บทที่ 70 ชิงเอ๋อร์มาเยี่ยมเยียนไทเฮา (ตอนปลาย) ว่านไทเฮาตาเบิกโพลงกำลังจะส่งเสียง แต่กลับถูกมือที่มองไม่เห็นอุดปากไว้ ตามด้วยแรงกระแทกอย่างหนักเข้าที่ลิ้นปี่ คราวนี้นางจุกจนร้องไม่ออก ได้แต่นอนตัวงออ้าปากพงาบๆ พยายามร้องขอให้คนช่วย ทว่าอึดใจต่อมานางก็ถูกกระชากผมจนหน้าหงาย ความเจ็บปลาบคล้ายถูกเข็มทิ่มแทงบังเกิดที่คอหอย ตามมาด้วยเสียงแมวร้องยานคางฟังแล้ววังเวงดังอยู่ใกล้ๆ "เงี้ยวววววว เงี้ยววววว" อุณหภูมิรอบกายพลันหนาวเยือกเข้ากระดูก หญิงชราขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง จากนั้นนางก็ถูกเหวี่ยงลงไปกองอยู่กับพื้น ขณะที่กำลังหวาดผวาและเสียขวัญ จู่ๆก็ปรากฏแสงเทียนดวงเล็กๆสว่างวาบขึ้นเหนือหัว ใบหน้าของหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยไฟไหม้สยดสยองเผยให้เห็น ก่อนแสยะยิ้มน่ากลัวและหายวับไปกับตา หญิงชราตกใจขวัญผวาจนตาเหลือก น้ำปัสสาวะไหลรดกระโปรงชุดนอน เซียวหนิงชิงถึงกับเบ้ปาก ว่านไทเฮาทำนางผิดหวังครั้งใหญ่ อุตส่าห์นึกว่าหญิงชราบ้าอำนาจ ที่ชอบชี้นิ้วสั่งการให้บริวารคร่าชีวิตผู้อื่นเป็นว่าเล่น น่าจะมีจิตใจเยือกเย็นเข้มแข็งยิ่งกว่านี้เสียอีก… นางประเมินยัยแก่นี่สูงไป ช่างน่าผิดหวังเสีย
บทที่ 70 ชิงเอ๋อร์มาเยี่ยมเยียนไทเฮา (ตอนต้น) ราวยามต้นเซิน (15:00-16:59) เซียวหนิงชิงจึงออกมาจากเรือนนอน ตรงไปยังครัวของจวนเพื่อเตรียมอาหารเย็นให้ซวินเหิงเยว่ ถึงเขาไม่พูดออกมาตรงๆ ว่าคิดถึงอาหารฝีมือนาง ทว่าการเปรยว่า พ่อครัวของคหบดีจวงฉางทำอาหารรสชาติสู้นางไม่ได้ ถ้อยคำบอกใบ้เพียงเท่านี้หญิงสาวก็สามารถเดาออกได้ไม่ยาก มื้อเย็นวันนี้เซียวหนิงชิงตั้งใจหม้อไฟหยินหยาง ฝั่งหนึ่งคือน้ำซุปกระดูกหมูสีขาวสไตล์ทงคตสึและอีกฝั่งคือน้ำซุปเห็ดสีดำ ซึ่งนางแอบเอาออกมาจากมิติแห่งความอิ่มหนำ และนำมาผสมกับน้ำซุปที่ต้มเองด้านนอก ทั้งนี้นางยังทำน้ำซุปหมาล่าใส่หม้อเล็กแยกไว้ต่างหาก อากาศหนาวๆอย่างนี้มันต้องหม้อไฟเท่านั้น!!! เนื้อที่จะใช้ลวกประกอบด้วยเนื้อวากิวa5ของนาง เนื้อลูกวัว เนื้อแพะหมักเครื่องเทศและสุราเล็กเพื่อดับกลิ่นสาบ เนื้อหมูหมักนุ่มเด้ง เลือดเป็ดสุก ฟองเต้าหู้ และผักสดอีกสองสามชนิด ของสดเหล่านี้ยกเว้นเนื้อวากิว นางขอให้องครักษ์ของจวงฉางซึ่งติดตามมาคอยรับใช้รุ่ยอ๋อง พาสาวใช้ของนางไปตลาด เพื่อซื้อของสดมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ หญิงสาวตระเตรียมอาหารด้วยรอยยิ้มและฮัมเพลงไปด้วยอย่า
บทที่ 69 ย้ายเข้าเมือง (ตอนปลาย) การสังหารทั้งคู่ทิ้งทันที มันไม่สาสมกับความเลวที่ทำไว้ อย่างพวกมันต้องได้รับการสั่งสอน จนร้องหาความตายเองถึงจะสาแก่ใจนาง เรื่องนี้นางขออุบไว้คนเดียวไม่บอกคนรักเพราะกลัวเขาจะตกใจ… คนฟังรับปากหญิงสาวอย่างกระตือรือร้น เขากำลังจะได้ย้ายไปอยู่กับนางแบบใกล้ชิด! "ได้ ข้าจะหาจวนให้พวกเราเอง" ซวินเหิงเยว่รับสั่งให้เหลยต้งไปตามจวงฉางมาสอบถามเรื่องจวน ที่ปล่อยให้เช่าในเขตฝั่งตะวันออกไม่ไกลจากวังหลวง ตกบ่ายจวงฉางก็กลับมาพร้อมสัญญาเช่าซึ่งทำไว้เรียบร้อย รอเพียงให้คนย้ายเข้าไปอยู่ "รวดเร็วทันใจดีจริงๆ เลยเพคะ" ประสิทธิภาพในการทำงานของลูกน้องรุ่ยอ๋องแต่ละคนช่างน่าทึ่ง ฉับไวทันใจไม่ต้องพูดซ้ำให้เปลืองน้ำลาย ทว่ามีบางสิ่งที่เซียวหนิงชิงเป็นกังวล นั่นคือรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นของซวินเหิงเยว่ เกิดบังเอิญมีคนของว่านกั๋วกงมาเห็นเข้า เรื่องคงถึงหูไทเฮาและคงมีปัญหาตามมาแน่ หญิงสาวจึงเอ่ยปากถามเขาเรื่องนี้ด้วยความเป็นห่วง หากเขามีวิธีหลบหลีกนางก็สบายใจ แต่หากไม่มีนางจะได้นำอุปกรณ์แปลงโฉม ออกมาจากมิติแห่งความอิ่มหนำมาให้เขาใช้ รุ่ยอ๋องคืออ๋องหนุ่มเจ้าเล่ห์ร้ายม
บทที่ 69 ย้ายเข้าเมือง (ตอนต้น) ถึงแม้ว่าเซียวหนิงชิง ยังไม่เคยผ่านภาคปฏิบัติเรื่องอย่างว่ามาก่อนในภพเดิม แต่ก็ได้เห็นผ่านตามาพอสมควร นางหาใช่สาวน้อยไร้เดียงสาอายุสิบหกหนาวที่ไม่รู้ว่าดุ้นแข็งๆ ที่กำลังดุนดันบั้นท้ายอยู่ตอนนี้คือสิ่งใด ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นจากตักแกร่ง ย้ายไปนั่งข้างๆเขาแทนอย่างแนบเนียน "ท่านอ๋องต้องรอให้ถึงเวลาก่อนเพคะ ตอนนี้ชิงเอ๋อร์ยังไม่พร้อม ทรงกินเพคะไม่ได้" รอให้นางล้างบางศัตรูจนหมดสิ้น และเก็บเงินเข้ากระเป๋าได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ก่อน ถึงตอนนั้นนางจะจับคนชอบยั่วตรงหน้ากินเอง โฮะๆๆๆ เพียงแค่คิดกำเดาก็แทบพุ่ง! ร่างแกร่งข้างกายจึงเปลี่ยนมาโอบไหล่ร่างบาง ออกแรงดึงเบาๆให้มาพิงอกกว้างของตน รับสั่งถามเรื่องของหลินฮองเฮา "ชิงเอ๋อร์ เรื่องที่ขอให้ทำในจดหมาย ข้าจัดการให้ไปบางส่วนแล้วนะ พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าหลินฮองเฮาไปทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นข้องหมองใจ ถึงต้องการให้ข้าเล่นงานนาง" "หญิงสารเลวคนนั้น คือต้นเหตุที่ทำให้ว่านไทเฮาลงมือกำจัดตระกูลสวีและเฉินอ๋องเพคะ" น้ำเสียงที่ตอบกลับมาเต็มไปด้วยความเกลียดชังระคนเคียดแค้น เซียวหนิงชิงเริ่มต้นเล่าเรื่องคำสารภาพของนักพรตหวู
บทที่ 68 ราดน้ำมันลงบนกองเพลิง (ตอนปลาย) ตำหนักเทียนจื่อ ฮ่องเต้ซวินเสวียนคงยืนทอดพระเนตรเหม่อมองออกไปไกลอยู่ในอุทยาน ที่เวลานี้หิมะแรกกำลังเริ่มโปรยปราย ท้องฟ้าเป็นสีเทาไร้ซึ่งแสงตะวัน ยิ่งทำให้พระทัยหดหู่เป็นเท่าทวีคูณ "ในเมื่อทรงตัดสินพระทัยไปแล้ว ก็อย่ามาคิดมากให้กลัดกลุ้มเลยพะย่ะค่ะ ขอทรงโปรดถนอมพระวรกายด้วย" องครักษ์คนสนิททูลปลอบพระทัยฮ่องเต้ "เฮ้อ! เจิ้นหวังว่าการตัดสินใจทำในสิ่งเลวร้าย อย่างการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงในครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า” ฮ่องเต้ถอนพระอัสสาสะออกมาเฮือกใหญ่ การคิดขุดรากถอนโคนตระกูลว่านและตระกูลหลิน ซึ่งหยั่งรากลึกในราชสำนักมานานไม่ใช่เรื่องง่าย… หลายปีที่ผ่านมา รุ่ยอ๋องคอยช่วยเหลือกำจัดภัยแฝงนอกเมืองหลวงให้ ไม่เคยคิดก้าวก่ายเรื่องราวในเมืองหลวง ปล่อยให้บิดาอย่างเขาเป็นคนสะสางปัญหาต่างๆเอาเอง ทว่าการกลับมาเมืองหลวงของรุ่ยอ๋องในครั้งนี้ต่างออกไป โอรสผู้นี้ของเขาพุ่งเป้าเล่นงานสองตระกูลใหญ่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่รู้ว่าตระกูลหลินไปทำสิ่งใดให้เจ้าเด็กเย็นชาเจ้าแผนการนั่นขุ่นเคืองกัน เจ้าตัวถึงได้ใช้แผนสกปรกเล่นงานอย่างไม่ปราณี และแล้วขบวนเดินทาง
บทที่ 68 ราดน้ำมันลงบนกองเพลิง (ตอนต้น) "เหลยต้ง ยังมีอีกคนที่เปิ่นหวาง ต้องการให้เดินทางเข้ามาเมืองหลวงในครั้งนี้ด้วย" มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่า อีกไม่นานพี่รองของเขา อาจจะเลือกใช้เส้นทางที่สุ่มเสี่ยงเส้นทางนั้น ยามจนตรอกไม่ว่าผู้มีฐานะสูงศักดิ์หรือต่ำต้อย ล้วนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อหาวิธีเอาตัวรอด "ทรงหมายถึง เอ้อร์หลิง หรือพะย่ะค่ะ" เหลยต้งเลิกคิ้วถามเพื่อความแน่ใจ เอ้อร์หลิง คือผู้ที่รุ่ยอ๋องช่วยเหลือไว้จากพ่อค้าทาส และถูกพาไปรักษาตัวที่หมู่บ้านเมื่อสิบปีก่อน เจ้าหนุ่มคนนั้นเทิดทูนรุ่ยอ๋องดุจเจ้าชีวิต ในที่สุดก็ถึงเวลาตอบแทนพระคุณ ความเคลื่อนไหวทั้งในตำหนักไทเฮาและตำหนักฮองเฮา ล้วนอยู่ในสายตาและการได้ยินของเหล่าขันทีน้อย ผู้เป็นลูกศิษย์ของหวายกงกง ขันทีน้อยเหล่านี้ต่างเป็นผู้มีวรยุทธ ทั้งหูและสายตาจึงดีกว่าคนปกติมาก ถึงแม้จะยืนอยู่หน้าประตู ทว่ากลับได้ยินบทสนทนาของเจ้าของตำหนักทุกถ้อยคำ ก่อนนำไปถ่ายทอดต่อไปให้ผู้เป็นอาจารย์ เพราะได้ขันทีน้อยเหล่านี้แฝงตัวเป็นสายลับ รุ่ยอ๋องจึงทราบเกือบทุกความเป็นไปภายในวังหลัง ตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทซวินเทียนอวิ๋นปีนี้มีพระ