[4]
ลิ้นกับฟัน
__________________________________________________________________________________________________
อังเดรเดินออกจากห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ได้อาบ เขาเดินลงบันไดมา คาดว่าจะได้เห็นท่าทีซึมๆ ของทรายทอง แต่เปล่าเลย หล่อนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา มือหนึ่งถือแก้วน้ำส้ม ส่วนมืออีกข้างถือสมาร์ตโฟนแนบหูอยู่ เขายืนมองจากขั้นบันได เริ่มกอดอกเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของหล่อน
“ทรายไม่ว่างเลยค่ะมี่ถง...อยากไปหาคุณจะแย่ พอดีว่าพ่อทรายมาเยี่ยม จะปล่อยทิ้งไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ พ่อยังไม่ค่อยชินถนนหนทางในเมืองเท่าไหร่ค่ะ คุณอย่าโกรธทรายนะคะ”
เสียงอ่อนเสียงหวานนั้นไม่ได้เข้ากับท่าทีเนือยๆ ราวเบื่อโลกของเจ้าของเลย ทรายทองมีความสามารถอย่างล้นเหลือในการหลอกคู่สนทนาว่าตอนที่พูดนั้นเธอกำลังพูดแล้วยิ้มไปด้วย
“คิดถึงคุณเหมือนกันค่า...” ตอบกลับคนปลายสายแล้วถอนหายใจเบา ๆ การรักษาฐานลูกค้าดีๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับอาชีพอย่างเธอ พ่อหนุ่มในสายก็เป็นคนหนึ่งในนั้น เขาโทรมารบเร้าขอเช่าชั่วโมงนางเช่าอย่างเธอไปดูหนังฟังเพลงค่ำนี้ แต่เธอต้องปฏิเสธเพราะรับปากอังเดร อภิมหาลูกค้าชั้นยอดไว้แล้วเรียบร้อย
“อาทิตย์หน้าเจอกันนะคะ คุณอย่าเพิ่งลืมทรายนะ...ค่ะๆ คิดถึงคุณที่สุดเลย” ทรายทองจีบปากจีบคอพูด ก่อนจะวางสายแล้วกระดกน้ำส้มจนเกลี้ยงแก้ว รสชาติของมันช่วยให้เธอตื่นเต็มตา และพอหันมาทางบันไดก็ได้เห็นอังเดรตีหน้ายุ่งมองอยู่ เขาเดินลงมาหาและเอ่ยปากกวนประสาทเธออย่างที่นานครั้งจะทำ
“ฉันเพิ่งรู้ว่าหน้าตาเหมือนพ่อเธอนะทรายทอง”
อังเดรประชดเน้นๆ ทรายทองตวัดตามองมาอย่างเคืองๆ
“ไม่มีอะไรทำหรือคะถึงได้มาแอบฟังทรายคุยโทรศัพท์”
“ไม่ได้แอบ เธอเห็นฉันแล้ว”
เขาเถียง เดินมายืนค้ำหัวคนที่นั่งอยู่
ทรายทองถลึงตาใส่แล้วลุกจากโซฟา ร่างสูงทะมึนของอังเดรทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเล็กเท่ามดแมลง
“แค่คุยค่ะ ไม่ได้จะนัดกันไปเปิดโรงแรม”
“ก็ลองไปเปิดดูสิ ฉันจะระเบิดโรงแรมให้วอดเลย”
“คุณเอื้อ!? พูดจริงเหรอ!”
“ฉันเคยพูดเล่นหรือไง”
ทรายทองส่ายหน้ารัวๆ กับความเยอะของมนุษย์หน้านิ่งที่ชื่ออังเดร
“นางเช่าดีๆ มีการศึกษา เป็นธรรมดาที่ลูกค้าจะติดใจใช้บริการ บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการแค่เซ็กซ์ แต่ต้องการใครสักคนที่พูดภาษาเดียวกัน ฟังพวกเขาบ่นเรื่องธุรกิจร้อยแปดแล้วคุยกับพวกเขาได้มากกว่าพยักหน้าแล้วก็นั่งรับคำ ค่ะๆ ทรายต้องรักษาลูกค้าดีๆ ของทรายไว้ และคุณไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย” เธอบอกถึงความจริงที่เขาอาจจะลืม
อังเดรไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เพิ่งได้รับการอธิบาย มันคงง่ายกว่านี้หากหน้าผากหล่อนแปะชื่อเขาเอาไว้ว่าเป็นเจ้าของ
“ฉันไม่ชอบ และเธอคงไม่มีสิทธิ์โทรหาผู้ชายคนไหนถ้ามาเป็นผู้หญิงของฉันอย่างจริงจัง เธออยากได้อะไรฉันจะให้”
“ครั้งละหมื่นที่คุณจ่ายทรายมันก็มากแล้วค่ะ ทรายมีตังค์จ่ายค่าบ้าน มีเหลือเข้าบ่อนอีก ทรายพอเพียงค่ะ ไม่ต้องเสนอกรงทองฟังเพชรให้ทรายหรอก” เธอว่ายิ้มๆ เดินผ่านเขาไปที่บันได
“เธอมันดื้อด้าน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธฉันอย่างนี้”
ทรายทองยิ้มยั่ว หันมามองอังเดรอย่างขบขัน
“มีสิคะ ผู้หญิงคนนั้นชื่อทรายทองค่ะ เฮ้อ...อย่ามาหาเรื่องกันเลยน่า ไม่ใช่นิสัยของคุณสักหน่อย”
อังเดรมุ่นคิ้ว คิดตามที่ทรายทองบอกก็เห็นว่าจริงตามนั้น
“นั่นสินะ”
“ขอตัวค่ะ ยังไม่ได้อาบน้ำ อ้อ...อย่าลืมจ่ายค่าเช่ารอบเมื่อกี้ด้วยนะคะ”
“ไม่ลืมหรอกน่า!” อังเดรสวนกลับแล้วหรี่ตามองคนที่กำลังเดินขึ้นบันได ช่วงขาที่เรียวขาวของหล่อนชวนให้เขาต้องมองตาม มันวิเศษเหลือเกินยามคล้องอยู่รอบเอวเขา ยอมรับละนะว่าติดใจเรื่องบนเตียงของทรายทอง มันติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฝากฝังตัวตนลงในกายหล่อน มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจุ่มจ้วงตัวตนลงผืนผ้าที่ทอด้วยขนมสายไหมที่ถูกขึงจนตึงเปรี๊ยะ เหมือนกับกำลังร่วมรักกับสาวบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น!
เกือบเที่ยงแล้วตอนที่ปรายรุ้งพารถของทรายทองกลับเข้ามาจอดในรั้วบ้าน หญิงสาวผู้มากวัยกว่าก้าวออกไปทักทายในแบบฉบับของนางร้ายเบอร์หนึ่ง
“แกเอารถฉันไปแรดที่ไหนมาฮะ”
“ที่อู่สิพี่” ตอบทรายทองทันควัน หลายๆ อย่างในตัวทรายทองมีมากพอๆ กันในตัวปรายรุ้ง
“แล้วแกไปสัตหีบได้ยังไง นั่งรถทัวร์ไปเหรอ” เท้าสะเอวถามน้อง อยากรู้มากกว่าว่าปรายรุ้งหายไปไหนมากันแน่ ไม่ค่อยจะเชื่อนักหรอกว่าสาวเจ้ากลับสัตหีบ ก็ดูเอาเถอะ กระเป๋าเดินทางก็ไม่ได้กลับมาเก็บด้วยซ้ำ
“ก็...เอ่อ...เรื่องมันยาว เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลังละกัน”
“ฉันจะฟังเดี๋ยวนี้”
ทรายทองไม่ยอม ตีหน้ายักษ์ใส่หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าตนเกือบแปดปี
“โธ่...พี่ทราย...” ปรายรุ้งโอดครวญ ปิดประตูรถเก๋งสีขาวแรงๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก กิริยานั้นทำเอาทรายทองมุ่นคิ้วเพราะนึกว่าเป็นตัวเองที่กำลังระเบิดอารมณ์ใส่ประตูรถอยู่
“ไม่ต้องมาลีลา สารภาพมายัยปราย”
ปรายรุ้งอิดออดไม่อยากเล่า เดินเข้าบ้านโดยมีทรายทองตามมาติดๆ หญิงสาวนั่งบนโซฟาตัวเก่งกลางห้องในขณะที่ทรายทองยืนเท้าสะเอวรอเอาเรื่องอยู่
“ก็...เอ่อ...รถพี่ยางแตก แล้วบังเอิญหนูเจอเพื่อนเก่าน่ะ เขากำลังจะกลับสัตหีบ ก็เลยขอติดรถไปด้วย”
“เอากระโปรงเด็กอนุบาลมาให้ฉันใส่สิ ถ้าแกคิดว่าฉันจะเชื่อ”
“ก็หนูพูดจริงๆ” ปรายรุ้งยังโป้ปด ด้วยยังไม่อยากเล่าอะไรใดๆ ให้ทรายทองฟัง ในความผูกพันที่เป็นอยู่ เธอมั่นใจว่าทรายทองเป็นห่วงและหวงเธอมากเหลือเกิน
“อย่าให้รู้นะว่าแอบไปกับผู้ชายน่ะ”
ปรายรุ้งหน้าเง้า เมื่อถูกจี้ถูกจุด “ถ้าพี่รู้พี่จะทำอะไรได้ล่ะ”
“ฉันจะจับแกกับไอ้หมอนั่นแต่งงาน”
“โอ๊ย...โหดร้ายที่สุด!”
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ