นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง
และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ
นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ
“เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง
แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก
“ไม่เหนื่อยเลย สนุกมาก แล้วคุณล่ะ เหนื่อยมั้ย” วันนี้เขาคุมงานหนักด้วย ต้องเหนื่อยมากแน่เลย
“ไม่เหนื่อยแล้วห้ามเรียกว่าคุณด้วย”
นาราลอบยิ้ม อยากให้เรียกพี่อย่างเดียว ก็มันไม่ชินนี่น่าเรียกคุณมาตั้งสามปี จะเปลี่ยนเลยก็ยังไงๆยังอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นนาราก็ยอมเรียก
“ค่ะ พี่สิง”
“ผัวสิง”
“น่าเกลียด”
“อะไรน่าเกลียด”
“พูดไม่เพราะ มีคำหยาบ น่าเกลียด”
ชายหนุ่มหัวเราะ อารมณ์ดีอย่างประหลาด ลำแขนแข็งแรงโอบเธอไว้พร้อมกับโยกเบาๆ ราวกับเอ็นดูอย่างหนัก แล้วในตอนนั้นเองที่เขาผละออกมา นาราทำหน้าสงสัยมองคนที่เปลี่ยนจากใบหน้ายิ้มเมื่อครู่เป็นซีเรียสจริงจัง “แต่งงานกันนะ”
“...”
“มาสร้างครอบครัวกันมั้ยนาค”
“...”
“พี่อยากดูแลเธอ อยากจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ”
เขามั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่าอยากมีเธออยู่เคียงข้าง เขาอยากอยู่กับเธอตั้งแต่วันนั้นกระทั่งวันนี้ เข้าปีที่สี่แล้ว แล้วเธอล่ะ อยากมาอยู่ด้วยกันมั้ย
นารานิ่งไป เธอราวกับถูกฟาดด้วยของแข็ง ตอนนั้นขอเป็นแฟนว่าหนักแล้ว ตอนนี้ถึงกลับขอแต่งงานเลยเหรอ
แล้วเธอจะทำยังไง ทำยังไง
“นี่คุณ ขะ ขอฉันแต่งงาน” หญิงสาวเอ่ยทวนกระตุกกระตัก ยังช็อกอยู่ แล้วก็พบว่าไม่ใช่ความฝันเลยสักนิดเมื่อเขาพยักหน้า
เวลานี้พระอาทิตย์คล้อยลงบ่งบอกว่ามันกำลังจะตกแล้ว มีชายหญิงคู่หนึ่งยืนมองกัน มือของทั้งสองนั้นจับกันแนบแน่น ใจคนหนึ่งรออย่างเต็มเปี่ยม รอให้เธอตกลงสักที ส่วนอีกคนนิ่งทื่อ เบิ่งตากว้างราวกับพบเจอเรื่องประหลาด จนแล้วจนเล่าหญิงสาวไม่ยอมพูดอะไรออกมา ทำให้ร่างสูงต้องลั่นวาจาอีกครั้ง
“ว่าไง จะแต่งงานกันมั้ย ไม่แต่งจะลักพาตัวแล้วนะ”
วินาทีนั้นเธอรู้สึกตัว มือตีเข้าไปที่อกแกร่งดังปัก
“พูดแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวไม่แต่งเลย”
เขารีบดึงเธอเข้ามากอด ไม่ปล่อยให้เอ่ยคำพูดเสียดแทงใจดำ ริมฝีปากประทับลงบนปากอิ่ม ถอนใบหน้าออกมา มองหญิงสาวด้วยความรักใคร่
“ถ้าน้องไม่แต่งด้วย พี่ไม่รู้จะไปแต่งกับใครแล้วนะ แล้วถ้าพี่ไม่แต่งกับใคร น้องรู้หรือเปล่าว่าน้องมีส่วนทำให้พี่ขึ้นคาน บอกมาจะแต่งดีๆหรือจะให้พี่ฉุด”
“อีพี่สิง เดี๋ยวตีเลย” ทำไมชอบเข้าเรื่องป่าเถื่อนจนได้ อีกอย่างเลิกคิดไปเองได้แล้วว่าเธอไม่อยากแต่ง เพราะความจริงแทบอยากไปตัดชุดเจ้าสาวเมื่อเขาขอเธอ
เธอรักสิงหราช รักมาตั้งนานแล้ว ทว่าด้วยฐานะต่างกัน ความหวังที่จะเป็นคู่กันนั้นดูริบหรี่เหลือเกิน เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่หวังอะไร ทว่าวันนี้เขากลับขอเธอแต่งงาน
แล้วจะไม่ตอบตกลงได้ยังไง
“อืม แต่งก็ได้ แต่สินสอดสิบล้านนะ” เรียกไปก่อนไม่ได้เดียวว่ากัน ทว่าเขามันบ้าจริงๆ
“สิบล้านได้ไง ร้อยล้านไปเลยดีกว่า ยกไร่ให้ทั้งหมดด้วยเอามั้ย” นาราหัวเราะเสียงดัง
“เอา หลังจากนั้นนาคจะไล่พี่ออกไปเลย ไร่นี้จะได้เป็นของนาคคนเดียว” ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ทว่ารู้ว่าเธอพูดเล่น
“ยัยตัวแสบจะทิ้งผัวใช่มั้ย ฝันไปเถอะ ไม่มีวันนั้นหรอก”
เขาจับคนตัวเล็กมาจูบอีกครั้ง จูบหวานละมุนยิ่งกว่าครั้งไหน เขาอยากบอกบิดามารดาที่อยู่บนฟ้าว่า เจอแล้วแม่ของลูก คนที่จะอยู่ด้วยกัน ยอมรับในสิ่งที่สิงหราชเป็น ซึ่งก็คือผู้หญิงคนนี้ คนที่คอยเถียงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
นาราก็เหมือนกัน เธอเจอแล้ว คนที่จะรักไปตลอดชีวิต
จะไม่ทิ้งไปไหนอีก
สัญญา...
ตอนพิเศษอ่านได้ที่อีบุ๊คนะคะ
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง