“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด”
“นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน
คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ
“หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว”
หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด
คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว
“พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนตัวเล็ก เห็นหยาดน้ำใส ใจเขาก็ปวดหนึบไปด้วย ได้แต่ภาวนากับตัวเองว่าต่อไปนี้จะไม่ให้เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก เขาจะปกป้องเธอไม่ให้ใครทำร้ายได้
“ขอบคุณค่ะ” นาราเอ่ยเพียงคำนั้น ถ้าไม่มีเขา เธอไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งได้หรือเปล่า จะกล้าพอเอาคืนคนไม่ดีหรือเปล่า แต่เขากลับเป็นแรงบันดาลใจให้เธอ ให้เธอจนวันนี้เอาชนะคนคอยเอาเปรียบได้
สิงหราชยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็กสุดหัวใจ
“เก่งแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวใครอีก พี่จะปกป้องน้องเอง” อย่างที่บอกเขาเป็นสามีเธอ สิงหราชตั้งมั่นคำนั้นในใจ และเขาจะดูแลภรรยาคนนี้ คอยอยู่เคียงข้างจับมือน้อยเดินไป
นารารู้สึกอุ่นหัวใจเหลือเกิน เธอกอดร่างสูงแน่น สูดร่องรอยความเจ็บปวดเข้าไปในอก ใช่ ต่อไปนี้เธอไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว ถ้ายืนอยู่บนความถูกต้อง กล้าพูดในสิ่งที่คิด ไม่เบียดเบียนใคร มีเขาคอยอยู่เคียงข้างมีอะไรน่ากลัวกัน
การตัดสินใจให้อภัยใครสักคน สำหรับเธอคงเป็นเรื่องที่ยากมากทั้งๆที่ใครคนนั้นทำร้ายเราปางตายมาก่อน ทว่าในครั้งนี้นาราตัดสินใจแล้วว่าจะให้อภัยแม่และพ่อของตัวเอง ส่วนหนึ่งเธอก็เข้าใจเขา ส่วนหนึ่งก็ยังโกรธอยู่ นาราได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งความแค้นเคืองที่อยู่ในใจนั้นจะสลายหายไปเอง เธอจะรอวันนั้น
มือน้อยจับต้นทุเรียนที่กำลังเติบใหญ่ ทว่าสำรวจพืชที่ปลูกได้ไม่นาน มือถือแผดเสียงขึ้นซะก่อน เบอร์ที่โทรมาทำเอาหญิงสาวยิ้มแก้มปริ
อะไรเนี่ย อยู่อีกฟากของไร่ ยังจะโทรมาหาเหรอ
“ฮัลโหล” เสียงหวานเอ่ยลงไป พลันทำให้คนตัวใหญ่ที่เหงื่อแตกผลัก ร้อนราวกับอยู่ในนรก เย็นสดชื่นราวกับอยู่ใกล้ชานน้ำ ชายหนุ่มยิ้มปรี่ รอยยิ้มแปลกประหลาดจนคนงานในไร่ไม่อยากเชื่อสายตา ขยี้ดวงตาเพื่อมองดูอีกครั้งว่าใช่นายหัวสิงหราชผู้โหดเหี้ยมของพวกเขามั้ย และ ใช่ เป็นนายหัวสิงจริงๆด้วย
ทำไมยิ้มเหมือนคนบ้าอย่างนั้นหนอ
“คิดถึงจัง มาหาหน่อยสิ” เสียงทุ้มกล่าวออกมา อยากจะบ้าตาย มันกี่ครั้งต่อวันแล้วที่เขาบอกคิดถึง ทั้งที่อยู่ไร่ใกล้กัน นาราอยากจะบ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจอย่างห้ามไม่อยู่
“อืม เดี๋ยวกลับบ้านจะทำแกงส้มให้กิน เก็บดอกแคร์มาด้วย” คนตัวเล็กพยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม แล้วรอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างเข้าไปอีกเมื่อเขาตอบว่า
“อยากกินจะตายแล้วครับ ทำตอนนี้ไม่ได้เหรอ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปกิน”
คนตัวเล็กดุ “ไม่ได้ เสียการเสียงานหมด เอาเป็นว่าตอนเย็นนาคจะไปตลาด ไปซื้อของแล้วจะขึ้นบ้านแล้วกัน พี่ก็รออยู่นั่น แค่นี้นะ” จะวางสายแล้ว ทว่าคนปลายสายไม่ยอม
“อย่าเพิ่ง มีอะไรจะบอก”
“อืม ว่ามาสิ” เอ่ยพูดมือก็ถอนหญ้าด้วย ทุเรียนเธอโตถึงปานนี้ อีกไม่นานคงได้เก็บผลผลิตเป็นแน่ นาราจะได้เป็นแม่ค้าทุเรียนแล้วเหรอนี่ ดีใจจัง
“ตอนเย็นหกโมงไปที่หน้าผา มีอะไรจะคุยด้วย”
หญิงสาวขมวดคิ้ว ตามปกติแล้วเธอเลิกงานประมาณสี่โมงเย็น หรืออาจเลยเวลาไปบ้าง งั้นแปลว่าแบบนี้ต้องไปตลาดและกลับมาก่อนหกโมงเย็นน่ะสิ ก็ได้ เธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สงสัยคนตัวใหญ่อยากชวนไปชมวิว เพราะแบบนั้นจึงเอ่ยตกลงออกไป
“โอเค เดี๋ยวนาคกลับมาจากตลาดแล้วจะไปนะคะ”
“โอเคครับ อย่าทำงานมากนะ เดี๋ยวเป็นลม”
“ค๊าที่รัก”
ทั้งสองคนยิ้มให้โทรศัพท์อยู่แบบนั้น ต่างฝ่ายต่างได้รับหยดน้ำราดรดกลางใจ ความรักมันดีอย่างนี้นี่เอง เสียแรงที่ทะเลาะกันตั้งนานไม่อย่างนั้นมีความสุขไปแล้ว สิงหราชคิดอย่างเสียดาย อยากย้อนกลับไปทำความรู้จักนาราใหม่อีกครั้ง ถ้าย้อนกลับไปได้ เขาจะไม่เลวเหมือนเดิมอีก
“ฮั่นแหน่ นายเว้านำคุณนาคเบาะครับ(อั่นแหน่ เจ้านายคุยกับคุณนาคเหรอครับ)” ทะนงเอ่ยแซว เขากับพวกคนงานรู้แล้วว่านายหัวมีหวานใจคือคุณนาค ซึ่งตอนนี้ยกตำแหน่งดูแลไร่ร่วมกับนายไปแล้ว คุณนาครู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถามนายก็เหมือนถามคุณนาค ถามคุณนาคก็เหมือนถามนาย แทบจะแทนกันได้ และใช่ตอนนี้นายหัวอินเลิฟอย่างหนัก เปิดตัวหญิงสาวไม่เว้นแต่ละวัน บ้างก็จูงมือไปดูแทคเตอร์บ้างล่ะ บ้างก็พาไปชมสวนผลไม้บ้างล่ะ ความจริงเขาเห็นนายเปิดตัวคุณนาคไปนานแล้ว ทว่าในทุกครั้งไม่มีสิ่งเชื่อมั่นจากนายเพียงสักครั้งเดียว ทว่าตอนนี้ใครถามก็บอกว่าเป็นภรรยาของตน
คลั่งรักไม่ไหว เขาคิดว่าถ้าคุณนาคอยากได้เดือนและดาว นายสิงคงไปเอามาให้เธอแน่
“อย่ายุ่ง พวกมึงทำงานไปได้แล้ว” เสียงเข้มยังดุเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทะนงรีบกลับไปตั้งใจทำงาน เพราะกลัวว่านายจะเตะตนซะก่อน
อย่าไปยุ่งกับเสือมีความรักเชียว
เลิกงานนารามาเดินตลาดอย่างที่บอกไว้ หญิงสาวซื้อของไปมากมาย นอกเหนือจากลิสต์รายการที่เขียนมา หลักๆก็ผลไม้ที่สิงหราชโปรดปรานเป็นพิเศษ ตั้งแต่เขาขอให้เธออยู่กับเขา นาราก็ดูแลเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด เขาไม่ได้บังคับเธอ ไม่เคยบอกสักครั้งว่าให้ทำอาหารให้กิน ทว่าเป็นเธอเองที่อยากดูแล อยากให้เขากลับมาได้กินอาหารอร่อยๆ
“ป้านง หนูฝากเตรียมไว้ให้หน่อยนะคะ ลงจากผาแล้วหนูจะกลับมาทำค่ะ” เธอไหว้วานนงรักผู้เป็นดั่งป้าแท้ๆของเธอเตรียมของไว้ให้ เพราะกลัวว่ากว่าจะลงมาจากผาจะมืดค่ำเอา นาราอยากกลับมาแล้วแกงเลย จะได้ไม่เสียเวลา ซึ่งนงรักก็ยินดีทำ ไม่ว่าหญิงสาวสั่งอะไรก็ทำตามทั้งนั้น เธอถูกใจนาราเหลือเกิน
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง