Mag-log inเอ็ดเวิร์ดกลับเข้ามาในรถและเคลื่อนมันออกไป มุ่งหน้ากลับบ้านที่ตั้งอยู่บนถนนโอ๊คของนิวยอร์ก ถึงแม้ที่นั่นตอนนี้ไม่มีใครเลยแม้แต่เธอ อนาสตาเซียที่เขายอมรับว่าคิดถึงเธอ ซึ่งเขามั่นใจว่า...ไม่ต่างไปจากเธอที่คงกำลังเศร้าเสียใจกับการกระทำของตัวเองและคิดถึงเขาอยู่เช่นกัน
“แอนนี่ ย่าไม่ชอบเลยที่เห็นหลานไม่มีความสุขแบบนี้” หนูนาเอ่ยกับอนาสตาเซียพร้อมโอบกอดเธอไว้
“แอนนี่ต้องรอใช่มั้ยคะ รอให้เอ็ดเวิร์ดหายโกรธ แล้วเขาก็จะมาหา แอนนี่ที่นี่ใช่มั้ยคะ?”
“นั้นขึ้นอยู่ที่ว่าแอนนี่ต้องการแบบนั้นมั้ย” อนาสตาเซียน้ำตาไหลอีกครั้ง เมื่อสามวันผ่านไปเอ็ดเวิร์ดไม่มีวี่แววจะโทร.หาหรือมาหาเธอเลย โดยที่เธอหารู้มั้ยว่าคนที่เธอคิดถึงเขายืนมองเธออยู่ห่างออกไป เอ็ดเวิร์ดเดินทางมาถึงซอล์ท เลค ซิตี้เมื่อชั่วโมงก่อน และเขาก็คาดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องมานั่งอยู่ที่ริมทะเลสาป
“แอนนี่ จะมานั่งตรงนี้เป็นเวลาส่วนใหญ่ของทุกวันตั้งแต่ที่เธอมาที่นี่...” ปีเตอร์เอ่ยกับเอ็ดเวิร์ด ยามที่เดินมาใกล้ๆ
“คุณปู่ ผมก็ไม่อยากให้แอนนี่ต้องเสียน้ำตาหรือเสียใจแม้แต่นิดเดียว” ปีเตอร์เข้าใจความรู้สึกนั้นของเอ็ดเวิร์ดดี...
“ค่อยเดินทางกลับพรุ่งนี้แล้วกัน...ไปปรับความเข้าใจกับแอนนี่ซะ ปู่ไม่ชอบให้หลานสาวต้องทุกข์ใจแม้แต่วินาทีเดียว” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับ เพราะไม่ค่อยบ่อยนักที่คุณปู่พีทจะพูดยาวๆ ท่านก็ยังคงเป็นท่านที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ท่านจะอ่อนโยนกับอนาสตาเซียและคุณย่าหนูนาเสมอ
เอ็ดเวิร์ดตัดสินใจเดินเข้าไปหาอนาสตาเซียที่มีคุณย่าหนูนานั่งเคียงข้าง และเมื่อทั้งสองที่นั่งอยู่หันมาและอนาสตาเซียเห็นว่าเป็นใคร เธอก็ลุกขึ้นและโผเข้ากอดเอ็ดเวิร์ดโดยทันที
“ฮือออออ...เอ็ดเวิร์ด คนใจร้าย...” อนาสตาเซียร้องไห้โฮ พร้อมรัดวงแขนโอบรอบตัวเอ็ดเวิร์ดแนบแน่นอย่างกับว่าถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เอ็ดเวิร์ดอาจจะหายตัวไปได้ เอ็ดเวิร์ดซึ่งเข้าใจอนาสตาเซียเป็นอย่างดี เขาทำเพียงโอบกอดตอบเธออย่างอ่อนโยน แบบที่เขาทำมาโดยตลอด
“ไม่ร้องแล้วนะ...พี่มารับแล้ว” เอ็ดเวิร์ดปลอบประโลม เพราะภาพแบบนี้ของอนาสตาเซียไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก และเธอจะร้องไห้ก็เฉพาะกับคนในครอบครัวและมากสุดก็น่าจะเป็นเขาที่อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด ซึ่งเขาไม่อยากให้เกิดขึ้นกับสักเท่าไหร่ น้ำตา ไม่เหมาะกับนางฟ้ามาเฟีย
“แอนนี่ขอโทษ เอ็ดเวิร์ดยกโทษให้แอนนี่แล้วนะ...แอนนี่ไม่ชอบเลย...แอนนี่ไม่ชอบให้เอ็ดเวิร์ดโกรธแอนนี่ มันทำให้แอนนี่หายใจไม่ออก อะไรๆรอบๆตัวก็ดูไม่ดีจนแอนนี่ไม่อยากมอง ไม่อยากเห็นมันอีกเลย” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อยให้กับเธอ พร้อมเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลออกมาให้อย่างอ่อนโยน และภาพนั้นทำให้หนูนาและพีทหันมายิ้มให้กัน ด้วยความโล่งอก...
“นาย...คุณอนาสตาเซียกลับมานิวยอร์กแล้วครับ” ลูส พยักหน้ารับรู้ แต่เขาต้องวางเรื่องของอนาสตาเซียไว้ก่อน เพราะเขากำลังเดินทางไปพบกับรัฐมนตรีเทย์เลอร์ ที่นัดอย่างไม่เป็นทางการ คนอย่างลูส ลูเธอร์ ไม่เคยรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ แต่เขาไม่มีอ่อนข้อให้กับผู้ที่หวังประโยชน์จากเขา เชื่อเถอะ!เขาไม่เคยต้องเสียอะไร มันคือนิยามแห่งการลงทุนและทุกครั้งเขาก็ได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่า
“สวัสดีครับท่านเทย์เลอร์”
“คุณลูเธอร์ เชิญนั่ง” รัฐมนตรีเทย์เลอร์ ยืนขึ้นเป็นการให้เกียรติลูส ที่เขามาช้ากว่าที่นัดไว้ คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าก็ควรจะไม่ถือสา ลูส ยิ้มออกมาเพราะเขาตั้งใจมาสายกว่าเวลาที่นัดไว้ต่างหาก
“เชิญท่านบอกเรื่องที่ต้องการให้ผมรับใช้ได้เลยครับ” ลูสเข้าประเด็นเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ารัฐมนตรีเทย์เลอร์ต้องการอะไร และเขายินดีทำให้อย่างต้องมีค่าตอบแทนกลับเช่นกัน...
“เมื่อไหร่ดีครับนาย?” ครูก้า เอ่ยถามลูส หลังจากที่ทั้งสองกลับเข้ามาในรถแล้ว
“รอก่อน...ดูให้เป็นงานยากสักหน่อย” ลูสเอ่ยออกมาอย่างมีแผน รัฐมนตรีเทย์เลอร์ต้องการให้เขาตามหาคน คนที่เขาเจอแล้วและชายคนนั้นอยู่ในการควบคุมมาได้สักพัก บีม เลโน อดีตผู้ช่วยและการ์ดของเทย์เลอร์ ที่คนอย่างเทย์เลอร์ไม่มีทางให้เป็นมากกว่าคนทำงานให้ แต่เมื่อบีมกลับมีสัมพันธ์กับบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เทย์เลอร์ต้องการลูกเขยที่มีฐานะทางการเมืองมากกว่าแค่คนทำงานให้กับเขา เทย์เลอร์มีใบสั่งฆ่าบีม เมื่อไม่สำเร็จบีมหนีไปได้พร้อมหลักฐานการฉ้อฉลของเทย์เลอร์ แล้วคนที่ช่วยบีม เลโนไว้ก็คือ ลูส ลูเธอร์ ซึ่งในคืนนั้นก็เป็นคืนเดียวกันกับที่เขาได้เจอกับ อนาสตาเซีย ลูสเข้าไปช่วยบีมไว้ และล่อพวกมันให้ตามเขามาและเขาก็เก็บและจัดการคนที่เทย์เลอร์จ้างมาทั้งหมด ถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญแต่ช่างเป็นประโยชน์สำหรับเขาอย่างเหลือเชื่อ
“นายจะส่ง บีม ให้กับเทย์เลอร์จริงๆเหรอครับ” ครูก้า อดไม่ได้ที่ต้องถาม
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







