공유

๑๐ ความรู้สึกแรก

last update 최신 업데이트: 2025-11-04 21:32:40

เฟิ่งจิงหรงถอยหลังจนชิดติดกำแพง ร่างบางสั่นเทิ้มแทบไร้เรี่ยวแรงจะก้าวหนีหรือวิ่งไปทางใดก็ไม่อาจทำได้ คล้ายถูกความหวาดกลัวตรึงไว้กับที่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างสั่นระรัว เมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กรูกันเข้ามาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวจะทะลุออกจากอก

นางหลับตาปี๋ เตรียมจะส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักแน่นพลันดังสะท้อนขึ้นมา…คล้ายแสงสว่างที่ผ่ากลางความมืดหม่นในยามค่ำคืน

เฟิ่งจิงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พลันเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาในชุดขุนนางปักลายก้าวออกมาจากเงามืดตรงปากตรอก กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่กดทับไปทั่วจนบรรยากาศหนักอึ้ง ชายฉกรรจ์ทั้งสามที่กำลังพุ่งเข้าหานางถึงกับชะงักงันโดยไม่รู้ตัว

“ผู้ใดกัน!” หนึ่งในสามนั้นตะโกนดังลั่น พยายามข่มอำนาจด้วยน้ำเสียงอวดดี

“สตรีผู้นี้เป็นของข้า!” ก่อนที่อีกคนจะแสยะยิ้ม เสียงทุ้มต่ำข่มขู่สะท้อนก้องไปทั่ว “ไสหัวไปซะ อย่ามาขัดเวลาความสุขของพวกข้า…ไม่เช่นนั้น เจ้าจะได้ถูกกลบฝังที่นี่เป็นเพื่อนหนอนดิน!”

เพียงสายตาคมกริบของเซียวจิ้นอวิ๋นเหลือบมองมาแวบหนึ่ง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกไปราวคมดาบ ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสามถอยกรูดไปหน
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

최신 챕터

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๑๐ ความรู้สึกแรก

    เฟิ่งจิงหรงถอยหลังจนชิดติดกำแพง ร่างบางสั่นเทิ้มแทบไร้เรี่ยวแรงจะก้าวหนีหรือวิ่งไปทางใดก็ไม่อาจทำได้ คล้ายถูกความหวาดกลัวตรึงไว้กับที่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างสั่นระรัว เมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กรูกันเข้ามาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวจะทะลุออกจากอกนางหลับตาปี๋ เตรียมจะส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักแน่นพลันดังสะท้อนขึ้นมา…คล้ายแสงสว่างที่ผ่ากลางความมืดหม่นในยามค่ำคืนเฟิ่งจิงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พลันเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาในชุดขุนนางปักลายก้าวออกมาจากเงามืดตรงปากตรอก กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่กดทับไปทั่วจนบรรยากาศหนักอึ้ง ชายฉกรรจ์ทั้งสามที่กำลังพุ่งเข้าหานางถึงกับชะงักงันโดยไม่รู้ตัว“ผู้ใดกัน!” หนึ่งในสามนั้นตะโกนดังลั่น พยายามข่มอำนาจด้วยน้ำเสียงอวดดี“สตรีผู้นี้เป็นของข้า!” ก่อนที่อีกคนจะแสยะยิ้ม เสียงทุ้มต่ำข่มขู่สะท้อนก้องไปทั่ว “ไสหัวไปซะ อย่ามาขัดเวลาความสุขของพวกข้า…ไม่เช่นนั้น เจ้าจะได้ถูกกลบฝังที่นี่เป็นเพื่อนหนอนดิน!”เพียงสายตาคมกริบของเซียวจิ้นอวิ๋นเหลือบมองมาแวบหนึ่ง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกไปราวคมดาบ ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสามถอยกรูดไปหน

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๙ เหตุการณ์อันตราย

    พอสิ้นถ้อยคำนั้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ๋วของแขกเหรื่อค่อยๆ แผ่วลงจนเงียบกริบ สายตาทั้งหลายต่างหันขวับไปมองคุณหนูเฟิ่งพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งฮูหยิน พลันชะงักค้าง สีหน้าเก็บความกระอักกระอ่วนแทบไม่อยู่“คุณหนูเฟิ่ง!” ใบหน้าของสตรีวัยกลางคนผู้นั้นแดงกร่ำปนเขียวคล้ำด้วยโทสะ ถลึงตามองเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่เพียงดื้อรั้นแต่ยังกล้าถอนผมหงอกของนาง!“หากผู้ใดได้ยินเข้าคงกล่าวได้ว่าคุณหนูเฟิ่งไร้มารยาท…”ไม่ทันสิ้นคำพูด เฟิ่งจิงหรงก็สวนขึ้นทันที“ข้ายังเด็ก หากไร้มารยาทบ้างก็มิใช่เรื่องแปลกนัก แต่ท่านป้า…ผมหงอกแล้วแท้ๆ ไฉนกลับไม่รู้เลยว่าอะไรควรไม่ควร กลับเอ่ยวาจาเสียดแทงกับข้าเช่นนี้ราวกับเด็กสามขวบ” นางกอดอกเลิกคิ้วเอ่ยเสียงเรียบแต่จริงจังนางไม่ได้คิดจะก่อเรื่อง ทว่าก็อดไม่ได้จริงๆ“เฟิ่งจิงหรง พอเถอะ…” เฟิ่งฮูหยินเอ่ยห้ามเสียงเข้มนางหันไปมองสตรีวัยกลางคนที่เป็นฮูหยินตระกูลขุนนางด้วยท่าทางลำบากใจ ก่อนจะยกยิ้มเจื่อนๆ เอ่ยขอโทษ“ขออภัยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เหอะ! เฟิ่งฮูหยินอบรมได้ดีเสียจริง แต่ดูท่าคงรั้นเกินกว่าจะสั่งสอนได้ เช่นนั้นก็อบรมสั่งสอนเฟิ่งจื้อหานแทนเถอะ!”ถ้อยคำ

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๘ งานเลี้ยงใหญ่ในจวน

    ไป๋หว่านชิงรู้จักกับจ้าวอวี้หมิงมาหลายสิบปี อีกฝ่ายมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไรนางย่อมรู้หมดแม้สกุลจ้าวจะเป็นตระกูลค้าขาย แต่จ้าวอวี้หมิงกลับมีนิสัยชอบความสงบ หาได้ชื่นชอบคบค้าสมาคมกับผู้ใด ซ้ำยังพูดน้อยจนแทบนับคำได้ ทว่าหากได้เอ่ยออกมาแล้ว วาจานั้นเฉียบคมยิ่งกว่าคมมีดเสียอีกครั้งแรกที่นางพบจ้าววอี้หมิงก็เมื่อครั้งบิดามาติดต่อเจรจาเรื่องเครื่องปั้นเคลือบกับสกุลจ้าว ยามนั้นเขาอายุเพียงแปดเก้าขวบแต่กลับเย็นยะเยือกสุขุมราวกับผู้ใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์และความรู้สึกใดๆ เกินกว่าวัย หรือหากจะยิ้มก็เป็นเพียงแค่รอยยิ้มตามมารยาทเท่านั้นพอไป๋หว่านชิงได้ยินประโยคก่อนหน้าก็อดจะแปลกใจไม่ได้ หรือแท้จริงแล้วเป็นนางหูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปเองกัน?นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกระพริบปริบๆ มองบุรุษตรงหน้า ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเจือความขบขัน “คุณหนูเฟิ่ง…เฟิ่งจิงหรง อย่างงั้นหรือ…ที่นางกระโดดน้ำลงไปครานั้น ไม่เพียงสติเลอะเลือนแต่ยังคิดว่าท่านคือคุณชายเซียวไปเสียด้วย”วาจาหวานเจือแววประชดประชันชัดเจน นัยน์ตาของนางคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้ม แต่กลับแฝงเฉียบคมคล้ายจะทิ่มแทงจ้าวอวี้หมิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝี

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๗ สตรีใสซื่อไร้เดียงสา

    พอได้ยินถ้อยนั้น ไป๋หว่านชิงลอบยิ้มออกมาซ่อนความพึงพอใจและสะใจลึกๆ อยู่ภายในใจนางไม่ได้แม้แต่ลงแรงคิดแผนการใด เพียงโยนกระดูกชิ้นหนึ่งขวางทางไว้เท่านั้น อีกฝ่ายกลับคาบแน่นไม่ยอมปล่อยเสียเอง“แต่คุณหนูเฟิ่ง นายท่านเฟิ่งรวมถึงทุกคนในสกุลเฟิ่งคงจะเกลียดข้ามากนัก เกรงว่าแม้แต่หน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำกระมัง” เสียงหวานพึมพำคล้ายบ่นกับตนเอง หากแต่ดังชัดพอจะลอดเข้าไปในหูเซียวจิ้นอวิ๋นราวกับตั้งใจให้ได้ยินไป๋หว่านชิงเหลือบตาขึ้นมองเพียงเสี้ยวหนึ่ง ก่อนรีบก้มต่ำหลบสายตาดุดันอย่างหวาดระแวง ราวกับแบกรับความผิดอันใหญ่หลวงที่มิอาจลบเลือน มือเรียวทั้งสองกำจอกชาแน่นจนสั่นไหว เผยให้เห็นความเก้ๆ กังๆ อย่าประหม่าและรู้สึกผิด“สุดท้าย ความจริงก็ยังคงเป็นข้าที่ได้แย่งคุณชายมาอยู่ดี” น้ำเสียงหวานสั่นพร่าราวจะขาดห้วงลงกลางคันเซียวจิ้นอวิ๋นพลันเงียบงันไปครู่ใหญ่ พอได้ฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยถ้อยคำตัดพ้อนี้ สายตาคมกริบที่มักจะแข็งกร้าวแจือแววเย็นชาค่อยๆ อ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่อยู่เขาถอนหายใจยาวเหยียด แววตาที่ทอดมองสตรีตรงหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน“ไป๋หว่านชิง…” เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่ออย่างแผ่ว

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๖ ช่วยเหลือผู้คน

    “นึกไม่ถึงว่าคุณชายจ้าวจะมีน้ำใจช่วยเหลือผู้คน”น้ำเสียงทุ้มต่ำของซูเหรินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเจือความเหน็บแนม สายตาเหลือบมองสหายตรงหน้าที่เอาแต่ทอดสายตาลงไปจากชั้นสองของโรงเตี๊ยม มองไปยังร้านเครื่องปั้นเคลือบของสกุลไป๋อย่างไม่ลดละ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาซูเหรินเจี๋ยยกน้ำชาขึ้นจิบพลางๆ แววตาฉายแววครุ่นคิดเมื่อหลายวันก่อนหน้า เขาและสหายนั่งจิบชาดวลหมากกันอยู่โรงเตี๊ยมตรงข้ามกิจการของสกุลไป๋ ทว่ากลับเกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายขึ้นหน้าร้านเสียงดังเอะอะโวยวาย จนเขาและสหายอดมองด้วยความสนใจไม่ได้แท้จริงแล้วเป็นเพียงคุณหนูสกุลเฟิ่งที่ตามตื้อเซียวจิ้นอวิ้น นางประกาศเสียงดังว่าจะกระโดดลงน้ำ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ใยดีเดินจากไปไม่เหลียวแลขณะที่เหตุการณ์ดูเสมือนจะสงบลง ทว่าไม่ทันไรเขากลับได้ยินเสียงดังโหวกวายตะโกนมาว่ามีคนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย พอหันกลับไปมองสหาย กลับเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นลงไปยังชั้นล่างโรงเตี๊ยม วิ่งผ่าฝูงชนท่าทางคล้ายเข้าไปช่วยแล้วซูเหรินเจี๋ยไม่คาดคิดว่าสหายผู้นี้ที่มีนิสัยนิ่งเฉย หาได้สนใจเรื่องของผู้ใดหรือแม้แต่สตรีใด นอกจากคุณหนูไป๋ ทว่าเหตุใดกลับยอมเสี่ยงชีวิตช่วยคุณหนูเฟิ่งแทน ทั้งที่

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๕ เริ่มเปลี่ยนแปลง

    นายท่านเฟิ่งในยามนี้โกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด แววตาแข็งกร้าวจนแทบจะยกดาบไปฟาดฟันกับสกุลเซียวเสียให้รู้แล้วรู้รอดบรรยากาศภายในห้องโถงอึมครึมราวกับมีเค้าเมฆฝนหนาทึบลอยทับอยู่เหนือหัว เพราะหนึ่งวันของสกุลเฟิ่งกลับยาวนานราวหนึ่งปี เต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับคลื่นซัดแม้ยามนี้จะล่วงถึงมื้อค่ำแต่ความสงัดเงียบกลับไม่ก่อความสงบ หากแต่ทำให้ทุกผู้คนในจวนรู้สึกกดดัน หนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออกท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสี เริ่มมืดสลัว ประหนึ่งสะท้อนอารมณ์ของนายท่านเฟิ่งที่ยังพลุ่งพล่านไม่คลาย ความเงียบงัดแผ่ปกคลุมไปทั่วจวน ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะของบ่าวไพร่ บ้างก็ต่างก้มหน้าทำงานด้วยความหวาดกลัวเฟิ่งฮูหยินนั่งนิ่งอยู่ข้างสามี สายตาหันไปมองบุตรชายคนเล็กที่ซุกซนไปตามวัย ยามนี้เฟิ่งจื้อหานกำลังวิ่งเล่นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ซุกซนตามวัย ไม่เข้าใจว่าบรรยากาศหนักอึ้งเพียงใด ตั้งแต่บุตรชายเริ่มเดินได้ นางเองก็ค่อยได้พักผ่อนนัก แล้วไหนจะเรื่องของบุตรสาวคนโตอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงอยู่ในขมับ“เรื่องนี้…จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร!” น้ำเสียงทุ้มต่ำของนายท่า

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status