Share

บทที่ 22

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-24 21:23:33

เมื่อตกลงธุรกิจกันเป็นที่เรียบร้อย สตรีแซ่เซี่ยก็สะบัดชายกระโปรงก้าวขาเดินนำลิ่วล้อทั้งสี่ไปยังเรือนตะวันตก ก่อนจากไปนางยังไม่ลืมปรายตามองเครื่องแต่งกายจวี๋ฮวาตั้งแต่หัวจดเท้า พอมองจนพอใจก็แค่นหัวเราะแล้วตวัดสายตาดูถูกดูแคลนใส่อีกยก

แม้จะโดนมองด้วยสายตาที่น่ารังเกียจถึงปานนั้น อาจูกลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เธอติดจะสงสารอาจารย์ป้าผู้ดูคล้ายจะเก็บอารมณ์ไม่เป็น

ผู้นี้สุดขั้วหัวใจ

ก็ดูนางสิ...ช่างทำตัวเป็นนางร้ายตามขนบได้ไร้ที่ติถึงเพียงนี้ จะไม่ให้สงสารได้อย่างไร?

ถึงชีวิตจริงจะไม่เหมือนนิยายหรือละคร แต่ตามสถิติแล้ว พวกนางร้ายประเภทนี้ไม่ค่อยจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสมหวังกันนักหรอก ต่อให้ตบตีแย่งชิงจนคว้าสิ่งที่ต้องการมาได้ ใครต่อใครก็จะไม่ชื่นชมอยู่ดี ดีไม่ดีจะโดนคนอื่นหมั่นไส้จนตามมาราวีให้เจ็บๆ คันๆ ไม่จบไม่สิ้น เฮ้อ...

เพราะติดจะเห็นใจในชะตากรรมของนางร้าย อาจูจึงเพียงนิ่งมอง ไม่คิดถือสา

ทว่า...

“แม้เสื้อผ้าบนตัวเจ้าจะตัดเย็บตามความชอบของนาง แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องในหุบเขายามนั้นเป็นผู้ช่วยกันเลือกซื้อผ้าและตัดเย็บเช่นเดียวกับชุดอื่นๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ล้วนเป็นทรัพย์สินกองกลาง ดังนั้นเสื้อผ้าเก่าเก็บทุกชุดจึงนับเป็นทรัพย์สินของหุบเขา หาใช่สมบัติส่วนตัวของผู้ใด ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจท่าทีผู้อื่น

ให้มากนัก”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเรื่อยดึงให้ลูกศิษย์ร่างน้อยละสายตาจากภาพร่างอาจารย์ป้า

อาจูค่อนข้างแปลกใจที่จู่ๆ ท่านจ้าวหุบเขาก็พูดขึ้นมา แต่ก็รู้สึกดีที่ซือฝุ

ผู้ปกติแล้วนิ่งเฉยเหมือนท่อนไม้คล้ายจะอยากปลอบโยนกัน จึงเล่นตามน้ำ

ช่วยอำนวยความสะดวกให้ท่านจ้าวหุบเขาได้บรรลุวัตถุประสงค์ทางศีลธรรม

“ซือฝุคิดมากเกินไปแล้ว...” ลูกศิษย์คนงามคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนค่อยๆ ขยับตัวออกมารินน้ำชาให้ท่านจ้าวหุบเขา “นับตั้งแต่จวี๋ฮวารู้สึกตัวขึ้นมาก็ไม่มีอะไร

ที่เป็นของตัวเองเลยสักอย่าง แม้แต่ความทรงจำที่ควรมีเป็นของตนเองนั้นก็ยัง

ขาดหาย การได้ใช้ชีวิตในหุบเขาแห่งนี้ร่วมกันกับท่านอย่างสุขสงบ ได้ช่วยหยิบจับ

งานการเล็กๆ น้อยๆ ได้ดูแลท่านทดแทนบุญคุณ ขณะเดียวกันก็ได้มีเสื้อผ้าที่งดงาม

ถึงเพียงนี้สวมใส่...นับเป็นวาสนาตั้งเท่าไร”

จวี๋ฮวาคลี่ยิ้มมากขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับเจือไว้ด้วยความโศกเศร้า

“ศิษย์ไม่ใช่ผู้ไม่รู้จักพอ และไม่บังอาจกระทำตัวยึดมั่นถือมั่นถึงเพียงนั้น...”

ราวกับจะรู้ตัวว่ายามนี้สีหน้าและน้ำเสียงตนเองดูเศร้าซึมจนน่าใจหาย เจ้าของร่างอ้อนแอ้นอ่อนเยาว์จึงสลัดสีหน้าแววตาเช่นนั้นออกไปด้วยการพยายามส่งรอยยิ้มที่สดใสและงดงามที่สุดให้ซือฝุแล้วถามเสียงใส “เช้านี้ช่างวุ่นวายนัก

ท่านเองก็คงหิวแล้วกระมัง ซือฝุไปนั่งรอที่โต๊ะดีหรือไม่” ว่าจบ คนที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งสุดชีวิตก็วิ่งออกจากโถงรับแขกเรือนหลักไปอย่างที่ไม่เคยกระทำ ราวกับกลัวว่าหากช้ากว่านี้เพียงนิด หน้ากากความเข้มแข็งที่ตนสวมไว้จะพังทลายลง คงเหลือไว้เพียงใบหน้างดงามที่เปื้อนคราบน้ำตา...

หลังวิ่งออกจากที่นั่นมาถึงโรงครัว อาจูก็รีบปิดประตูบานไม้ ทรุดตัวลงนั่งงอเข่าซ่อนใบหน้า เนื้อตัวสั่นเทา

“ศิษย์ไม่ใช่ผู้ไม่รู้จักพอ และไม่บังอาจกระทำตัวยึดมั่นถือมั่นถึงเพียงนั้นรึ?

อาจูปิดปากแน่น ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมตัวเองไม่ให้หลุดขำก๊ากออกมา ไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าตัวเองจะเสแสร้งได้สะดิ้งถึงเพียงนี้

หลังจากสงบจิตสงบใจลงได้ ศิษย์หลานคนงามก็ลุกขึ้นยืนปาดน้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะความขำ

อา...มองอยู่หรือเปล่าเจ้าคะ อาจารย์ป้า

หากไม่อยากมีชะตากรรมของนางร้าย ท่านก็จงดูไว้แล้วปฏิบัติตามเสีย

นะเจ้าคะ ศิษย์หลานสัญญาว่าเพื่ออนาคตที่ดีงามของท่าน นับจากนี้ไปอีกเจ็ดวัน นอกจากจะทำภารกิจปกป้องอกงามๆ ของตัวเองเอาไว้แล้ว ศิษย์หลานผู้นี้จะไม่ลืมทำภารกิจช่วยเหลือท่านทางอ้อมด้วยการจัดหนักจัดเต็มเช่นนี้ทุกวินาทีที่มีโอกาสอย่างแน่นอน~

คนเคลมตัวเองว่าเป็นศิษย์หลานผู้หวังดียกมือขาวนวลขึ้นแตะหัวใจ ภายในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าหัวใจดวงนี้ช่างบริสุทธิ์เสียนี่กระไร

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 52

    อาจูจ้องมองใบหน้าสตรีอ่อนเยาว์ที่จับประคองหญิงชราอยู่อีกฝั่ง ยิ่งมองก็ยิ่งพลอยรู้สึกชื่นชมลูกสะใภ้คนดีของแม่เฒ่า ทั้งยังรู้สึกว่าใบหน้านางดูงดงามตรึงตาตรึงใจพาให้อยากถลาเข้าไปกอดเรียวขาใต้ชุดสีเขียวเข้มขับผิวที่น่าจะเรียวงามไม่แพ้ท่อนแขนกลมกลึงนั่น เอาหน้าถูไถ เรียกนางว่าเจี่ยเจีย[1]คนดีสักหลายๆ คำอา...นี่คงเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจตามธรรมชาติของ “โฉมงามกลางป่าเขา” ที่คนเขาว่ากันละมั้ง...ยิ่งมองอาจูก็ยิ่งอยากจะทรุดตัวลงนั่งราบไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้ขณะแม่เฒ่าสวีและลูกสะใภ้ชื่นชมกันไปมา ท่านจ้าวหุบเขาก็จัดเตรียมสมุนไพรที่ต้องใช้ไว้ให้ครบถ้วนดีแล้ว“แม้จะเคยล้มป่วยด้วยโรคชนิดนี้มาก่อนก็ไม่แน่ว่าร่างกายจะต้านทานโรคได้เสมอไป หากมีไข้เมื่อไหร่ สมควรรีบไปตรวจรักษาทันที” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยสั้นๆ“เซียนเหยียนทราบแล้ว...” สะใภ้สกุลสวีเอ่ยเสียงแผ่ว ฟังดูดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูก “เซียนเหยียนขอบคุณเซียนเซิงที่มีใจเมตตา”ยิ่งนางเปิดปากพูดออกมา อาจูก็ยิ่งละสายตาจากริมฝีปากทรงเสน่ห์บนใบหน้าขาวผ่องไม่ได้ท่านจ้

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 51

    “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอ อาการอาเป่าของพวกเราย่ำแย่มากหรือไม่!” หญิงชราสูงอาวุโสที่สุดในบ้านผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีที่จ้าวหุบเขาหลี่ละสายตาจากเด็กตัวจ้อยบนเตียงเตา[1]บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นๆ จนเกือบจะเรียกได้ว่าตั้งอยู่นอกตัวหมู่บ้าน...หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ก็คือแม่เฒ่าสวีนักปลุกปั่นนั่นเองเห็นแม่เฒ่าสวีและลูกสะใภ้ทำท่าจะเดินเข้าไปดูทายาทตัวน้อย อาจูรีบปราดเข้าช่วยศรีสะใภ้รูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนหนึ่งจะปลิวลมของครอบครัวสกุลสวีประคองหญิงชรา เจตนาที่แท้จริงคือรั้งไว้ “ท่านป้าอย่าได้เข้าใกล้นัก ระยะนี้พวกท่านจะติดโรคระบาดจากอาเป่าได้ง่าย”กระทั่งตอนนี้ ขณะตรวจรักษาโรคระบาด ท่านจ้าวหุบเขาก็ยังให้ลูกศิษย์เพียงยืนดูอยู่ห่างๆ เหมือนเมื่อครั้งอยู่ในวัดร้างไม่มีผิด เสี่ยวจวี๋ฮวาที่ว่างงานจึงกลายร่างเป็นเจ้าหน้าที่ญาติผู้ป่วยสัมพันธ์ รับหน้าที่คอยกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปรบกวนการรักษาโดยปริยายท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองมือลูกศิษย์ที่จับประคองเจ้าบ้านเล็กน้อย ชั่วขณะนั้น ดวงตาคู่คมเจือร่องรอยไม่ชอบใจ“ตุ่มหนองพวกนี้ดูแย่ลงก็จริง ทว่าเป็นอาการตามปกติของโรค” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยเรียบๆ

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 50

    สตรีแซ่เซี่ยยังคงบอกเล่าสถานการณ์ด้วยตนเองอีกครู่ใหญ่ อาจูเห็นท่านหมอยุคเก่าแก่โบราณสองคนพูดคุยกันก็ปั้นหน้าสงบเสงี่ยมยืนฟังด้วยความสนใจ สองหูฟังไป สองตาก็ลอบจับสังเกตศิษย์พี่หญิงของท่านจ้าวหุบเขา ต่อให้ส่วนหนึ่งในใจจะค่อยๆ คล้อยตามว่าครั้งนี้อาจารย์ป้าหน้าเด็กอาจมาด้วยเจตนาดีจริงๆ ลางสังหรณ์บางอย่างในใจกลับไม่ยอมหายไปเสียทีอาจารย์ป้าผู้นี้...มาดีจริงๆ น่ะรึ?อาจูอยากจะยกมือขึ้นนวดขยับ ยิ่งคิดว่าพักนี้ต้องระมัดระวังไม่ให้เผลอใช้ใบหน้าเด็กๆ นี่ขมวดคิ้วสร้างริ้วรอยจนใบหน้าแก่ก่อนวัยก็ยิ่งกว่าหนักอกหนักใจช่างเถอะ ถึงยังไงที่นี่ก็ต้องการแรงงาน...จังหวะอาจารย์ป้ากวาดตามองผ่านมา เสี่ยวจวี๋ฮวาคลี่ยิ้มอ่อนหวานเจิดจ้ายิ่งกว่าผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนางงามจักรวาล ทว่าอีกฝ่ายกลับมองผ่านเลยไปท่าทีนี้ช่วยให้อาจูสบายใจขึ้นเล็กน้อยถ้าเซี่ยอะไรสักอย่างเหยาๆ นางนี้ทำถึงขั้นคลี่ยิ้มให้ ศิษย์หลานตาดำๆ อย่างจวี๋ฮวาคงไม่แคล้วต้องเกาะติดอาจารย์ทั้งวันทั้งคืน เพื่อป้องกันสตรีคลั่งรักผู้หนึ่งย่องมาบีบคอตอนหลับหรือซัดเข็มพิษเล่มโตลอบสังหารแล้ว...

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 49

    จู่ๆ ความสลดหดหู่ปนโกรธเกรี้ยวก็พวยพุ่งขึ้นในใจคนฟัง กระทั่งอาจูเองยังกำหมัดแน่น ยากจะสงบอารมณ์เป็นตอนนี้เอง ที่อาจูรู้สึกถึงเหงื่อเย็นชื้นบนฝ่ามือตัวเองท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองลูกศิษย์เล็กน้อย ก่อนหันกลับมาผ่าลำไส้ทั้งหมด ตรวจสอบของเสียตกค้างอย่างละเอียด จากนั้นหันกลับไปตรวจดูเล็บมือและเล็บเท้าซ้ำอีกหน“ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นแล้วจริงๆ” ท่านจ้าวหุบเขาสรุปสั้นๆประมุขสมาพันธ์ผู้ต้องแบกรับเรื่องนี้ฟังแล้วยิ่งขบกรามแน่นจนขึ้นสัน“สารเลวพวกนั้นช่างระมัดระวังรอบคอบเกินไปแล้ว”“เรื่องนั้นยังไม่แน่นอนนัก” ท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองเชือกที่คนร้ายใช้มัดร่างเด็กเอาไว้ เอ่ยไม่ดังไม่เบา “ประมุขเยว่คงไม่ทันสังเกตว่าเทียนเฉาตอนล่างมีวัฒนธรรมการฟั่นเชือกแตกต่างจากพื้นที่อื่นเล็กน้อย...พวกนั้นจะจงใจทิ้งร่องรอยหรือไม่ได้ตั้งใจก็ช่าง ถ้าอย่างไรลองสืบสาวจากเชือกพวกนี้ดู ไม่แน่ว่าอาจช่วยเหลือได้ไม่มากก็น้อย”สีหน้าเยว่เทียนฟงดูดีขึ้นเล็กน้อย“ศพเหม็นเน่ามากแล้ว ฝังให้ลึกๆ แทนการเผาจะดีกว่า...น้ำใน

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 48

    มองจากที่ไกลดูเหมือนใกล้ แต่เมื่อต้องเดินเท้ากันจริงๆ แล้ว บ่อพักน้ำตีนผาที่ว่านี้ กลับอยู่ห่างจากเขตที่พักอาศัยไม่น้อยยิ่งเดินเข้าใกล้ กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงก็ยิ่งโดดออกจากกลิ่นปศุสัตว์ ตอกย้ำให้ผู้มาเยือนตระหนักว่าในบ่อพักน้ำมีศพเด็กคนหนึ่งนอนแช่อยู่จริงๆ“ตรงนั้นขอรับ” องครักษ์ผู้รับหน้าที่นำทางรีบชี้เป้า “ศพโดนผูกไว้กับหลักไม้หลังพงหญ้านั่น”อาจูยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกอีกชั้น แทบไม่อยากหายใจ เพียงก้าวขาเดินกันต่อไปแค่ไม่กี่ก้าว กลิ่นเน่าเหม็นชวนคลื่นเหียนแฝงกลิ่นสาบคล้ายโคลนก็ลอยมาเตะจมูก ทำเอาชาวบ้านหลายคนที่ตามมาดูต้องโก่งคออาเจียนกันอีกหน แม้แต่คนของเยว่เทียนฟงก็ยังหน้าเขียวหน้าดำ บรรยากาศคุกรุ่นที่เพิ่งจะสงบลงคล้ายถูกแทนที่ด้วยกระแสอารมณ์วิตกกังวลและหวาดผวาบ่อพักน้ำแห่งนี้มีขนาดกว้างยาวเพียงด้านละราวๆ สามถึงสี่วา หากไม่นับเรื่องกลิ่นที่โชยคลุ้งและฟองสีขาวบนผิวน้ำ ก็ยังนับได้ว่าที่นี่ดูสะอาดตา ไร้วี่แววศพเด็กที่ว่า ทั้งอย่างนั้นตำแหน่งที่ผู้นำทางเดินไปหาก็เป็นตำแหน่งที่พงหญ้าสูงท่วมศีรษะ เหมาะแก่การซุกซ่อนข้าวของเป็นอย่างยิ่ง

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 47

    “มีศพอยู่ที่บ่อพักน้ำ!” ทันทีที่ได้ยินว่ามีศพอยู่ที่บ่อพักน้ำ พวกชาวบ้านในลานพลันหน้าเผือดสี หลังจากส่งต่อประโยคสั้นๆ ประโยคนี้เพียงชั่วครู่ หญิงชาวบ้านจำนวนไม่น้อยถึงขั้นโก่งคออาเจียน ที่ดูคล้ายคนเจ็บไข้ได้ป่วยกันอยู่แล้วก็ยิ่งดูเหมือนคนล้มป่วยยิ่งขึ้นสวรรค์! เกิดโรคระบาดก็แย่แล้ว ต้นคลองส่งน้ำเข้าหมู่บ้านยังมีศพแช่อีกรึ!“ท่านประมุข หรือว่าศพนั่นจะเป็นตัวก่อโรค!” ชาวบ้านชายที่รูปร่างกำยำที่สุดในกลุ่มถามเสียงเครือ ดวงตาแดงก่ำบนใบหน้าอิดโรยเหมือนพร้อมจะหลั่งน้ำตาออกมาทุกเมื่อ “เช่นนั้นพวกเราทุกคน...”“ต้องรอตรวจโรคกันก่อนจึงจะบอกได้” ท่านประมุขผู้ถูกถาม ตอบเสียงขรึม “ระหว่างนี้บอกให้ทุกคนเลิกแตะต้องน้ำจากคลองส่งน้ำนั่น หากจำเป็นต้องนำมาใช้ ต้องต้มให้นานๆ หน่อยถึงจะดี” รับมือกับโรคระบาดชนิดนี้มานาน เยว่เทียนฟงเองก็ได้พื้นความรู้ติดตัวมาไม่น้อยเหมือนกัน“จ้าวหุบเขา เชิญ&rdquo

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status