“น้ำ”
เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้
สิงหราช
นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ
“ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด
“เมียตื่นแล้วเหรอครับ”
ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ
“คุณว่ายังไงนะ”
“เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย
“น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไปหมด และใช่ ผลพวงจากเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นทำเธอตัวสั่นไม่น้อย ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีกลับรู้สึกอบอุ่นเมื่อสิงหราชก้มลงมากอดเธอ
กอด...ราวกับไม่เคยกอดกัน
กอด...ราวกับกลัวเธอหายไปไหน
น้ำตาหญิงสาวไหล รู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่ในอ้อมกอดของพ่อและแม่ แต่เธอลืมไปตอนนี้พวกเขาคนนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พวกเขาหลอกเธอ
หญิงสาวยกมือขึ้นกอดคนตัวโต้ตอบ สะอื้นไห้ใต้อกแกร่งเบาๆ เขาประคองกอดเธออยู่แบบนั้น ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างเงียบๆ กระทั่งต่อมาที่สิงหราชคิดว่าควรพูดบางอย่างสักที
“ฉันรู้เรื่องหนี้ของเธอมาตั้งนานแล้ว” มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็ก เขาเอ่ยมันอย่างซื่อตรงไม่มีอะไรปิดบังอีก
“รู้ว่าญาติของเธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมา”
“แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวของฉัน เลยไม่บอกเธอไป”
“ขอโทษ”
“ไม่รู้ว่าเธอจะยกโทษให้มั้ย แต่ฉันรู้ว่าตัวเองผิด”
คนตัวน้อยนิ่งไป นาราตัวชาวาบไปทั้งกาย นี่เขารู้มาตลอดอยู่แล้วเหรอว่าพันธะพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเธอ แต่ทำไมทำแบบนี้ล่ะ
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ถามเขากลับแม้ภายในจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
“ทำไมคุณถึงทำ ทำไมคุณถึงไม่บอกฉัน” ทำไมถึงได้เลือกหลอกลวงกันอย่างเลือดเย็น
เสียงทุ้มตอบอย่างแผ่วเบา
“อาจเป็นเพราะรักเธอ ฉันไม่อยากเสียเธอไป”
ความเห็นแก่ตัวของเขา ผูกเธอไว้ที่นี่ อยากเห็นหญิงสาวอยู่ในสายตาตลอดเวลา และใช่ เรื่องหนี้เขายกมันให้เธอตั้งนานแล้ว ไม่คิดเอาสักบาท แต่ที่ยังไม่บอกก็เพราะอยากอยู่ด้วยกัน
ไม่ใช่อารมณ์ชั่วครู่ ไม่ใช่ความหื่นกระหาย แต่เป็นเพราะเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
“เธอเป็นเมียฉัน ฉันไม่อยากให้เธอไป” เลยปิดบังมันไว้จนถึงวันที่เปิดเผย แล้วเขาก็ต้องปวดใจเมื่อเธอเอ่ยว่า
“เห็นแก่ตัว คุณเห็นฉันเป็นอะไร นางบำเรอของคุณเหรอ คุณรู้มั้ยอยู่ที่นี่ฉันต้องเจออะไรบ้าง” ไม่ต่างจากสนามรบเลย คนกลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา ทว่าเธอก็ยังทนเพราะคิดว่าตนมีหนี้มหาศาลเหลืออยู่ แต่วันนี้หนี้ก้อนใหญ่ที่เป็นราวกับก้อนหินหนักๆบนบ่าได้หายไปแล้ว ก่อนจะพบความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ ทุกคนเห็นเธอเป็นอะไร
“ต้องทนอยู่ที่นี่ทั้งที่คิดว่าตัวเองมีหนี้มหาศาลคุณเคยรู้บ้างมั้ย” เธอทุบที่อกเขา เบ้ปากร้องไห้มากกว่าเดิม เขารวบตัวเธอเข้าไปกอด แต่นาราไม่ยอมร่างบางขืนตัวไว้ มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ปล่อย ฉันจะออกไปจากที่นี่” เธอจะไปไกลๆ จะหลงลืมทุกคนให้หมดแล้วเริ่มต้นใหม่
คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นเสียดแทงอยู่ในใจร่างสูงอย่างแรง เขารวบร่างบางเข้ามากอด ซบหน้าลงกับหัวไหล่เรียว
ยอม ยอมหมดแล้ว
“อย่าไป ไม่ให้ไป”
นาราตาเขียวปัด
“จะไป จะทำไม” เขาไม่ใช่พ่อแม่เธอสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาห้าม แค่นี้ก็หลอกเธอมามากพอแล้ว หญิงสาวดิ้น ทว่าร่างกำยำรัดเธอแน่นเลย
“บอกให้ปล่อยไง หายใจไม่ออก” นายหัวของไร่งอแงอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่ ปล่อยก็ไปสิ” เขาจะไม่ปล่อยเธอไปไหนเด็ดขาด จะกอดไว้อยู่แบบนี้
สุดท้ายแรงมหาศาลที่โอบรัดรอบตัวก็ทำให้หญิงสาวถอดใจ เธอควรจะคุยกับเขาดีๆสินะ
ไม่ใช่ไม่รัก เธอรักเขา แต่สิ่งที่ได้ยินมันทำร้ายเธอเกินไป เรื่องนั้นใช่ว่าจะให้อภัยกันง่ายๆ ทั้งเรื่องที่เขาเห็นเธอเป็นเพียงเมียเก็บอีก เธอต้องการความชัดเจน ความชัดเจนที่จะไม่ให้ใครมาหยามเกียรติได้
“สัญญานั่นอยู่ไหน” นาราเอ่ยถามถึงเรื่องสำคัญ ด้วยพันธะทางหนี้ทำให้เธอต้องมีชีวิตเหมือนคนไม่มีทางเลือก เพราะแบบนั้นเธอจะคิดบัญชีกับทุกคน และใช่ พวกเขาต้องได้รับกรรมอย่างสาสม
กรรมใดใครก่อ กรรมนั่นย่อมคืนสนอง
“สัญญาอะไรครับ” สิงหราชเสียงอ่อนเสียงหวาน ยอมรับแล้วว่าตอนนี้เขากลัวเมีย ลำพังก็กลัวคนตัวเล็กโกรธจะตายอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงเคร่งขรึม ราชสีห์ตัวใหญ่ก็หัวหด เขาถือโอกาสนี้ซุกใบหน้าลงกับทรวงอกภรรยา
“สัญญาที่ดินไง” นาราอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ และใช่ ตอนนี้มันอยู่กับสิงหราช และมันกำลังตกมาถึงมือเธอ เธอจะใช้มันทำอะไรบางอย่างซะก่อน
แม้จะกลายเป็นแมวไปแล้ว ทว่านายหัวสิงก็ยังไม่ถอดเขี้ยวเล็บซะทีเดียว ถ้ามัวแต่กลัวจะได้คนตัวน้อยมาครอบครองเหรอ เพราะแบบนั้นต้องเล่นเกมสักหน่อย
“อยากได้มั้ย ถ้าอยากได้พี่โอนให้หมดเลย ตอนนี้ถือว่าหนี้ยังไม่ใช้สักบาท เราโกรธพวกนั้นใช่มั้ย” ครอบครัวของนาราเห็นแก่ตัวกันจริง ต่างคนก็ต่างใช้เงินฟุ้งเฟ้อ อวยรวยกันไปมากมาย อ้อ เขาลืมบอก ไกรพบโทรมาบอกเขาแล้วว่าจับคนร้ายได้ เชาวริตและพันกรอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เรื่องยาที่ไร่เขาก็ด้วย ตอนนี้พวกมันถูกจับกุมไปตามระเบียบ ซึ่งไม่รู้จะได้ออกจากคุกตอนไหนเพราะโทษหนักทีเดียว
พอมาถึงตรงนี้สิงหราชก็เงียบไปเมื่อนึกถึงน้องของตน เขาไม่คิดเลยว่าคิมหันต์จะเกลียดเขาขนาดวางแผนฆ่าพี่ชายตัวเองได้
ดวงตาหวานมองคนที่กำลังซุกอยู่กับหน้าอก มองเธอด้วยแววตาหวานซึ้ง เป็นครั้งแรกเลยที่เขาอ้อนเธอขนาดนี้ แต่คิดเหรอว่านาราจะหายโกรธ
“ไม่เอา แค่ยึดมันมาก็พอ พรุ่งนี้ฉันจะไปที่บ้านป้าธัญญาเพื่อคุยข้อตกลงทั้งหมด” เธอไม่ยกโทษให้อย่าหวังว่าจะยอม
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง