บทที่ 4
ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ
“ เจ้าห้า ข้าถามเจ้าจริงๆนะ ว่าเจ้าเสียดายนางหรือไม่ ทำไมชอบทำตาขวางใส่ข้าเหลือเกิน พูดถึงรูปร่างของนางทีไร เจ้าทำตาขวางใส่ข้าทุกที อย่างกับหึงหวงนางเช่นนั้นแหละ แต่ถึงตอนนี้เจ้าจะคิดเปลี่ยนใจมาหึงหวงนางดังเช่นคู่หมั้นก็ไม่ทันเสียแล้ว นางเดินมานั่นแล้วแต่กับบุรุษอื่นนะ ” เขาพยักเพยิดให้น้องชายมองไปที่ตรงบันไดทางขึ้นที่ร่างอวบอิ่มของเจียเหลียนฮวาเพิ่งเดินขึ้นบันไดมากับบุรุษผู้หนึ่ง และเจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย ดูเป็นบุรุษที่น่าสนใจผู้หนึ่ง อ๋องซีหยางหันขวับไปมองทันที กรามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่น เพิ่งนอนร้องครวญครางใต้ร่างเขาเมื่อคืนจนถึงตอนสายแท้ๆ ตอนเย็นก็มากับชายอื่นทันทีแถมยังไม่มีสาวใช้ติดตามอีกด้วย นางเป็นคุณหนูในห้องหออีกทั้งเป็นบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียเฉินอี้ นางออกมากินอาหารกับบุรุษสองต่อสองมิได้เกรงคำครหาของผู้อื่นเลยหรือไร ดวงตาคมจ้องมองนางตาขวาง มือหนาข้างตัวกำแน่น
ด้านเจียเหลียนฮวานางเดินมากับรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงสหายสนิทของพี่ชายของนางที่เป็นขุนนางใต้สังกัดของบิดา เขามักจะมาที่จวนเสนาบดีเจียบ่อยๆเพื่อสนทนาหรือเล่นหมากรุกกับพี่ชายของนาง จึงสนิทกับนางไปด้วย วันนี้เขามาชวนนางออกมากินอาหาร คงจะได้ยินจากพี่ชายของนางว่านางส่งของหมั้นคืนอ๋องซีหยางแล้ว จึงสงสารกลัวนางจะเสียใจเพราะเขาก็รู้มานานแล้วว่านางหลงรักอ๋องผู้นั้นและคาดหวังไว้มากว่าจะเป็นพระชายาของเขา แต่เมื่อส่งของหมั้นคืนเขาไปแล้วสิ่งที่นางหมายมั่นมาหลายปีก็คงเป็นอันจบลงแล้ว พี่เฟยหลงจึงคิดปลอบใจนางด้วยการพาออกมาเปิดหูเปิดตา มิใช่เหลียนฮวามิเสียใจ นางเสียใจมาก และร้องไห้อย่างหนักและยิ่งรู้ว่าเขามีใจให้สหายสนิทของนางถึงกับจะสู่ขอมาเป็นชายา แต่นางจะพยายามคิดเสียว่ามันเป็นโชคชะตาของพวกเขามิได้เกี่ยวข้องกับนางอีกต่อไปแล้ว จึงมิได้โกรธเคืองผู้ใดแต่นางมิอยากให้บิดาและพี่ชายรับรู้และพลอยกังวลไปกับนางด้วย นางจึงได้แสดงออกดังเช่นนางมิได้เป็นไร และนางตัดใจจากอ๋องผู้นั้นได้แล้ว แต่นางก็พยายามตัดใจจริงๆและจะต้องทำให้ได้ด้วย
“ ฮวาเอ๋อ เจ้าสั่งอาหารเถิด เจ้าชอบกินอะไรก็สั่งมาตามนั้น พี่กินได้หมดทุกอย่าง ” รองแม่ทัพไป๋เอ่ยขึ้น ฮวาเอ๋อยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยสั่งอาหารที่ขึ้นชื่อของภัตตาคารแห่งนี้มาสี่อย่าง “ พี่เฟยหลง ท่านจะดื่มสุราหรือไม่ “ นางหันไปถามเขา รองแม่ทัพหนุ่มพยักหน้า ” เจ้าสั่งมาเพียงหนึ่งกาก็พอ พี่จะดื่มนิดหน่อย เจ้าก็ควรจะดื่มสักหน่อยนะจะได้รู้สึกดีขึ้น ” เขาเอ่ยและมองใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสดใสนักของนาง “ ถ้าเช่นนั้นเอามากาเดียวก็พอแล้ว ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนพี่เฟยหลงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พอให้เจริญอาหาร ” เสี่ยวเอ้อเมื่อรับรายการอาหารแล้วก็เดินจากไป ทั้งสองหนุ่มสาวจึงนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระระหว่างที่รออาหาร
แต่ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาคมที่มองตรงมาที่คนทั้งสองอย่างไม่คลาดสายตา “ เจ้าห้า จะมองพวกเขาทำไมกัน ตอนนี้เจ้ากับนางมิได้เป็นอะไรกันแล้ว จะไปจ้องมองนางขนาดนั้นทำไมกัน หากมีผู้ใดเห็นเข้าก็จะเข้าใจไปว่าเจ้าหึงหวงนาง ” อ๋องซีหยางค่อยๆหันกลับมามองใบหน้าของพี่ชาย “ ข้ามิได้หึงหวงนาง ข้าดีใจเสียด้วยซ้ำที่นางถอนหมั้นไปเองง่ายๆไม่ต้องให้ข้าต้องเดือดร้อนหาวิธีการให้วุ่นวาย ข้าเพียงแค่คิดว่านางจะไปได้สักกี่น้ำกัน เจ้าหมอนั่นเป็นสหายของพี่ชายนาง คงจะหาบุรุษที่ไหนไม่ได้เลยจะคว้าสหายของพี่ชายมาทำสามี ใครจะไปอยากได้นางเป็นเมียกัน ” เขาเอ่ยตอบพี่ชายของตนเอง แต่มันก็มิได้เต็มปากเหมือนที่ผ่านมานัก ระหว่างที่ทั้งสองร่ำสุราตาของเขาก็ยังคอยเมียงมองไปที่โต๊ะที่อดีตคู่หมั้นนั่งกินอาหารกับบุรุษที่เป็นสหายของพี่ชายของนาง และครุ่นคิดอยู่แต่ว่านางชักจะยิ้มมากไปหรือไม่ เขาเกิดความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างมากมาย และตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เขารู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนักที่นางยิ้มหวานให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา
เมื่อกินอาหารและร่ำสุรากันได้ที่ องค์ชายสามจึงได้เอ่ยว่า “ เรากลับกันเสียทีเถิด ข้ามีธุระจะต้องไปจัดการก่อนกลับตำหนัก เจ้าเองก็ดูจะเมาไม่น้อย กลับพร้อมกับข้าเลยดีกว่า ข้าจะไปส่งเจ้าที่หน้าตำหนัก เจ้ามิได้ให้องครักษ์ติดตามมาด้วย กลับกับข้าเถิด ” จากนั้นเขาก็กวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน แล้วจึงได้ลุกขึ้นพร้อมกันเพื่อจะเดินลงไปจากภัตตาคารแห่งนี้ แต่เท้าของอ๋องหนุ่มมันไม่รักดี แทนที่จะเดินหลีกไปอีกทางจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตคู่หมั้น แต่มันก็เกเรอยากจะเดินไปเฉียดโต๊ะของนางจนได้ “ ถวายบังคมองค์ชายสามและท่านอ๋องพะยะคะ ” รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงหันไปมองเห็นองค์ชายสามเดินมากับท่านอ๋องซีหยางเข้าพอดี เขาจึงได้ลุกขึ้นทำความเคารพ พลอยทำให้เจียเหลียนฮวาจำต้องลุกขึ้นทำความเคารพทั้งคู่ด้วย “ ถวายบังคมองค์ชายสามกับท่านอ๋องเพคะ ” นางย่อตัวอย่างอ่อนช้อยแต่ดวงตามิได้มองมาทางอ๋องหนุ่มเลย นางมองเลยเขาไปยังพี่สามและยิ้มให้เขาอย่างแจ่มใส
อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าของนาง ใบหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มแดงก่ำ นางดื่มเหล้าจนเมาหรือว่าเขินอายที่อยู่กับบุรุษกันแน่ หญิงร่าน แพศยา เจ้าจะให้ความหวังชายสักกี่คนกันถึงจะพอใจ อ๋องหนุ่มรำพึงในใจอย่างอดไม่ไหว “ เหลียนฮวาไม่ได้พบกันเสียนาน เพราะข้ามีราชการไปต่างเมืองบ่อยๆ เมื่อไปเยี่ยมพระมารดาก็มิเคยพบเจ้าเลย สบายดีหรือไม่ ได้ยินว่าตอนนี้ถอนหมั้นกับเจ้าห้าแล้ว ” เหลียนฮวายิ้มน้อยๆให้กับองค์ชายสาม “ เพคะ ถอนหมั้นแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันเป็นอิสระแล้วนะเพคะ หากองค์ชายสามมีบุรุษใดที่น่าสนใจก็แนะนำหม่อมฉันได้นะเพคะ ฮวาเอ๋อตอนนี้กลายเป็นหญิงที่ยังมิได้ออกเรือนแล้วนะเพคะ “ เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆเหมือนมิได้พูดเรื่องของตนเองกระนั้น
” แล้วรองแม่ทัพไป๋เล่า มิใช่พวกเจ้าคบหาดูใจกันอยู่หรือ “ องค์ชายสามแกล้งหลอกถามนาง และอยากจะดูปฏฺิกิริยาน้องชายของตนเองด้วยว่าหึงหวงอดีตคู่หมั้นของเขาหรือไม่ ” เจียเหลียนฮวาทำท่าเอียงอายเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ หม่อมฉันนั้นคิดเพคะ แต่พี่เฟยหลงเขาจะคิดเหมือนหม่อมฉันหรือไม่ ก็ต้องลองถามเขาดูเพคะ ” คำพูดเหมือนล้อเล่นของนางนั้นส่งผลต่อทั้งสามบุรุษที่ยืนอยู่ในวงสนทนานั้น องค์ชายสามมีสีหน้าแปลกใจที่นางดูไม่ทุกข์ร้อนเมื่อเขาเอ่ยเรื่องถอนหมั้นกับชายที่นางหลงรักมานาน ส่วนแม่ทัพไป๋เฟยหลงใบหน้าแดงระเรื่อและมีท่าทีขัดเขินเหมือนเขาเองก็มีใจตอบนางแต่ยังมิกล้าเกี้ยวนาง ส่วนอดีตคู่หมั้นเช่นอ๋องซีหยาง ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงยิ่งนัก มือหนากำแน่น ดวงตาของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น
ขุนนางหนุ่มก้มลงไล้เลียร่างอวบของเมียรักจนทั่วร่าง จนถึงเนินอวบของนาง เขาบีบขย้ำมันอย่างมันมือ แล้วก็สอดนิ้วแกร่งของเขาเข้าไปจนมิดด้ามแล้วเร่งกระแทกร่องอวบของนางด้วยจังหวะที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสะโพกอวบของซูลี่กระตุกเกร็งจนเสร็จสมไป นางปลดปล่อยน้ำรักจนเต็มมือหนาของสามีเมื่อเขาเห็นนางพร้อมสำหรับเขาแล้ว จึงได้สอดลำกายอวบใหญ่ของเขาเข้าไปจนมิดลำกาย นางยังคงคับแน่นสำหรับเขา เมื่อร่องอวบของซูลี่ที่มันแอ่นสายไปมาด้วยความเสียวซ่านอย่างรอคอยการเติมเต็มจากสามี เมื่อสัมผัสกับลำกายอวบใหญ่ของเขามันกระตุกเกร็งแทบจะเสร็จสม สะโพกอวบโยกรับลำกายแกร่งของสามีทันที ที่เขาจ้วงแทงนางด้วยจังหวะที่รัวเร็ว นางแอ่นสะโพกรับเขาอย่างร่านร้อนเหลือเกิน ปากจิ้มลิ้มก็ร้องครวญครางอย่างสุขสม “ อ๊าา อ๊าา อ๊าา อะ อ๊ะ ท่านพี่เร็วอีกเจ้าค่ะ อ๊า อ๊าาา อ๊าาง ” ซูลี่ร้องครวญครางอย่างสุขสม นางโยกสะโพกอวบรับการจ้วงแทงที่รัวเร็วของสามี ปากก็ร้องครวญคราง มือบางยกขึ้นลูบไล้หลังไหล่ของเขาไปมา ขุนนางหนุ่มเร่งกระแทกร่องอวบของนางอย่างเร่าร้อน เขาเองก็สุขสมเหลือเกิน ครางกระหึ่มในลำคอหนาเสียงดังก้องไปทั้งห้อง เขาจับร่างอวบของเม
ทั้งสองเดินตรงไปหาพี่ชายที่นั่งร่ำสุรากับสหาย ที่ศาลากลางสวน “ ท่านรองแม่ทัพไป๋ วันนี้นึกครึ้มใจอะไรขึ้นมาเจ้าคะถึงได้ร่ำสุราแต่หัววันเลย ” ซูลี่เอ่ยทักทายเขาทันที นางเดินตรงไปนั่งลงข้างๆสามี ส่วนพระชายาเจียทรุดนั่งลงตรงข้ามพวกเขา นางยิ้มให้รองแม่ทัพไป๋ “ เขาเป็นแม่ทัพแล้ว ได้เลื่อนขั้นเมื่อเช้านี้เอง” คุณชายเจียเอ่ยทักท้วงว่าที่ฮูหยินของเขา “ ถ้าเช่นนั้นก็ยินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยนะเจ้าคะ ” นางจึงได้เอ่ยแสดงความยินดีอีกครั้ง “ แต่สิ่งที่ต้องแสดงความยินดียิ่งกว่านั้นก็คือ เขาได้สมรสพระราชทานกับองค์หญิงซีหลีน่า น้องสาวของอ๋องห้าเช่นใดเล่าพระชายา” คุณชายเจียหันไปบอกน้องสาวของตนเอง “ องค์หญิงหลีน่า นางน่่ารักเหลือเกิน อัธยาศัยไมตรีก็ดียิ่งนัก พี่เฟยหลงท่านโชคดีแล้วนะที่ได้แต่งงานกับนาง ” พระชายาเจียเอ่ยบอกเขา “ แม่ทัพไป๋เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าพระชายาเจีย ” ท่านจงใจจะละเลยคำพูดที่ว่านางอ้วนใหญ่เหลือเกิน หากล้มทับข้าคงจะกระอักเลือดไปเลยใช่หรือไม่ “ เขาเอ่ยใบหน้าเรียบเฉย บ่งบอกว่ามิได้ล้อเล่นเลย พระชายาเจียถอนหายใจเบาๆ “ เปิ่นหวางเฟยพูดจริงๆนะ นางน่ารัก อัธยาศัยไมตรีดี เพียงแต่นางอ้วนใหญ่มา
องค์หญิงหลีน่าไปปรึกษาองค์ชายรองพี่ชายของนางทันที เพราะเขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของนาง “ เสด็จพี่ หม่อมฉันอยากจะแต่งงานท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ” องค์ชายรองตะลึงงันไปทันที เขาแทบจะเอามือแคะหูตนเอง หลีน่าบอกว่าจะแต่่งงานกับใครกัน เขาหันมามองน้องสาวตนเองช้าๆ จ้องมองหุ่นอันอ้วนใหญ่ที่หน้าท้องของนางยื่นออกมากลมดังเช่นหญิงท้อง “ หลีน่าเจ้าล้อพี่เล่นใช่หรือไม่ เจ้าจะแต่งงานได้เช่นไร เจ้ายังเด็กเกินไป ” เขาเอ่ยขึ้นทันที เพราะพี่ชายทุกคนมักจะชอบคิดว่านางยังเด็กเล็กนักอยู่เสมอ ทั้งๆที่นางอายุสิบหกหนาวแล้ว อายุเลยวัยปักปิ่นมาแล้วด้วยซ้ำไป“ ข้าพูดจริงพี่รอง ตอนบ่ายหม่อมฉันเดินชนกับรักแรกของเข้า ทันทีที่สบตาของเขาหม่อมฉันก็ตกหลุมรักเขาทันที รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้คือว่าที่สามีของหม่อมฉันอย่างแน่นอน ” หลีน่าพร่ำพรรณาให้พี่ชายของตนเองฟัง องค์ชายรองตาค้าง นั่นน้องสาวของเขาแอบหลงรักใครกัน “ แล้วเจ้าหมอนั่นมันเป็นใครกัน ” เขาลองเลียบเคียงถามนาง “ เขาบอกว่าชื่อรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงเป็นบุตรชายแม่ทัพภาคตะวันออก ” องค์ชายรองแทบจะร้องอ๋อออกมาทันที เจ้านั่นอดีตคู่แข่งของเจ้าห้านั่นเอง เจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่เบ
ขุนนางหนุ่มมีสีหน้าดีใจที่เสนาบดีจงยอมรับเขาโดยง่ายดาย “ ขอรับท่านพ่อตา ข้าจะจัดการเรื่องสินสอดให้เร็วที่สุดและหาฤกษ์ที่ดีและให้เร็วที่สุด มิต้องห่วงนะขอรับ ข้ารักนางมาก จะดูแลนางให้ดีที่สุด ขอให้ท่านวางใจ ” จากนั้นเขาก็อยู่พูดคุยกับเสนาบดีจงครู่ใหญ่จึงได้ขอตัวลากลับ ซูลี่เดินออกมาส่งสามีหมาด ๆ ของนางจนถึงหน้าประตู เหลียวมองซ้ายขวาไม่เห็นใครจึงได้เขย่งเท้าขึ้นจูบแก้มเขาเบาๆ “ ท่านพี่ต้องรีบจัดการเรื่องแต่งงานของเราให้เร็วที่สุดนะเจ้าค่ะ ข้ารอนานไม่ไหว อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับท่านให้เร็วที่สุด ”ขุนนางหนุ่มก้มลงมองใบหน้าที่แดงก่ำของซูลี่แล้วก้มลงหอมแก้มนางทั้งสองข้าง ๆพี่จะจัดการให้เร็วที่สุดเจ้าไม่ต้องกังวล แต่ระหว่างนี้พี่จะมาหาเจ้าบ่อยๆ หรือเจ้าก็ไปหาพี่ที่จวนได้ตลอดเวลา เจ้าก็รู้หากพี่ไม่มีราชการก็จะอยู่ที่จวน เจ้าก็ไปมาหาสู่ที่จวนเช่นเดิมเหมือนตอนที่ยังเป็นสหายกับฮวาเอ๋อ ตอนนี้เจ้ากลายมาเป็นพี่สะใภ้ของนาง ต่อไปก็หาทางคืนดีกันเสีย เพราะกลายมาเป็นพี่น้องกันแล้ว เข้าใจหรือไม่ นางกลายมาเป็นน้องสาวของเจ้าแล้ว พี่สะใภ้ “ เขาเอ่ยเย้านาง ใบหน้าของซูลี่แดงก่ำ ” ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะง้องอนนางเอ
หญิงที่มีอารมณ์กำหนัดที่รุนแรงเช่นซูลี่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่านางร่านรักเช่นนี้ เมื่อเขาโยกขย่มนางด้วยจังหวะที่รุนแรงขึ้นนางก็ยิ่งเสียวซ่านจนทนไม่ไหว ปากร้องครวญครางเสียงกระเส่า แล้วโยกสะโพกอวบอั๋นของนางรับลำกายใหญ่ของเขาด้วยจังหวะเดียวกันอย่างรวดเร็ว นางกางเล็บมือกรีดบนหลังไหล่ล่ำสันของเขาอย่างมันมือเพราะอารมณ์กำหนัดของนางพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่เคยมาก่อน ปากก็ร้องครวญคราง“ รักข้าอีก รักข้า แรงๆอีก แรงๆ กว่านี้อีก เจ้าบ้า รักข้าเร็วๆ อ๊าย อ๊าา อ๊าา อ๊าางง ” ปากของนางก็ร้องครวญครางเสียงกระเส่าอย่างสุขสมเหลือเกิน “ ขอร้องข้าสิเมียรัก ข้าคือผัวเจ้า ต่อไปอย่ามาเรียกเจ้าบ้า เรียกว่าผัว มิเช่นนั้นเข้าจะปล่อยให้เจ้าอารมณ์ค้างเช่นนี้ อยากสุขสมต้องพูดกับข้าให้มันรื่นหูกว่านี้เข้าใจหรือไม่ ” เมื่อได้ทีขุนนางหนุ่มรีบข่มขู่นางทันที เขาต้องดัดนิสัยนางให้ได้ จะเป็นเมียของต้องเป็นสตรีที่ดีกว่านี้ ว่านอนสอนง่าย เขาจะปราบนางเอง หญิงเช่นนางเหมาะกับบุรุษเช่นเขาแล้ว เพราะเขาชอบปราบพยศหญิงร้ายกาจเช่นนางนี่แหละ สหายของเขาดีเกินไปไม่เหมาะกับหญิงแพศยาเจ้ามารยาเช่นนางหรอก ขุนนางหนุ่มแกล้งลดจังหวะกระแทกนางให้ช้าๆ
ม้าแสนรู้ของขุนนางหนุ่มวิ่งเหยาะย่างช้าๆจนกระทั่งวิ่งมาจนถึงจวนร้างแห่งหนึ่ง มันวิ่งไปหยุดตรงประตูทางเข้าจวนร้างแห่งนั้น หย่งจิ้งประคองร่างอวบที่เอนกายพิงอกแกร่งของเขามาตลอดทางขึ้น แล้วเขาก็โหนตัวลงจากม้าหนุ่มแสนรู้นั่น แล้วยกร่างอวบของซูลี่ลงมายืนข้างม้าหนุ่มของเขา “ เจ้ายืนรอพี่ตรงนี้ก่อน พี่จะผูกม้าและหาหญ้าให้มันกินสั่งหน่อยก่อนเป็นรางวัลที่วันนี้มันทำได้ดีเหลือเกิน ” เขาเอ่ยปากชมม้า แต่มองเข้ามาในตาของนางอย่างหวานฉ่ำเหลือเกิน ใบหน้าของซูลี่แดงก่ำ นางรู้ว่าเขาหยอกเย้านาง พอตกเป็นของเขาแล้ว ท่าทีต่อนางก็เปลี่ยนไป ปกติชอบพูดจากกระแทกนางแรงๆอย่างไม่เกรงใจ แต่คราวนี้กลับปากหวานกับนางเหลือเกิน นางจ้องมองร่างล่ำสันของเขาที่จูงม้าเดินเข้าไปในประตูจวน แล้วเดินตามเขาเข้าไปในจวนร้างแห่งนั้น เมื่อขุนนางหนุ่มผูกม้าเรียบร้อยแล้ว เขารินน้ำใส่ในอ่างเคลือบใบเก่าที่มีรอยบิ่นที่เขาค้นพบในครัวหลังบ้าน มาวางไว้ตรงหน้าม้าหนุ่ม แล้วเดินออกไปเกี่ยวหญ้าที่ขึ้นรถด้านนอกมาหอบใหญ่วางลงตรงหน้าม้าหนุ่ม เดินไปหยิบกระถางต้นไม้ที่ทำจากดินเผาเก่าๆใบใหญ่ที่กลิ้งอยู่ตรงทางเข้า มาหักกิ่งไม้ใส่ลงไปแล้วเดินกลับไปหยิ