공유

บทที่ 39

작가: Karawek House
last update 최신 업데이트: 2025-08-28 22:23:27

“สามหาว!”

เสียงตวาดบาดหูจากหน้าเรือนทำเอาอาจูตกใจจนสะดุ้ง กระทั่งท่านจ้าวหุบเขายังชะงักมือไปชั่วครู่

จ้าวหุบเขาหลี่คล้ายจะเดาความได้ เขาส่งโกร่งบดยาให้ลูกศิษย์ถือไว้

ปากก็ส่งเสียงบอกไปเพียงสั้นๆ “เชิญประมุขเซี่ยเข้ามา”

ชั่วอึดใจเดียวหลังจากจ้าวหุบเขาหลี่เอ่ยประโยคนั้น ประตูบานไม้ก็ดีดผึงเหมือนโดนอันธพาลยันฝ่าเท้าเข้าใส่ เมื่อมองตามก็เห็นร่างงามระหงในอาภรณ์สีเขียวพลิ้วสยายยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้าห้อง

“เจ้าบอกข้า เกี้ยวเจ้าสาวนั่นมันอะไรกัน!” อาจารย์ป้าแซ่เซี่ยถามเกรี้ยวกราด

เห็นเซี่ยอะไรสักอย่างเหยาๆ ออกอาการถึงขนาดนี้ อาจูรีบขยับเข้าชิดท่านจ้าวหุบเขาโดยอัตโนมัติ ทำตัวสุภาพอ่อนหวานที่สุดในชีวิต

“อาจารย์ป้าโปรดระงับโทสะ...เกี้ยวหลังนั้นก็แค่เกี้ยวหลังหนึ่ง ไม่นับว่าสลักสำคัญอะไร...”

“หุบปาก!

เสี่ยวจวี๋ฮวาปิดปากฉับ หลุบตาลงมองพื้น

เหตุการณ์ในวัดร้างเตือนให้อาจูได้สติแล้วว่าพวกจอมยุทธยามคิดจะ

ลงมือขึ้นมาจริงๆ ล้วนน่าขนลุก...พวกจอมยุทธที่กำลังโกรธเกรี้ยวแผ่จิตสังหารอย่างอาจารย์ป้านางนี้ยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่

ตอนนี้ท่านจ้าวหุบเขาบาดเจ็บแถมยังต้องพิษ คงออกหน้าใช้ลมปราณปัดอาวุธหรือซัดเข็มอาบยาพิษตอบโต้ศิษย์พี่หญิงของตนไม่ถนัด ในเมื่อเป็นเช่นนี้...คนไร้วรยุทธอย่างจวี๋ฮวา สงบปากสงบคำให้มากหน่อยเป็นดี

โดยที่ไม่คาดคิด ชั่วพริบตานั้น จ้าวหุบเขาหลี่ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีองอาจผึ่งผายราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บที่ใด ร่างสูงใหญ่บดบังร่างลูกศิษย์ไว้อย่างเป็นธรรมชาติ “เป็นเพียงเกี้ยวธรรมดาๆ เท่านั้นจริงๆ ห้องปรุงยารกรุงรัง น่าขายหน้านัก เชิญประมุขเซี่ยที่โถงด้านหน้าจะดีกว่า”

ท่านจ้าวหุบเขาผายมือเชื้อเชิญพาศิษย์พี่หญิงเดินกลับออกไปยังโถงด้านหน้า ศิษย์พี่หญิงแซ่เซี่ยผู้นี้ แม้แววตาไม่ยินยอม กลับไม่กล้าบุกเข้ามาด้านใน

เกิดเสียงเอะอะโวยวายถึงเพียงนี้ ประมุขสมาพันธ์เฮยอิงผู้ถือวิสาสะต้อนรับขับสู้ตนเองในฐานะแขกคนสำคัญของเรือนประธาน ออกมาช่วยยืนคุมเชิงอยู่นานแล้ว ขณะเดินออกจากห้องปรุงยา ท่านจ้าวหุบเขาจึงได้โอกาสขยับริมฝีปากฝากฝัง “ยาที่ประมุขเยว่จำเป็นต้องใช้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ถ้าอย่างไรเชิญประมุขเยว่พักผ่อนรอยาที่ตกลงกันไว้ที่ศาลาริมสระบัวสักครึ่งชั่วยาม ศิษย์ข้าผู้นี้ แม้ไม่ประสีประสา แต่ยังพอจะชงชาชั้นดีเป็นอยู่บ้าง”

“จ้าวหุบเขาเกรงใจเกินไปแล้ว” เยว่เทียนฟงรับคำ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ดูเหมือนแม้ท่านจ้าวหุบเขาจะตัดจวี๋ฮวาออกจากการสนทนา ประมุขเซี่ยอะไรสักอย่างเหยาๆ ผู้นี้ก็ยังไม่พอใจ กระทั่งจะกลับหลังหันเดินจากไปก็ยังถลึงตาจ้องศิษย์หลานร่างเล็กไม่วางตา

ท่ามกลางความเงียบงัน อาจูมองตามแผ่นหลังท่านจ้าวหุบเขาตาไม่กะพริบ ยิ่งร่างสูงสง่าที่คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเคลื่อนห่างออกไปไกลเท่าไหร่ เส้นคิ้วคมสวยก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น รู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ประมุขสมาพันธ์เฮยอิงขยับมายืนบังทัศนวิสัย หัวเราะเสียงเบา

“ดูทำตาเข้าสิ...แววตาเจ้าตอนนี้ดูเหมือนลูกสุนัขถูกทอดทิ้งอย่างไรอย่างนั้น”

“จวี๋ฮวาเพียงแต่เป็นห่วงเท่านั้น”

“ถ้าจะห่วงเรื่องแผลกับพิษในร่าง เจ้าห่วงตัวเองให้มากจะดีกว่า จ้าวหุบเขาน่าตายผู้นั้นเป็นผู้รู้ขีดจำกัดตนเองดี”

อาจูปั้นหน้ายิ้มน้อยๆ แต่ก่นด่าในใจ

ท่านน่ะสิ น่าตาย! ท่านจ้าวหุบเขาของข้ายังไม่ได้ใส่ยาเลยด้วยซ้ำ!

“รีบเตรียมน้ำชาแล้วตามข้ามา ท่านจ้าวหุบเขาของเจ้าฝากฝังไว้เช่นนี้

ข้าย่อมไม่อาจห่างจากเจ้า” เยว่เทียนฟงยกมุมปากยิ้มน้อยๆ ชวนให้นึกถึงพวกคุณชายเจ้าชู้จอมเสเพล “ข้าไม่อาจห่างจากเจ้าแต่ก็ไม่อาจเข้าไปยุ่มย่ามในห้องปรุงยาได้เช่นกัน เจ้าก็รู้...ที่นี่นับเป็นเขตหวงห้ามที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจล่วงล้ำ”

เอ๋...?

แต่เขาให้จวี๋ฮวาเข้ามาที่นี่...เข้ามาบ่อยมากเสียด้วย...

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 52

    อาจูจ้องมองใบหน้าสตรีอ่อนเยาว์ที่จับประคองหญิงชราอยู่อีกฝั่ง ยิ่งมองก็ยิ่งพลอยรู้สึกชื่นชมลูกสะใภ้คนดีของแม่เฒ่า ทั้งยังรู้สึกว่าใบหน้านางดูงดงามตรึงตาตรึงใจพาให้อยากถลาเข้าไปกอดเรียวขาใต้ชุดสีเขียวเข้มขับผิวที่น่าจะเรียวงามไม่แพ้ท่อนแขนกลมกลึงนั่น เอาหน้าถูไถ เรียกนางว่าเจี่ยเจีย[1]คนดีสักหลายๆ คำอา...นี่คงเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจตามธรรมชาติของ “โฉมงามกลางป่าเขา” ที่คนเขาว่ากันละมั้ง...ยิ่งมองอาจูก็ยิ่งอยากจะทรุดตัวลงนั่งราบไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้ขณะแม่เฒ่าสวีและลูกสะใภ้ชื่นชมกันไปมา ท่านจ้าวหุบเขาก็จัดเตรียมสมุนไพรที่ต้องใช้ไว้ให้ครบถ้วนดีแล้ว“แม้จะเคยล้มป่วยด้วยโรคชนิดนี้มาก่อนก็ไม่แน่ว่าร่างกายจะต้านทานโรคได้เสมอไป หากมีไข้เมื่อไหร่ สมควรรีบไปตรวจรักษาทันที” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยสั้นๆ“เซียนเหยียนทราบแล้ว...” สะใภ้สกุลสวีเอ่ยเสียงแผ่ว ฟังดูดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูก “เซียนเหยียนขอบคุณเซียนเซิงที่มีใจเมตตา”ยิ่งนางเปิดปากพูดออกมา อาจูก็ยิ่งละสายตาจากริมฝีปากทรงเสน่ห์บนใบหน้าขาวผ่องไม่ได้ท่านจ้

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 51

    “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอ อาการอาเป่าของพวกเราย่ำแย่มากหรือไม่!” หญิงชราสูงอาวุโสที่สุดในบ้านผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีที่จ้าวหุบเขาหลี่ละสายตาจากเด็กตัวจ้อยบนเตียงเตา[1]บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นๆ จนเกือบจะเรียกได้ว่าตั้งอยู่นอกตัวหมู่บ้าน...หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ก็คือแม่เฒ่าสวีนักปลุกปั่นนั่นเองเห็นแม่เฒ่าสวีและลูกสะใภ้ทำท่าจะเดินเข้าไปดูทายาทตัวน้อย อาจูรีบปราดเข้าช่วยศรีสะใภ้รูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนหนึ่งจะปลิวลมของครอบครัวสกุลสวีประคองหญิงชรา เจตนาที่แท้จริงคือรั้งไว้ “ท่านป้าอย่าได้เข้าใกล้นัก ระยะนี้พวกท่านจะติดโรคระบาดจากอาเป่าได้ง่าย”กระทั่งตอนนี้ ขณะตรวจรักษาโรคระบาด ท่านจ้าวหุบเขาก็ยังให้ลูกศิษย์เพียงยืนดูอยู่ห่างๆ เหมือนเมื่อครั้งอยู่ในวัดร้างไม่มีผิด เสี่ยวจวี๋ฮวาที่ว่างงานจึงกลายร่างเป็นเจ้าหน้าที่ญาติผู้ป่วยสัมพันธ์ รับหน้าที่คอยกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปรบกวนการรักษาโดยปริยายท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองมือลูกศิษย์ที่จับประคองเจ้าบ้านเล็กน้อย ชั่วขณะนั้น ดวงตาคู่คมเจือร่องรอยไม่ชอบใจ“ตุ่มหนองพวกนี้ดูแย่ลงก็จริง ทว่าเป็นอาการตามปกติของโรค” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยเรียบๆ

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 50

    สตรีแซ่เซี่ยยังคงบอกเล่าสถานการณ์ด้วยตนเองอีกครู่ใหญ่ อาจูเห็นท่านหมอยุคเก่าแก่โบราณสองคนพูดคุยกันก็ปั้นหน้าสงบเสงี่ยมยืนฟังด้วยความสนใจ สองหูฟังไป สองตาก็ลอบจับสังเกตศิษย์พี่หญิงของท่านจ้าวหุบเขา ต่อให้ส่วนหนึ่งในใจจะค่อยๆ คล้อยตามว่าครั้งนี้อาจารย์ป้าหน้าเด็กอาจมาด้วยเจตนาดีจริงๆ ลางสังหรณ์บางอย่างในใจกลับไม่ยอมหายไปเสียทีอาจารย์ป้าผู้นี้...มาดีจริงๆ น่ะรึ?อาจูอยากจะยกมือขึ้นนวดขยับ ยิ่งคิดว่าพักนี้ต้องระมัดระวังไม่ให้เผลอใช้ใบหน้าเด็กๆ นี่ขมวดคิ้วสร้างริ้วรอยจนใบหน้าแก่ก่อนวัยก็ยิ่งกว่าหนักอกหนักใจช่างเถอะ ถึงยังไงที่นี่ก็ต้องการแรงงาน...จังหวะอาจารย์ป้ากวาดตามองผ่านมา เสี่ยวจวี๋ฮวาคลี่ยิ้มอ่อนหวานเจิดจ้ายิ่งกว่าผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนางงามจักรวาล ทว่าอีกฝ่ายกลับมองผ่านเลยไปท่าทีนี้ช่วยให้อาจูสบายใจขึ้นเล็กน้อยถ้าเซี่ยอะไรสักอย่างเหยาๆ นางนี้ทำถึงขั้นคลี่ยิ้มให้ ศิษย์หลานตาดำๆ อย่างจวี๋ฮวาคงไม่แคล้วต้องเกาะติดอาจารย์ทั้งวันทั้งคืน เพื่อป้องกันสตรีคลั่งรักผู้หนึ่งย่องมาบีบคอตอนหลับหรือซัดเข็มพิษเล่มโตลอบสังหารแล้ว...

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 49

    จู่ๆ ความสลดหดหู่ปนโกรธเกรี้ยวก็พวยพุ่งขึ้นในใจคนฟัง กระทั่งอาจูเองยังกำหมัดแน่น ยากจะสงบอารมณ์เป็นตอนนี้เอง ที่อาจูรู้สึกถึงเหงื่อเย็นชื้นบนฝ่ามือตัวเองท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองลูกศิษย์เล็กน้อย ก่อนหันกลับมาผ่าลำไส้ทั้งหมด ตรวจสอบของเสียตกค้างอย่างละเอียด จากนั้นหันกลับไปตรวจดูเล็บมือและเล็บเท้าซ้ำอีกหน“ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นแล้วจริงๆ” ท่านจ้าวหุบเขาสรุปสั้นๆประมุขสมาพันธ์ผู้ต้องแบกรับเรื่องนี้ฟังแล้วยิ่งขบกรามแน่นจนขึ้นสัน“สารเลวพวกนั้นช่างระมัดระวังรอบคอบเกินไปแล้ว”“เรื่องนั้นยังไม่แน่นอนนัก” ท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองเชือกที่คนร้ายใช้มัดร่างเด็กเอาไว้ เอ่ยไม่ดังไม่เบา “ประมุขเยว่คงไม่ทันสังเกตว่าเทียนเฉาตอนล่างมีวัฒนธรรมการฟั่นเชือกแตกต่างจากพื้นที่อื่นเล็กน้อย...พวกนั้นจะจงใจทิ้งร่องรอยหรือไม่ได้ตั้งใจก็ช่าง ถ้าอย่างไรลองสืบสาวจากเชือกพวกนี้ดู ไม่แน่ว่าอาจช่วยเหลือได้ไม่มากก็น้อย”สีหน้าเยว่เทียนฟงดูดีขึ้นเล็กน้อย“ศพเหม็นเน่ามากแล้ว ฝังให้ลึกๆ แทนการเผาจะดีกว่า...น้ำใน

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 48

    มองจากที่ไกลดูเหมือนใกล้ แต่เมื่อต้องเดินเท้ากันจริงๆ แล้ว บ่อพักน้ำตีนผาที่ว่านี้ กลับอยู่ห่างจากเขตที่พักอาศัยไม่น้อยยิ่งเดินเข้าใกล้ กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงก็ยิ่งโดดออกจากกลิ่นปศุสัตว์ ตอกย้ำให้ผู้มาเยือนตระหนักว่าในบ่อพักน้ำมีศพเด็กคนหนึ่งนอนแช่อยู่จริงๆ“ตรงนั้นขอรับ” องครักษ์ผู้รับหน้าที่นำทางรีบชี้เป้า “ศพโดนผูกไว้กับหลักไม้หลังพงหญ้านั่น”อาจูยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกอีกชั้น แทบไม่อยากหายใจ เพียงก้าวขาเดินกันต่อไปแค่ไม่กี่ก้าว กลิ่นเน่าเหม็นชวนคลื่นเหียนแฝงกลิ่นสาบคล้ายโคลนก็ลอยมาเตะจมูก ทำเอาชาวบ้านหลายคนที่ตามมาดูต้องโก่งคออาเจียนกันอีกหน แม้แต่คนของเยว่เทียนฟงก็ยังหน้าเขียวหน้าดำ บรรยากาศคุกรุ่นที่เพิ่งจะสงบลงคล้ายถูกแทนที่ด้วยกระแสอารมณ์วิตกกังวลและหวาดผวาบ่อพักน้ำแห่งนี้มีขนาดกว้างยาวเพียงด้านละราวๆ สามถึงสี่วา หากไม่นับเรื่องกลิ่นที่โชยคลุ้งและฟองสีขาวบนผิวน้ำ ก็ยังนับได้ว่าที่นี่ดูสะอาดตา ไร้วี่แววศพเด็กที่ว่า ทั้งอย่างนั้นตำแหน่งที่ผู้นำทางเดินไปหาก็เป็นตำแหน่งที่พงหญ้าสูงท่วมศีรษะ เหมาะแก่การซุกซ่อนข้าวของเป็นอย่างยิ่ง

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 47

    “มีศพอยู่ที่บ่อพักน้ำ!” ทันทีที่ได้ยินว่ามีศพอยู่ที่บ่อพักน้ำ พวกชาวบ้านในลานพลันหน้าเผือดสี หลังจากส่งต่อประโยคสั้นๆ ประโยคนี้เพียงชั่วครู่ หญิงชาวบ้านจำนวนไม่น้อยถึงขั้นโก่งคออาเจียน ที่ดูคล้ายคนเจ็บไข้ได้ป่วยกันอยู่แล้วก็ยิ่งดูเหมือนคนล้มป่วยยิ่งขึ้นสวรรค์! เกิดโรคระบาดก็แย่แล้ว ต้นคลองส่งน้ำเข้าหมู่บ้านยังมีศพแช่อีกรึ!“ท่านประมุข หรือว่าศพนั่นจะเป็นตัวก่อโรค!” ชาวบ้านชายที่รูปร่างกำยำที่สุดในกลุ่มถามเสียงเครือ ดวงตาแดงก่ำบนใบหน้าอิดโรยเหมือนพร้อมจะหลั่งน้ำตาออกมาทุกเมื่อ “เช่นนั้นพวกเราทุกคน...”“ต้องรอตรวจโรคกันก่อนจึงจะบอกได้” ท่านประมุขผู้ถูกถาม ตอบเสียงขรึม “ระหว่างนี้บอกให้ทุกคนเลิกแตะต้องน้ำจากคลองส่งน้ำนั่น หากจำเป็นต้องนำมาใช้ ต้องต้มให้นานๆ หน่อยถึงจะดี” รับมือกับโรคระบาดชนิดนี้มานาน เยว่เทียนฟงเองก็ได้พื้นความรู้ติดตัวมาไม่น้อยเหมือนกัน“จ้าวหุบเขา เชิญ&rdquo

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status