แสงสีไฟเผาไหม้ในตานายหัวสิงหราชผู้แข็งแรงไม่เคยกลัวสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขาวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาใครสักคนทั้งตะโกน เรียกหา ไม่กลัวว่าตนจะถูกเผาไหม้เลยสักนิด
ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง นาราหยุดขาที่กำลังวิ่งอยู่ไว้ ใช่ เธอเห็นว่าไฟไหม้อย่างน่ากลัว แผดเผาทุกสิ่งทำให้เธอและโจรหนุ่มที่มาด้วยวิ่งลงมายังลาดเขา ในตอนแรกยอมรับว่าเสียงปืนที่กำลังได้ยินทำให้อยากขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญจะมีสิงหราชอยู่ที่นั่นมั้ย เธออยากไปช่วย ทว่าถ้าทำแบบนั้นโจรหนุ่มจะต้องสงสัยเธออย่างแน่นอน และถ้าเขาโกรธขึ้นมามันอาจฆ่าเธอทิ้ง คราวนี้คงไม่มีโอกาสเจอกับสิงหราชของจริง
นาราจึงต้องจำใจเดินตามมันมา ก่อนจะหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง มันเป็นเสียงของสิงหราช เขามาช่วยเธอ
เพียงวินาทีนั้นความอุ่นซ่านจากที่ไหนไม่รู้แผ่เข้ามาที่หัวใจอย่างมากมายมหาศาล เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับแฟนเก่าซะอีก เขากลับมาหาเธอทั้งที่จะปล่อยให้ตายก็ได้
“นิ่งทำไมน้องนาค ไฟไหม้อยู่นะ” ใบหน้าของชนตรีแสดงความเครียดขรึม ยิ่งเห็นหญิงสาวทำหน้ากังวลเขายิ่งใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าได้ยินเสียงคนเรียกแล้วจะใจอ่อนกลับไปหาน่ะ ถ้าให้เดา มันต้องเป็นไอ้คนนั้นแน่ๆ ไอ้นายหัว เขาไม่ยอมหรอก
“มากับกู” มือหนาหยาบกร้านกระชากแขนเล็ก ม่านตาของนาราขยายตกใจกับอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงของอีกฝ่าย หญิงสาวขืนตัวไว้อีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกตน
“ปล่อย” บิดข้อมือออก
วินาทีนั้นเองที่ใบหน้าของชนตรีบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกโกรธและผิดแปลก เขาพึ่งรู้ตัวว่ากำลังโดนหลอก ผู้หญิงคนนี้มันหลอกเขา
“มากับกู!” แต่อย่าหวังว่าเขาจะยอม ชนตรีลากคนตัวเล็กให้เดินตามมา โดยที่นาราขืนตัวไว้ เธอกรีดร้องเมื่อเห็นไฟลุกลามขึ้นเรื่อยๆและเสียงของสิงหราชที่อยู่ท่ามกลางกองเพลิง
กลัว กลัวว่าเขาจะเป็นอะไร
“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน” เธอต้องไปหาเขาให้ได้ ถ้าสิงหราชอยู่ในนั้นล่ะ ถ้าเขาโดนไฟไหม้ล่ะ ทว่าพันธนาการที่รัดเธอตอนนี้แน่นเหลือเกิน มันจับมือเธอไว้ กระชากราวกับเป็นสิ่งของอันหนึ่ง วินาทีนั้นนาราไม่ยอมอีกแล้ว เธอถีบเข้าไปที่กลางลำตัวของโจรร้าย ก่อนจะแตะซ้ำอีกทีด้วยความเร็ว
“จะไปไหน!” มันลุกขึ้นมาใบหน้าไม่มีความเจ็บปวดเลยสักนิด มันกระชากผมนารา ลากเข้าไปหา ก่อนจะลากให้เดินตามไป
ความเจ็บกัดซึมหนังศีรษะ ทว่าร่างบางได้แต่กัดริมฝีปากไว้ และวินาทีนั้นเองที่เธอตัดสินใจเรียกคนคนหนึ่งเสียงดังลั่นป่า
“สิง ช่วยด้วย!”
ราวกับร่างกายถูกทิ่มแทงด้วยความหนาว สิงหราชชาวาบไปทั้งกาย ทว่าในนาทีต่อมาความโล่งอกก็เข้ามาแทนที่ ชายหนุ่มวิ่งไปหาเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะพบเข้ากับร่างบางที่ถูกชายคนหนึ่งทำร้าย
ไอ้เหี้ย! มึงกล้าทำเมียกู
ความโกรธเกรี้ยวราวกับจะฆ่าใครให้ตายพุ่งทะยานขึ้นสู่ขีดสุด ท่ามกลางเพลิงส่องสว่าง สิงหราชเดินเข้าไปชกหน้ามันคนนั้น โจรร้ายหงายหลังลงกับพื้น ก่อนร่างสูงใหญ่จะเข้าไปคร่อมทับ ชกกำปั้นเข้าใส่ใบหน้าของมันรัวไม่ยั้ง อีกที อีกทีและอีกที กระทั่งมันกระอักเลือดออกมาทางปาก นายหัวหนุ่มจะเอามันตายแน่ถ้าไม่ติดว่า
“นายหัว! ผมขอโทษครับ” มันยกมือขึ้นไหว้ สำลักเลือดออกมาอย่างน่าเวทนา ที่ต้องพูดเพราะเพราะต้องเอาตัวเองให้รอด ถ้าไม่สำนึกผิดมีหวังโดนชกตายสลบอยู่แถวๆนี้
“มึงหนีไปซะ” เสียงกดต่ำราวกับไม่ปรานี ดวงคมดุจเหยี่ยวแววโรจน์คล้ายกับดวงตาของมัจจุราชผู้พรากวิญญาณอย่างไม่มีข้อแม้ วินาทีนั้นชนตรีกลัวจนตัวสั่น เขารีบลุกขึ้นจากพื้น วิ่งไปราวกับหนีตายออกจากป่า
พึ่บ
ลำแขนแข็งแรงกระชากร่างบางเข้าหา กอดแนบแน่นราวกับเจอสิ่งมีค่าที่สุด นาราน้ำตาไหล ซบใบหน้าลงกลับอกแกร่ง เธอนึกว่าตนเองจะตายซะแล้ว
ตอนนี้ราวกับร่างกายกำลังแผดเผา เปลวร้อนจากเปลวเพลิงลามเลียผิวทั้งสองคน วินาทีนั้นเองที่นารารู้ว่าตัวเองควรมีสติ เธอผละออกจากอ้อมกอดแนบแน่น
“ไปกันเถอะค่ะ ไฟเริ่มมาแล้ว”
สิงหราชมองไปยังเปลวเพลิงลุกโชนขนาดใหญ่ที่กำลังลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง เขารีบคว้ามือหญิงสาววิ่งออกมา และราวกับเป็นเงาตามตัวเปลวเพลิงนั้นลามลงมาคล้ายกับคลื่นรอวันซัดฝั่ง
ได้ยินเสียงโหยหวนผสานแทรกกับการไหม้ดังไปทั่ว สิงหราชหวังเหลือเกินว่าเสียงเหล่านั้นจะไม่ใช่เสียงเพื่อนของตน ชายหนุ่มหลับตาลง นึกไปถึงใบหน้าเพื่อน ขอให้มึงปลอดภัยพบ
นายหัวหนุ่มพาหญิงสาววิ่งลงมา ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ากลุ่มไฟกำลังลุกลามไปทั่ววงกว้าง และมันกำลังอ้อมตัวเขาอยู่ เพราะแบบนั้นในตอนนี้สิงหราชจึงมองหาแหล่งน้ำ เพราะถ้าไฟลุกลามเป็นวงกลม นั่นคือวิธีรอดวิธีเดียวที่สามารถทำได้ดีที่สุด มาถึงตอนนี้ชายหนุ่มหายใจราวกับมันหยุดเต้นไป เขาหันไปมองคนข้างๆ เอ่ยสิ่งที่ไม่น่าจะเอ่ยในสถานการณ์นี้ออกมา แต่ก็ยังอยากกล่าวเพราะกลัวไม่มีโอกาส
“ฉันรักเธอนะ”
“...”
“รักมาตั้งนานแล้ว”
“...”
“รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
เป็นเรื่องบ้ามากที่เพียงเจอใครครั้งแรกกลับตกหลุมรักได้อย่างบ้าคลั่ง ในตอนนั้นเพียงเห็นนารา อกด้านซ้ายรู้สึกแปลกๆ และมันเริ่มจริงจังขึ้นทุกวัน มีบางเรื่องที่เขาเห็นแก่ตัวกับเธอ แต่คงบอกตอนนี้ไม่ได้ รอให้ออกไปให้ได้ก่อน ถึงตอนนั้นหญิงสาวจะโกรธก็ไม่เป็นไร
เขายอมทุกอย่าง
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง