคนพูดน้อย และมักมองลูกหลานเงียบๆเพียงเท่านั้น ทว่าตอนนี้ผู้ใหญ่อย่างเธอคงต้องพูดอะไรบ้าง เพราะไม่เห็นด้วยกับการที่หลานสาวมาไร้มารยาทกับป้าตัวเองอย่างไม่เคารพผู้ใหญ่แบบนี้
“นาค หมายความว่ายังไงที่จะให้ป้าใช้หนี้แทน หนี้นั้นพ่อแม่ของเราต้องเป็นคนรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ”
รับผิดชอบ?
นาราอยากหัวเราะนัก ขนาดยายของเธอยังกล้าให้เธอใช้หนี้หน้าด้านๆเลย ไม่เห็นเคยเธอเป็นหลานแต่เห็นเป็นเพียงเครื่องจักรที่ต้องกตัญญูรู้คุณเท่านั้น ยายเคยเห็นเธอเป็นหลานสักครั้งมั้ย เธอก็ลูกแม่คนหนึ่ง
วินาทีนั้นนาราปวดใจอย่างแรง ทว่าหญิงสาวได้แต่เก็บอารมณ์ไว้ เธอจะไม่ให้คนพวกนี้เห็นถึงความทุกข์เธอเด็ดขาด เธอจะไม่ใจดีกับใครทั้งนั้น
มุมปากของคนตัวเล็กแสยะยิ้ม มันเป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยอยู่ในตัว
“ก็หนี้นั่นพ่อแม่หนูไม่ได้เป็นคนก่อไม่ใช่เหรอคะ ยายแค่เอ่ยคำว่ากตัญญูมารั้งพ่อแม่หนูไว้ก็เท่านั้น แต่ยายรู้มั้ยคนแบบยายมันน่ารังเกียจที่สุด รักลูกไม่เท่ากัน เอาคำว่าแม่มาเป็นข้ออ้าง จะทำอะไรก็ได้ ทั้งๆที่ยายแทบไม่เลี้ยงแม่มาเลย แม่หนูต้องลำบาก หาเงินเอง พอโตมาก็มาอ้างแต่คำว่ากตัญญู หน้าด้านเกินไปรึเปล่า”
“อีนารา!” ธัญญแทบจะถลาเข้ามาตบหลานสาว ทว่าสิงหราชบังไว้ หญิงวัยป้าเลยถอยออกไป หญิงสูงวัยมองหลานสาวด้วยความเคียดแค้น
“นี่ยายมึงนะ! มึงพูดแบบนี้ได้ยังไง”
“ก็เพราะว่ายายไง หนูถึงได้พูด รักลูกไม่เท่ากันแบบนี้อย่าเรียกตัวเองว่าแม่ใครได้เลย”
ตอนเด็กๆเธอเห็นแม่ร้องไห้และบอกกับพ่อเสมอว่ารู้สึกผิดกับยายที่หนีเข้ามาในกรุงเทพ แม่ของเธออยากกลับไปตลอด ทว่าคนเป็นแม่ไม่ให้กลับ กระทั่งต่อมาที่ยายของเธอบอกจะยกโทษให้แล้วให้กลับมาอยู่ที่นี่ ตอนนั้นนาราไม่เคยคิดเลยว่าคำว่าอยู่ที่นี่หมายความว่ายังไง ตอนนี้เธอรู้แล้วก็เพราะว่ายายอยากให้ครอบครัวเธอใช้หนี้ให้ไงถึงได้เรียกมา
ใครกันแน่ที่ควรโกรธ ไม่ใช่เธอหรอกหรือ
หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจลึก หัวใจบอบช้ำเกินทน เธอเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งแต่ต้องแบกรับอะไรมากมาย แล้วมันเจ็บปวดใจเหลือเกินที่รู้ว่าคนในครอบครัวไม่เคยรัก เห็นเธอเป็นคนอื่น ไม่สิ คนอื่นพวกเขายังดีด้วย ทว่าหลานอย่างเธอกลับเกลียดชังราวกับไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง