LOGINปลาดาวมองห้องที่เขาคนนั้นให้เธอเดินมาใช้บริการ ห้องนอนและคาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนเขาเอง ปลาดาวเปิดตู้เสื้อผ้ามีเสื้อยืดแขวนไว้หลายตัว ปลาดาวหยิบเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีน้ำเงินออกมาและเธอเอามาทาบตัว มันใหญ่พอที่จะเป็นชุดกระโปรงให้กับเธอ เธอหยิบเสื้อตัวนั้นติดมือไปด้วยตอนที่เดินเข้าห้องน้ำ เมื่อเธอค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก พร้อมกับชั้นในที่ทำให้ปลาดาวเศร้าใจ เพราะมันมีเพียงชุดเดียวที่เธอใส่ติดตัวมาและแน่นอนเธอทำความสะอาดมันโดยการที่เธอต้องอาศัยห้องน้ำตามร้านอาหารและอยู่ในนั้นจนกว่าชั้นในเธอจะแห้งจากการทำความสะอาด ปลาดาวหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมพร้อมกับรวบเสื้อผ้ามอมแมมของเธอมากองรวมเข้าด้วยกันไว้ในมือ และเดินออกจากห้องนอน ด้านนอกว่างเปล่าเขาคงออกไปแล้วจริงๆ ปลาดาวจึงเดินมองหาบางอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันจะมีมั้ย
รอยยิ้มปรากฎออกมา เมื่อเธอเห็นสิ่งที่มองหา มันอยู่หลังบานประตูอีกบาน และเธอไม่รอช้าเอาทุกอย่างที่เธอรวบรวมมาใส่ไปในเครื่องซักผ้าขนาดเล็กและจัดการทุกอย่างตามขั้นตอน เพราะนี้จะเป็นการซักเสื้อผ้าครั้งแรกในรอบสัปดาห์เลย เธอปล่อยให้เทคโนโลยีทำหน้าที่ของมันและเดินกลับเข้าห้องนอนนั้นอีกครั้ง เธอมองหาแปรงสีฟันใหม่และมันมีอยู่หลังตู้เล็กๆนั้น เมื่อทุกอย่างพร้อมปลาดาวไม่รอช้าที่จะสัมผัสน้ำอุ่นๆ สบู่หอมๆ
เอ็ดเวิร์ดที่ไม่อยากเชื่อว่าเขากำลังยืนมองเสื้อผ้าสตรีเฉพาะส่วนอยู่ แต่เขาต้องซื้อมันไปจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ นี้ เอ็ดเวิร์ดหยิบอย่างรวดเร็วลงตะกร้าจากราวแขวนที่บอกไซด์กำกับไว้ แน่นอนเขาต้องเลือกหยิบจากราวที่บอกขนาดเล็กที่สุด เมื่อเขาจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วทุกอย่างลงถุง สองถุงที่เป็นอาหารสำเร็จหนึ่งถุงกับเสื้อผ้าสำหรับสตรีอีกหนึ่งถุง ตัดสินใจช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้มันสุดๆ ขาแข็งแรงเร่งฝีเท้ากลับขึ้นไปยังชั้นสิบห้าทันที ประตูทางเข้าห้อง กับปะตูห้องนอนที่อยู่กันคนละฟากห้องถูกผลักพร้อมกัน
เอ็ดเวิร์ดมองหญิงสาวที่เขาแทบจะไม่รู้จักเธอเลย ออกมาจากห้องนอนในชุดเสื้อแขนยาวสีเข้ม ผมยาวประบ่าของเธอยังเปียกอยู่มันลีบลู่ไปตามแนวศีรษะ ใบหน้าขาวเนียนสะอาดไร้การแต่งแต้ม ปากนิดจมูกหน่อย ‘สวย’ ผู้หญิงคนนี้สวยงามอย่างธรรมชาติสรรสร้างมาให้เธอ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกนั้นถึงอยากได้เธอกลับไปให้จงได้ ถ้าเป็นแมงดาจริง หญิงสาวตรงหน้าจะทำเงินให้พวกมันไม่น้อยเลยกว่าที่เธอจะสิ้นลมจากไป
“เธอก็น่ารัก หน้าตาดีไม่น้อยเลย...พอได้ล้างเนื้อล้างตัวแล้ว...”
“…..” ปลาดาวเอาแต่หลบหน้าหลบตาไม่กล้าสบตา ดวงตาสีเทาที่ยามต้องแสงเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว จู่ๆถูกชมต่อหน้าเธอย่อมต้องอาย
“ชื่ออะไร?...”
“ปะ...ปลาดาว” ปลาดาวประหม่าเมื่อเห็นสายตาของเขาคนนั้นมองมาที่เธอ เขาดูดีมาก เธอยังคงยืนยันความจริงนั้น ปลาดาวเขย่าตัวเองในใจเรียกสติของตัวเองกลับมา “ขะ...ขอบคุณนะคะ...คุณชื่ออะไรเหรอคะ” ปลาดาวเอ่ยถามชื่อเขาด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนเสียงกระซิบ
“เอ็ดเวิร์ด นั่นชื่อของฉัน” เอ็ดเวิร์ดตอบคำถามเธอ และได้รับรอยยิ้มเป็นรางวัลซินะ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาได้รับจากเธอหลังจากที่เขาตอบคำถามเธอ “หิวมั้ย?...มาเอาไปซิ เธอจัดการได้เต็มที่เลย”
ปลาดาวเดินเข้าไปใกล้เอ็ดเวิร์ดรับถุงที่ใส่อาหารที่เอ็ดเวิร์ดยื่นให้
“เอานี้ไปด้วย” เอ็ดเวิร์ดยื่นอีกถุงให้กับเธอ ปลาดาวรับมาเช่นกัน เมื่อเธอก้มมองในถุงที่สองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น เธอวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะใกล้ๆ และเธอก็เดินกลับเข้าห้องนอนพร้อมถุงนั้นไปด้วย
เอ็ดเวิร์ดมองตาม เผยรอยยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย และเขาก็เดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นเปิดขวดออกและยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดขวด เขากระหายน้ำที่จะเกิดขึ้นเป็นปกติของคนที่พึ่งดื่มมาอย่างเขา
“ขอบคุณนะคะ...” ปลาดาวกล่าวขอบคุณเอ็ดเวิร์ดหลังจากเดินออกมาจากห้องนอนอีกครั้งด้วยความสบายใจมากขึ้น เมื่อเธอได้สวมชั้นในที่คนตรงหน้ากรุณาซื้อมาให้เธอ
“เอาล่ะพอแล้ว คืนนี้ฉันได้มันเยอะแล้ว...คำขอบคุณของเธอ...คืนนี้เธอพักที่นี่ตามสบายเลย...ฉันจะกลับแล้ว” ปลาดาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและกำลังจะอ้าปากกล่าว... ‘ขอบคุณ’แต่เธอก็ต้องหยุดเปล่งเสียงและคำพูดเอาไว้เมื่อเขายกมือเป็นการห้ามเธอเสียก่อน
“ฉันจะได้เจอคุณอีกเมื่อไหร่?” ปลาดาวยิงคำถามที่ทำให้ขาที่กำลังจะก้าวย่างออกไปต้องหยุด
“เธออยากเจอฉันอีกเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดหันไปถามด้วยดวงตาที่หลี่มองปลาดาวอีกครั้ง และนั้นทำให้ปลาดาวหน้าแดง ก้มหน้าลงมองพื้นทันที
“ก็คุณช่วยฉันไว้” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ยังไม่รู้...ฉันไม่ค่อยว่าง ถ้ามาเธอก็จะเห็นเอง...ฉันวางเงินให้เธอไว้บนโต๊ะ เธอสามารถออกไปหาซื้ออะไรกินที่ร้านใกล้ๆ...ช่วงนี้เธอก็คิดและตัดสินใจเองแล้วกันว่าจะเอายังไงกับตัวเอง...เมื่อฉันกลับมาที่นี่อีกครั้ง และเธอยังอยู่ ตอนนั้นเธอต้องมีคำตอบให้กับฉันได้ทุกคำถาม แต่ถ้าเธอไม่ต้องการตอบคำถามอะไรฉัน อยากจะไปตอนไหนก็ได้ แล้วแต่ต้องการ” ปลาดาวเงียบและมองบานประตูที่ปิดลง เมื่อเขาที่ชื่อเอ็ดเวิร์ดออกไป ‘แฟร์’ เขาเป็นแบบนั้น ไม่มีการบังคับ วุ่นวาย เขาเป็นใครกัน?
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







