แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 01:37:26

ซูหนี่กลับมาถึงก็จัดการทำอาหารทันที นางทำไก่ย่างสองตัวกับน้ำแกงไข่ให้เด็กแฝดทั้งสองด้วย เมื่อทั้งสี่กินกันจนอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าลงเขาทันที

ระหว่างทางยังแวะเก็บผลไม้อีกด้วย เพราะครั้งที่แล้วนางเก็บไปฝากเด็กทั้งสองเพียงไม่นานผลไม้ทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในท้องของเด็กแฝดแถมยังมาออดอ้อนให้นางะามาเก็บอีกด้วย ครั้งนี้จึงเก็บกลับไปมากหน่อย

เมื่อถึงบ้านซูหนี่ยังมีเวลาเหลือที่จะจัดการกับถั่งเช่าก่อนที่จะทำอาหารเย็น นางล้างจนสะอาดแล้วนำไปตากแดด หนิงเฉิงกับหนิงอันจะเรียกว่าช่วยก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้ทั้งคู่เสื้อผ้าเปียกปอนกันเหมือนลูกหมาตกน้ำ ซูหนี่อยากจะห้ามแต่เห็นแววตาที่มองมาก็กลืนคำพูดลงคอไป 

กว่าที่นางจะจัดการทุกอย่างเสร็จ แล้วจับเด็กน้อยอาบน้ำเข้านอน นางก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินเท้าเข้าเมืองอีก ซูหนี่หัวถึงหมอนนางก็หลับทันที

เช้านี้นางยังคงทำเช่นเหมือนเช่นเคย เมื่อเตรียมอาหารเสร็จก็อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ซูหนี่ลองค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเงินที่ร่างเดิมเก็บไว้ หากจะให้นางไปขอค่าเข้าเมืองจากจ้าวหนิงหลงนางก็ไม่กล้า ในตู้เสื้อผ้ามีถุงเงินซ่อนอยู่ นับดูก็พบว่ามีสิบอิแปะ จำนวนเงินเท่านี้เพียงพอให้นางขึ้นเกวียนเข้าเมืองแล้ว

ซูหนี่หยิบถั่งเช่าที่นางใช้ผ้าเก่าๆที่หาได้ห่อไว้ใส่ในตะกร้า แล้วแบกขึ้นหลังไป เด็กน้อยทั้งสองยังคงตอนหลับฝันหวานอยู่ นางจึงปิดประตูให้เบาที่สุดหากตื่นขึ้นมาคงต้องใจอ่อนพาไปด้วยอีกแน่

"เจ้าจะไปไหน" ซูหนี่ตกใจสุดตัว 

"ท่านเป็นผีหรือไง มาทีไรข้าไม่เคยได้ยินเสียง ข้าจะเข้าเมือง" ซูหนี่ถลึงตาใส่จ้าวหนิงหลง

"ข้าไปด้วย จะนำตำราที่คัดเสร็จแล้วไปส่งด้วย" เพราะซูหนี่จ้องมองอย่างสงสัยว่าเขาจะไปด้วยทำไม จ้าวหนิงหลงจึงต้องอธิบายให้นางฟัง

"แล้ว เด็กๆเล่า" ไม่ใช่ว่าต้องขนกันไปทั้งหมดเลยหรอกหรือ

"พาไปด้วย" จ้าวหนิงหลงปรายตามองซูหนี่เหมือนสองคนโง่ เด็กเล็กสองคนจะให้อยู่กับใคร

แล้วนางจะพูดอะไรได้ ในเมื่อเขาบอกว่าจะนำตำราที่คัดเสร็จแล้วไปส่ง หากจะให้นางไปส่งให้นางก็ไม่รู้ว่าร้านตำราที่เขารับงานอยู่ที่ใด หากเขาไปด้วยคงจะแนะนำร้านขายยาที่ให้ราคายุติธรรมกับนางได้

"งั้นท่านไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวข้าเรียกเด็กๆลุกเอง" นางเดินกลับเข้าในห้องเพื่อเรียกเด็กๆ โดยไม่รู้เลยว่าคนด้านหลังยกยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจที่นางเชื่อฟังอย่างดี

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งสี่ก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นเกวียนวัวที่หน้าหมู่บ้าน แต่ตอนที่เปิดประตูไปนั้นมีคนยืนรออยู่หน้าบ้านด้วย

"พี่หลง ท่านจะเข้าเมืองใช่ไหมเจ้าคะ พอดีข้าจะเข้าเมืองเช่นกันเจ้าค่ะ" ซูหนี่หันไปยักคิ้วให้จ้าวหนิงหลง บอกเป็นนัยๆกับเขาว่า นางเอกของท่านเป็นพยาธิในท้องท่านแน่ รู้ว่าท่านจะเข้าเมือง

ลี่อินที่บ้านนางมีเกวียนวัวเป็นของตนเองวันนี้บิดาของนางจะเข้าเมืองเพื่อไปคุยเรื่องหมั้นหมายของนาง นางรู้ว่าทุกเจ็ดวันจ้าวหนิงหลงจะนำตำราที่คัดไปส่งในเมืองนางจึงมาชวนเขาไปด้วยกัน เพื่อให้คุณชายเจียงเห็นว่านางมากับบุรุษคนอื่นงานหมั้นครั้งนี้จะได้ไม่สำเร็จ

"งั้นท่านไปกับแม่นางลี่อินเถิด ข้าจะพาลูกๆไปเอง" ให้นี่เปิดช่องให้พระเอกนางเอกได้ใกล้ชิดกัน ส่วนนางจะพาเด็กแฝดไปเที่ยวในเมืองเอง

"ไม่รบกวนเจ้า ข้าจะไปขึ้นเกวียนที่หน้าหมู่บ้าน" จ้าวหนิงหลงขว้ามือซูหนี่ข้างหนิงเฉิงข้างแล้วรีบเดินไปทันที เขารู้เรื่องหมั้นหมายของนางแล้ว เขาจึงไม่อยากให้ลี่อินเป็นที่ครหาของชาวบ้าน

ซูหนี่เมื่อถูกดึงไปก็ขัดขืนไม่ได้จึงได้แต่ยอมให้จ้าวหนิงหลงจูงไปถึงเกวียนวัวที่จอดรอรับคนอยู่

ลี่อินมองตามไปอย่างตะลึง นางไม่อยากจะเชื่อหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองว่า จ้าวหนิงหลงจะจับมือซูหนี่ต่อหน้านาง นางคิดมาตลอดว่าสักวันเขาจะหย่ากับซูหนี่แล้วมาแต่งกับนาง ยิ่งได้เห็นคนทั้งคู่ใกล้ชิดกันนางยิ่งปวดใจ

แม้มารดาจะห้ามนางแล้ว ไม่ให้นางมาชวนเขาเข้าเมืองด้วยกันแต่นางไม่เชื่อ เพราะนางยังหวังว่าเขาจะเลือกนาง หากเขารู้ว่าวันนี้ครอบครัวนางต้องไปคุยเรื่องหมั้นหมายเขาจะขอร้องบิดามารดานางให้ยกเลิกงานหมั้นในครั้งนี้

ซูหนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวหนิงหลงจะต้องเมินเฉยกับลี่อินด้วยหรือเพราะเขาเป็นบัณฑิตจึงมีคุณธรรม ก็อาจจะใช่ คงยังไม่ถึงเวลา

เพราะตามเนื้อเรื่องที่นางได้ร่วมแสดงนั้น นางเอกก็แต่งงานไปกับคุณชายเจียงแต่เพราะทนนิสัยที่เจ้าชู้ของคุณชายเจียงไม่ไหว จึงให้จ้าวหนิงหลงวางแผนช่วยให้นางได้หย่า 

ซูหนี่ไม่คิดจะเข้าไปขัดขวาง เนื้อเรื่องเป็นเช่นไรนางก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ตอนนี้นางมีหนังสือหย่าแล้วเรื่องที่กลัวว่าเขาจะฆ่านางคงไม่เกิดขึ้นแล้ว 

เมื่อคนเต็มเกวียนวัวก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมือง ถนนที่เป็นหลุมนางต้องทนนั่งโขยกเขยกไปถึงหนึ่งชั่วยาม นางที่เพิ่งจะเคยนั่งครั้งแรกก็ยังทรงตัวได้ไม่ดีนัก ไหนจะมีหนิงอันนั่งบนตัก ตะกร้าใส่ของก็ต้องคอยจับไว้ อาหารเช้าที่กินเข้าไปแทบจะออกมาอยู่รอมร่อ

ยังดีที่นางได้นั่งข้างหน้าจึงทำให้มีลมพัดเข้ามาด้านในช่วยให้อาการอยากจะอาเจียนค่อยๆทุเลาลง จ้าวหนิงหรงดึงจะกร้าไปจับไว้เองเมื่อเห็นนางทรงตัวไม่อยู่ อย่างน้อยเรื่องนี้คงนับเป็นข้อดีของเขาได้

เมื่อนัดหมายเวลาหลับเรียบร้อย จ้าวหนิงหลงเดินไปจ่ายค่าเข้าเมือง ดีที่เสียแค่ผู้ใหญ่สองคน เฉิงเออร์กับอันเออร์ด้วยวัยเพียงสามหนาวจึงไม่เสียค่าเข้า ไม่ใช่นางจะไม่ออกเงิน แต่เป็นเขาที่ไม่รับถุงเงินของนางไปเอง

หลังจากที่เดินเข้าประตูเมืองมาแล้วจะพบที่ว่าการของอำเภอ ให้ชาวบ้านมาติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องต่างๆไปจนถึงร้องเรียนด้วย เดินไปหนึ่งลี้จนพบห้องแถวสองชั้นที่สร้างเป็นหน้าร้านขายของ มีทั้งโรงเตี๊ยม เหลาอาหาร ร้านเครื่องหอม ร้านขายผ้า ข้าวสาร ฯลฯ ตามตรอกซอกซอยก็มีร้านค้ารวมถึงบ้านคนด้วย อีกฝั่งด้านหน้าจะเป็นตลาดและมีโซนที่ให้ชาวบ้านมาวางขายของแบกับดิน แม้จะดูวุ่นวายแต่จัดสรรได้อย่างลงตัว 

ส่วนโรงหมอ ร้านตำรา สำนักศึกษาต้องเดินไปสองลี้จากประตูเมือง จะเป็นแหล่งที่คนไม่ค่อยวุ่นวายเสียเท่าไหร่ นอกเสียจากร้านขายยากับโรงหมอที่มีชาวบ้านค่อนข้างเยอะที่หน้าร้าน ถ้าเป็นสถานที่เริงรมย์จะอยู่ทางประตูเมืองทิศใต้ ถือว่าเจ้าเมืองจัดการได้เป็นอย่างดี 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   ตอนพิเศษ

    องค์รัชทายาทจ้องมองจ้าวหนิงหลงอย่างขอร้อง จ้าวหนิงหลงถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขารู้เรื่องเจ้าเมืองหานกับสิ่งที่บุตรสาวของเขาทำแล้ว แต่อยากจะรู้ว่าองค์รัชทายาทจะทำอย่างไร แต่เรื่องที่บุตรสาวของตนเสียใจเป็นเรื่องจริง บิดาอย่างเขาทนเห็นไม่ได้เขาเลี้ยงนางมาแทบจะอมไว้ในปาก หากนางต้องเจ็บปวดเช่นนี้เขายอมให้นางแต่งออกไปกับคนธรรมดาเสียดีกว่าองค์รัชทายาทที่ได้รู้เจียวเจียวอยู่ที่ใดก็ไม่รั้งรออีก เขารีบออกจากวังไปพบนางทันที "เจ้ารอรับราชโองการได้เลยหนิงหลง ครั้งนี้เจิ้นยังยอมให้อวี่เออร์ไม่แต่งอนุเข้าตำหนัก เจ้าก็คงต้องยอมถอยก้าวหนึ่งได้แล้วกระมัง" ฮ่องเต้ถลึงตาใส่จ้าวหนิงหลงอย่างไม่สบอารมณ์ซูหนี่กับซูฉีมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม สุดท้ายก็ต้องยินยอมเช่นนี้ แล้วตาเฒ่าของตนจะดื้อด้านตั้งแต่แรกกันทำไมเซี่ยเฟยอวี่ที่ควบม้าเร็วโดยไม่หยุดพักตลอดสองชั่วยามก็มาถึงเรือนพักอากาศของตระกูลจ้าว เขาให้คนไปแจ้งจ้าวเหว่ยว่าบิดาเขาเรียกตัวกลับด่วน เพราะที่จวนเกิดปัญหา ส่วนตัวเขาได้รับอนุญาตให้มาแก้ไขเรื่องที่ซูเจียวเข้าใจผิดจ้าวเหว่ยแม้ไม่อยากจะเชื่อเซี่ยเฟยอวี่แต่ก็จับผิดเขาไม่ได้จึงรีบกลับจวน

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   ตอนพิเศษ

    เวลาสามปีที่ผ่านมา เซี่ยเฟยอวี่ส่งจดหมายมาไม่ได้ขาด จ้าวซูเจียวตอนนี้เป็นสาวสะพรั่ง ไม่ว่าจะก้าวเดินไปที่ใดล้วนแต่ได้รับความสนใจ จนหลังๆนางเบื่อสายตาที่แทะโลมของบุรุษกักขฬะที่ไม่กลัวบิดาของนางควักลูกตาทั้งหลาย จึงเลือกที่จะอยู่ในจวนหรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่นที่ตำหนักองค์หญิงฟางเซียนที่ตอนนี้แต่งราชบุตรเขยจนมีท่านชายน้อยแล้ว"เจ้ารู้หรือยังว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จกลับเมืองหลวงแล้ว" ฟางเซียนกล่าวกับซูเจียวที่หยอกล้อบุตรของตนอยู่ นางพยักหน้ารับรู้แต่มิได้พูดสิ่งใด เซี่ยเฟยอวี่ส่งข่าวให้นาง ตอนนี้เขาคงจะถึงกลางทางแล้ว แต่เรื่องคืนนั้นที่เขาลอบเข้ามาพบนางไม่มีใครรู้ และเรื่องที่นางติดต่อกับเขาก็มีเพียงคนในครอบครัวที่รู้เท่านั้น นางจึงไม่พูดออกไปวันที่เซี่ยเฟยอวี่เสด็จกลับถึงเมืองหลวง นางไม่ได้ไปรอรับเขา แต่ข่าวลือที่องค์รัชทายาทพาสตรีแดนเหนือกลับมาด้วยเรื่องนี้นางย่อมได้ยิน จ้าวหนิงหลงแทงจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เขาอยากจะเข้าไปพังตำหนักขององค์รัชทายาทแต่ก็ทำมิได้ บุตรชายทั้งสี่เช่นกัน งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาครั้งนี้จ้าวซูเจียวมิยอมไป จ้าวหนิงหลงกับซูหนี่เห็นเช่นนั้นก็ปวดใจ ทุกคนต่างรู้ว่าบุตรสา

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   ตอนพิเศษ

    องค์รัชทายาทเสด็จมาเยี่ยมดูอาการของซูเจียวทุกวันแต่นางไม่ให้เขาเข้าพบ มีเพียงพี่ขายของนางที่หมุนเวียนออกมาต้อนรับเขาเท่านั้น เขาไม่เข้าใจว่านางทำเช่นนี้กับเขาเพื่ออันใดจนบุกเข้าไปถึงเรือนของนางเพื่อคำตอบซูหนี่สั่งให้บุตรชายทั้งสี่ของตนหลบทางให้องค์รัชทายาทเข้าไปพบจ้าวซูเจียว นางรู้ว่าบุตรสาวของตนเป็นเช่นเดียวกับตนหากเรื่องใดที่ไม่สมควรดึงดัน จ้าวซูเจียวจะถอยห่างทันที"เจียวเจียวเหตุใดเจ้าไม่ยอมพบหน้าข้า" เซี่ยเฟยอวี่มองนางในดวงใจอย่างปวดใจ นางหายป่วยมาเกือบเดือนแล้ว มิใช่ว่านางสบายดีตั้งแต่อาทิตย์แรกหรือ ทำไมต้องหลบหน้าตน"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันกลัวนำโรคไปติดพระองค์จึงไม่ได้ออกไปต้อนรับเพคะ" ท่าทีที่ห่างเหินทำให้เซี่ยเฟยอวี่ปวดใจจนแทบคลั่ง นางไม่เคยพูดเป็นทางการเช่นนี้กับเขาเลยสักครั้งเมื่ออยู่เพียงลำพัง แต่วันนี้นางขีดเส้นชัดเจนมิให้เขาล่วงล้ำเข้าไป"เจียวเจียว เจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้กับข้า" เขาทนไม่ได้หากนางหันหลังให้เขา นางคือความสดใสเดียวในชีวิตของเขา"พระองค์เลิกดึงดันเถิดเพคะ ตำแหน่งที่พระองค์ต้องการมอบให้หม่อมฉัน หม่อมฉันรับไม่ไหวจริงๆ หากพระองค์ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ห

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   ตอนพิเศษ

    "เจียวเจียว" เสียงเด็กหนุ่มวัยสิบสองหนาว ร้องเรียกจ้าวซูเจียวเสียงดังลั่นเมื่อเดินผ่านประตูจวนตระกูลจ้าวเข้ามา เซี่ยเฟยอวี่ องค์รัชทายาท แขกประจำจวนตระกูลจ้าว"พี่อวี่" เสียงเด็กน้อยวัยแปดหนาวร้องเรียกพร้อมวิ่งมาหาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เด็กน้อยตากลมโต ความงามที่หากนางเป็นที่สองในเมืองหลวงคงหาที่หนึ่งมิได้ นอกจวนจะลือว่านางอ่อนแอเปาะบางเพียงใด แต่ความจริงแล้วนางแข็งแรง สดใสร่าเริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดที่นั่นล้วนแล้วแต่น่ามองไปเสียทุกอย่างองค์รัชทายาทในปีนี้ก็เริ่มมองหาพระชายาเพื่อหมั้นหมายแล้ว แต่เสนาบดีจ้าวยังคงมิใจอ่อนยอมให้เขาได้เข้าใกล้เจียวเจียวมากเกินไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาแอบหนีออกจากวังมาพบนาง เพียงได้เห็นรอยยิ้มของนาง ได้พูดคุย เรื่องต่างๆในวังที่แสนเบื่อหน่ายก็หายไปในพริบตาเพราะบิดาของนางไม่อยากให้บุตรสาวของตนโดนกักขังอยู่ในวังหลัง และไม่ต้องการให้ว่าที่บุตรเขยมีอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง เมื่อมองตนเองแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะได้ครอบครองตัวนางเมื่อจ้าวซูเจียวอายุได้สิบสามหนาว บิดาอย่างจ้าวหนิงหลงก็ขังนางไว้แต่ในจวนมิได้เสียแล้ว เจียวเจียวติดตามบิดามารดาและพี่ชายทั้งสี่เข้า

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 33

    จ้าวหนิงหลงพาซูหนี่ไปบ้านพักตากอากาศนอกเมือง เขาทิ้งบุตรชายทั้งสี่ไว้ที่เรือน แม้เหว่ยเออร์จะโวยวายเพียงใด บิดาเช่นเขาก็ไม่ยอมใจอ่อนพามาด้วย อันเออร์มองน้องชายจอมโง่ที่ได้แต่ร้องไห้ ตัวเขาก็เคยผ่านมาแล้ว น้ำตาไม่ทำให้ท่านพ่อใจอ่อนเรือนสี่ประสานหลังใหญ่ที่เขาได้รับพระราชทานจากฝ่าบาท ห้อมล้อมไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี บ่อแช่น้ำร้อนมีกว้างขวางพอให้คนนับสิบลงไปแช่ได้ แต่ตอนนี้คนที่แช่มีเพียงสองสามีภรรยาเท่านั้นจ้าวหนิงหลงที่แช่น้ำรอภรรยารักอยู่ก่อนแล้ว ซูหนี่แม้จะบอกว่านางคลอดบุตรออกมาแล้วสี่คน แต่เขายังคงหลงใหลในความงามของนางอยู่เช่นเดิม ร่างกายทรวดทรงส่วนเว้าสวนโค้งของนางงดงามดั่งภาพวาด ยิ่งนางเยื้องย่างก้าวเดินเข้ามา เหมือนกันทุกก้าวเดินของนางกระแทกลงไปที่ใจของเขาเพียงเห็นแค่นั้น จ้าวหนิงหลงก็ลุกพรวดขึ้นจากน้ำอุ้มซูหนี่ลงน้ำทันที ไม่ต้องรอให้นางเอ่ยปากอนุญาตเขาที่แทบจะอดกลั้นไม่ไหวก็จู่โจมเสียแล้ว บทรักอันร้อนแรงใต้น้ำได้เริ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ เสียงอันน่าอับอายที่ดังไปทั่วก็ไม่ต้องอดกลั้นกลัวใครได้ยิน บ่าวที่ติดตามมาก็เป็นคนเก่าที่รู้งานอย่างดีตอน

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 32

    กว่าซูหนี่จะฟื้นขึ้นมาก็ผ่านมาสองวัน จ้าวหนิงหลงไม่ออกห่างจากนางเลย เขานั่งจับมือมองนางเช่นนั้นทั้งวันทั้งคืน เพราะกลัวว่าหากปล่อยมือนางเมื่อใดนางจะทิ้งเขาไปในที่ที่นางจากมา (ก็บอกแล้วว่ากลับไม่ได้แล้ว เห้อออ)เพียงลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็น จ้าวหนิงหลงเริ่มมีหนวดขึ้นร่ำไร ดูดิบเถื่อนไปอีกแบบ "ท่านพี่" เสียงเบาราวยุงบินผ่านเรียกสติของจ้าวหนิงหลงให้กลับมาเขาดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด อยากจะหลอมนางให้อยู่ในกระดูกของเขา เมื่อซูหนี่บอกหิวน้ำ เขาถึงได้ปล่อยตัวนาง "ลูกละเจ้าคะ" "อยู่กับแม่นม เจ้าลุกไหวหรือไม่ กินอะไรเสียหน่อยแล้วข้าจะให้แม่นมพาลูกมาให้เจ้าดู" เขาเรียกให้คนยกอาหารมาให้ แล้วป้อนนางทีละคำ"ท่านต้องกินด้วย ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่กินแล้ว" นางรู้ว่าเขาคงไม่ยอมกินอะไรหรือลุกไปไหน นางลูบหน้าเขาอย่างปวดใจ เพียงสองวันเท่านั้นเขาดูซูบผอมไปเยอะจ้าวหนิงหลงต้องยอมกินกับนาง เขาป้อนนางคำตักใส่ปากตนเองคำ ตอนนี้อีกห้องที่แม่นมดูแลเด็กน้อยอยู่ เฉิงเออร์กับอันเออร์นั่งจ้องน้องสามกับน้องสี่ด้วยสายตาเคร่งขรึม เขาต้องกำราบน้องชายตั้งแต่เล็กๆ ยังไม่ออกมาก็ทำให้ท่านแม่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ"พี่ใหญ่ ดูเจ้าสามเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status