LOGIN“เรื่องนั้นพ่อบอกไม่ได้ แต่ลูส ลูเธอร์ มีศัตรูมากเกินไป” น้ำฟ้านั่งเงียบๆ มองพ่อลูกที่คุยกัน อดัมกับอนาสตาเซีย ไม่ใช่เหมือนกันเพียงแค่ความเป็นพ่อลูก แต่สองคนนี้เหมือนกันในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะการไม่ยอมคน ถึงแม้เธอจะต้องคอยเตือนอนาสตาเซียว่าอย่าตั้งคำถามกับอดัม เบนเน็ตคนนี้ คนที่เป็นอะไรหลายๆ อย่าง แต่น้ำฟ้ามักจะบอกสามีเธอมาโดยตลอดว่า อนาสตาเซียดื้อเงียบเหมือนพ่อของเธอไม่ผิดเพี้ยน
“พ่อไม่เคยสอนให้แอนนี่ต้องหนี...” อดัมหลี่ตามองลูกสาว
“ลูกสาวพ่อโตแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มองผู้ชายที่อยู่ใกล้ตัวลูก” คำพูด ของอดัมทำให้น้ำฟ้าต้องลุกขึ้นมา
“แอนนี่ออกไปก่อน” น้ำฟ้าเอ่ยกับอนาสตาเซีย ดักคำพูดที่เป็นคำถามของบุตรสาว ที่กำลังจะตั้งคำถามกับอดัมอย่างไม่เข้าใจ แต่เธอเงียบและเดินออกจากห้องไปตามคำสั่งของแม่
“…ขอโทษ” อดัมหันไปเอ่ยกับน้ำฟ้าอย่างเข้าใจ เพราะเขาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องหัวใจของอนาสตาเซีย เพราะนั่นคือชีวิตของอนาสตาเซีย เธอต้องมีสิทธิ์ได้เลือกและตัดสินใจตามความต้องการของเธอเอง “แต่แอนนี่ก็ต้องไปอยู่กับพ่อและแม่สักพัก” น้ำฟ้าพยักหน้าเข้าใจ
“เดี๋ยวนาวาจะคุยเรื่องนี้กับลูกเอง” อดัมพยักหน้า
ทางด้านลูส ที่ก้าวขึ้นรถที่ครูก้าขับมารับเขาที่สนามบิน
“…ขอโทษด้วยครับ” ครูก้าเอ่ยกับลูส เมื่อเขาก้าวขึ้นรถ
“ไม่เป็นไร...ตอนนี้อนาสตาเซีย อยู่ที่ไหน”
“เธอเดินทางไปฟิลาเดลเฟียเมื่อวานนี้ครับ” ลูสพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจโดยทันที ถึงสาเหตุที่เขาได้กลับออกมาอย่างปลอดภัย
“ตอนนี้ เมแกน อยู่ไหน?”
“คุณหนูกลับไปไมอามี่แล้วครับ” ลูส พยักหน้ารับรู้
“เธอไม่รู้เรื่องที่ฉันถูกจับไปใช่มั้ย?” ครูก้ารับคำ เพราะเมแกนหลานสาวของลูส เธอสำคัญกับลูสมากพอๆ กับชีวิตของตัวเขาเองเช่นกัน
“รัฐมนตรีเทเลอร์ ต้องการเจอนายครับ”
“นัดได้เลย” ลูส ตอบกลับครูก้า พร้อมรอยยิ้มมุมปาก เพราะเหยื่อที่เขาวางไว้ถูกงับแล้ว และระหว่างการเดินทางกลับที่พัก ลูสฟังรายงานต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เขาหายไป จากครูก้า ลูสต้องพักเรื่องของอนาสตาเซียไว้ก่อน แต่เชื่อเถอะ! เราต้องได้เจอกันเร็วๆนี้แน่นอน ‘นางฟ้ามาเฟีย อนาสตาเซีย เบนเน็ต’
เอริค ซาวันเดอร์
อีกฟากของทวีปที่เวลาแตกต่างกันหกชั่วโมง ในลอนดอนที่เป็นแหล่งพักพิงของอีกหนึ่งขุนพลหรือผู้ที่มีสักเป็นน้องของอนาสตาเซียตามอายุแต่เป็นพี่ของเธอเพียงแค่เกิดทีหลังแต่เป็นเพศชาย เขาก็กลายเป็น พี่ชายอีกคนของอนาสตาเซีย เอริค ซาวันเดอร์ ขุนพลพิทักษ์นางฟ้า ที่ตอนนี้คิ้วขมวดมองภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องทำงานเขาชั้นสูงสุดของอาคารซาวันเดอร์กรุ๊ป โดยมีเดธ บอร์ดิการ์ดที่ติดตามเขามาตั้งแต่เกิด มองภาพบันทึกนั้นด้วยเช่นกัน
“คริสตี้ พนักงานทำความสะอาด เธอทำพาร์ทไทม์ อายุเธอนิดเดียวเองนะครับ” เอริคเอ่ยออกมาพร้อมกับในมือมีภาพและแฟ้มประวัติของคนที่เขากำลังเอ่ยถึงอยู่
“บางครั้งพวกนั้นคงคิดว่าเราจะไม่จับตามองเด็กก็เป็นได้” เดธ เปรยออกมา และมองภาพหญิงสาววัยสิบเก้าที่เธอไม่ได้เพียงมาทำความสะอาดห้องทำงานของเอริค แต่เธอเก็บภาพทุกมุมห้องในห้องทำงานแห่งนี้ “นาย จะเรียกผู้จัดการฝ่ายมาเลยมั้ยครับ?”
“ยัง!…ผมยังไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าเธอได้อะไรไปบ้าง และเธอต้องการอะไร ทำงานให้ใคร” เอริค พูดพร้อมค้างภาพใบหน้าของคริสตี้ไว้ สายตาเข้มจับจ้องมองใบหน้านั้นเพื่อให้สมองเขาจดจำเธอให้ได้
คริสตี้ เลอนาร์ด
คริสตี้ที่เลิกงานพาร์ทไทม์ในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดของเครือซาวันเดอร์กรุ๊ปที่เธอพยายามอย่างมากเพื่อให้เข้าไปทำงานที่นั้น ตามคำสั่งของพ่อบุญธรรมที่มีพระคุณ
“นี่ค่ะพ่อ ตารางนัดหมายของเอริค ซาวันเดอร์” คริสตี้ยื่นโทรศัพท์ส่งให้ดีน เลอนาร์ด
“พ่อรู้อยู่แล้วว่าคริสตี้ต้องทำได้” ดีนรับโทรศัพท์ของบุตรสาวบุญธรรมมาพร้อมกับคำชมที่คริสตี้ไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง
“พ่อ จบแล้วใช่มั้ยคะ หนูไม่ต้องเข้าไปที่นั่นอีกใช่มั้ยคะ” คริสตี้ ถามดีนอย่างคาดหวังเพราะเธอไม่อยากเยื้องย่างเข้าไปที่นั่นอีกแล้ว เธอ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเธอรู้สึกแปลกๆ กับที่ต้องทำสิ่งนี้ในซาวันเดอร์กรุ๊ป เธอเคยแอบมองตัวจริงของเอริคในขณะที่เขาเดินผ่านพนักงานในอาคารรวมถึงเธอที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานทำความสะอาด สายตาของเอริคแน่นิ่ง เงียบขรึมและไร้ซึ่งรอยยิ้ม ถึงแม้ใบหน้าเขาดูจะไม่เหมาะกับท่าทางแบบนั้น แต่ผู้ชายคนนี้มีออร่าในแบบที่ทำให้เธอเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก เธอกลัวเขาตั้งแต่แรกเห็น
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร