แชร์

ไร้อนาคต

ผู้เขียน: กระเรียนขาว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-25 21:42:34

     การไม่เป็นที่ต้องการ ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว

     ความเหงา อ้างว้าง และเจ็บปวดที่ถูกหมางเมินนั่น นำพาให้ความรู้สึกของสามีภรรยาในนามค่อยๆ เปลี่ยนไป คนหนึ่งอยากก้าวผ่านความสัมพันธ์และครองรักกันไปจนแก่เฒ่า แต่กับอีกคน...อย่างไรก็ไม่อาจตอบรับความรู้สึกและขอมอบเพียงมิตรภาพกลับไปเท่านั้น

     “กู่เสี่ยวถิง! เจ้าฟังพ่ออยู่ไหม!”

     กู่เสี่ยวถิงสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เงยหน้ามองกู่กวงซิวพร้อมอ้าปากหาว “ท่านพ่อ ฟ้ายังไม่ทันสางเลยนะเจ้าค่ะ เหตุใดต้องให้พวกสาวใช้ลากข้ามาด้วย”

     “เดี๋ยวเถอะนะ! นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าทำอะไรผิดไว้” หลี่เฟยที่นั่งอยู่ข้างสามีเอ่ยตำหนิ

     “เรื่องที่ข้าขอหมั้นหมายกับโจวโซวเชินน่ะหรือ”

     กู่กวงซิวพ่นลมหายใจ บุตรสาวคนนี้ชอบก่อปัญหาไม่หยุดหย่อนเลยจริงๆ หากไม่ไปหาเรื่องคนอื่น ก็มักหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองอยู่เสมอ ใจนั่นอยากให้นางรีบแต่งออกเรือนไปเสีย เขาและภรรยาจะได้ไม่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างสิ่งที่นางทำไว้

     “ท่านพ่อกำลังคิดว่า ควรให้ข้าออกเรือนไปเร็วๆ ใช่ไหมเจ้าคะ”

     กู่กวงซิวผงะ กำลังจะตอบปฏิเสธ แต่ก็ปฏิเสธไม่ลง

     “ข้ารู้ว่าข้าเป็นตัวปัญหาของพวกท่าน ทางที่ดีควรให้สามีในอนาคตอบรมสั่งสอนให้อยู่ในกฎเกณฑ์ แต่ข้าซึ่งเป็นสตรีดื้อรั้นไม่ยอมแต่งกับใคร ยกเว้นแม่ทัพจงหยางอี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พวกท่านกลุ้มใจใช่หรือไม่”

     กู่กวงซิวชำเลืองมองไปทางหลี่เฟย ส่งสายตาคล้ายจะถามว่ากู่เสี่ยวถิงอ่านใจเขาออกได้อย่างไรกัน

     “ท่านพ่อท่านแม่ อย่างไรสตรีก็ต้องออกเรือน หากข้าไม่เลือกคู่ด้วยตัวเอง ไม่ช้าก็เร็ว พวกท่านก็ต้องยัดเหยียดหามาให้ข้ามิใช่หรือ”

     กู่เสี่ยวถิงในนิยายมิสามารถขโมยหัวใจของจงหยางอี้มาได้ หนำซ้ำยังทำให้สกุลกู่ต้องถูกผู้คนประณามว่าอบรมบุตรสาวอย่างไรถึงโตขึ้นมามีนิสัยร้ายกาจเพียงนี้

     บิดามารดาไม่อาจแบกรับความอับอายได้ไหวอีกแล้ว พวกเขาจึงยกกู่เสี่ยวถิงให้แต่งกับบุตรชายคนเล็กของท่านอ๋อง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าชายผู้นี้เสเพลเพียงใด ไม่เพียงตบตีทำร้ายแต่ยังยกนางให้เป็นนางบำเรอแก่เหล่าสหายของตนอีกด้วย

     ด้วยเคราะห์กรรมที่สาดซัดดุจเกลียวคลื่นนี้เอง กู่เสี่ยวถิงยิ่งบ่มเพาะความชั่วช้าเลวทรามมากขึ้น นางไม่เพียงอาฆาตหวงหนิงเซียนที่แย่งจงหยางอี้ไป แต่ยังสั่งคนให้มาสังหารบิดามารดาของตนอีกด้วย!

     “หากต้องถูกจับคลุมถุงชน สู้ให้ข้าเลือกคู่ครองที่ต้องการเองดีกว่านะเจ้าค่ะ” กู่เสี่ยวถิงขอร้อง

     กู่กวงซิวครุ่นคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้า “อย่างไรก็ไม่ได้”

     “ท่านพ่อ”

     “เป็นคนอื่นไม่ได้หรือไง คุณชายคนอื่น ยกเว้นคุณชายสาม เจ้าก็รู้ว่ามารดาเขาเป็นสตรีที่น่ารังเกียจแค่ไหน แต่งกับเขา เจ้ามีแต่จะเป็นที่ครหา”

     “สกุลโจวเองก็ถังแตก หากเกี่ยวดองกัน สกุลกู่เราไม่โดนดูดทรัพย์สมบัติไปหมดหรือ” หลี่เฟยกล่าวเสริมความคิดของกู่กวงซิว

     กู่เสี่ยวถิงยังคงไม่ยอมแพ้จึงกล่าวแย้ง “เรื่องที่มารดาของโจวโซวเชินเป็นหญิงสองใจนั่นไม่สามารถพิสูจน์ได้ และถึงจะเป็นเรื่องจริง มันก็ไม่ใช่ความผิดของผู้เป็นลูกมิใช่หรือเจ้าคะ”

     กู่กวงซิวกำลังจะค้าน แต่เด็กรับใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

     “เรียนนายท่าน ฮูหยิน คุณหนูรอง คุณชายสามสกุลโจวมาขอเข้าพบพวกท่านขอรับ”

     กู่เสี่ยวถิงลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ นางรีบบอกให้เด็กรับใช้ไปเชิญโจวโซวเชินเข้ามาด้านในเร็วๆ

     “เสี่ยวถิง นั่งลง!” หลี่เฟยดุบุตรสาว

     กู่เสี่ยวถิงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงตามเดิม ทว่ามิวายชะเง้อคอมองออกไปนอกประตูเรือนด้วยความตื่นเต้น

     ครู่เดียวบุรุษในอาภรณ์ขาวสง่าราวเทพเซียนก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาพร้อมผู้ติดตามหนึ่งคนทางด้านหลัง

     “โจวโซวเชินคารวะนายท่านกู่และกู่ฮูหยินขอรับ”

     ครั้งแรกที่พบกัน โจวโซวเชินสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ดูไม่เรียบร้อยนัก ผมดำยาวถูกรวบเก็บไว้แค่ครึ่งเดียว ใบหน้าหมองหม่น ต่างจากตอนนี้ที่ไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็หล่อเหลาเหลือคณา

     “โซวเชิน! เจ้าดูดีน่ะ”

     โจวโซวเชินเหลือบมองกู่เสี่ยวถิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง เห็นนางโบกมือพลางฉีกยิ้มกว้างมาให้แล้วก็รีบก้มหน้าหลบตาทันที

     กู่กวงซิวกระแอม “เสี่ยวถิง มารยาทของเจ้าหายไปไหนหมดฮึ!”

     เมื่อเห็นบุตรสาวเก็บไม้เก็บมือเรียบร้อยแล้วก็หันมากล่าวกับบุรุษที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า “คุณชายสามลุกขึ้นเถิด”

     โจวโซวเชินกล่าวขอบคุณก่อนสั่งให้ตู้ฟู่ส่งม้วนภาพที่ตนเตรียมมามอบให้ผู้นำสกุลกู่

     แต่ขณะที่โจวโซวเชินกำลังจะนำของไปมอบให้ กู่กวงซิวกลับพูดโพล่งขึ้น “ไม่ทราบว่าคุณชายสามนำของขวัญมาให้ข้าเนื่องในโอกาสอะไรหรือ”

     โจวโซวเชินนิ่งไป นึกสงสัยว่ากู่เสี่ยวถิงยังไม่ได้บอกเรื่องที่จะหมั้นหมายกับเขาหรืออย่างไร

     “ความจริงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบคุณชาย ตั้งแต่...เอ่อ...เก้าหรือสิบน่ะที่ท่านถูกสั่งห้ามออกนอกจวนโจว”

     “สิบสามขอรับ”

     “งั้นหรือ นานมาเลยนะ” กู่กวงซิวว่าพลางหัวเราะไปด้วย แต่ใจจริงนั้นเขากลับไม่ได้รู้สึกขำขันแต่อย่างใด “ดูแล้วคุณชายสามก็เป็นคนฉลาดน่ะ เช่นนั้นข้าขอพูดแบบไม่อ้อมค้อมเลยละกัน เรื่องที่ตกลงกันระหว่างท่านกับบุตรสาวข้าจะไม่มีวันเกิดขึ้น”

     “ท่านพ่อ! ข้าคิดว่าท่านเข้าใจข้าแล้วเสียอีก”

     “เพราะข้าเป็นห่วงชื่อเสียงของเจ้า! กลัวเจ้าจะลำบาก ข้าจึงไม่อยากให้เจ้าแต่งกับชายไร้อนาคตแบบนี้!” กู่กวงซิวตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว อย่างไรก็คงยอมให้บุตรสาวที่รักร่วมหัวจมท้ายกับโจวโซวเชินไม่ได้เด็ดขาด

     “คุณชายสามกลับไปเถอะ ไว้ข้าจะส่งของกำนัลไปขอโทษคนที่สกุลโจวเอง โปรดถือว่าบุตรสาวข้าไม่เคยพูดว่าจะแต่งกับท่านก็แล้วกัน”

     หัวใจโจวโซวเชินกระตุกวูบ รู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง มือที่ถือม้วนภาพนั่นสั่นระริกจนเกือบทำมันตกพื้น

     นี่ข้า...ถูกมองข้ามอีกแล้ว ถูกคนอื่นดูแคลนอีกแล้วหรือ บุรุษฝืนข่มความรู้สึกของตนไว้ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

     “ขออภัยที่ข้ามารบกวน”

     โจวโซวเชินโค้งศีรษะแล้วเดินจ้ำออกมาจากเรือนทันที รู้สึกเหมือนพื้นดินโคลงเคลงจนยากจะทรงตัว ครั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากจวนกู่ได้แล้ว ชายหนุ่มก็ยกกำปั้นขึ้นทุบอกตัวเองเบาๆ สูดหายใจเข้าออกช้าๆ

     “คุณชาย ไหวไหมขอรับ” ตู้ฟู่วิ่งตามออกมาพลางยกมือขึ้นลูบแขนนายของตนด้วยความเป็นห่วง

     “ข้าไม่เป็นไร”

     โจวโซวเชินค่อยๆ เงยหน้ามองป้ายชื่อสกุลกู่ที่แขวนอยู่เหนือประตูใหญ่ ใจนั่นนึกเวทนาตัวเองนัก ทำไมเขาถึงคิดว่าตัวเองจะโชคดีได้แต่งกับคุณหนูจากตระกูลใหญ่ได้กัน ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย

     โจวโซวเชินโยนม้วนภาพในมือทิ้ง “เจ้ากลับไปก่อนละกัน”

     ตู้ฟู่รีบย่อตัวเก็บม้วนภาพขึ้นมาถือไว้ด้วยความเสียดาย “คุณชายจะไม่กลับไปพร้อมกันหรือ คือ...ถ้าคุณชายไม่รีบกลับ เกรงว่าจะถูกนายท่านใหญ่...”

     “กลับเร็วหรือช้าก็เหมือนกัน หากท่านย่าและท่านพ่อรู้ว่าสกุลกู่ไม่ปรารถนาจะรับข้าเป็นเขย ข้าก็คงไม่แคล้วถูกไล่กลับไปอยู่เรือนเล็ก” โจวโซวเชินฝืนยิ้ม “ขอข้าใช้ชีวิตที่เป็นอิสระอีกสักพักเถอะ”

     เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ตนจะมีโอกาสได้ออกมาเดินข้างนอกอีกไหม ดังนั้นโจวโซวเชินจึงอยากฉกฉวยช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้นานๆ

     “ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

     โรงเตี๊ยมและร้านน้ำชาหลายแห่งถูกปรับปรุงและเปลี่ยนรูปลักษณ์จากเดิมไปมาก แต่ร้านค้าเล็กๆ และแผงลอยนั่นยังคงคึกคักและวุ่นวายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

     โจวโซวเชินเดินผ่านผู้คนและร้านค้ามากมายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเศร้า เหงาและท้อแท้ บางครั้งก็นึกสงสัยว่าจะมีใครต้องการเขาจริงๆ บ้างหรือไม่ ใครสักคนที่พร้อมจะอ้าแขนและจูงมือเดินเคียงข้างไปด้วยกัน

     “โจวโซวเชิน!”

     จู่ๆ ก็มีมือหนึ่งคว้ามือของโจวโซวเชินเอาไว้ ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้วยความตกใจ แต่แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นกู่เสี่ยวถิง ใบหน้ากลับแสดงความประหลาดใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

     “เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเสียตั้งนาน” กู่เสี่ยวถิงว่าพลางหอบหายใจ

     “คุณหนูรอง ไยท่านถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

     “ทำไมน่ะเหรอ ก็มาตามหาเจ้าไง ก่อนหน้าที่เจ้าจะมาที่จวน ข้ากับท่านพ่อก็ทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้แล้ว พอท่านเห็นหน้าเจ้าก็เลย...พลั้งปากพูดจารุนแรงไป”

     “คุณหนูรองอย่าคิดมากเลย ความจริงที่นายท่านกู่พูดก็มีเหตุผล ข้าไม่คู่ควรกับคุณหนูจริงๆ”

     โจวโซวเชินกำลังจะหมุนตัวกลับทว่ากู่เสี่ยวถิงก็รั้งมือเขาไว้ “ไม่จริงเสียหน่อย หากเจ้าไม่คู่ควรแล้วจะมีใครบนโลกคู่ควรอีกเล่า”

     โจวโซวเชินนิ่งอึ้ง มองกู่เสี่ยวถิงที่ทำหน้ามุ่ยแล้วรีบร้อนชักมือตนกลับ “คุณหนูรองอย่าพูดล้อเล่นเช่นนี้ ถึงข้าจะไม่ได้ออกนอกจวนมาหลายปี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทราบถึงข่าวคราวด้านนอก”

     เห็นกู่เสี่ยวถิงขมวดคิ้วสงสัย โจวโซวเชินจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณหนูรองมีใจแก่จงหยางอี้ ทว่าถูกเขาปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้จึงอยากจะเข้าทางข้าซึ่งเป็นสหายของเขาใช่หรือไม่”

     “หะ? เข้าทางเจ้าหรือ”

     “ถึงข้ากับจงหยางอี้จะเป็นสหายกัน แต่ข้าก็คงช่วยท่านโน้มน้าวใจเขาไม่ได้หรอกนะ”

     “เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าคิดว่าข้าจะใช้เจ้าเป็นทางผ่านเพื่อเข้าใกล้จงหยางอี้หรือ เจ้าเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกันเนี่ย!”

     แต่เดี๋ยวนะ ทำไมรู้สึกเหตุการณ์นี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยอ่านเจอมาก่อน...

     โจวโซวเชินต้องแต่งงานกับหวงหนิงเซียนตามคำสั่ง ทว่ามิได้ร่วมหลับนอนกันแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าหวงหนิงเซียนเป็นสตรีที่เพื่อนรักของตนหมายปอง จึงไม่คิดจะล่วงเกินนาง

     กระทั่งจงหยางอี้กลับมาจากสนามรบ เขาที่รู้เรื่องการแต่งงานที่ไม่ยินยอมนี้จึงรีบมาพบคนทั้งสอง แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับวางใจมากกว่า เพราะรู้ว่าเพื่อนรักของเขาอย่างโจวโซวเชินจะต้องไม่หักหลังเขาอย่างแน่นอน

     โจวโซวเชินกลายเป็นสะพานที่เชื่อมให้คู่รักทั้งสองได้มาพบเจอกัน เฝ้ามองพวกเขาโผกอดและพร่ำบอกรักซึ่งกันและกันอย่างหวานชื่น โดยที่จงหยางอี้และหวงหนิงเซียนไม่เคยรู้เลยว่า...ความรู้สึกของโจวโซวเชินที่มีต่อหวงหนิงเซียนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

     “ข้าไม่มีทางใช้เจ้าเป็นสะพาน!” กู่เสี่ยวถิงโพล่งขึ้นอย่างฉุนเฉียว “คนดีอย่างเจ้าสมควรมีความสุข ข้าจะไม่มีวันทำผิดต่อเจ้าเด็ดขาด”

     โจวโซวเชินยังไม่หายอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน พลันถูกหญิงสาวคว้ามือทั้งสองไปกุมไว้แน่น

     “ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขเอง ฉะนั้น...อย่าลังเลที่จะแต่งกับข้าเลย”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   สุขสมหวัง

    “หยางอิ่ง นางเคยมีคนรักอยู่ก่อนจะแต่งเข้าสกุลโจว เขาเป็นญาติผู้พี่ของข้าเอง ทั้งสองตกหลุมรักกันมานานหลายสิบปี แต่เพราะต่างฝ่ายต่างมีคู่หมายอยู่แล้วจึงไม่อาจสมหวังในรัก” ใต้เท้าโฮ่วพูดพลางถอนหายใจ “ในวันหนึ่งในฤดูหนาว พี่ชายและข้ารับพระราชโองการไปรบที่ชายแดน ด้วยเพราะเกรงว่าจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ข้าจึงอยากให้ทั้งสองคนได้เจอกัน ผนวกกับได้ข่าวว่าสุขภาพของหยางอิ่งไม่ค่อยแข็งแรง ข้าจึงอยากเพิ่มแรงใจให้นาง ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าข้าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้” จงหยางอี้เดินเข้ามาตบบ่าโจวโซวเชิน “พี่ชายของใต้เท้าโฮ่วตายในสงคราม ส่วนใต้เท้านั่นบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่นานหลายปีกระทั่งได้รับราชโองการให้ประจำอยู่ที่ชายแดนเป็นการชั่วคราว จึงไม่ได้รับข่าวคราวของมารดาเจ้าอีก” เพราะสกุลโจวปกปิดการตายของหยางอิ่ง พวกเขาจับนางไปขังไว้ในห้องที่ทั้งมืดและชื้น ไม่มีเตาไฟ ผ้าห่ม หรือกระทั่งอาหารให้กินจนอิ่มท้อง ส่งผลให้สุขภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้วยิ่งทรุดหนัก “โซวเชิน” กู่เสี่ยวถิงกระซิบเสียงเบา รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของโจวโซวเชินนัก แต่เมื่อเห็นแววตานิ่งสงบของเขา นางก็เริ่มเบาใจ

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   เผยความจริง

    “อะไรนะ!? ฮุ่ยชิว เจ้าไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นใช่ไหม เจ้าถูกกล่าวหาใช่ไหมหลาน ตอบย่าสิ” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อ พยายามเค้นถามความจริงจากโจวฮุ่ยชิวอย่างเดียว “น่ารำคาญ!!!” โจวฮุ่ยชิวผลักฮูหยินผู้เฒ่าออกไป แล้วหันมาพูดกับจงหยางอี้ “ข้าว่าเรื่องนี้เราคุยกันได้นะแม่ทัพจง” จงหยางอี้เค้นเสียงพูด “ข้าไม่เหมือนขุนนางโลภมากพวกนั้นหรอกนะ เจ้าอย่าโน้มน้าวข้าเสียให้ยากเลย” “เจ้าไม่รู้หรือว่ามีขุนนางกี่คนที่อยู่ข้างข้า” “รู้สิ และก็สั่งจับขุนนางพวกนั้นไปหมดแล้วด้วย” หัวใจพลันกระตุกวาบพร้อมกับความหวาดกลัวที่แล่นพรูขึ้นมา โจวฮุ่ยชิวรีบเปลี่ยนเป้าหมาย หันไปทางโจวโซวเชินแทน “พี่สาม อย่างไรพวกเราก็เป็นสกุลโจวเหมือนกัน ข้า...” “ข้าฟังอยู่ จะแก้ตัวอะไรก็รีบพูดมา” ได้ยินเสียงเย็นชากล่าวเช่นนี้ โจวฮุ่ยชิวก็จำต้องกลืนคำขอของตนลงคอ ครั้นหันกลับมองทางครอบครัวตัวเอง ไม่ว่าจะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ หรือพี่ชายทั้งสองของตนล้วนแต่พึ่งพาไม่ได้ หากจะบอกว่าแผนการล้มเหลว มันอาจจะล้มเหลวมาตั้งแต่วันที่เขาเกิดแล้วก็ได้ “หวังพึ่งใครไม่ได้สักคน” โจวฮุ่ยชิวขบกรามแน่น “ทำไมข้าต้อ

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   อยากแต่งกับเจ้า

    ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะ กู่เสี่ยวถิงพูดอะไรไม่ออก หัวใจบีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก โจวฮุ่ยชิวยื่นมือออกมาตรงหน้า “ไปกันกับข้าเถอะ” กู่เสี่ยวถิงส่ายหน้า ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่มีวันไปกับโจวฮุ่ยชิวแน่ นี่มันอะไรกัน... โจวฮุ่ยชิวสอบได้ตำแหน่งจ้วงหยวนได้อย่างไร?! “อย่ายุ่งกับนาง!” โจวโซวเชินปัดมือโจวฮุ่ยชิวทิ้งแล้วจูงมือพาตัวกู่เสี่ยวถิงกลับเข้าไปในงาน “โซวเชิน เดินช้าหน่อย ข้าตามไม่ทัน” กู่เสี่ยวถิงก้าวขาไม่ทันร่างสูงที่กึ่งฉุดกึ่งลากนาง “โอ๊ะ!” กู่เสี่ยวถิงสะดุดขาตัวเอง โจวโซวเชินรีบหมุนตัวกลับมารับร่างบางไว้ “บาดเจ็บหรือไม่” กู่เสี่ยวถิงส่ายหน้าแล้วพยายามจะลุกขึ้นยืน ทว่ากลับรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าจนทรงตัวไม่ไหว “เป็นอะไร เจ็บเท้าหรือ” โจวโซวเชินก้มลงจับที่ข้อเท้าของหญิงสาว พอได้ยินเสียงร้องว่าเจ็บ เขาก็ตกใจจนหน้าเสีย รีบอุ้มตัวนางขึ้น บอกจะรีบพาไปให้หมอตรวจดูอาการ “ขะ...ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าปล่อยข้าลงก่อน” “ไม่เป็นอะไรได้อย่างไร เมื่อครู่ท่านยังร้องอยู่เลย ยืนก็ไม่ไหวด้วยเนี่ย” “อาจจะแค่ข้อเท้าแพลงก็ได้ เจ้าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ”

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   ขุนนางใหม่

    ความรู้สึกกดดันนี้มันอะไรกัน กู่กวงซิวเหงื่อแตกพลั่กเหลือบมองบุตรสาวที่ยืนเท้าสะเอวพลางจ้องตนตาเขม็ง “ท่านพ่อ ท่านไม่มีอะไรจะสารภาพหรือ” กู่กวงซิวอ้ำอึ้ง ชำเลืองหางตาไปทางหลี่เฟยเพื่อขอความช่วยเหลือ “เอ่อ เสี่ยวถิง มีอะไรหรือเปล่าลูก” หลี่เฟยเอ่ยถามเสียงละมุน แต่มิวายถูกสายตาคมกริบตวัดมองมาเช่นกัน “ท่านแม่ มิใช่ว่าท่านก็รู้เห็นด้วยหรอกนะ” เมื่อถูกเค้นหนักเข้า สองสามีภรรยาตระกูลกู่ก็เริ่มทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดแก่กู่เสี่ยวถิง “พ่อแค่อยากไล่โจวฮุ่ยชิวไปให้พ้น หากเขาเห็นว่าสกุลกู่ไม่อาจให้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาคงไม่มายุ่งกับพวกเราอีก” “นอกจากนี้ยังสามารถคัดกรองสหายที่มีอยู่ หากพวกเขาเป็นมิตรแท้ย่อมไม่หันหลังให้สกุลกู่แน่ กลับกันแล้ว หากหนีไปเข้าพวกกับโจวฮุ่ยชิว แสดงว่ามิใช่คนซื่ออย่างแท้จริง” หลี่เฟยเอ่ยต่อ เหตุผลที่บุพการีบอกนั้นก็ฟังมีเหตุผล พวกเขาเพียงอยากกันโจวฮุ่ยชิวให้พ้นทาง แต่ว่า...นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาจะต้องมาโกหกนางนี่!? “เอ่อ...พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะโกหกลูกนะ เพียงแต่...” ราวกับหลี่เฟยอ่านความคิดของกู่เสี่ยว

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   ไม่ให้ตัดใจ

    “อาภรณ์ชุดนี้งดงามยิ่งนัก สีสันสดสวยประณีตงดงาม” เถ้าแก่ที่เข้ามาประเมินราคาสิ่งของในจวนกู่เอ่ยขณะลูบมือลงยังอาภรณ์สีครามเข้ม “คุณหนูรองกู่แน่ใจหรือว่าจะขายทั้งหมดนี้” กู่เสี่ยวถิงพยักหน้า “เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์” นางตอบเสียงเศร้า “อืม งั้นข้าให้คนขนไปที่รถเลยนะ” กู่เสี่ยวถิงกวาดตามองเหล่าเสื้อผ้า รองเท้า และตำราเรียน ราวกับต้องการบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ “รบกวนเถ้าแก่ด้วย” กู่เสี่ยวถิงเรียกพ่อบ้านประจำจวนให้มาตกลงเรื่องราคาและรับเงินจากเถ้าแก่ แล้วจึงหมุนตัวเดินออกไป ระหว่างทางบังเอิญผ่านเรือนที่นางเคยใช้เรียนหนังสือกับโจวโซวเชิน เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกเปิดออกเพื่อระบายอากาศ กู่เสี่ยวถิงค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปด้านใน มองสำรวจห้องแล้วพลันนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับโจวโซวเชิน รอยยิ้มของเขา สัมผัสอ่อนโยนและจุมพิตแรกที่เขามอบให้ หางตากู่เสี่ยวถิงเหลือบเห็นภาพเขียนที่ถูกแขวนไว้เหนือโต๊ะเขียนหนังสือ เป็นภาพเขียนของโจวโซวเชินที่นางย้ายออกมาจากห้องนอนและไม่ยอมที่ขายออกไป “ถึงไม่มีวาสนาต่อกัน

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   ช่วยเหลือ

    “เห็นคุณชายสามนิ่งขรึมมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะ...เอ่อ” หวงหนิงเซียนคิดคำที่จะช่วยอธิบายเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ออก โจวโซวเชินไม่เคยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว คุกคาม หรือกระทั่งออกคำสั่งไล่ใครมาก่อ “คงมีเพียงกู่เสี่ยวถิงคนเดียวที่ทำสหายข้าเสียอาการเช่นนี้ได้” จงหยางอี้วิเคราะห์ “ป่าเถื่อนสิไม่ว่า ที่นี่มิใช่จวนโจวนะ กล้าทำเรื่องไร้มารยาทที่นี่ได้อย่างไร!” ถึงจะบ่นอย่างนั้น แต่ส่วนลึกหวงลี่หรูก็ไม่กล้าสู้กับสายตาแข็งกร้าวของโจวโซวเชินสักเท่าไรนัก ให้พญานกยูงอย่างนางไปขวางทางหมาป่าโมโหร้ายหรือ! หาเรื่องตายสิไม่ว่า “พวกเขาจะปรับความเข้าใจกันได้หรือไม่นะ” หวงหนิงเซียนเป็นกังวล มือกระตุกชายเสื้อแม่ทัพหนุ่มเบาๆ “อย่าห่วงเลย โซวเชินเป็นคนใจเย็น เขาจะต้องค่อยๆ ใช้คำพูดอธิบายให้กู่เสี่ยวถิงเข้าใจ และไม่นานทั้งคู่ก็จะคืนดีกัน...” ตู้ม!!!!! เสียงตู้มดังสนั่น คนทั้งสามต่างตื่นตกใจแล้วรีบวิ่งวนกลับมาทางศาลา เบื้องหน้ากู่เสี่ยวถิงยืนอยู่บริเวณสระบัวพลางหอบหายใจอย่างหนัก ส่วนโจวโซวเชิน...ล้มหน้าคว่ำอยู่ในสระบัว โชคดีที่ว่าระดับน้ำสูงเพียงเข่า โจวโซวเชินจึงค่อยๆ พยุงตั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status