LOGIN“ก็คงใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้เทย์เลอร์มีอำนาจและบารมีมากเกินไป ไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องไปขัดแย้งกับเขา” ลูสมีหลักฐานนั้นทั้งหมด และบีมก็ยังต้องพักรักษาตัวอีกนานกว่าจะฟื้น ลูสใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทุกอย่างยื้อวิญญาณของบีมให้อยู่ในร่างเขาต่อไป ใช่! ตอนนี้บีมนอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก พร้อมคนซุ่มคุ้มกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างลับๆ
“ครับ...นายจะไปไหนต่อครับ”
“ไปหาอนาสตาเซีย แต่ฉันจะไปเองตามลำพัง”
“แต่!…ตามที่ได้รับรายงานมา คุณอนาสตาเซียอยู่ภายใต้การควบคุมโดยเอ็ดเวิร์ดเองนะครับ”
“ไม่เป็นไร อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องบุกถ้ำเสือ” ครูก้ารับคำ และเข้าช่องทางเพื่อจอด เขาและลูสลงจากรถ ลูสเข้าประจำตำแหน่งหลังพวงมาลัยทันที ครูก้าโค้งให้ลูสเล็กน้อยและเขาก็เดินไปจากตรงนั้น
ลูสเคลื่อนรถมุ่งสู่ถนนโอ๊ค ที่ตั้งของบ้านที่อนาสตาเซียอยู่ตอนนี้ การเผชิญหน้ากับเอ็ดเวิร์ด ดูเป็นเรื่องที่ลูสไม่ควรเสี่ยง แต่เขาต้องแสดงให้อนาสตาเซียเห็นว่าเขารู้สึกอย่างไร ไหนๆเรื่องของเขาก็ล่วงรู้ถึงอดัม เบนเน็ตแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลเพราะอนาสตาเซียไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะล้อเล่นกับความรู้สึกได้
“นาย ลูส ลูเธอร์ กำลังเข้ามาในพื้นที่ของเรา” เอ็ดเวิร์ดที่กำลังจะออกมาจากบ้านเพียงลำพังได้รับแจ้งจากคนของเขา เมื่ออนาสตาเซียขอขึ้นไปพักบนห้องเธอ
“ปล่อยให้เข้ามา” เอ็ดเวิร์ด ล้มความตั้งใจที่จะทำในตอนแรก เมื่อศัตรูกล้ามาเผชิญหน้า คนอย่างเขาก็ควรให้การต้อนรับอย่างทรงเกียรติ ลูสจอดรถหน้าบ้านสองชั้นในหมู่บ้านบนถนนนี้ ครอบครัวนี้แตกต่างจากผู้ทรงอิทธิพลแบบที่เขาเคยเจอมา เพราะพวกเขามีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ไม่โฉงฉางแต่ลูสรู้ดีว่าการมาเยือนของเขาครั้งนี้ คนในบ้านต้องได้รับแจ้งแล้วจากที่ไหนสักแห่งแน่นอน
เอ็ดเวิร์ด มองลูสจากทางหน้าต่าง ลูสถอดเสื้อนอกออกสวมเพียงเชิ้ตสีขาวแขนยาว เขาเดินมายังประตูทางเข้าบ้าน เอ็ดเวิร์ดสำรวจลูสจากการแต่งตัวที่ชายเสื้ออยู่ในกางเกงสีเทาเข้มทำให้เอ็ดเวิร์ดเห็นว่าลูสไม่ได้พกพาอาวุธมา
ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูตามมารยาทเพียงสองครั้ง ประตูก็เปิดจากคนด้านใน เอ็ดเวิร์ดยืนเผชิญหน้ากับลูส สายตาจับจ้องมองกันอย่างไม่มีใครหลบใคร เพราะถึงแม้ทั้งสองจะไม่เคยเผชิญหน้ากันตรงๆ แต่ต่างฝ่ายก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“มาทำไม?” เอ็ดเวิร์ดเป็นฝ่ายเปิดฉากถาม
“ฉันมาหาอนาสตาเซีย” เอ็ดเวิร์ดขบกรามแน่น กักเก็บความไม่พอใจไว้ ทั้งๆที่คำตอบของลูสไม่เกินที่คาดไว้ แต่เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“ไม่ได้!...เธอจะไม่พบกับแกอีก” ลูสเลิกคิ้วอย่างท้าทาย แสดงความแปลกใจให้เอ็ดเวิร์ดได้เห็น
“ฉันต้องการได้ยินจากปากของเธอเอง” ลูสที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเขาเก็บมือไว้ในกระเป๋ากางเกง อย่างไม่มีท่าทางเกรงกลัวแม้สักนิด
“งั้นเชิญ ถ้าต้องการแบบนั้น” เอ็ดเวิร์ด หลีกทางให้ลูส และนั้นทำให้ลูสเป็นฝ่ายประหลาดใจขึ้นมาจริงๆบ้าง แต่ลูสเก็บความรู้สึกนั้นไว้ และเดินเข้าไปข้างในตามคำเชิญนั้น เพราะลูสค่อนข้างมั่นใจว่าช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านมาระหว่างเขากับอนาสตาเซีย ทำให้เธอหวั่นไหวในตัวเขาแน่นอนไม่มากก็น้อย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นการสร้างโอกาสให้กับได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ลูสเดินมายังฝั่งโซนนั่งเล่นที่มีการจัดไว้อย่างน่ารัก ดั่งกับว่าบ้านนี้ไม่มีที่ต้อนรับแขก เพราะภายในถูกจัดไว้ในแบบอบอุ่นที่มีไว้สำหรับคนในครอบครัวนั่งเล่นนั่งคุยกันอย่างสบายๆเสียมากกว่า
“ฉันจะรอตรงนี้” เอ็ดเวิร์ดเลิกคิ้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปยกโทรศัพท์ที่ไม่ไกลจากตรงนั้น และกดหมายเลขสามตัวเท่าที่ลูสสังเกตุมองอยู่
“แอนนี่ ติดอะไรอยู่มั้ย?....ดี! ลงมาข้างล่าง ลูส ลูเธอร์ รออยู่” ลูสหลี่ตามอง จับจ้องไปที่บันได เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของเอ็ดเวิร์ดไม่นาน เธอกำลังเดินลงมา ใบหน้าเธอเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้เธอพยายามจะปรับเปลี่ยนสายตาให้ขึงขังก็ตามที
“อนาสตาเซีย” ลูสพึมพำออกมาเบาๆ เมื่ออนาสตาเซียเดินลงมาถึงข้างล่างและยืนประจันหน้ากับลูสที่มีระยะห่างกันสามสี่เมตร และถัดไปจากลูสก็เป็นเอ็ดเวิร์ด ที่กอดอกมองอนาสตาเซีย
“แอนนี่ ต้องการเวลาส่วนตัวมั้ย?” เอ็ดเวิร์ดเป็นฝ่ายเอ่ยออกมา
“มะ...ไม่ต้อง” คำตอบของอนาสตาเซีย ทำให้ลูสต้องขมวดคิ้ว “คุณลูเธอร์ มีธุระอะไรกับฉันคะ?” อนาสตาเซียหันไปถามลูส อย่างเป็นทางการ
“ธุระ?...แน่นอนผมไม่มีอะไรที่เป็นทางการกับคุณทั้งนั้น ผมแค่คิดว่าคุณคงอยากเห็นว่าผมยังมีชีวิตอยู่” อนาสตาเซียคิ้วขมวดทันที เมื่อลูสยังเป็นลูส ลูเธอร์ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเกรงหรือกลัวเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเลยสักนิด
“ขอบคุณ...และจะขอบคุณมากถ้าคุณจะยังมีชีวิตต่อไป โดยที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับฉัน”
“อนาสตาเซีย คำพูดของคุณมันสวนทางกับความต้องการที่แท้จริงของคุณนะ”
“อย่า!...มาใช้คำพูดแบบนี้กับฉัน เราไม่ได้รู้จักกันดีขนาดที่คุณจะมาวิเคราะห์อะไรฉันได้”
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร


![สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




