บทที่ 17 แผนการในอนาคต (ตอนปลาย) "น้องสาวสนใจร้าน ไฉ่ฝูหลง อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นต้องไปติดต่อกับเถ้าแก่เอาเองแล้วล่ะ เพราะข้าก็ไม่เคยได้ยินเถ้าแก่เอ่ยว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ รู้เพียงว่าข้อแม้ในการเช่าร้านค่อนข้างพิเศษ" หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นภรรยาของหลงจู๊ร้านไฉ่ฝูหลง เอ่ยตอบข้อข้องใจของหญิงสาว 'เห็นทีต้องหาเวลาไปดูร้านอาหารร้านนั้นเสียหน่อยแล้ว ระยะเวลาอีกเกือบสองเดือนน่าจะพอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง รวมกับเงินทองที่มีอยู่ในมิติแห่งความอิ่มหนำน่าจะพอเช่าร้านได้อยู่ เดือนกว่าๆก็น่าจะพอเก็บเงินทัน' ความประสงค์ที่จะมองหาร้านเปิดกิจการอย่างจริงจังของมู่หนิงชิงผุดขึ้นในความคิด นางปรารถนาที่จะย้ายออกจากหมู่บ้านเต๋อถัง หลังจากจัดการรายชื่อบุคคลในบัญชีหนังหมาเป็นที่เรียบร้อย!!! หลังมู่เฟิงเจรจากับเจ้าของเขียงเนื้อและซื้อของใช้ที่จำเป็นอื่นๆเสร็จสรรพ พวกเขาก็เดินกลับไปที่ร้านฝูจิ่น เพื่อเก็บของไว้ที่หลังร้าน ตามคำอนุญาตให้เช่าสถานที่ซึ่งระบุไว้ในหนังสือสัญญา ก่อนถึงตรอกตันหุน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อนที่มู่อวิ๋นเทาไปเล่นพนันเสียจนติดหนี้ไว้ มู่หนิงชิงแสร้งบอกว่านางลืมซื้อของบางอย่าง ขอตัวกล
บทที่ 17 แผนการในอนาคต (ตอนต้น) ย้อนกลับไปวันที่หลัวซื่อมาหาเรื่องมู่เฟิงถึงบ้าน หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ช่วยสยงพร้อมด้วยหมอหู พาหลัวซื่อกลับไปบ้านด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่วงเทียนสีหน้าเคร่งเครียด ขอให้ฉวนซื่อไปตามมู่ซานและมู่อวิ๋นกลับมาจากไร่ ปล่อยให้มู่อวี๋โหรวและมู่อวี๋ฉิงดูแลท่านย่าของพวกนาง บุรุษสกุลมู่ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสภาพของหลัวซื่อ "ท่านแม่ ใครทำร้ายท่าน!! ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเกิดอะไรขึ้นขอรับ ใครทำร้ายมารดาข้า!!" มู่อวิ๋นรีบเข้าไปหามารดาที่กำลังส่งเสียงโอดโอยราวกับคนใกล้ตาย หมอหูลอบกลอกตามองฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย 'ตอนไปหาเรื่องมู่เฟิงก่อนไม่เห็นว่าจะสำออยเยี่ยงนี้ พอโดนตีกลับมาบ้างทำท่าจะเป็นจะตาย' ยามนี้สมาชิกสกุลมู่บ้านใหญ่อยู่กันครบหน้า ก่วงเทียนจึงเข้าเรื่องทันที "มู่ซาน เมียของเจ้าไปหาเรื่องมู่เฟิงถึงบ้าน นอกจากจะด่าทอด้วยวาจาหยาบคายแล้ว ยังเอาก้อนหินปาหัวมู่เฟิงจนแตก จึงทำให้โดนไก่ที่บ้านนั้นเลี้ยงไว้จิกไล่ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทุกคนเป็นพยานเรื่องนี้ได้" ก่วงเทียนหยุดถ้อยคำของตนไว้ตรงนี้ เพื่อดูท่าทีของมู่ซาน ทว่าหลัวซื่อกลับโวยวายสอดปากขึ้นมาอ
บทที่ 16 ตั้งสกุลใหม่ (ตอนปลาย) "ใช่แล้วๆ พวกเจ้าเก่งกาจมากจริงๆ" เจ้าตัวน้อยอันเอ๋อร์เอ่ยชมตามพี่สาว "ขอบใจพวกเจ้าทั้งสามมากนะที่ปกป้องท่านพ่อ" มู่หนิงเฉิงลงไปนั่งยองๆ กล่าวขอบคุณแม่ไก่ด้วยความซาบซึ้ง หนึ่งเค่อต่อมา มู่หนิงชิงเดินออกมาจากครัว พร้อมหมูสับปรุงรสอย่างดี คลุกกับข้าวสวยชามใหญ่ เพื่อมอบเป็นรางวัลให้ผู้พิทักษ์ทั้งสาม หัวผักกาดน้อยทั้งสองขันอาสา เป็นผู้แบ่งอาหารให้แม่ไก่เอง ร่างบางกลับเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อเตรียมหมักหมูและนวดแป้งทำแผ่นเกี๊ยวซ่าไปขายในวันพรุ่งนี้ ซูซื่อเข้าไปช่วยบุตรสาวในครัวโดยปล่อยให้มู่เฟิงพักผ่อน มื้อเย็นวันนี้ทุกคนได้กินราเมนเป็นอาหาร มู่หนิงชิงจึงแกล้งเอ่ยขึ้นมาว่า นางอยากทำอาหารชนิดนี้ขายในอนาคต ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวว่าเห็นด้วยกับความคิดของนาง เมื่อท้องอิ่มหนังตาก็หย่อน ทุกคนเข้านอนด้วยความวาดหวัง ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้วันพรุ่งนี้เกี๊ยวซ่าของมู่หนิงชิงขายดี มู่หนิงชิงและสมาชิกของบ้าน ตื่นตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ต่างช่วยกันเตรียมของไปขาย วันนี้ทุกคนใส่ชุดใหม่ที่ซื้อมา เพื่อความเป็นสิริมงคลและดึงดูดความโชคดี เมื่อตระเตรียมทุกอย่างพ
บทที่ 16 ตั้งสกุลใหม่ (ตอนต้น) ยามได้ยินเสียงบิดาตะโกนเรียก มู่หนิงเฉิงและน้องสาวรีบวิ่งออกมาจากบ้านอย่างหน้าตาตื่น ครั้นเห็นบิดาเลือดไหล เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสองพลันหน้าซีดระคนเสียขวัญ "ท่านพ่อออ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ฮือออ ใครตีท่านพ่อจนหัวแตก ฮือออ" มู่หนิงอันตกใจร้องไห้สะอึกสะอื้น ชาวบ้านที่เห็นต่างสะท้อนใจ ขนาดแยกบ้านมาแล้วยังหนีความร้ายกาจของหลัวซื่อไม่พ้น “เวรกรรมจริงๆ หลัวซื่อ! เจ้าเป็นแม่ภาษาอะไรถึงได้ใจยักษ์ใจมาร ทำร้ายบุตรในอุทรจนเลือดตกยางออกได้ลงคอ!” แม่เฒ่าหมานตวาดใส่หลัวซื่อ ที่ยกมือปิดหน้ากลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้น มู่หนิงเฉิงที่ได้สติก่อนน้องสาว รีบวิ่งไปตามหัวหน้าหมู่บ้านทันที ครู่ต่อมาก่วงเทียนกับหมอหู ที่ต่างเร่งฝีเท้าเดินตามเด็กชายจนหอบแฮ่กได้มาถึงบ้านของมู่เฟิง หลัวซื่อซึ่งถูกมู่หนิงชิง ซึ่งกลับมาจากการเอาผ้าไปซักกับมารดา จับมัดไว้แน่นหนากับรั้วบ้าน สภาพของหญิงชราถือว่าย่ำแย่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยร่องรอยจากการถูกจิกตี แต่สิ่งที่น่ากังวลคือดวงตาข้างซ้ายที่เปลือกตาฉีกขาดเป็นริ้วๆ เลือดไหลอาบดูน่าสยดสยอง มู่หนิงชิงภาวนาขอให้หลัวซื่อตาบอดอยู่ในใจ ’ขอให้ยัยแก่
บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย) ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามปิดลง เริ่มเค้นความทรงจำของมู่หนิงชิงในวันสุดท้าย… ช่วงสายของวันนั้น มู่หนิงชิงสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินเข้าป่าเพื่อไปหาสมุนไพรและผักป่าตามปกติ เดินอยู่ราวสามเค่อจึงมุ่งไปยังตำแหน่งที่เคยพบกอเผือก กอเผือกอีกแล้ว!! ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงร้องครวญครางของสตรีอยู่ไม่ไกล หญิงสาวก้าวไปข้างหน้ามือบางแหวกใบของต้นเผือกออก และได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษ กำลังกระแทกใส่หว่างขาสตรี ที่ยืนพิงต้นไม้ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ นางไม่เห็นหน้าของคนทั้งสองด้วยซ้ำ เพราะรีบหมุนตัวกลับมาจากภาพบัดสีที่ได้ประจักษ์กับตา เท้าของนางบังเอิญเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดัง นางไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะได้ยินหรือไม่ หลังผละมาจากตรงนั้น หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคยพบกลุ่มเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นประจำ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่นางถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง…จนเสียชีวิตในที่สุด มู่หนิงชิงเปิดเปลือกตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อนิจจา…มู่หนิงชิง เจ้าต้องมาตายเพราะโดนคนสารเลวที่แอบมาเล่นชู้กันในป่าสังหาร เพียงเพื่อปกปิดความเลวระยำของพวกมัน!“ ดวงตาข
บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น) สัญญาเช่าพื้นที่หน้าร้านฝูจิ่นเริ่มขึ้นวันมะรืน ตามคำขอของมู่หนิงชิง หญิงสาวยังได้สั่งทำฉากกั้น โต๊ะไม้และกล่องใส่อาหาร สำหรับไว้ใช้ในวันเปิดร้าน จากร้านขายเครื่องเรือนในเครือตระกูลฟ่านอีกด้วย ส่วนภาชนะที่นางจะใช้สำหรับใส่เกี๊ยวซ่าขาย คือกระทงใบกล้วย หลังกลับมาจากในเมือง มู่หนิงชิงขอให้มารดาพาไปหาบ้านที่ปลูกกล้วยเพื่อขอซื้อใบ ขากลับเดินผ่านไร่ของบ้านใหญ่สกุลมู่ ก็ได้เห็นมู่ซาน มู่อวิ๋นเทารวมถึงหลัวซื่อ ซึ่งปกติไม่เคยมาช่วยงานที่ไร่ กำลังวุ่นวายอยู่กับการรดน้ำและกำจัดวัชพืช ในขณะที่ปากก็พ่นคำผรุสวาทไม่หยุด ซูซื่อเห็นทั้งสามแล้วก็ทอดถอนใจ ก่อนหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจมองเข้าไปภายในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง พบว่ามู่อวี๋โหรวกำลังนอนเล่นอยู่บนตั่งเตียง สั่งให้น้องสาวช่วยเย็บเสื้อคลุมบุรุษตัวหนึ่งแทนตน ทว่าไร้เงาของฉวนซื่อที่ยามนี้ปกติต้องอยู่บ้าน… หลังกลับมาถึงบ้าน มู่หนิงชิงชวนบิดาและน้องทั้งสอง ไปเดินเล่นบนเขาโดยทิ้งแม่ไก่สายดุไว้เฝ้าบ้าน! นางต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างนี้ หากจะไปคนเดียวมู่เฟิงและซูซื่อคงไม
บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย) เวลานี้ดวงตาของคู่งามของฟ่านฮุ่ยเจิน เป็นประกายระยับราวกับดวงดาวยามค่ำคืน นางยิ้มไม่หุบขณะชิมน้ำจิ้มแต่ละรส และเมื่อเกี๊ยวซ่าตัวสุดท้ายหมดลง… "อ๊ะ! หมดแล้วหรือ เอ่อ แม่นางมู่ หากข้าจะขอเพิ่มอีกสักจาน ท่านยังพอมีเกี๊ยวเหลือหรือไม่" น้ำเสียงเว้าวอน สีหน้าค่อนไปทางออดอ้อนเล็กน้อยของฟ่านฮุ่ยเจิน เรียกรอยยิ้มกว้างของมู่หนิงชิงได้อีกครั้ง "หากคุณหนูฟ่านต้องการ ข้าจะไปทอดเพิ่มให้ท่านทันที เพียงแต่ว่า…ท่านจะอนุญาตให้ข้ามาตั้งแผงขาย ยังหน้าร้านฝูจิ่นได้หรือไม่หรือเจ้าคะ" "ได้สิ! ได้แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าจะร่างสัญญาเช่าให้ท่าน ระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานต่อไป เอ่อ ข้าอยากรู้ว่าวันนี้ท่านนำเกี๊ยวสดมาเยอะหรือไม่ หากข้าจะขอประเดิมอาหารของท่านเป็นเจ้าแรก ด้วยการเหมาเกี๊ยวซ่าที่ท่านนำมา ในวันนี้ทั้งหมดจะเป็นไปได้ไหม ทุกคนในครอบครัวของข้าต้องชื่นชอบเป็นแน่" ฟ่านฮุ่ยเจินที่ติดอกติดใจความอร่อยล้ำเลิศนี้ เอ่ยปากถามมู่หนิงชิงอย่างตรงไปตรงมา แม่ค้าหน้าใหม่ระบายยิ้มจนตาโค้ง พยักหน้าเป็นคำตอบด้วยความยินดี สัญญาเช่าหน้าร้านฝูจิ่นถูกร่างขึ้นระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานถัดไป
บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น) เสียงแม่ไก่ร้องปลุกสมาชิกในบ้าน ยามแสงทองเรืองรองสาดส่องย้อมขอบฟ้า ร่างบางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนก้าวลงจากเตียง หลังจากที่ทุกคนในบ้านล้างหน้าล้างตาและทานมื้อเช้าเป็นที่เสร็จสรรพ ทั้งห้าชีวิตก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปขึ้นเกวียน มู่หนิงชิงย่อตัวเอ่ยกับแม่ไก่แสนรู้ทั้งสาม ที่เดินมาส่งยังหน้าบ้านว่า “ฝากบ้านด้วยนะทุกคน ใครมาด้อมๆ มองๆ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ พวกเจ้าจัดการได้เลย!!!” กะต๊าก!!! แม่ไก่ทั้งสามตัวส่งเสียงตอบรับ ก่อนเดินแยกย้ายไปตามมุมต่างๆของบ้านเพื่อเฝ้าระวัง มู่หนิงชิงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ในขณะที่บุพการีและน้องทั้งสองยืนอ้าปากค้างดวงตาเบิกโพลง “แม่ไก่จากแดนเทพช่างน่าทึ่งยิ่งนัก นอกจากออกไข่ใบใหญ่วันละสองฟองแล้ว ยังเฝ้าบ้านได้อีกด้วย“ มู่หนิงเฉิงเผยสีหน้าเหลือเชื่อ มองตามหลังแม่ไก่ตาแทบถลน สมาชิกทุกคนของสกุลมู่บ้านรอง ช่วยกันถือของที่จะนำไปในเมืองกันคนละอย่างสองอย่าง เพื่อไปให้ทันขึ้นเกวียนรอบแรก ครั้นจงหู่เห็นพวกเขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังไปด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้รับกลับมา อยู่เหนือความคาดหมายของชราเล็กน้อย แต่กระนั
บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย) แต๊กๆๆๆๆๆๆ!! เสียงรัวตะกร้อตีมือดังขึ้นในครัว ดึงความสนใจของซูซื่อที่กำลังเย็บชายกระโปรงใหม่ให้มู่หนิงอัน นางหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เดินมาดูแม่ครัวคนใหม่ของบ้าน ซึ่งมีอุปกรณ์หน้าตาแปลกในมือ “นั่นมัน? เอ่อ…” “ท่านเทพให้มาเจ้าค่ะ” ร่างบางเงยหน้าบอกมารดา ก่อนก้มหน้ารัวตะกร้อในมือต่อ “ชิงเอ๋อร์ทำอะไรหรือให้แม่ช่วยดีกว่า ร่างกายลูกยังไม่แข็งแรง ออกแรงมากจะหน้ามืดเอานะ” “ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ซูซื่อยืนมองบุตรสาว รัวมือตีสิ่งที่อยู่ในชามใบใหญ่ด้วยความสนใจ ราวครึ่งเค่อต่อมา น้ำจิ้มสีเหลืองนวลข้นเหนียวก็เป็นอันเสร็จ มู่หนิงชิงเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้า อ้าปากหอบหายใจ พลางนวดข้อมือจากความเมื่อยขบ ขณะหันมายิ้มให้กับมารดา “มายองเนสเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เหลือแค่ปรุงรสอีกนิดหน่อยเท่านั้น“ “มา มาอะไรนะชิงเอ๋อร์?!” ซูซื่อถามชื่อของน้ำจิ้มสีนวลนั้นซ้ำ นางไม่เคยได้ยินชื่อเรียกน้ำจิ้มแบบนี้มาก่อน “มา ยอง เนสสสส เจ้าค่ะ” มู่หนิงชิงเอ่ยทวนทีละคำให้มารดาฟังอีกรอบชัดๆ คนฟังพยักหน้าพลางกล่าวทวนคำบุตรสาว “อ่าา มา ยอง เนสซึ” “คิกๆๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ