เข้าสู่ระบบ“พ่อ!!!...” อนาสตาเซียวิ่งเข้าไปหาอดัมทันที พร้อมโอบกอดและหอมแก้มซ้ายขวาท่าทางประจบนั้นน่ารักยิ่งนัก
“วันนี้นางฟ้าของพ่อดูดีใจเป็นพิเศษกับการเจอพ่อครั้งนี้” อดัมแซวบุตรสาวและนั่งลงข้างๆน้ำฟ้า และยื่นหน้าไปหอมแก้มภรรยาสุดที่รัก
“พ่อคิดมากไปเหรอเปล่า...แอนนี่ไม่เจอพ่อเกือบเดือนแล้วนะคะ...ก็ต้องคิดถึงมากสิค่ะ...”
“คิดถึงก็คิดถึง...คงมากเสียจนต้องหนีกลับมา...ทางโน้นวุ่นวาย น่าดูเลยนะ...” อนาสตาเซียยิ้มเหวอๆ เพราะเธอหนีกลับมาจริงๆ กลับไปงานยากคงรอเธออยู่แน่นอน...ป่านนี้เอ็ดเวิร์ดจะโกรธเธอมากขนาดไหนนะ
“มีอะไรจะบอกพ่อ ก็บอกมา...ลงทุนมาขอร้องแม่ให้เรียกพ่อกลับมาขนาดนี้...”
“เอ่อ!...ลูเธอร์ คนที่อยู่กับพ่อตอนนี้ ลูกขอตัวเขากลับนิวยอร์กพร้อมกันเลยนะคะ...” อดัมเลิกคิ้วมองบุตรสาว และชำเลืองตาไปมองภรรยาสุดที่รักอย่างเข้าใจ...
“แล้วสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่กับพ่อตอนนี้ แอนนี่รู้เหตุผลมั้ย?”
“พ่อค่ะ!...ลูส ลูเธอร์ เราพึ่งจะรู้จักกันยังไม่ถึงสองสัปดาห์เลยค่ะ...ลูกแค่ไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อนเพราะลูกเป็นสาเหตุ”
“เมื่อก่อนพ่อไม่เคยเห็นแอนนี่สนใจใครก็ตามที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับลูก...ปล่อยให้น้องๆเขาจัดการ ลูกก็ไม่เคยร้อนใจเพียงนี้...”
“มันไม่เหมือนกันนะคะ...ก่อนหน้านั้นก็เป็นเพียงเพื่อนสถาบันเดียวกัน...น้องๆเขาก็แค่แกล้งแหย่เล่นที่มากกว่าที่คนอื่นเขาทำกันก็เท่านั้น...แต่ ลูเธอร์คนนี้ เขาไม่ใช่คนปกติเหมือนพวกนั้น...และอีกอย่าง เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ...”
“แต่เท่าที่พ่อรู้!...เขามาป้วนเปี้ยนใกล้นางฟ้าของพ่อมากเกินไปมั้ง...หรือว่าไม่ใช่”
“พ่อ!...ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะคะ...ลูกไม่ได้คิดอะไรกับเขา...เขาก็แค่อยากจะตอบแทนบุญคุณลูกที่เคยช่วยเขาไว้ก็เท่านั่นเอง”
“เขาบอกอย่างนั้นเหรอ?” อนาสตาเซียพยักหน้ารับ อดัมต้องยิ้มกับความไร้เดียงสาของบุตรสาว แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้ เพราะนางฟ้าตนนี้ถูกล้อมกรอบด้วยเหล่าบรรดาน้องชายของเธอ อนาสตาเซียเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของคุณปู่พีทกับคุณย่าหนูนา ที่ทุกคนต่างก็หวงแหน
อนาสตาเซียย้อนคิดไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน วันที่ได้เจอกับลูส ลูเธอร์ เป็นครั้งแรก...ในวันหนึ่งซึ่งเป็นอีกวันในการซ้อมละครเวทีของ บร์อดเวย์ เหมือนทุกๆวัน และเช่นเคยเอ็ดเวิร์ดจะมารับเธอทุกครั้งหลังจากการซ้อมเสร็จ แต่วันนี้เป็นการซ้อมใหญ่ครั้งแรกทุกอย่างเป็นไปตามที่ซ้อมไว้จึงเสร็จก่อนเวลาเกือบชั่วโมง และเธอก็ไม่ได้แจ้งเอ็ดเวิร์ดล่วงหน้า... อนาสตาเซียจึงโทร.หาเอ็ดเวิร์ดหลังจากที่เธอเดินออกมาจากโรงละครและแยกกับเพื่อนๆร่วมการแสดงแล้ว....
“ทำไมไม่รับสาย...” อนาสตาเซียเปรยกับตัวเอง เมื่อโทร.หา เอ็ดเวิร์ดแต่เขาไม่ได้รับสายเธอจนสายตัดไป เธอจึงตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆ ถึงจะเป็นยามค่ำคืนแต่นิวยอร์กก็ยังสว่างไสวสวยงามเสมอ ของเมืองศิวิไล
ตุบ ตับ อัก! อ๊าก ผลั๊วะ ...อนาสตาเซียที่กำลังเดินผ่านซอกตึก เธอได้ยินเสียงเหมือนกลุ่มคนกำลังทะเลาะวิวาท เธอหยุดฝีเท้าที่จะเดินผ่านซอกตึกนั้น อนาสตาเซียเปลี่ยนทิศทางด้วยความอยากรู้ แต่ด้วยเธอเป็นนางฟ้ามาเฟีย เธอไม่ได้เติบโตมาแบบคุณหนูที่หยิบจับอะไรไม่เป็นอนาสตาเซียย่างเท้าเบาหวิวและค่อยๆเคลื่อนเข้าซอกตึกนั้นอย่างคนที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี
‘เจ็ดรุมหนึ่ง’ ภาพที่เธอเห็น ชายหกคนกับหญิงสาวที่ดูเป็นมวยอีกสองคน แต่ชายหนึ่งในหก ถูกกลุ่มหญิงชายที่เหมือนเป็นพวกเดียวกันรุมเข้าทำร้าย แต่ก็ไม่ง่ายเพราะผู้ชายที่มีตัวเองเป็นพวกเพียงคนเดียวฝีมือไม่ธรรมดา แต่ถ้าเวลานานไป ‘เจ็ดรุมหนึ่ง’ เจ็ดก็ต้องชนะแน่นอน เพราะเจ็ดคนนั้นถึงจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ด้วยกำลังที่มากกว่ากับเวลาการต่อสู้ที่ยืดยาวออกไป ก็จะทำให้ชายเพียงหนึ่งเดียวพ่ายแพ้แน่นอน การวิเคราะห์สถานการณ์และเหตุการณ์ เป็นอีกหนึ่งในหลายๆวิชาที่เธอเรียนมาจากครอบครัวของเธอ ช่วงเวลาที่อนาสตาเซียกำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี... ทันใดนั่นเอง !!!!
Grrrrr Grrrr อนาสตาเซียสะดุ้งตกใจ เมื่อโทรศัพท์ของเธอเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมา ทำให้คนทั้งแปดหันมาตำแหน่งที่เธอซ่อนตัวอยู่
“เอ็ดเวิร์ด...แอนนี่ต้องเสียเหงื่ออีกแล้ว” อนาสตาเซียที่ยืนขึ้นแสดงตนเอง เปรยออกมาและเธอก็รูดซิปกระเป๋าสะพายและดึงไปไว้ข้างหลัง...เรียกความสนใจของ ลูส ลูเธอร์ ได้มาก เพราะหญิงสาวตรงหน้าร่างเพรียวบางหน้าตาหวานใสๆ ถ้ามองจากหน้าตาเธอแล้วอายุไม่น่าจะถึงยี่สิบ แต่แววตาของเธอนั้นสิ!!! แน่วแน่ มั่นใจ ดื้อรั้น... ‘ถูกใจ’ ตั้งแต่ได้เห็นเลยเหรอ ลูสยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







