แชร์

เปลี่ยนตัวคู่หมั้น

ผู้เขียน: กระเรียนขาว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-22 19:50:49

     “แต่งกับโจวโซวเชิน!?”

     ฮูหยินผู้เฒ่าอุทานออกมาเสียงดัง นางถามย้ำกับลูกสะใภ้ว่าสิ่งที่ได้ยินมานั่นถูกต้องแน่หรือไม่

     “จริงเจ้าค่ะ ตอนได้ยินนางบอก เข่าข้านี่แทบทรุดเลยนะเจ้าคะท่านแม่” โจวฮูหยินพูดตอบด้วยความอารมณ์หงุดหงิด “ข้าก็หลงคิดว่ากู่เสี่ยวถิงสนใจในตัวบุตรชายคนใดคนหนึ่งของข้าเสียอีก มิเช่นนั้นคุณหนูสูงศักดิ์เช่นนางคงไม่มีทางมาเหยียบสกุลโจวของเราแน่”

     นายท่านโจวส่ายหน้าไปพลางถอดถอนหายใจ “ข้าคิดว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่แรกแล้ว ทุกคนทั่วเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าคุณหนูรองกู่รักใคร่ในตัวแม่ทัพจงเสียยิ่งกว่าอะไร แล้วจู่ๆ กลับจะมาสนใจโจวโซวเชินเนี่ยนะ”

     พฤติกรรมอันพิลึกพิลั่นของกู่เสี่ยวถิง ทำเอาทั้งคนหัวงอกและหัวดำนั่งไม่ติดเก้าอี้ หลังจากงานเลี้ยงเลิก ทั้งสามก็มานั่งหารือกันอยู่ค่อนครึ่งชั่วยาม

     “หรือเพราะที่แม่ทัพจงบอกว่าจะแต่งกับหวงหนิงเซียนเพียงคนเดียว กู่เสี่ยวถิงจึงเป็นบ้า ต้องการประชดชีวิตตัวเอง” โจวฮูหยินวิเคราะห์

     “เหลวไหลๆ สกุลหวงยกหวงหนิงเซียนให้เราแล้ว นางจะกังวลอะไรอีกเล่า” นายท่านโจวแย้ง

     “หรือนางวางแผนอะไร... คิดจะปั่นหัวพวกเราเล่นงั้นหรือไม่”

     “พวกเราไม่เคยทำอะไรให้นาง ไม่มีเหตุผลที่นางจะมาปั่นหัวพวกเราเสียหน่อย”

     ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตาฟังบุตรชายและลูกสะใภ้เถียงกันไปมาสักพักก็สั่งให้สองคนหุบปาก

     “กู่เสี่ยวถิงคิดจะเล่นตลกอะไร ข้าไม่สนใจทั้งนั้น หากนางยืนกรานจะแต่งกับโจวโซวเชิน เช่นนั้นก็ให้นางแต่ง”

     “ท่านแม่!” สองสามีภรรยาประสานเสียง

     “อย่างไรโจวโซวเชินก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายสกุลโจว โอกาสจะได้เกี่ยวดองกับสกุลใหญ่หาไม่ได้ง่ายๆ อีกอย่าง...พวกเจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ฐานะทางการเงินของพวกเราเป็นเช่นไร”

     ฮูหยินผู้เฒ่าหมุนลูกประคำในมือเพื่อหวังให้จิตใจสงบ แต่พอนึกถึงหลานชายนอกไส้นั่น ก็พลันรู้สึกโมโหขึ้นมาอีก “มีหลานชายตั้งหลายคน แต่ไม่ได้เรื่องเลยสักคน กรรมของข้าแท้ๆ”

     อารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ นางสู้อุตส่าห์ให้ความรักความเอาใจใส่กับหลานชายทั้งสามเป็นอย่างดี ไฉนกลับเป็นโจวโซวเชินที่จะช่วยกอบกู้สกุลโจวเสียได้!

     รู้สึกเหมือนตนเองถูกตบหน้าอย่างไรไม่รู้

     “สั่งคนให้พาโจวโซวเชินไปอยู่ที่เรือนฝั่งตะวันตก”

     โจวฮูหยินได้ยินก็ทำหน้าตาตื่นทันที “เรือนฝั่งตะวันตก! หรือว่าจะเป็นเรือนหลังใหญ่หลังนั่น ไม่ได้นะเจ้าคะท่านแม่! ไหนท่านแม่เคยบอกว่าจะเก็บไว้เป็นเรือนหอของบุตรชายคนโตของข้า”

     “หุบปาก! บุตรชายเจ้าไม่ได้ความสักคน เจ้ายังจะกล้ามาทวงของจากข้าอีกหรือ หน้าไม่อายเสียจริง!”

     ถูกแม่สามีตวาดด่า โจวฮูหยินก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ บุตรชายทั้งสามของนางยังไม่มีเรือนนอนเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ แต่โจวโซวเชินกลับจะได้ครองเรือนหลังใหญ่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ

     ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!

     คำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าถูกถ่ายทอดออกไป บ่าวคนสนิทของโจวโซวเชินอย่าง ตู้ฟู่ จึงรีบวิ่งมาแจ้งข่าวดีนี้แก่นายของตน

     “สวรรค์มีตาโดยแท้ ในที่สุดก็ส่งเทพธิดามาช่วยคุณชายจนได้” ตู้ฟู่รีบเก็บเสื้อผ้า ของใช้ และตำราของเจ้านายอย่างร่าเริง

     แต่กับโจวโซวเชินนั่นไม่ได้แสดงอาการยินดีแต่อย่างใด เขาลุกขึ้นและพิงตัวกับกรอบประตู แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

     “ทำไมคุณหนูรองผู้นั้นจึงบอกว่าจะแต่งกับข้า”

     “คงเพราะหลงในรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของคุณชายกระมัง ถึงคุณชายจะอยู่ใน...เอ่อ...สถานการณ์เช่นนี้ แต่ท่านก็ยังคงสง่างามไม่เปลี่ยนเลยขอรับ”

     “หากจะประจบ เจ้าควรคิดหาเหตุผลที่ฟังขึ้นกว่านี้นะ”

     ตู้ฟู่ยิ้มเขินแล้วรีบเร่งเก็บของต่อ

     “ไหนเจ้าว่าคุณหนูรองกู่เป็นสตรีร้ายกาจ นิสัยเสียไม่ใช่หรือไง”

     “เอ่อ...ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไร วันนี้จึงดูแปลกไป”

     ตู้ฟู่เล่าเรื่องที่กู่เสี่ยวถิงช่วยหวงหนิงเซียนในงานเลี้ยง เรื่องที่กล้าต่อปากกับโจวฮูหยิน และเรื่องที่นางรั้นจะมาหาโจวโซวเชินให้ได้

     “แปลกนัก”

     “แปลก แต่ดีนะขอรับ” ตู้ฟู่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะกล่าวยกย่องถึงความใจกล้าของกู่เสี่ยวถิงไม่หยุด

     โจวโซวเชินเงียบฟังครู่หนึ่งก็ยกยิ้มมุมปาก “อืม แปลก แต่ก็ดีจริงๆ นั่นแหละ”

..........

     กู่เสี่ยวถิงอาสามาส่งหวงหนิงเซียนที่จวนสกุลหวง ระหว่างที่อยู่บนรถม้า หญิงสาวพยายามอย่างมากที่จะผูกมิตรกับนางเอกของเรื่อง แต่หวงหนิงเซียนกลับแสดงแต่ท่าทีหวาดระแวงจนกู่เสี่ยวถิงเริ่มรู้สึกท้อใจ   

     “ทำไมเจ้าต้องระวังตัวมากขนาดนี้ด้วยนะ ข้ามิใช่เสือร้ายเสียหน่อย”

     หวงหนิงเซียนลังเลก่อนจะพูด “พะ...พี่เสี่ยวถิง คือ...ที่จวนสกุลโจวเมื่อครู่ ท่าน...ท่านมีจุดประสงค์อะไรเจ้าคะ หรือต้องการจะหักหน้าข้าหรือ”

     “หักหน้า?”

     “เรื่องแม่ทัพจง ข้ามิได้ตั้งใจทำให้ท่านเคืองโกรธ ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะประกาศกร้าวต่อหน้าคนมากมาย แล้วก็...ปฏิเสธพี่เสี่ยวถิง”   

     พอเอ่ยจบ หวงหนิงเซียนก็เกร็งตัวสั่นเพราะกลัวว่าคำพูดของตนจะทำให้กู่เสี่ยวถิงไม่พอใจ

     “อ้อ เจ้าคิดว่าข้าอยากแก้แค้นเจ้า เพราะครั้งหนึ่งข้าเคยถูกเจ้าแย่งความสนใจไป”

     หวงหนิงเซียนเม้มปากแน่น

     “งั้นเจ้าอยากแต่งกับโจวโซวเชินงั้นสิ” กู่เสี่ยวถิงเอ่ยถามแกมหยอกล้อ

     หวงหนิงเซียนส่ายหน้า

     “งั้น...เจ้าชอบแม่ทัพจงหรือไม่"

     หวงหนิงเซียนยังคงไม่ตอบ ทว่าใบหน้ากลับแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู 

     กู่เสี่ยวถิงหัวเราะลั่น ยื่นมือออกมากุมมือของอีกฝ่ายไว้ “โธ่เอ๊ย หากชอบก็แค่บอกว่าชอบ จงหยางอี้เป็นบุรุษที่พูดจริงทำจริง หากเขาบอกจะแต่งเจ้าเป็นภรรยาเอก เจ้าก็จะได้เป็นภรรยาเอก”

    หวงหนิงเซียนนิ่งอึ้ง รู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาที่แปลกไปของหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างมาก ยามนี้แม้นางจะเงยหน้ามองกู่เสี่ยวถิงตรงๆ ก็ไม่ถูกตวาดหรือกดด่าแต่อย่างใด

     กระทั่งรถม้าหยุดจอดที่หน้าจวนสกุลหวงและมีเสียงตะโกนเรียกของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น หวงหนิงเซียนก็กลับมามีทีท่าหวาดกลัวตัวสั่นอีกครั้ง

     กู่เสี่ยวถิงก้าวลงมาจากรถม้า นางเห็นสตรีสวยสง่านางหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูจวน อายุดูรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ท่าทางหยิ่งยโสเช่นนี้ มองปราดเดียวก็เดาได้ทันทีว่าจะต้องเป็นคุณหนูอีกคนของสกุลหวง

     “เสี่ยวถิง!” สตรีแปลกหน้าพุ่งตัวเข้ามาหากู่เสี่ยวถิงราวกับสนิทสนมกันมานาน “พอสาวใช้บอกว่าเห็นรถม้าของเจ้าเคลื่อนมาทางนี้ ข้าก็รีบวิ่งออกมารอรับเลยนะ คิดไว้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องแวะมาหาข้า”

     “เอ่อ... เจ้าคือ...”

     “เสี่ยวถิง! เจ้าชักจะร้ายกาจเกินไปแล้ว ลืมเพื่อนรักอย่างข้าได้อย่างไร”

     แต่แล้วเมื่อหางตาของหญิงสาวเหลือบไปเห็นหวงหนิงเซียนเดินลงมาจากรถม้าคันเดียวกันกับสหายรัก รอยยิ้มพลันหุบลงทันที

     “ท่านพี่ลี่หรู” หวงหนิงเซียนก้มศีรษะแล้วไปยืนอยู่ข้างหลังกู่เสี่ยวถิง

     “ทำไมเจ้าถึงมากับเสี่ยวถิง” หวงลี่หรูถามเสียงดุ 

     กู่เสี่ยวถิงยิ้มเจื่อน ตอนนี้นางรู้แล้วว่าสตรีนางนี้คือพี่สาวต่างมารดาของหวงหนิงเซียน ด้วยเพราะเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก หวงลี่หรูจึงยิ่งเดียดฉันท์ชาติกำเนิดของหวงหนิงเซียน ชอบกลั่นแกล้งและรังแกน้องสาวคนนี้สารพัด

     “คือ...ตอนข้าออกมาจากจวนสกุลโจว บังเอิญเห็นหนิงเซียนยืนกระวนกระวายอยู่จึงเข้าไปถามไถ่ ได้ความว่ารถม้าที่มาส่งนางไม่ได้รอรับนางกลับ ข้าจึงอาสาพานางมาส่ง” กู่เสี่ยวถิงตอบ

     “ข้าให้คนรถไปส่ง แต่ไม่ได้บอกว่าจะรับกลับ ความจริงเจ้าก็เดินกลับมาเองก็ได้ไม่ใช่หรือไง!” หวงลี่หรูตวาดพลางทำหน้าข่มขู่หวงหนิงเซียน ก่อนจะเอะใจกับคำพูดเมื่อครู่ของกู่เสี่ยวถิงจึงผินหน้ากลับมาถาม

     “เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าไปที่จวนสกุลโจวมาหรือ”

     กู่เสี่ยวถิงผงกศีรษะ

     หวงลี่หรูนิ่งอึ้งไป นางรีบลากตัวกู่เสี่ยวถิงเข้ามาในจวน แล้วพาเดินไปยังเรือนพักของตนก่อนจะพยายามซักถามต่อ

     “เสี่ยวถิง ทำไมเจ้าถึงไปที่นั่นได้กัน”

     “ข้าเป็นตัวแทนครอบครัว เอาของขวัญไปมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าเนื่องในวันเกิด”

     “เจ้าอย่ามาโกหก บิดาเจ้ารังเกียจคนสกุลโจวจะตาย อย่างไรก็ไม่มีทางส่งบุตรสาวที่รักไปเหยียบที่นั่นแน่”

     กู่เสี่ยวถิงแสร้งมองไปทางอื่น “ข้าพูดความจริง หากไม่เชื่อ เจ้าก็ลองไปถามท่านพ่อของข้าดูสิ”

     หวงลี่หรูเบ้ปาก แน่นอนว่านางไม่เชื่อคำที่กู่เสี่ยวถิงบอก แต่ก็ขี้เกียจจะเซ้าซี้ต่อ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่...เจ้าได้เห็นอะไรดีๆ หรือไม่”

     “อะไรที่ว่าดี”

     “ก็หนิงเซียนกับคุณชายสามอย่างไรเล่า ได้เห็นตอนทั้งสองคนพูดคุยกันหรือไม่ คงจะกระอักกระอ่วนมากแน่ๆ ใช่ไหม คุณชายสามคนนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับแม่ทัพจง บุรุษผู้ซึ่งประกาศจะแต่งงานกับหนิงเซียน น่าขัน! นังผู้หญิงชั้นต่ำนั้นมีอะไรให้ชอบกัน แต่ก็เอาเถอะ อย่างไรเพื่อนรักทั้งสองก็ไม่พ้นต้องแตกคอกันในเร็ววันแน่ ถือเป็นการเอาคืนที่แม่ทัพจงทำเจ้าขายหน้าต่อหน้าผู้คนทั้งเมือง”

     หวงลี่หรูหัวเราะคำโตก่อนจะพูดต่อ “ข้าช่วยพูดโน้มน้าวท่านพ่อท่านแม่ อาศัยช่วงที่แม่ทัพจงถูกส่งตัวไปรบ รีบจับสองคนนั้นแต่งกันโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะปูทางให้เจ้า...เพื่อนของข้าจะได้ไร้เสี้ยนหนามหัวใจ”

     กู่เสี่ยวถิงเพิ่งจะเข้าใจคำว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นครั้งแรก เดิมทีกู่เสี่ยวถิงเป็นนางมารร้ายสุดชั่วช้า ย่อมต้องมีสหายที่มีความคิดเลวทรามไม่ต่างกัน

     แต่ถึงอย่างไร...ท้ายที่สุดหวงลี่หรูก็จะเป็นเพื่อนที่รักและหวังดีกับกู่เสี่ยวถิงที่สุด ฉะนั้น การจะหักห้ามน้ำใจหรือตีตัวออกหากนั่น คงยากที่หญิงสาวจะแข็งใจทำได้ลง

     “ลี่หรู... คือความจริง ตอนนี้ข้าไม่ปรารถนาในตัวแม่ทัพจงแล้ว”

     หวงลี่หรูยิ้มค้าง  “เจ้าว่าอย่างไรน่ะ”

     “ข้าขอบใจในน้ำใจของเจ้าจริงๆ แต่ว่า...” กู่เสี่ยวถิงพยายามคิดหาเหตุผลที่ฟังดูเป็นไปได้ที่สุด “ข้าตรองมาหลายคืนแล้ว ข้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ การจะให้ไปวิ่งไล่ตามคนที่ไม่รักข้า ข้าว่ามันน่าสมเพชเกินไป”

     หวงลี่หรูยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ “ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าจะคิดอะไรลึกซึ้งเช่นนี้ได้ ปกติถ้าเจ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่ใช่หรือไง”

     กู่เสี่ยวถิงหัวเราะกลบเกลื่อน “ถึงข้าจะเอาแต่ใจ แต่ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ จะให้ไปร้องขอความรักจากชายที่เห็นก้อนกรวดดีกว่าเพชรอย่างข้าได้อย่างไรเล่า”

     “หืม” ในที่สุดหวงลี่หรูก็พยักหน้าเห็นด้วย “ตั้งแต่รู้จักกันมา เพิ่งจะเคยได้ยินเจ้าพูดจามีเหตุผลเป็นครั้งแรก”

     “นี่เจ้าชมข้าแน่หรือเปล่าเนี่ย”

     “ก็ต้องชมสิ” หวงลี่หรูว่าพลางเดินเข้ามาโอบไหล่เพื่อนสาว “ก็พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนี่ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าก็พร้อมยืนข้างเจ้าเสมอ”

     ในตอนนั้นกู่เสี่ยวถิงไม่รู้เลยว่า คำพูดของหวงลี่หรูจะมีความนัยซ่อนอยู่ นางหลงคิดว่าหวงลี่หรูคงจะเข้าใจและไม่คิดทำการใดที่ไม่ควรอีก

     แต่กลับกลายเป็นสุมไฟให้ลุกโชนมากขึ้นเสียได้

     หลังบอกลากันแล้ว หวงลี่หรูก็เดินตรงมายังเรือนของหวงหนิงเซียนในทันที หญิงสาวสั่งให้บ่าวไพร่ขนเอาอาภรณ์และผ้าปักของน้องสาวออกมากองไว้ที่สวนก่อนจะจุดไฟเผา

     “ท่านพี่อย่า! ท่านพี่!” หวงหนิงเซียนพยายามจะเข้าไปดับไฟ แต่กลับถูกบรรดาสาวใช้ของหวงลี่หรูขวางทางไว้

     “นี่แค่สั่งสอนน่ะ หากเจ้ายังไม่เจียมตน ทำตัวทัดเทียมเสี่ยวถิงอีก ข้ารับรองว่าเจ้าจะโดนมากกว่านี้แน่!”

     “แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะท่านพี่”

     หวงลี่หรูฟาดมือลงที่แก้มเนียนเต็มแรง “ยังกล้าไม่ยอมรับอีก! เจ้าใช้มารยาทหญิงของเจ้าหลอกล่อแม่ทัพจงให้หลงใหล ทำให้เสี่ยวถิงต้องอับอาย ทำนางเสียใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเจ้า!”

     หวงลี่หรูสั่งให้สาวใช้รีบไปนำกรรไกรที่ห้องมาให้ พร้อมสั่งให้คนที่เหลือตรึงร่างของหวงหนิงเซียนเอาไว้ไม่ให้ขยับ

     “หากไม่มีเจ้าสักคน เพื่อนของข้า...ก็จะได้สมหวังกับคนที่นางรัก”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   สุขสมหวัง

    “หยางอิ่ง นางเคยมีคนรักอยู่ก่อนจะแต่งเข้าสกุลโจว เขาเป็นญาติผู้พี่ของข้าเอง ทั้งสองตกหลุมรักกันมานานหลายสิบปี แต่เพราะต่างฝ่ายต่างมีคู่หมายอยู่แล้วจึงไม่อาจสมหวังในรัก” ใต้เท้าโฮ่วพูดพลางถอนหายใจ “ในวันหนึ่งในฤดูหนาว พี่ชายและข้ารับพระราชโองการไปรบที่ชายแดน ด้วยเพราะเกรงว่าจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ข้าจึงอยากให้ทั้งสองคนได้เจอกัน ผนวกกับได้ข่าวว่าสุขภาพของหยางอิ่งไม่ค่อยแข็งแรง ข้าจึงอยากเพิ่มแรงใจให้นาง ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าข้าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้” จงหยางอี้เดินเข้ามาตบบ่าโจวโซวเชิน “พี่ชายของใต้เท้าโฮ่วตายในสงคราม ส่วนใต้เท้านั่นบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่นานหลายปีกระทั่งได้รับราชโองการให้ประจำอยู่ที่ชายแดนเป็นการชั่วคราว จึงไม่ได้รับข่าวคราวของมารดาเจ้าอีก” เพราะสกุลโจวปกปิดการตายของหยางอิ่ง พวกเขาจับนางไปขังไว้ในห้องที่ทั้งมืดและชื้น ไม่มีเตาไฟ ผ้าห่ม หรือกระทั่งอาหารให้กินจนอิ่มท้อง ส่งผลให้สุขภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้วยิ่งทรุดหนัก “โซวเชิน” กู่เสี่ยวถิงกระซิบเสียงเบา รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของโจวโซวเชินนัก แต่เมื่อเห็นแววตานิ่งสงบของเขา นางก็เริ่มเบาใจ

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   เผยความจริง

    “อะไรนะ!? ฮุ่ยชิว เจ้าไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นใช่ไหม เจ้าถูกกล่าวหาใช่ไหมหลาน ตอบย่าสิ” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อ พยายามเค้นถามความจริงจากโจวฮุ่ยชิวอย่างเดียว “น่ารำคาญ!!!” โจวฮุ่ยชิวผลักฮูหยินผู้เฒ่าออกไป แล้วหันมาพูดกับจงหยางอี้ “ข้าว่าเรื่องนี้เราคุยกันได้นะแม่ทัพจง” จงหยางอี้เค้นเสียงพูด “ข้าไม่เหมือนขุนนางโลภมากพวกนั้นหรอกนะ เจ้าอย่าโน้มน้าวข้าเสียให้ยากเลย” “เจ้าไม่รู้หรือว่ามีขุนนางกี่คนที่อยู่ข้างข้า” “รู้สิ และก็สั่งจับขุนนางพวกนั้นไปหมดแล้วด้วย” หัวใจพลันกระตุกวาบพร้อมกับความหวาดกลัวที่แล่นพรูขึ้นมา โจวฮุ่ยชิวรีบเปลี่ยนเป้าหมาย หันไปทางโจวโซวเชินแทน “พี่สาม อย่างไรพวกเราก็เป็นสกุลโจวเหมือนกัน ข้า...” “ข้าฟังอยู่ จะแก้ตัวอะไรก็รีบพูดมา” ได้ยินเสียงเย็นชากล่าวเช่นนี้ โจวฮุ่ยชิวก็จำต้องกลืนคำขอของตนลงคอ ครั้นหันกลับมองทางครอบครัวตัวเอง ไม่ว่าจะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ หรือพี่ชายทั้งสองของตนล้วนแต่พึ่งพาไม่ได้ หากจะบอกว่าแผนการล้มเหลว มันอาจจะล้มเหลวมาตั้งแต่วันที่เขาเกิดแล้วก็ได้ “หวังพึ่งใครไม่ได้สักคน” โจวฮุ่ยชิวขบกรามแน่น “ทำไมข้าต้อ

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   อยากแต่งกับเจ้า

    ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะ กู่เสี่ยวถิงพูดอะไรไม่ออก หัวใจบีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก โจวฮุ่ยชิวยื่นมือออกมาตรงหน้า “ไปกันกับข้าเถอะ” กู่เสี่ยวถิงส่ายหน้า ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่มีวันไปกับโจวฮุ่ยชิวแน่ นี่มันอะไรกัน... โจวฮุ่ยชิวสอบได้ตำแหน่งจ้วงหยวนได้อย่างไร?! “อย่ายุ่งกับนาง!” โจวโซวเชินปัดมือโจวฮุ่ยชิวทิ้งแล้วจูงมือพาตัวกู่เสี่ยวถิงกลับเข้าไปในงาน “โซวเชิน เดินช้าหน่อย ข้าตามไม่ทัน” กู่เสี่ยวถิงก้าวขาไม่ทันร่างสูงที่กึ่งฉุดกึ่งลากนาง “โอ๊ะ!” กู่เสี่ยวถิงสะดุดขาตัวเอง โจวโซวเชินรีบหมุนตัวกลับมารับร่างบางไว้ “บาดเจ็บหรือไม่” กู่เสี่ยวถิงส่ายหน้าแล้วพยายามจะลุกขึ้นยืน ทว่ากลับรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าจนทรงตัวไม่ไหว “เป็นอะไร เจ็บเท้าหรือ” โจวโซวเชินก้มลงจับที่ข้อเท้าของหญิงสาว พอได้ยินเสียงร้องว่าเจ็บ เขาก็ตกใจจนหน้าเสีย รีบอุ้มตัวนางขึ้น บอกจะรีบพาไปให้หมอตรวจดูอาการ “ขะ...ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าปล่อยข้าลงก่อน” “ไม่เป็นอะไรได้อย่างไร เมื่อครู่ท่านยังร้องอยู่เลย ยืนก็ไม่ไหวด้วยเนี่ย” “อาจจะแค่ข้อเท้าแพลงก็ได้ เจ้าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ”

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   ขุนนางใหม่

    ความรู้สึกกดดันนี้มันอะไรกัน กู่กวงซิวเหงื่อแตกพลั่กเหลือบมองบุตรสาวที่ยืนเท้าสะเอวพลางจ้องตนตาเขม็ง “ท่านพ่อ ท่านไม่มีอะไรจะสารภาพหรือ” กู่กวงซิวอ้ำอึ้ง ชำเลืองหางตาไปทางหลี่เฟยเพื่อขอความช่วยเหลือ “เอ่อ เสี่ยวถิง มีอะไรหรือเปล่าลูก” หลี่เฟยเอ่ยถามเสียงละมุน แต่มิวายถูกสายตาคมกริบตวัดมองมาเช่นกัน “ท่านแม่ มิใช่ว่าท่านก็รู้เห็นด้วยหรอกนะ” เมื่อถูกเค้นหนักเข้า สองสามีภรรยาตระกูลกู่ก็เริ่มทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดแก่กู่เสี่ยวถิง “พ่อแค่อยากไล่โจวฮุ่ยชิวไปให้พ้น หากเขาเห็นว่าสกุลกู่ไม่อาจให้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาคงไม่มายุ่งกับพวกเราอีก” “นอกจากนี้ยังสามารถคัดกรองสหายที่มีอยู่ หากพวกเขาเป็นมิตรแท้ย่อมไม่หันหลังให้สกุลกู่แน่ กลับกันแล้ว หากหนีไปเข้าพวกกับโจวฮุ่ยชิว แสดงว่ามิใช่คนซื่ออย่างแท้จริง” หลี่เฟยเอ่ยต่อ เหตุผลที่บุพการีบอกนั้นก็ฟังมีเหตุผล พวกเขาเพียงอยากกันโจวฮุ่ยชิวให้พ้นทาง แต่ว่า...นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาจะต้องมาโกหกนางนี่!? “เอ่อ...พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะโกหกลูกนะ เพียงแต่...” ราวกับหลี่เฟยอ่านความคิดของกู่เสี่ยว

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   ไม่ให้ตัดใจ

    “อาภรณ์ชุดนี้งดงามยิ่งนัก สีสันสดสวยประณีตงดงาม” เถ้าแก่ที่เข้ามาประเมินราคาสิ่งของในจวนกู่เอ่ยขณะลูบมือลงยังอาภรณ์สีครามเข้ม “คุณหนูรองกู่แน่ใจหรือว่าจะขายทั้งหมดนี้” กู่เสี่ยวถิงพยักหน้า “เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์” นางตอบเสียงเศร้า “อืม งั้นข้าให้คนขนไปที่รถเลยนะ” กู่เสี่ยวถิงกวาดตามองเหล่าเสื้อผ้า รองเท้า และตำราเรียน ราวกับต้องการบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ “รบกวนเถ้าแก่ด้วย” กู่เสี่ยวถิงเรียกพ่อบ้านประจำจวนให้มาตกลงเรื่องราคาและรับเงินจากเถ้าแก่ แล้วจึงหมุนตัวเดินออกไป ระหว่างทางบังเอิญผ่านเรือนที่นางเคยใช้เรียนหนังสือกับโจวโซวเชิน เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกเปิดออกเพื่อระบายอากาศ กู่เสี่ยวถิงค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปด้านใน มองสำรวจห้องแล้วพลันนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับโจวโซวเชิน รอยยิ้มของเขา สัมผัสอ่อนโยนและจุมพิตแรกที่เขามอบให้ หางตากู่เสี่ยวถิงเหลือบเห็นภาพเขียนที่ถูกแขวนไว้เหนือโต๊ะเขียนหนังสือ เป็นภาพเขียนของโจวโซวเชินที่นางย้ายออกมาจากห้องนอนและไม่ยอมที่ขายออกไป “ถึงไม่มีวาสนาต่อกัน

  • นางร้ายเช่นข้าหมายครองคู่กับพระรอง   ช่วยเหลือ

    “เห็นคุณชายสามนิ่งขรึมมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะ...เอ่อ” หวงหนิงเซียนคิดคำที่จะช่วยอธิบายเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ออก โจวโซวเชินไม่เคยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว คุกคาม หรือกระทั่งออกคำสั่งไล่ใครมาก่อ “คงมีเพียงกู่เสี่ยวถิงคนเดียวที่ทำสหายข้าเสียอาการเช่นนี้ได้” จงหยางอี้วิเคราะห์ “ป่าเถื่อนสิไม่ว่า ที่นี่มิใช่จวนโจวนะ กล้าทำเรื่องไร้มารยาทที่นี่ได้อย่างไร!” ถึงจะบ่นอย่างนั้น แต่ส่วนลึกหวงลี่หรูก็ไม่กล้าสู้กับสายตาแข็งกร้าวของโจวโซวเชินสักเท่าไรนัก ให้พญานกยูงอย่างนางไปขวางทางหมาป่าโมโหร้ายหรือ! หาเรื่องตายสิไม่ว่า “พวกเขาจะปรับความเข้าใจกันได้หรือไม่นะ” หวงหนิงเซียนเป็นกังวล มือกระตุกชายเสื้อแม่ทัพหนุ่มเบาๆ “อย่าห่วงเลย โซวเชินเป็นคนใจเย็น เขาจะต้องค่อยๆ ใช้คำพูดอธิบายให้กู่เสี่ยวถิงเข้าใจ และไม่นานทั้งคู่ก็จะคืนดีกัน...” ตู้ม!!!!! เสียงตู้มดังสนั่น คนทั้งสามต่างตื่นตกใจแล้วรีบวิ่งวนกลับมาทางศาลา เบื้องหน้ากู่เสี่ยวถิงยืนอยู่บริเวณสระบัวพลางหอบหายใจอย่างหนัก ส่วนโจวโซวเชิน...ล้มหน้าคว่ำอยู่ในสระบัว โชคดีที่ว่าระดับน้ำสูงเพียงเข่า โจวโซวเชินจึงค่อยๆ พยุงตั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status