แชร์

ตอนที่21 อารมณ์น้อยใจ

ผู้เขียน: คุณแม่แฝดสาม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-26 17:36:42

หลังจากทุกอย่างกลับมาสงบ ว่านชิงอีได้เรียกทหารมาเก็บกวาด ซากเกาอี้และสิ่งอื่นๆ ที่แตกหัก และได้ตามหมอหลวงให้มาดูอาการของไทเฮา เหว่ยอ๋องและองค์รัชทายาท หิ้วร่างของไทเฮาไปนอนบนตั้งข้างหน้าต่าง ก่อนมาหลวงจะเข้ามาตรวจอาการ ไม่นานไทเฮาก็ฟื้นได้สติ พอเริ่มรู้สึกตัวไทเฮาก็เริ่มหวาดผวา และกวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างหวาดกลัว ไม่อยากเชื่อว่าท่านหญิงที่มีอายุยังน้อย ยามโกรธขึ้นมาช่างน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใด นางไม่น่าไปแหย่หนวดเสือนางนี้เลย ก่อนสายตาไทเฮาจะไปปะทะกับร่างของท่านหญิง ที่เดินเข้ามาดูอาการของนาง

 “อาการไทเฮาเป็นเช่นไรบ้าง?”

 “ยังคงหวาดกลัวอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมให้ยาสงบจิต อีกไม่นานก็คงดีขึ้น” ว่านชิงอีพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปพูดกับไทเฮา

 “ไทเฮาหม่อมฉันไม่เข้าใจ พระองค์จะปกป้องคนชั่วเพื่ออะไร แคว้นนี้เป็นของฝ่าบาทและเขาเป็นโอรสของท่าน หากท่านช่วยปกป้องคนชั่ว ผู้คนจะมองฝ่าบาทอย่างไรเพคะ หากท่านกลัวว่าพวกเขาจะไม่สนับสนุนฝ่าบาท ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเพคะ ราชวงศ์นี้มีเหว่ยอ๋อง องค์ชายซีห่าว และรัชทายาท ทุกคนมีความสามารถและฉลาดหลักแหลม พวกเขาจะช่วยปกป้องบัลลังก์ให้มั่นคงได้อย่างแน่นอน แต่หากพระองค์ยังให้ความช่วยเหลือคนชั่วเหล่านั้น นั่นคือยิ่งทำให้บัลลังก์อ่อนแอ” ไทเฮาฟังที่ว่านชิงอีพูดก็คิดตามไปเรื่อย ก่อนจะเริ่มเข้าใจ ใช่นางหวาดกลัวและยอมออกหน้าให้กับคนเหล่านั้น เพราะกลัวว่าพวกเขาจะไม่สนับสนุนบัลลังก์ และอาจมีการก่อกบฎ นางถึงทำตัวเช่นนี้ ก่อนนางจะปล่อยน้ำตาของความอ่อนแอให้ไหลออกมา ว่านชิงอีจึงเดินกุมมือของนางอย่างอ่อนโยน

 “พระองค์ร้องออกมาเถอะเพคะแล้วความรู้สึกของพระองค์จะดีขึ้น ต่อไปท่านไม่ต้องกังวล หม่อมฉันยินดีช่วยฝ่าบาทและรัชทายาท ให้ครองบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงและไม่ต้องหวาดระแวงอีกต่อไป” ไทเฮามองสตรีวัยเยาว์ที่พูดจามีหลักการ ก็ยิ่งรู้สึกผิดกับการกระทำของตน

 “ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่อ่อนแอ จนตกอยู่ในอำนาจของคนเหล่านั้น” ว่านชิงอียกยิ้ม

 “พระองค์อย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ”

 สามบุรุษที่ยืนฟังอยู่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรกับคำพูดของนาง ภายในใจเต้นแรงด้วยความปลาบปลื้มดีใจ ที่นางมองเห็นความสามารถของพวกเขา และนางยังบอกอีกว่า จะช่วยสนับสนุนฝ่าบาทและรัชทายาท ให้ครองบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง ความรู้สึกเหมือนว่าได้ของขวัญอันล่ำค่ามาประดับแคว้น ความรู้สึกดีใจ ภูมิใจ และปลาบปลื้มใจ พวกเขาเพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ก่อนจะเป็นองค์ชายจ้าวซีห่าว ที่ส่งสายบอกให้เหว่ยอ๋องและรัชทายาท ออกไปคุยกันด้านนอก พอออกมาตรงลานกว้างกลางสำนักงานสืบสวน องค์ชายซีห่าวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 “เสด็จพี่ท่านคิดเช่นไรกับนาง?” เหว่ยอ๋องคิ้วขมวดเข้าหากันเพราะไม่เข้าใจคำถามของเขา

 “รัชทายาทแล้วท่านละคิดอย่างกับนาง” รัชทายาทยกแขนขึ้นกอดอก แล้วนึกใคร่ครวญว่าเขาคิดกับนางอย่างไร แต่องค์ชายซีห่าวก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน

 “ข้าหมายถึงรู้สึกอย่างไรกับนาง ส่วนความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง ข้าบอกได้เลยว่าข้าชอบนางมากๆ เลย” เหว่ยอ๋องและรัชทายาท พอได้ยินองค์ชายซีห่าวเปิดเผยความในใจออกมาเช่นนั้น ภายในใจก็เริ่มหนักอึ้ง หากองค์ชายซีห่าวชอบนางมากขนานนี้ พวกเขาที่เป็นพี่ชายก็ควรหลีกทางให้ใช่หรือไม่

 “ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง ข้ารู้สึกเอ็นดูนางดั่งน้องสาวคนหนึ่งก็เท่านั้น” เหว่ยอ๋องเอ่ยขึ้นเพื่อให้เขาสบายใจ แม้ภายในใจจะรู้สึกปวดหนึบขึ้นมา โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

 “ข้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง ความรู้สึกของข้าก็เหมือนความรู้สึกของเหว่ยอ๋อง ที่เพียงแค่เอ็นดูนางก็เท่านั้น” รัชทายาทเอ่ยออกไป แม้ภายในใจจะเริ่มเจ็บแปลบอย่างไม่ทราบสาเหตุ ที่ต้องเอ่ยสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิดภายในใจ

 “เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านพี่และองค์รัชทายาท ไม่ชอบนางมากกว่าน้องสาว ขนานข้ายังชอบนางมากขนานนี้ แต่ก็ดีข้าจะได้เดินหน้าทำคะแนนให้ได้ใจนางมาครอบครอง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้พวกท่านเสียใจ”

 องค์ชายซีห่าวกล่าวออกไปอย่างไม่คิดอะไร เพราะเขาคิดว่าพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน รักและสนิทกันมาก หากพวกเขาคิดอะไรกับนาง ก็คงพูดกับเขาออกมาตรงๆ

 “เจ้าก็เกี้ยวนางให้สำเร็จละกัน พวกข้าจะเอาใจช่วย” รัชทายาทเอ่ยขึ้นยิ้มๆ

 “หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอเข้าไปทำงานก่อน” เหว่ยอ๋องเอ่ยขึ้น ก่อนจะหมุนกายก้าวเข้าไปยังห้องทำงาน รัชทายาทก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน ปล่อยให้องค์ชายซีห่าวยืนยิ้มหน้าบานกับแผนการพิชิตใจสาวงาม

 พอเข้ามาถึงห้องโถงที่ยามนี้ปัดกวาดเรียบร้อยแล้ว เหว่ยอ๋องก็ตรงไปนั่งยังโต๊ะของตน เช่นเดียวกับรัชทายาทที่ตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง ก่อนจะพากันอ่านบันทึกคดีสืบสวนอย่างจริงจัง เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกว้าวุ่นภายในใจ ว่านชิงอีที่มองท่าทางของเขาสองคนก็คิดไปอีกทาง พวกเขาเป็นอะไรกัน? หรือว่าจะไม่พอใจที่นางทำตัวก้าวร้าวกับไทเฮา ก็อาจจะเป็นไปได้เสด็จย่าของพวกเขาทั้งคน นางเป็นเพียงท่านหญิงที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมา การที่นางไม่ให้เกียรติไทเฮา อีกทั้งแสดงให้นางหวาดกลัวจนถึงขั้นหมดสติ หากว่านางเป็นอะไรไปคาดว่าชีวิตนางคงไม่รอดเป็นแน่

 บรรยากาศในห้องทำงานเงียบเชียบ มีเพียงองค์ชายซีห่าวที่ชวนนางคุย สร้างความอึดอัดให้นางเป็นอย่างมาก จนว่านชิงอีอดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้น

 “หม่อมฉันขอตัวกลับก่อนนะเพคะ หม่อมฉันทูลลา” นางยอบกายให้ทุกคนก่อนจะก้าวเท้าออกไปทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีสตรีวัยกลางคนสี่คน มายืนรออยู่หน้าสำนักงาน พอเห็นนางก็พากันคุกเข่าลง 

 “ท่านหญิงโปรดช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ” สตรีสี่นางเอ่ยขึ้นอย่างเซ็งแซ่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ว่านชิงอีจึงตัดสินใจ 

 “เข้าไปคุยด้านในเถิด” ว่านชิงอีหมุนตัวเดินกลับเข้าด้านในอีกครั้ง

 “เอาละเล่ามาทีละคนอยากให้ข้าช่วยอะไร ฮุ่ยเจียงตามเจ้าหน้าที่มาจดบันทึก”

 “เพคะ”

 “ท่านหญิงหม่อมฉันมาจากหมู่บ้านตงซาน เดินทางมาหนึ่งวันเต็มๆ เพื่อมาขอร้องให้ท่านช่วย ยามนี้คนในหมู่บ้านล้มป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ พอป่วยได้ไม่นานก็เสียชีวิต ก่อนจะเสียชีวิตทุกคนพูดออกมาเหมือนกันหมด ว่ามีวิญญาณร้ายจะมาเอาชีวิต ยามนี้บุตรชายของหม่อมฉันก็เพิ่งจะเริ่มป่วย หม่อมฉันจึงรีบมาพบท่านหญิง ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไป ท่านหญิงโปรดช่วยชีวิตลูกชายของหม่อมฉันด้วยเพคะ”

 “ท่านหญิงโปรดช่วยด้วยเถิดเพคะ” สตรีทั้งสี่นาง คุกเข่าอ้อนวอนอย่างน่าเห็นใจ

 “พวกเจ้าใจเย็นๆ ก่อน ฮุ่ยเจียงพาพวกเขาไปห้องรับรอง ให้คนหาของว่างและน้ำชา ขอข้าปรึกษากับพวกเขาหน่อย” พอพวกนางออกไปแล้วนางจึงเอ่ย

 “ท่านอ๋องหม่อมฉันอยากไปดู ที่หมู่บ้านตงซานเสียหน่อย ท่านไปเป็นเพื่อนหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ?”

 “ให้องค์ชายซีห่าวพาไป แล้วก็พาองครักษ์ไปมากหน่อย ข้าอยากจะไปสืบคดีที่หอนางโลมเสียหน่อย ว่านชิงอีพอได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มแน่ใจว่าเข้าต้องไม่พอใจนางแน่ ก่อนว่านชิงอีจะหันไปหารัชทายาท 

 “องค์รัชทายาทอยากไปเป็นเพื่อนหม่อมหรือไม่เพคะ?”

 “ให้องค์ชายซีห่าวไปกับท่านหญิงดีหรือไม่ ข้าอยากอยู่สะสางคดี ที่น้องชายเสนาซูฆ่าชายที่ทำงานในโรงบ่อนการพนัน” คราวนี้ว่านชิงอีเริ่มมั่นใจแล้ว กับความคิดของตัวเอง เพิ่งได้ตำแหน่งท่านหญิง ก็เบ่งอำนาจใส่เสด็จย่าของพวกเขา ก็สมควรที่พวกเขาจะไม่พอใจ อารมณ์รู้สึกผิดและน้อยใจประดังเข้ามา ว่านชิงอีกัดริมฝีปากจนเจ็บ เพื่อสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล 

 “งั้นหม่อมฉันไปกับฮุ่ยเจียงและองครักษ์ก็ได้เพคะ พวกท่านก็อยู่ดูแลคดีที่นี่เถิดเพคะ งั้นหม่อมฉันขอตัวก่อน” ว่านชิงอีกล่าวจบก็ลุกออกไปทันที แต่เพราะดวงตาเริ่มพร่ามัวจากน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอเบ้า ทำให้ก้าวสะดุดเท้าตนเอง เหว่ยอ๋องที่มองนางอยู่ก่อนแล้ว รีบพุ่งเข้ามารับตัวนางทันที แต่พอเห็นดวงหน้านางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ใจเขาก็ไหววูบด้วยความเป็นห่วงและกังวล 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่35 คัมภีร์ปราณมรณะ

    หลังจากตั้งจิตอฐิษธาน ว่านชิงอีก็เปิดย่ามออกมาดูว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือไม่ ปรากฏว่ามีหนังสือจีนโบราณอยู่เล่มหนึ่ง ที่ค่อนข้างเก่ามากมองแทบไม่เห็นตัวหนังสือ ว่านชิงอีค่อย ๆ หยิบหนังสือเล่มนั้นออกมา แล้วเริ่มเปิดดูด้านในมีกระดาษสอดเอาไว้ นางจึงหยิบมาเปิดอ่าน ก่อนจะตาเบิกกว้าง นี่มันลายมือของพ่อ “ลูกรักนี่เป็นหนังสือที่แม่ของเจ้าไปเจอมาจากร้านของเก่า เป็นตำราวิชาเดชคัมภีร์ปราณมรณะ แม่ของเจ้าชอบดูซีรี่ย์จีนโบราณมาก จึงได้ซื้อติดมา พ่อคิดว่าเจ้ามีความผูกพันกับวิญญาณ วิชานี้อาจเหมาะกับเจ้า รักษาตัวด้วย” พอว่านชิงอีอ่านจบก็บอกไม่ถูกว่า จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี วิชาเดชคัมภีร์ปราณมรณะ วิชานี้ฟังดูแปลกมาก ไม่ใช่ฝึกเสร็จนางจะมรณะตามชื่อหรอกนะ เฮ่อแต่ว่าก็ต้องลองดู พ่อกับแม่อุตส่าห์ส่งมาให้ทั้งที ว่านชิงอีเปิดหนังสืออ่านจนจบ ตัวหนังสือเป็นภาษาจีนแต่ไม่รู้ว่านางเข้าใจได้อย่างไร ทั้งหมดมีอยู่เจ็ดบท พอนางเริ่มอ่านบทแรกสร้อยประคำเจ็ดสีที่นางสวมอยู่ก็เริ่มเปล่งแสง นางมองด้วยความสนใจ เมื่อก่อนสร้อยประคำเส้นนี้ไม่เคยเปล่งแสงออกมาเลย หรือว่าสร้อยเส้นนี้จะเชื่อมโยงกับวิชาในหนังสือเล่มนี้กันนะ สีแรกที่เปล

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่34 เปิดเนตรให้กับทุกคน

    ไม่นานทุกคนก็มารวมตัวกันที่เรือนของท่านหญิงว่านชิงอี รัชทายาทเฟยหยางและองค์ชายซีห่าว ตามมาเพราะเป็นห่วงว่านางจะเป็นอะไรมากหรือไม่ แต่พอมาถึงก็เห็นว่านชิงอี นั่งพิงหัวเตียงพูดคุยอยู่กับเหว่ยอ๋อง พวกเขาก็ถอนใจด้วยความโล่งอก คนสกุลว่านทุกคนก็มารวมกันที่เรือนว่านชิงอีกันหมด เพื่อมาดูอาการของนางด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นนางนั่งคุยได้อย่างปกติ ก็แยกย้ายกันออกไป เพราะดูเหมือนนางจะมีเรื่อง ที่ต้องพูดคุยกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ “ท่านอ๋อง องค์รัชทายาท องค์ชาย อยู่เสวยอาหารเย็นกันเสียที่นี่เถิดเพคะ เพราะว่าหม่อมฉันมีเรื่อง อยากจะปรึกษากับพวกท่านด้วยเพคะ” ว่านชิงอีกล่าวจบก็เตรียมตัวจะลงจากเตียง เพื่อมานั่งที่โต๊ะ เหว่ยอ๋องเห็นเช่นนั้นก็รีบอุ้มนางขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยถามนางอย่างอ่อนโยน “เจ้าจะไปนั่งที่โต๊ะหรือ?” “เพคะ” เหว่ยอ๋องจึงพานางเดินมาวางลงบนเก้าอี้ ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้าง ๆ นาง รัชทายาทและองค์ชายกลอกตามองบน กับความเอาอกเอาใจต่อว่านชิงอี อย่างออกหน้าออกตาของเหว่ยอ๋อง ที่ดูจะมากขึ้นทุกวันโดยไม่สนใจสายตาผู้ใด ว่านชิงอีกวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะเรียก ปิงปิง ตงไห่ อีถง ลูหลิ่ง และลู่กัง มาร่ว

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่33 ใช้พลังจนหมดสติ

    พอจัดการทุกอย่างเสร็จ ว่านชิงอีก็กลับมาขึ้นรถม้าเตรียมตัวไปที่สำนักงานสืบสวน ระหว่างทางที่ไปค่อนข้างเปลี่ยว เพราะจวนหลังนี้อยู่ห่างจากในเมืองราวครึ่งก้านธูป ปิงปิงสังเกตเห็นว่ามีคนสะกดรอยตามอยู่ห่าง ๆ ก็รีบบอกว่านชิงอีทันที “คุณหนูมีคนสะกดรอยตามเจ้าค่ะ เอาอย่างไรดีเจ้าคะ?” ว่านชิงอีรับรู้ก็หันไปบอกฮุ่ยเจียง “ฮุ่ยเจียงมีคนสะกดรอยตาม บอกให้องครักษ์ระวังตัว” ฮุ่ยเจียงร้องบอกองครักษ์ที่อยู่ด้านหน้า พวกเขาพอรู้เช่นนั้นก็รีบควบม้าให้เร็วขึ้น เพราะระยะทางห่างจากเมืองหลวงพอสมควร และค่อนข้างเปลี่ยวหากคนร้ายมากันหลายคน คาดว่าคงสู้ไม่ไหว แล้วก็เป็นจริงตามคาดด้านหน้ามีกองกำลังจำนวนหนึ่งยืนรออยู่ พอหันไปด้านหลังก็มีกองกำลังชุดดำอีกหนึ่งชุด ประกบหน้าประกบหลังเช่นนี้เห็นทีว่าคงรอดยาก องครักษ์ที่ขับรถม้าจึงรีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือขึ้นทันที “ท่านหญิงมีคนร้ายทั้งหน้าและหลังเลยพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ด้านหน้ารีบตะโกนบอกด้วยความกังวล ว่านชิงอีเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย พวกคนชั่วคงคิดกำจัดนางแล้วสินะ “ปิงปิงพาวิญญาณไปจัดการ” “เจ้าค่ะ” ปิงปิงทะยานออกไปทันที แต่ไม่นานก็กลับมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุณหนูพวกข

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่32 ผีหลอก

    เสียงผลักประตูเข้ามา ทำให้หมอที่กำลังทำคลอด หันมามองว่านชิงอีด้วยความไม่พอใจ นางเป็นใครเหตุใดช่างไร้มารยาทเช่นนี้ อยู่ ๆ เปิดประตูเข้ามาไม่รู้หรืออย่างไรว่า ห้องสตรีทำคลอดห้ามผู้ใดเข้ามารบกวน “ท่านเป็นใคร!เหตุใดช่างไร้มารยาท ท่านหมอกำลังทำคลอดอยู่ไม่เห็นรึ?” ผู้ช่วยหมอทำคลอดหันมาตวาดใส่ว่านชิงอีทันที แต่มีหรือว่านชิงอีจะใส่ใจ นางพุ่งสายตาไปที่ร่างของสตรีที่กำลังนอนร้องด้วยความทรมาน เหนือร่างของนางมีวิญญาณของสตรีนางหนึ่ง ที่ท้องแก่ใกล้คลอดกำลังจับขาของทารกเอาไว้ “คุณหนูนั่นมันผีตายทั้งกลมนี่เจ้าคะ” ปิงปิงรีบร้องบอกว่านชิงอีด้วยความตกใจ วิญญาณตนนั้นหันมามองว่านชิงอีด้วยสายตาแข็งกร้าว “ปล่อยขาของเด็กเถิด เจ้าเจ็บแค้นที่ตัวเจ้าไม่สามารถคลอดลูกจนตายทั้งกลม แล้วจะมาทำให้ชีวิตผู้อื่น เป็นเหมือนชีวิตของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เห็นแก่ตัวไปหรือไม่?” ว่านชิงอีเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น เพราะนางคิดว่าวิญญาณตนนี้น่าจะเกลี้ยกล่อมได้ “เจ้าไม่รู้อะไรก็อย่ามายุ่ง ข้าไม่มีทางปล่อยให้นางคลอดลูกได้แน่ ยังไงวันนี้นางต้องตายไปพร้อมกับลูกของนาง” ว่านชิงอีได้ยินเช่นนั้น ก็ก้าวเข้าไปจับมือของฮูหยินเซียวทันที เพราะไ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่31 หมอทำคลอดที่ดีที่สุด

    ทางด้านจ้าวลัทธิซิ่วเป่าในระหว่างทำพิธีอยู่นั้น จู่ ๆ แท่นบูชาก็เกิดไฟก็ลุกไหม้ขึ้นมา เขาเองก็ตกใจไม่คาดคิดว่า ไฟจะลุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือว่าวิญญาณที่ส่งไปจะทำไม่สำเร็จ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สองดวงวิญญาณยังไม่กลับมา ช่วงนี้วิญญาณที่เขาส่งไปไม่เคยได้กลับมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน ท่านหญิงจวินจู่นอกจากนางจะพูดคุยกับวิญญาณได้แล้ว นางยังมีความสามารถอื่นอีกหรือไม่? เรื่องนี้เขาต้องหาทางสืบให้กระจ่าง หากวิธีดึงวิญญาณข้างกายนางมาไม่สำเร็จ ก็คงต้องคิดหาวิธีอื่น อย่างเช่นฆ่านางทิ้งเสีย อย่างที่นายหญิงโจวเหม่ยหลิงได้บอกเอาไว้ ซึ่งวิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เขาทำงานรับใช้ตระกูลโจวมาอย่างยาวนาน มีเงินมีทองใช้และมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็เป็นเพราะได้ตระกูลโจวให้ความช่วยเหลือ แลกกับการที่เขาใช้วิชาอาคมกับวิญญาณ ให้ไปทำร้ายคนที่คิดขัดขวางผลประโยชน์ของตระกูลโจว การค้าของตระกูลโจวนั้นมีมากมาย ดังนั้นนายใหญ่อย่างโจวเหม่ยหลิง จึงดึงขุนนางหลายคนมาเป็นพรรคพวก แลกกับผลประโยชน์อันมหาศาลที่จะได้รับ และสามตระกูลใหญ่คือตัวเลือก ซึ่งก็ร่วมงานกันอย่างราบรื่นเป็นอย่างดี จวบจนมีท่านหญิงจวินจู่โผล่ขึ้นมา ฟังดู

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่30 การมาของวิญญาณ

    ดึกสงัดในค่ำคืนเดือนมืด ว่านชิงอีและพี่สาวอีกสองคนของนางก็ยังไม่พากันเตรียมตัวเข้านอน เพราะว่านชิงอีไหว้วานให้พี่สาวทั้งสอง ช่วยพับยันต์ที่นางเขียนขึ้นมามากมาย เพราะอีกไม่นานจะเป็นเทศกาลปีใหม่ ว่านชิงอีจึงอยากจะทำไว้แจกผู้คน แต่ในความรู้สึกส่วนตัวลึกๆ นางมีลางสังหรณ์ว่าจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้น นางจึงคิดว่าหากมียันต์ป้องกันภูตผีพกติดตัวกันเอาไว้ ก็อาจจะพอช่วยอยู่ได้บ้างแม้จะไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ว่านชิงอีปรายตามองปิงปิงที่นอนเล่นอยู่บนเตียงของนาง ส่วนดวงวิญญาณอีกสามดวงนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง “เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเยอะขนานนี้กัน? ว่านชิงหลานเริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะนั่งทำมาหลายชั่วโมงแล้ว เสี่ยวหมานพยักหน้าเห็นด้วยที่ เพราะนางก็เริ่มเมื่อยมือเช่นเดียวกัน “งั้นพี่ใหญ่พี่รองก็ไปนอนเถิดเจ้าค่ะ วันหลังคอยมาพับใหม่” ว่านชิงอีมองเห็นความเหนื่อยล้าของพี่สาวทั้งสอง จึงรีบบอกให้ไปพักผ่อนเสียง “ถ้าเช่นนั้นข้าไปก่อนนะ” ว่านชิงหลินและว่านชิงหลานรีบเอ่ยลา เพราะร่างกายเริ่มล้าและง่วงนอนเต็มที หลังจากพี่สาวของนางจากไปไม่นาน จู่ ๆ ลมก็พัดอย่างรุนแรงคล้ายจะมีลมฝน แต่กลิ่นที่มาพร้อมกับล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status