LOGINเมื่อกลุ่มคนทั้งเจ็ดเห็นว่าเป็นผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงสองคนที่เป็นพวกเดียวกันก็เดินมาทางอนาสตาเซีย มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าส้นเตี้ย หนึ่งในสองพยักหน้าให้อีกคนเข้าไปจัดการอนาสตาเซีย เพราะคงประเมินแล้วว่าอนาสตาเซียคงอ่อนหัด...น่าจะเป็นแค่ยายโง่ที่ผ่านทางมาสินะ
“ควับ!!!!...” อนาสตาเซียแหงนหน้าไปด้านหลังหลบหมัดแรกของหญิงสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พึบ! พับ! ควับบบบ!!!
“อ๊าก!!!...” เสียงแรกและเสียงสุดท้ายของหญิงสาวคนดังกล่าว ดังออกมาเพียงไม่ถึงนาทีร่างนั้นก็ล้มลงต่อหน้าอนาสตาเซีย ดวงตาของทุกคนเปลี่ยนไปเป็นเบิกกว้างขึ้น เมื่อศิลปะการต่อสู้แบบจีน ‘หวิงชุน’ กังฟู อนาสตาเซียใช้งานได้อย่างทรงประสิทธิภาพ ไร้ที่ข้อกังขา
“ย้ากกก.....” หญิงสาวอีกคนที่หลุดจากอาการตกตะลึง เธอไม่ประมาทคู่ต่อสู้แล้ว เธอรุกหน้ากระหน่ำบุกใส่อนาสตาเซียที่ตั้งรับได้อย่างทันท่วงที การต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ดำเนินต่อไป
“ควับบบบ....” ลูส ลูเธอร์ที่ยังต้องรับกับห้ารุมหนึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ และเมื่อฝ่ายเยอะกว่าเห็นว่าหนึ่งต่อหนึ่งฝ่ายตนกำลังเสียเปรียบจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นสามรุมหนึ่ง ไล่ต้อนอนาสตาเซียและลูส มายืนหลังชนกัน ทำให้อนาสตาเซียดูจะตัวเล็กมากไปเลยเมื่อลูสยืนระวังหลังให้เธอ เสียงลมหายใจของทั้งสองดังถี่เร็วขึ้น เมื่อต้องออกแรงกันมาสักพัก
“คุณไหวมั้ย?” ลูสเอ่ยถามหญิงสาว ที่ถึงแม้เขาจะเห็นว่าเธอก็พอตัว แต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“มันมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ...” อนาสตาเซียตอบกลับ ด้วยสองมือตั้งการ์ดเตรียมออกแรงต่อ ที่ตอนนี้เหลือเพียงห้าคนที่ล้อมพวกเธอไว้ ทั้งห้าเดินเป็นวงกลม ลมหายใจถี่เร็วแรงไม่ต่างกัน เมื่ออีกหนึ่งคนอาการสาหัสจากฝีมือลูสก่อนหน้านี้จนลุกไม่ไหว แต่.... ปึก!!!!
“อ๊ากกกกก...ฟุบ!...” หนึ่งในห้าที่โชคร้ายล้มลง เมื่อเสียงปืนที่ยิงมาโดยมีที่เก็บเสียงเจาะทะลุจุดตายตรงหัวใจ
“นาย…” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยกับลูส พร้อมกับพวกที่ตามมาอีกนับสิบเข้ารุมจัดการอีกสี่คนที่เหลืออย่างรวดเร็ว กว่าสิบนาทีที่เวลาผ่านไปเจ็ดคนที่มุ่งทำร้ายลูส ถูกจัดการส่วนใหญ่ถูกมัดรวมกันและลากตัวขึ้นรถตู้สีดำที่เข้ามาจอดไปอย่างรวดเร็วหนึ่งศพที่ไม่มีลมหายใจก็ถูกหามขึ้นรถไปเช่นกัน และทุกคนสลายตัวไปเหลือเพียงลูสกับคนที่ลั่นไกดับลมหายใจผู้มุ่งร้าย
“ผม ลูส ลูเธอร์...” ลูส ยื่นมือออกไปหาอนาสตาเซียพร้อมแนะนำตัวเองด้วยสายตาสื่อความหมายบางอย่าง
“หมดเรื่องแล้ว ฉันไปก่อนนะ...” อนาสตาเซียเอ่ยแค่นั้น และหันหลังให้กับลูส ที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจในท่าทีของหญิงสาวร่างบาง เธอดูไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสักนิด ทั้งๆที่หน้าตาของเธอบ่งบอกอายุแค่ยี่สิบต้นๆ แต่เหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่ทำให้เธอหวั่นไหวสักนิด เธอคงไม่ใช่แค่หญิงสาวทั่วๆไป เพราะศิลปะการต่อสู้ของเธอ ‘ศิษย์มีครู’
“เดี๋ยวสิครับ...ผมยังไม่ได้ขอบคุณ คุณ....เอ่อ...”
“ไม่ต้อง...ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...และอีกอย่างฉันไม่ได้เป็นคนช่วยให้คุณรอดจากพวกนั้นสักหน่อย”
“คุณจะไม่บอกชื่อคุณให้ผมได้รู้สักหน่อยเหรอครับ”
“ไม่สำคัญ!...เราคงไม่เจอกันอีก”
“แล้วถ้าผมอยากเจอคุณอีกละ...”
“แล้วถ้าฉัน ‘ไม่’ อยากเจอคุณอีกละ...”
“… ‘แปลก’ ไม่มีผู้หญิงปกติที่ไหนจะปฎิเสธผม”
“คุณ!…” อนาสตาเซียเสียงดังเล็กน้อยและเปิดดวงตากว้างขึ้น ฟันขบกัดปากล่างตัวเองไว้ “...หลงตัวเอง...” อนาสตาเซียพูดเสียงต่ำๆ และเดินจากไปไม่ลังเลหรือหันกลับมามองลูส ลูเธอร์ ที่ยิ้มมองตามร่างบางจนลับตา
“เรียบร้อยมั้ย?” ลูส เอ่ยถาม ครูก้าคนสนิท ที่เขาดึงความสนใจของเธอเพียงเพื่อให้ครูก้าแอบถ่ายภาพของเธอ และเมื่อมีรูปถ่ายแล้วเวลาไม่กี่นาทีเขาก็จะรู้ทันทีว่าเธอคือใคร?
“ได้แล้วครับนาย...” ครูก้าส่งโทรศัพท์ของตนให้ลูส ที่กำลังเดินออกจากตรอกนั้นเช่นกัน
“อนาสตาเซีย เบนเน็ต?...หรือว่าเธอคือ...”
“แก้วตาของอดัม เบนเน็ต หัวหน้ามาเฟียใหญ่แห่งฟิลาเดลเฟีย” ครูก้าต่อประโยคให้เจ้านายที่ตนรับใช้อยู่
“สมแล้ว...” ลูส เอ่ยสำทับ
เอ็ดเวิร์ด มาเยส เซนนิคอฟ
อนาสตาเซียเดินออกห่างจากสถานที่เกิดเหตุ มือเรียวเล็กรีบเปิดกระเป๋าและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาทันที เธอส่องใบหน้าของตัวเองและก้มมองตัวเองว่าเรียบร้อยดีมั้ย ดีนะ!ที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน เพราะถ้าเอ็ดเวิร์ดรู้เข้าว่าเธอเอาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอคงโดนคุมระดับแปดเป็นแน่ ที่ไปไหนมาไหนต้องมีการ์ดคุมตลอดทุกฝีก้าวใกล้ชิดแบบก้าวต่อก้าวแน่นอน “อิสระ เสรี...แอนนี่รักพวกเจ้าเหลือเกินอย่าได้หนีไปไหนเชียวนะ!!!” อนาสตาเซียบ่นพึมพำกับตัวเอง และกดโทร.ออกหาเอ็ดเวิร์ดทันที เมื่อสำรวจตัวเองไม่มีอะไรผิดปกติ
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร

![สิงขร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





