หลิวชิงชิงใช้ชีวิตอยู่ในเรือนเล็กท้ายตำหนักของท่านอ๋องอี้หลงอย่างเรียบง่าย ชีวิตเหมือนเดิมในทุกๆวันเช้าขึ้นมาเมื่อนางอาบน้ำชำระกายเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อย นางก็เข้าไปในครัวกับหยงเอ๋อเพื่อลงมือทำอาหารเช้าที่นางชอบกินกันกับหย่งเอ๋อ 2 คนจากนั้นเมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อยและลงมือทานกันแล้ว
บางวันนางก็ลงมือทำขนมกินเล่นที่เป็นขนมแห้งทั้งหลายที่เก็บไว้ได้นานเอาใส่ขวดโหลเรียงรายเอาไว้ในครัวเพื่อจะเอามานั่งกินกับน้ำชายามบ่ายจากนั้นนางก็จะนั่งเล่นหน้าเรือนของนางเงียบๆมองดูทิวทัศน์และบรรยากาศอันร่มรื่นหน้าเรือนอย่างสบายใจหรือไม่บางวันนางก็จะเอาผ้าจากในหีบสินเดิมของนางออกมาตัดเย็บเสื้อผ้าของนางหรือของหยงเอ๋อหรือเป็นพวกเครื่องใช้เช่นผ้าม่านผ้าคลุมโต๊ะหรือผ้าผวยที่ใช้นุ่นยัดเข้าไปอีกที เพื่อจะเอาไว้ใช้ในฤดูหนาว ขณะที่เย็บผ้ากันอยู่นั้นอุปกรณ์การตัดเย็บที่นำมาด้วยจากจวนเสนาบดีมีไม่ครบ
อาจจะต้องออกไปหาซื้อที่ตลาดมาเพิ่มเติม ลายผ้าบางลายนั้นนางก็เบื่อแล้วอยากจะไปหาลายใหม่ๆมาเพิ่มเติมเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าหรือเครื่องใช้อื่นๆอีก จึงให้หยงเอ๋อออกไปบอกพ่อบ้านว่าจะขอออกไปที่ตลาดให้เตรียมรถม้าไว้ให้นางด้วย เมื่อพ่อบ้านบอกว่าอีกครึ่งชั่วยามให้ออกไปขึ้นรถมาที่หน้าจวน ทั้งสองจึงเตรียมตัว พอได้เวลาก็เดินออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวน ระหว่างทางเดินลัดเลาะผ่านสวนไปนั้นชิงชิงก็เหลียวมองไปที่เรือนใหญ่ ที่เป็นที่พำนักของท่านอ๋องอี้หลงสวามีที่ยังไม่เคยเห็นหน้าของนาง
มองเข้าไปบรรยากาศสงบเงียบอึมครึมดูน่ากลัว ไม่มีแม้บ่าวสักคนที่จะเดินผ่านไปผ่านมา บ่าวในจวนนี้มีจำนวนไม่มากนัก ดูแล้วน่าจะนับคนได้ นอกนั้นก็จะเป็นทหารที่ยืนเฝ้ายามตามจุดต่างๆแล้วก็จะมีองครักษ์ของท่านอ๋องที่จะเดินไปมามองเห็นไกลๆ เมื่อมองเข้าไปไม่เห็นใคร นางก็เดินเลยไปเพื่อจะออกไปขึ้นรถมาที่หน้าตำหนัก เมื่อออกไปหน้าประตูเห็นรถม้าคันใหญ่มีตราประทับประจำตัวของท่านอ๋องอี้หลงติดอยู่มองดูหน้าเกรงขามยิ่งกว่ารถม้าที่นางเคยใช้ที่จวนของเสนาบดี ทั้งสองพากันขึ้นไปบนรถม้า เมื่อรถม้าวิ่งผ่านมาตามทางจนถึงตลาดผู้คนต่างหลบหลีกรถม้าที่มีตราประทับของตำหนักของอี้หลง
นางเข้าใจแล้วว่าอนุภาพของท่านอ๋องรุนแรงมากเพียงใดไม่มีใครกล้าขวางทางรถม้าเลย ทุกคนต่างหลบหลีกเป็นทางยาวไปทำให้ถึงตลาดด้วยความรวดเร็ว เมื่อลงจากรถม้าคนขับบอกว่าจะไปจอดรออยู่ที่ริมถนนหน้าตลาด ถ้าหากว่าพระชายาเสร็จธุระแล้วให้บ่าวไปตามเขาได้จากนั้น ทั้งสองก็เดินชมข้าวของในตลาดอย่างสบายใจ ซื้อถังหูลูกมา 2 ไม้แบ่งกันกินกับหยงเอ๋อคนละไม้ระหว่างทางที่เดินไปร้านขายผ้าเมื่อเดินไปถึงร้านขายเสื้อผ้านางตรงเข้าไปเลือกลายผ้าที่นางต้องการเถ้าแก่ของร้านออกมาต้อนรับด้วยความยินดีด้วยรู้ว่าคุณหนูหลิวชิงชิง ตอนนี้ได้กลายเป็นพระชายาของท่านอ๋องอี้หลงแล้ว ชิงชิงชี้เลือกลายผ้าที่นางต้องการได้หลายพับรวมถึงเลือกซื้อผ้าให้หย่งเอ๋อเพื่อเอาไว้ตัดเครื่องแต่งกายของหยงเอ๋อเองด้วยและเลือกซื้อผ้าที่จะใช้ทำผ้าม่านและเครื่องใช้ที่เรือนเล็กเพิ่มจากนั้นก็สั่งซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บที่เราต้องการจนครบแล้วสั่งให้เถ้าแก่เอาให้คนเอาไปส่งที่ตำหนักของท่านอ๋องอี้หลง
จากนั้นหยงเอ๋อก็นำเงินตำลึงชำระให้แก่เถ้าแก่จนเรียบร้อย เมื่อเสร็จการซื้อผ้าทั้งสองก็ออกจากร้านตรงไปเดินไปเรื่อยๆทำข้าวของข้างทางแปลกๆและเลือกซื้อบางอย่างที่นางต้องการ แล้วก็เข้าตรงไปที่ร้านเครื่องประดับนางเข้าไปเลือกชมเครื่องประดับที่วางเรียงรายอยู่ละลานตาเลือกซื้อกำไลลายแปลกๆเพิ่มอีกสองชิ้น และซื้อกำไลหยกให้หยงเอ๋อหนึ่งชิ้นและนางก็ซื้อปิ่นปักผมลายผีเสื้ออีก 1 ชิ้นและซื้อเครื่องประดับที่ใช้ประดับผมอีก 3-4 ชิ้นด้วยกันเมื่อได้ของเรียบร้อยหยงเอ๋อควักเงินตำลึงชำระให้กับทางร้านแล้วทั้งสองก็ออกจากร้านไป
ตรงไปที่ร้านเครื่องร้านเครื่องยาเพื่อหาซื้อเครื่องเทศบางอย่างจะนำเอาไปติดไว้ในครัวเพื่อเอาไว้ใช้ทำอาหารและขนมที่นางชอบและเลือกซื้อผลไม้ผลไม้แช่อิ่มและอาหารแห้งบางอย่างรวมถึงปลาตากแห้งเนื้อตากแห้ง เอากลับไปด้วยและซื้อเนื้อวัวเนื้อหมูเพื่อนำไปติดครัวไว้อีกเล็กน้อย ยังมีผลไม้ที่น่ากินก็เลือกซื้อไป 2-3 อย่างและเห็นผักสดที่ชาวบ้านเอามากองขายข้างทาง นางก็เลยช่วยอุดหนุนชาวบ้านและขอให้ชาวบ้านคนนึงช่วยขนข้าวของตามหยงเอ๋อไปเก็บไว้ที่รถม้า
แล้วนางก็เดินเข้าไปเดินดูของใช้ในร้านข้างๆ ระหว่างที่รอหยงเอ๋อเอาของไปเก็บ ขณะที่เลือกดูข้าวของในร้านขายเครื่องเคลือบที่นางเข้ามานี้นางเห็นถ้วยชาใบใหญ่นางจึงเลือกซื้อมาอีก 4-5 ใบเพื่อนำไปใช้น้ำใส่น้ำสมุนไพร เพราะที่เรือนหลังเล็กนั้นมีแต่จอกใบเล็กๆจากนั้นนางเลือกซื้อโถเคลือบอีก 2-3 ใบและหม้อเคลือบใบเล็กอีก 3 ใบด้วยกันแล้วให้เถ้าแก่นำไปส่งให้ที่ตำหนักของท่านอ๋อง บอกเขาว่าเป็นของพระชายาระหว่างนั้นนางก็นั่งรอที่ร้านให้หยงเอ๋อมาชำระเงินและจะได้กลับกันเลย
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปไป 3 เดือนเช้าวันหนึ่ง เมื่อตื่นมาพระชายาหลิวมีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เช้านางรีบวิ่งไปที่กระโถนเพื่ออาเจียนเอาน้ำใสๆออกมา ท่านอ๋องลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองพระชายาวิ่งไปอาเจียนตั้งแต่เช้าและลุกขึ้นไปลูบหลังนางว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง จะให้ตามท่านหมอเลยไหมนางบอกว่าตามท่านหมอมาก็ดีเหมือนกันเพราะนางไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย ท่านอ๋องจึงเรียกหยงเอ๋อมาบอกว่าให้ไปตามให้ไปบอกพ่อบ้านให้ไปตามหมอมาดูอาการพระชายาตอนนี้เลย หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพยุงชิงชิงมานั่งมานั่งบนเตียง จากนั้นให้หย่งเอ๋อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาจนสบายดีแล้วเอายายาแก้คลื่นเหียนมาให้นางสูดดมจนนางรู้สึกสบายขึ้นจึงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เพื่อรอท่านหมอ ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านหมอก็เดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กและลงมือตรวจอาการพระชายา เมื่อลงมือตรวจอาการไปได้สักพักหนึ่งก็หันมาบอกท่านอ๋องว่าขอแสดงความยินดีด้วยตอนนีพระะชายมีท่านอ๋องน้อยแล้วขอให้พระชายาดูแลตนเองให้ดีๆตอนช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากให้ทำกิจกรรมเบาๆเพราะยังท้องอ่อนๆอยู่และได้ให้ยาบำรุงครรภ์ไว้
อีกสองวันต่อมาท่านแม่ทัพใหญ่ลู่กังเข้าวังเพื่อไปทูลขอร้องฮ่องเต้ให้ขอออกราชโองการหย่าร้างหลู้เหม่ยหลิงกับท่านอ๋องอี้หลงเพราะว่าท่านอออี้หลงมีอาการกำเริบทำให้ลูกเหม่ยหลิงหวาดกลัวมาก นางกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแม้ท่านแม่ทัพบอกว่าแม้จะเห็นใจท่านอ๋องอี้หลงเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวหวาดกลัวสามีตนเองจงมีอาการเหมือนเหมือนจะบ้า เขาคงขอต้องขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่บุตรีของตนเองจะกลายเป็นบ้า เมื่อฮ่องเต้รู้เรื่องก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะเข้าใจดีและอีกอย่างหนึ่งท่านอ๋องอี้หลงก็มาบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เขา ตั้งแต่แรกแล้วเพราะว่าไม่ได้ต้องการพระชายารองตั้งแต่แรกแล้วเขารักเพียงหลิวชิงชิงชายาของเขาเพียงเท่านั้น หากว่ามีท่านแม่ทัพใหญ่มาขอหย่าก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการให้เขาด้วยฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะออกราชโองการให้เลยตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่กลับออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ ที่การขอร้องฮ่องเต้เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น เมื่อคล้อยหลังท่านอ๋องท่านแม่ทัพใหญ่ ฮ่องเต้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่านอ๋องทำแบบนี้ดีแล้วมันจะได้ไม่มีปัญหากับทุกฝ่ายทั้งไม่มีปัญหากับบ้านเมืองและท่านอ๋องก็สมหวังไม่ต้องมีชายาที่ตัวเองไม
ท่านอ๋องนั่งที่เรือนเล็กปล่อยให้นางบีบนวดตามร่างกายไปได้สักครู่ เขาก็รู้สึกถึงอาการป่วยของเขาที่เริ่มจะกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการร้อนรุ่มตามร่างกายเหมือนมีอาการลมปรานแปรปรวน ธาตุไฟจะเข้าแทรกพอเริ่มมีอาการเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามลำคอและใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเต้นตุบๆเหมือนมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น มองดูน่ากลัวมากทั้งหน้าเขามีแต่เส้นเลือดไขว้กันเป็นใยแมงมุม เริ่มขึ้นตามหน้าใบหน้าและลำคอให้เห็นดูน่าสยดสยองมาก พระชายาหลู้และบ่าวรับใช้ของนางกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นสิ่งนั้นนางทรุดนั่งลงกับพื้น หงายหลังล้มลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก นางหนีท่านอ๋องออกมายังหน้าประตู เมื่อนางหันไปมองเห็นท่านอ๋องทรุดนั่งลงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เสียงนั้นบาดลึกเข้าไปในใจนาง มันน่ากลัวมากเหมือนกับอสุรกายร้ายหรือปีศาจที่เขาเล่าลือกัน นางรู้แล้วสิ่งที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นความจริงท่านอ๋องเป็นมนุษย์กึ่งปีศาจนางเพียงแต่เห็นแต่รูปโฉมที่เป็นมนุษย์ของเขา อาจจะเป็นรูปโฉมที่ลวงตาคนก็ได้ แต่ตอนนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขามันเหมือนปีศาจที่น่ากลัวม
พระชายารองหลู้เดินวนเวียนไปมาในเรือนเล็กปีกซ้ายของตนเอง ตั้งแต่หลังเข้าหอท่านอ๋องแทบจะไม่มาที่เรือนหลังนี้เลยเมื่อนางไปหาก็ไม่พบหรือไม่ท่านอ๋องก็ให้นางกลับมารอที่เรือนนี้แล้วจะตามมา แต่ก็ไม่เคยตามมาหานางดังที่บอกนางเลย นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลานเอ๋อสาวใช้ของนางที่นั่งมองพระชายาหลู้เดินวนเวียนไปมาจนปวดหัวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ พระชายารองเจ้าคะ เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ หากคิดจะผูกใจสามีท่านต้องมีความอดทนมากกว่านี้ งั้นวันนี้ท่านลองทำขนมไปให้ท่านอ๋องชิมดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการหาทางใกล้ชิดพูดคุยกันมากๆ เผื่อจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ” พระชายาหลู้มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ข้าจะเข้าไปทำขนมแล้วเอาไปให้ท่านพี่ลองชิมดูก็แล้วกัน” นางเข้าไปไปทำขนมขนมหวานสูตรที่มารดาเคยสอนนางและมันอร่อยมาก เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถือจานขนมนั้นตรงไปที่ตำหนักใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงพ่อบ้านบอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ออกไปธุระต่างเมืองอีกหลายวันถึงจะกลับนางโมโหมากที่ท่านอ๋องไม่บอกนางเลยว่าจะไปที่ไหนนางเป็นพระชายาของท่านอ๋องแท้ๆ แต่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสวามีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ที่ตำหนัก แถมยังไม่เคยมาห
ท่านอ๋องอี้หลงสั่งองครักษ์ไปสอดแนมที่จวนเสนาบดีหลิวว่าพระชายาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีใครมาหานางหรือนางไปพบใครบ้าง ให้มารายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาง ด้านจวนเสนาบดี หงอี้หรานมาเยี่ยมชิงชิงที่จวนเสนาบดีบ่อยๆ เขามักจะมานั่งคุยกับชิงชิงที่ศาลากลางสระบัว มานั่งกินขนมที่ชิงชิงทำ และบางครั้งก็หาซื้ออะไรแปลกๆมาฝากนาง หรือเขามักจะอยู่รับทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสนาบดีหลิวเพราะเขารู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นในจวนเสนาบดีนี้ และมาเยี่ยมครอบครัวเสนาบดีหลิวพร้อมบิดามารดาของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมืองตงสู ชิงชิงเกิดความคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองตงสูดูบ้าง นางไม่ได้ไปเที่ยวต่างเมืองมานานแล้ว หงอี้หรานจึงบอกว่างั้นก็ตามเขาไปเที่ยวที่เมืองตงสูได้เลย เขาจะกลับเอาของไปส่งเป็นเที่ยวแรกในอีกสามวัน ชิงชิงจึงบอกว่าจะต้องขออนุญาติท่านพ่อก่อนว่าจะให้นางไปได้หรือไม่ องครักษ์ขั้นสองของท่านอ๋องนำข่าวเรื่องเกี่ยวกับพระชายากลับไปทูลท่านอ๋องทุกเรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานขององครักษ์ขั้นสอง ท่านอ๋องใบหน้าบึ้งตึ้งขึ้นมาทันที หมายความว่านางมีที่หมายใหม่ อยากจะหาสามีใหม่ทั้งที่สามีเก่าก็ยังอยู่ตรงนี้ นาง
วันนี้ชิงชิงมาเดินเล่นที่ตลาด นางสบายใจขึ้นบ้างแล้วและเริ่มทำใจได้ นางคิดได้แล้วจะขอหย่ากับท่านอ๋องให้ได้ เมื่อตัดใจได้จึงมาเดินเล่นซื้อหาของกินที่ตลาดกับหยงเอ๋อ เมื่อเดินหาของกินเล่นได้หลายอย่างแล้ว แวะซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บเล็กน้อย ซื้อเครื่องปรุงครีบประทินผิวเพิ่มเติม ผลไม้เชื่อมหลายๆอย่าง และก็เดินเล่นเรื่อยๆไป ขณะนั้นหันไปสบตากับบุรุษคนหนึ่งเขายิ้มกว้างให้นางเหมือนดีใจที่ได้พบกัน นางมองรอยยิ้มนั้นแล้วเพิ่งนึกออกว่าคืออดีตสหายวัยเด็ดที่ชื่อหงอี้หราน ฝ่ายอี้หรานรีบเดินมาหานางทันที “ จำข้าได้ไหมชิงเอ๋อ ข้าไปค้าขายที่ต่างเมืองมาหลายปีเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่จึงมาเดินเล่นดูข้าวของแปลกๆเผื่อจะนำไปขายยังเมืองตงสูที่ข้าทำการค้าอยู่ ” ชิงชิงยิ้มตอบร่างหนา “ ไม่ได้พบกันเสียนาน เมื่อยังเยาว์เจ้าขี้เหร่มากไม่หล่อเหลาเท่านี้ พอโตขึ้นแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมเกร็งตอนนี้สูงใหญ่ผึ่งผายน่าดู ” อี้หรานยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย “ ก็ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดีกินดีกว่าเดิมก็เลยอ้วนท้วนขึ้น แต่เจ้าสวยงามขึ้นมาก ออกเรือนหรือยัง หากยังข้าขอสมัครเป็นคนแรก เจ้าจะรับพิจารณาหรือไม่ ”ชิงชิงหัวเราะเบาๆคิดว่าเขาพู