ปรายรุ้งตะเบ็งเสียงร้องประหนึ่งว่าเพิ่งได้รับคำสั่งให้คว้านท้องฆ่าตัวตาย “พี่อย่ามาบังคับหนูนะ หนูเพิ่งเรียนจบ และหนูจะไม่ยอมให้พี่จับแต่งงานเด็ดขาด”
“นี่แสดงว่าแกไปกับผู้ชายมาจริงๆ ใช่ไหม!”
“หนูไม่บอกพี่หรอก พี่อยากแต่งก็แต่งเองสิ!” ปรายรุ้งเถียงคอเป็นเอ็น
การมีปากเสียงของสองพี่น้องต่างสายเลือดกำลังเข้มข้นตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมาเจอ เขาวางกระเป๋าเดินทางสองใบที่ถือมาไว้ข้างบันได
“ฉันแต่งแน่ถ้าเจอผู้ชายดีๆ สักคน แต่แกก็เห็นว่าตอนนี้มันหายากมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าฉันเจอเขาละก็ ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่!”
“เธอคิดจริงๆ หรือว่าจะได้แต่งงานน่ะ”
เสียงห้วนๆ ของอังเดรถามทรายทองราวประชด
“แน่นอนฉันจะแต่ง” หันไปตอบอย่างมุ่งมั่น
“ฉันจะพังงานแต่งงานเธอ จะเอาคลิปที่เราสนุกกันตอนอยู่บนเตียงไปฉายแทนวิดีโอพริเวดดิ้งของบ่าวสาว เจ้าบ่าวคงจะปลื้มตาค้างเลย หึๆๆ”
ทรายทองอ้าปากค้างเมื่อได้ฟัง ในขณะที่ปรายรุ้งตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน
“นี่พวกพี่เป็นพวกบ้าเซ็กซ์ถึงขนาดอัดวิดีโอตัวเองไว้ดูเหรอ!” ปรายรุ้งร้องถามดังๆ
“หุบปากน่ายัยปราย!” ปรามน้องสาวแล้วหันมาเอาเรื่องคนที่เพิ่งประกาศสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำ “คุณต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ”
“ลองแต่งงานดูสิ แล้วจะได้รู้ว่าฉันล้อเล่นหรือเปล่า”
อังเดรบอกเสียงเรียบ ไร้แววล้อเล่น วงหน้าเรียบตึงติดจะบึ้งนิดๆ ด้วยซ้ำ
“โอ๊ย! หวงขนาดนี้ก็แต่งกันเองซะเลยสิคะ คุณอังเดร”
ปรายรุ้งประชดบ้าง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าพ่อเสือหิวลูกครึ่งคนนี้หวงพี่สาวเธอขนาดไหน ไม่รักก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
“ไม่...การแต่งงานน่ะ สำหรับฉันแล้วมันน่ากลัวยิ่งกว่าผีซะอีก” เขายืนยัน
ทรายทองหน้าบูดหน้าบึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยมา เหมือนว่าเขาเอ่ยมันเพื่อตัดรอนความฝันลมๆ แล้งๆ ของเธอแท้ๆ
“ฉันก็ไม่เห็นจะแคร์ การแต่งงานกับมนุษย์ผู้ชายที่ไร้ความอ่อนหวานทางอารมณ์อย่างคุณน่ะ คงจะเป็นอะไรที่คล้ายๆ กับตกนรกนั่นแหละ และฉันมีสติพอที่จะไม่ทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน”
“ทรายทอง!”
“ขา...คุณเอื้อ...” ทรายทองลากเสียงล้อเลียน จ้องหน้าเขาไม่ลดละ
ปรายรุ้งบอกได้เลยว่าทรายทองเป็นนางเช่าที่น่าเขี่ยทิ้งที่สุด หล่อนต่อปากต่อคำและเหมือนว่าจะไม่เคยลดราวาศอกให้กับลูกค้าของตัวเองเลย เธอนั่งมองคนทั้งสองยืนจ้องตากันแล้วครางฮึ่มๆ ใส่กันราวกับอยากจะฟัดกันเหมือนเจ้าตูบ แล้วทำไมเธอต้องมามองให้เสียสุขภาพจิตด้วย
“ทะเลาะกันบ่อยๆ โบราณว่าลูกดกนะคะ หึๆๆ”
ปรายรุ้งว่าแล้วลุกจากไป ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าได้ทิ้งระเบิดลูกย่อมๆ ไว้ให้คนทั้งสองได้ขบคิด ความผิดพลาดในบางเรื่องทำให้ทรายทองแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“ไปขึ้นรถ เรามีเรื่องต้องจัดการ”
“ไม่ต้องมาสั่งเลยนะ ฉันรู้หรอกน่าว่าต้องทำอะไร” คนสวยตวาดคืนอย่างเคืองๆ
“ถ้ารู้ว่าต้องทำละก็ เลิกเรียกตัวเองว่าฉันๆๆ ซะที รำคาญ!” เขาสั่งแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ข้างบันได พามันไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ป่านนี้นิคคงเปิดประตูรอแล้ว
ทรายทองเดินตามเขามาอย่างเคืองๆ แดดร้อนๆ ลามเลียผิวของเธอที่โผล่ออกจากเสื้อที่เป็นผ้าชีฟองบางเบา มันเป็นเสื้อแขนกุดและตัดเย็บให้เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวๆ วันนี้เธอสวมกางเกงผ้าพลิ้วขาบานๆ ที่พวกไฮโซชอบใส่กันยามไปเที่ยวทะเล ก็เขาบอกเองนี่นาว่าไม่อยากให้เธอเหมือนเมียเช่าฝรั่ง เธอเลยไม่ขัดศรัทธาตอนที่เขาพาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าเมื่อเช้า
แน่นอนว่าค่าเสื้อผ้าของเธอที่เขาให้ไว้ยังอยู่ครบ เขาใช้การ์ดรูดซื้อให้เธอใหม่ และแน่นอนกว่าที่ว่า...เธอไม่คิดจะคืนเงินส่วนนั้นให้เขาหรอก แม้ว่าได้เสื้อผ้าใหม่ๆ มาเต็มกระเป๋าแล้วก็ตาม อ้อยเข้าปากช้างแล้ว...คืนก็โง่สิคะ
“เชิญครับ คุณทรายทอง” นิคเชื้อเชิญทรายทองให้ขึ้นรถที่เปิดประตูไว้รอเจ้าหล่อน เขาโค้งให้ทรายทองจนหน้าผากแทบจะจรดกับเข่าทั้งสองเลยทีเดียว
“เรียกฉันว่าเจ้าหญิงเถอะนิค ถ้าจะโค้งให้กันซะขนาดนั้น”
“ได้ครับ ถ้าคุณทรายทองต้องการ” ตอบเจ้าหล่อนแล้วรีบไปรับกระเป๋าจากมือเจ้านาย เอาไปใส่ไว้ท้ายรถ ก่อนจะกลับมานั่งหลังพวงมาลัย แน่นอนว่าคุณทรายทองยังตีหน้ายุ่งใส่กัน
“โอ๊ย...ปวดกบาล! กวนประสาททั้งเจ้านายลูกน้อง!”
ทรายทองบ่นดังๆ แล้วสอดกายเข้ามาภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันหรู ได้ยินเสียงหัวเราะของอังเดรดังขึ้นเบาๆ
“ออกรถ จอดหน้าร้านขายยาที่ใกล้ที่สุดด้วย” อังเดรสั่งนิค
ลูกน้องคนเก่งปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เขาสตาร์ตรถแล้วบังคับพวงมาลัยให้ไปยังสถานที่ที่เจ้านายต้องการ ความเงียบงันดังกระหึ่มขึ้นภายในห้องโดยสาร ไม่มีใครเอ่ยอะไร มีเพียงเสียงตีเบาๆ จากมือน้อยที่คอยปัดมือเจ้านายของเขาออกจากเนื้อตัวเจ้าหล่อน
“อะไรของเธอ”
“อะไรของคุณนั่นแหละ ไม่ต้องมาจับมากอดได้ไหม ฉันหงุดหงิด”
“ทรายหงุดหงิด” เขาช่วยทวนความจำในสิ่งที่หล่อนทำเป็นลืม ทว่าทรายทองไม่สน นั่งอยู่ข้างเขาแต่กลับหันหน้าไปทางอื่น
อังเดรเห็นว่าไม่ได้ผลในการทำให้หล่อนอารมณ์ดี แต่เขารู้ว่าอารมณ์ของหล่อนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากว่า...
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ