LOGINคนที่นอนหลับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้เผชิญกับอะไร พอลืมตา อีกทีก็พบว่าสองข้างทางมีแต่บ้านเรือนหลังเล็ก ถนนก็แคบลงเรื่อย ๆ
“เจ้านาย เราจะไปไหนกันคะเนี่ย” เธอหันไปมองเขาที่หันมาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไปภูเก็ต”
“แต่เจนมีเรียนหนังสือวันนี้”
“หยุดสักสี่ห้าวันคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างพวกเราก็มาไกลเกินกว่าจะกลับแล้ว หรือถ้าเธออยากกลับก็ต้องกลับเอง”
บ้าสิ!! เธอกลับเองเป็นที่ไหน คนถูกลักพาตัวพยายามตั้งสติ ก้มมองหากระเป๋า แต่ไม่เจอ!! เธอจำได้ว่าหิ้วออกมาด้วยนี่
“เจ้านาย เห็นกระเป๋าเจนไหม”
อีกฝ่ายทำหน้าเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง “ตอนที่เธอขึ้นรถ ฉันไม่เห็นเธอถืออะไรมานะ”
จริงเหรอ เธอใจลอยขนาดนั้นเชียว เจด้าก้ม ๆ เงย ๆ มองหากระเป๋าทั่วรถ เพราะคิดจะโทร.บอกให้ลุงลูคัสมาช่วย โดยไม่รู้ว่าหาไปก็เปล่าประโยชน์
เหมือนจะหมดหวัง เจด้าได้แต่ถอนหายใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ “เจ้านายกลับไปส่งเจด้าไม่ได้ใช่ไหม”
ครั้นจะถามสาเหตุที่อีกฝ่ายพาเธอมาด้วยก็รู้ว่าเหนื่อยเปล่า เธอจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง และไม่พูดอะไรต่อ
“หิวไหม”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ พีรพัฒน์จึงจอดเทียบร้านอาหารข้างทาง แล้วลากเธอลงไปกินด้วยกัน เจด้ายังไม่กินเหมือนเดิม
“ถ้าไม่กิน ถนนข้างหน้าไม่มีร้านอาหารแล้วนะ ต้องทนหิวจนถึงภูเก็ต ถึงตอนนั้นอย่ามาร้อง”
เจด้าเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนึกแค้นใจ เมื่อเห็นข้าวแกง ตรงหน้าที่มีทั้งไก่ที่เธอไม่ชอบและกุ้งที่เธอแพ้ หญิงสาวก็ขยับจานออก “เจด้าไปรอในรถนะคะ”
น้ำเสียงเธออ่อนก็จริง แต่มีความแข็งกร้าวในตัว ก็ดี ถ้าไม่กินเขาก็จะไม่ให้เธอกินทั้งวัน คนที่ดูเหมือนจะไม่หิวแท้ที่จริงท้องกำลังร้อง แต่จะให้กินของที่ไม่ชอบและกินไม่ได้ สู้ไม่กินเสียดีกว่า พีรพัฒน์กินข้าวเสร็จ ก็ตามมาขึ้นรถ มุ่งหน้าสู่เกาะภูเก็ต
นั่งอยู่นานหลายชั่วโมง เข้าห้องน้ำสามรอบ หลับอีกสองชั่วโมง การเดินทางที่ต้องใช้เวลาร่วม 9 ชั่วโมงในที่สุดเธอก็มาถึงเกาะภูเก็ต ถ้าเทียบกันแล้วเธอนั่งเฮลิคอปเตอร์ของพ่อมาภูเก็ตไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้วยซ้ำ
การนั่งรถยนต์แบบนี้ทำให้เธอปวดเมื่อยทั้งตัว มาถึงก็ค่ำ และแทนที่จะได้นั่งพักสบาย ๆ บนเกาะ รถของเขากลับเลี้ยวเข้าที่ท่าเทียบเรือ หลังจากนั้นมีเรือสีขาวมารับอีกทอดหนึ่ง
“เจ้านาย พวกเราจะไปไหนกันแน่”
“เกาะส่วนตัว”
คนถูกลักพาตัวที่ยังไม่รู้ตัวเริ่มสงสัย ถ้าอยู่บนเกาะยังหาทางให้พ่อมารับได้ แต่ถ้าลงเกาะนั้นหมายความว่าจะถูกตัดการติดต่อ โอกาสได้กลับไปเรียนก็ยากขึ้น
“แถวนี้มีรถโดยสารไหมคะ ให้เจนกลับกรุงเทพฯ ก็ได้” มาถึงภูเก็ตแล้วเธอเพิ่งจะดิ้นรนกลับกรุงเทพฯ เขาขมวดคิ้ว
“แค่สี่ห้าวันเอง รอฉันทำธุระเสร็จค่อยกลับกรุงเทพฯ ด้วยกัน”
สีหน้าเขาดูเชื่อถือได้ แม้จะไม่อยากไป แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ เธอกำลังคิดถึงปู่กับย่าที่อยู่เกาะจำ จ.กระบี่ เป็นญาติที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วในตอนนี้
ไม่ทันได้คิดมากกว่านั้น เขาก็พาเธอลงเรือยอช์ตสีขาว เจด้าเลือกนั่งตรงกลางก่อนหยิบเสื้อชูชีพมาใส่ การหยิบเสื้อชูชีพและท่านั่งของเธอทำให้เขาแปลกใจ
“เคยนั่ง?”
เจด้าพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร เพราะยังโกรธที่ถูกลากมา เรือยอช์ตใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะไปถึงเกาะส่วนตัว ซึ่งคำว่าเกาะส่วนตัวก็หมายถึงเกาะที่มีเขาเป็นเจ้าของ
เธอนึกไม่ถึงว่าเจ้าของร้านอาหารจะกลายเป็นเศรษฐีเมืองใต้ “ที่บนเกาะทำอะไรคะ” เธอหันไปถาม
“มีรังนกกับไข่มุกบนเกาะกลางทะเล” พีรพัฒน์ชี้ไปยังกระชังที่ลอยอยู่กลางทะเล เลยไปที่ถ้ำอีกด้านซึ่งมีเรือลอยลำและโครงไม้ไผ่อยู่เต็ม ปกติแล้วไม่ว่าใครที่เขาพามาทุกคนล้วนมีสีหน้าตื่นเต้น แต่เธอคนนี้กลับทำหน้านิ่งเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“เคยเห็นแล้ว?”
เจด้าพยักหน้า จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พ่อเคยขับเรือมาเที่ยวแถวนี้ แต่เธอจำไม่ได้หรอกว่าได้ขึ้นเกาะของเขาไหม “เกาะนี้ชื่ออะไร”
พีรพัฒน์มองเกาะตรงหน้าที่เป็นของพ่อกับแม่ “เกาะไข่มุก” เพราะว่าแม่ของเขาชอบไข่มุกและทะเลมาก จึงซื้อเกาะนี้ไว้ แต่เพราะเกาะนี้เช่นกันที่ทำให้เขาต้องเสียพวกท่านไป
เรือจอดเทียบท่า พีรพัฒน์ลงเรือแล้วส่งมือให้เธอ เจด้ามองมือนั้นแล้วขยับออกมา โยนรองเท้าลงน้ำก่อนกระโดดลงจากเรือ ปล่อยให้ ชายหนุ่มยืนเก้อ
“เราเคยอยู่ทะเล?”
อย่างน้อยก็ห้าปีแหละ ถ้าเรื่องแค่นี้เธอทำไม่ได้แล้วจะเอาไปบอกตากับยายได้อย่างไร เจด้าเก็บรองเท้าที่กำลังจะลอยไปก่อนก้าวเหยียบลงบนผืนทราย เด็กหนุ่มไม่ใส่เสื้อนุ่งผ้าโสร่งวิ่งมาแต่ไกล ร้องเรียกเป็นภาษาใต้
“นายหัวหลบมาแล้ว”
คนฟังรู้เรื่องไม่สนใจพวกเขา เจด้ามองบ้านหลังใหญ่สีขาวตรงหน้าก็เดินดุ่ม ๆ เพื่อเข้าไปพักให้หายเวียนหัวจากการไม่ได้นั่งเรือ มานานโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านเชิญ นั่งลงได้ไม่นาน ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูแลบ้านก็ยกน้ำมาเสิร์ฟ
“น้ำค่ะคุณหนู”
เจด้าโบกมือ “หนูเป็นแค่ลูกจ้างค่ะ” ลูกจ้างที่สวยเสียด้วย
“ป้าชื่อเรียมค่ะ คุณอยากได้อะไรบอกป้าได้ แต่ของบางอย่าง บนเกาะก็หายากอยู่”
“ฉันเข้าใจค่ะ” เมื่อก่อนเธอก็เคยอยู่เกาะ หนึ่งเดือนจึงขึ้นเรือไปซื้อข้าวของเครื่องใช้มาตุนไว้
ความเคยชินทำให้เธอไม่รู้สึกว่าที่นี่ลำบาก แถมยังทำตัวตามสบาย ในทางตรงข้าม คนที่คิดอยากให้หญิงสาวร้องไห้อ้อนวอนขอกลับบ้าน กลับต้องเป็นฝ่ายหงุดหงิด “นี่ ทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนมาเที่ยวได้แบบนี้”
น้ำเสียงไม่พอใจถาม เจด้าหันไปชี้ทะเลเบื้องหน้า “อ้าว ก็ที่นี่สวยมาก ใครมาก็ต้องคิดว่าตัวเองมาเที่ยวทั้งนั้นแหละ ถามแปลก” สรุปแล้วเขาลากเธอมาที่นี่ทำไม ป่านนี้ยังไม่รู้เลย
อีกฝ่ายพ่นภาษาฝรั่งเศสก่อนตบท้ายด้วยภาษาไทยชัดแจ๋ว “ผมชอบคนไทย”ชอบคนไทยแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ “คนไทยมีทั่วปารีส คุณก็ไปฉุดคนอื่นสิ ไม่ใช่ฉัน”“ไม่เอา ผมถูกใจคุณนี่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ หลังจากที่ผมกินคุณจนหนำใจแล้ว”“บ้า!!” ไอ้บ้านี่ต้องสติไม่ดีแน่ ๆ แต่เธอตอนนี้อยู่ในสภาพโดนมัดมือทั้งสองข้าง จะอย่างไรก็หนีไม่พ้นมิหนำซ้ำตอนนี้อาวุธของเขาก็พร้อมรบ ชูตระหง่านเท่าลำแขน ของเธอ ไม่สิ รู้สึกว่าจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ถ้าเธอโดนเจ้านั่น ช่วงล่างเธอต้องพรุนแน่“ไม่เอา ฉันจะแจ้งตำรวจถ้าออกไปได้”“เชิญเลย เพราะตำรวจพวกนั้นล้วนรับเงินผมทั้งนั้น” บ้าไปแล้ว แม้แต่ตำรวจก็พึ่งไม่ได้“แถมดีไม่ดี ถ้าคุณเดินออกไปทั้งสภาพแบบนี้รับรองไม่ได้มีผัว คนเดียวแน่”“ไอ้บ้า!!” เมญ่าพยายามดิ้นให้หลุดจากโซ่ แต่ยิ่งดิ้นมันกลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายแล้วเธอก็เหนื่อยหอบ เสียแรงเปล่าจริง ๆพอหมดแรงจึงมองผู้ชายตรงหน้าให้ดี หน้าตาก็ไม่ได้แย่นี่ ส่วนเธอเพิ่งถูกคู่หมั้นที่รักกันมาถึงห้าปีหักหลังอย่างเลือดเย็นโดยไปนอนกับเพื่อนสนิทของเธอ ดังนั้นเธอต้องสนใจอะไรอีก ในเมื่อมีเนื้อสเต๊กชิ้นงามมาเสิร์ฟถึงที่ขอสักคืนก็ไ
ทั้งคู่ถูกผลักให้คุกเข่า มาร์กัสสำรวจรอบ ๆ อย่างระวัง ปืนของพวกนั้นดูเหมือนจะเป็นไรเฟิลรุ่นเก่าจากนั้นไม่นานมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งใกล้กับคนที่เป็นหัวหน้า ชายคนนั้นพูดภาษาพม่ากับเธอ“พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงตกจากเฮลิคอปเตอร์ราคาแพงนั่น เป็นพวกเศรษฐีใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นแปลคำถามจากหัวหน้าออกมาเป็นภาษาไทยให้ฟังมาร์กัสเงยหน้ามองพวกเขา ถ้าบอกว่าเป็นเศรษฐีคงโดนเรียก ค่าไถ่ จึงบอกไปว่า “เราสองคนเป็นผัวเมียกัน กำลังจะขับเฮลิคอปเตอร์ไปส่งให้คนซื้อ ไม่ใช่เจ้าของ”ผู้หญิงที่พูดภาษาไทยได้หันไปแปลให้คนข้างตัวฟัง อีกฝ่ายตะโกนเหมือนไม่เชื่อ คนถือปืนตรงเข้ามาหา เขาเห็นอีกฝ่ายกำลังจะยิงก็รีบลุกขึ้น คว้าปืนมาแล้วแกะแยกเป็นชิ้นส่วนความเร็วของเขาทำให้หัวหน้าโจรตกใจมาก หันไปพูดกับหญิงสาวข้างตัว เธอหันมาถามเขา “คุณประกอบปืนและยิงปืนเป็นไหม”มาร์กัสส่ายหน้า ลูกมาเฟียแบบเขาฝึกยิงปืนตั้งแต่ห้าขวบ ถ้ายิงไม่เป็นก็เสียชื่อแย่ “เป็น”หัวหน้าพูดอีกหนึ่งประโยค ผู้หญิงคนนั้นจึงพูดต่อ “นายอยากให้คุณพิสูจน์ว่าพูดจริงไหม ถ้าโกหกผู้หญิงคนนั้นจะต้องตกเป็นเมียนาย”ขณะที่แปล สีหน้าของเธอดูไม่พอใจนักโดยเฉพาะประโย
เสียงมือถือที่ดังขึ้นเรียกมาร์กัสให้หันไปมองโต๊ะทำงาน ตอนนี้โรงงานแปรรูปยังไม่เข้าที่เข้าทาง อีกทั้งเกิดเรื่องต่าง ๆ มากมายไม่เว้นแต่ละวัน ช่วงที่เขาปวดหัวกับปัญหาจึงไม่ได้รับสายโทร.สองรอบก็ว่ามากแล้ว แต่นี้เล่นโทร.ไม่หยุด เขาจึงตัดปัญหาโดยกดรับสาย “มาร์คัส พี่ทำงานอยู่” เสียงเข้มบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดีปลายสายก็รีบบอก “พี่เจนล้ม ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด เด็กหัวใจเต้นอ่อนลง หมอกำลังเร่งช่วยชีวิตทั้งเด็กและแม่ ตอนนี้ผมติดงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย อาจจะไปสนามบินช้ากว่าสักหนึ่งชั่วโมง”มาร์กัสได้ยินก็ตกใจ “งั้นพี่จะล่วงหน้าไปก่อน” มาร์กัสรีบวางสาย จัดเตรียมกระเป๋าและของจำเป็นขณะที่กำลังจะออกเดินทาง หญิงสาว คนหนึ่งก็โผล่มาปอฝ้ายมองหุ้นส่วนธุรกิจ “พี่มาร์กัสจะไปไหนหรือคะ”“พอดีพี่เจนเกิดเรื่อง ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน พี่ต้องไปภูเก็ตด่วน”พี่เจด้าเกิดเรื่อง ถ้าจำไม่ผิด อีกไม่กี่วันพี่เจด้าก็ถึงกำหนดคลอด ถ้าเกิดเรื่องตอนนี้จะอันตรายทั้งแม่และลูก“ฝ้ายขอตามไปด้วยนะคะ” มาร์กัสมองคนที่ขอตามไปด้วย“ยังไงก็ต้องบินไปกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ให้ปอฝ้ายไปเยี่ยมพี่เจนก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยบินวนกลับมามหา’ลัย”ถ้าไม่เพ
มือหนาที่ว่างงานก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เมื่อมันเลื่อนไล้ไปยังหน้าอก บีบคลึงเคล้นกระตุ้นอารมณ์ของเธอมากขึ้นกว่าเดิม “มีลูกให้ผมอีกคนนะ”“อื้อ” เธอตอบพร้อมรับจูบจากเขา ชายหนุ่มหยอกล้อกับริมฝีปากของเมียอยู่สักครู่ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย เจด้าเห็นสายตาของเขาแล้วก็สะดุ้ง“ไม่นะ” ช้าไปแล้วเมื่อมือหนาฉีกเสื้ออิตาลีชุดใหม่ที่เธอเพิ่งสอยมาและใส่ได้แค่ครั้งเดียว หมดกันห้าหมื่นยูโร เธอมองเขาอย่างแค้นเคือง แต่ไม่ทันไรก็หายโกรธเมื่อเขาก้มลงดูดหัวนมเธอดังจ๊วบ เล่นเอาเสียวสะท้านรอบนี้เขาไม่เบามือเหมือนคราวก่อน ทำให้เธอรู้ว่าอันที่จริงแล้วแรงปรารถนาในกายของเขาไม่เคยลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ“ที่ผ่านมาคุณเก็บงำความจริงไว้เท่าไร” เธอเงยหน้ามองสามี“ผมไม่อยากทำให้คุณเจ็บ”“แล้วเจนบอกเมื่อไรว่าเจนทนไม่ได้”ประโยคนี้เหมือนเป็นใบเบิกทางให้เขา ความปรารถนาอันเร่าร้อนที่อยู่ในตัวของนายหัวถูกส่งออกมาทันที โดยที่เจด้าต้องคิดใหม่ว่าไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นพูดจบเขาดูดกลืนหน้าอกเธอแรงกว่าเดิม มือซ้ายที่ว่างก็เลื่อนต่ำลงไปยังด้านล่าง จากนั้นสอดนิ้วเข้าไป“อืม” นิ้วเดียวพอทน แต่พอรู้สึกว่ามีอีกนิ้วเพิ่มเข้าไปเธอก็เบิ
ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาหน้าตึก คนที่ลงจากรถคือลูเฟีย เจด้ารีบวิ่งไปตบหน้าเขา“นายทำอะไรลูกฉัน” ลูเฟียลูบแก้มตัวเอง เขาไม่ตอบ แต่เดินไปที่หลังรถ ลากชายคนหนึ่งที่สภาพสะบักสะบอมจากการถูกซ้อมมาทิ้งลงตรงหน้าหญิงสาว“อยากรู้ก็ถามมันสิ” จากนั้นลูเฟียก็อ้อมไปอีกฝั่งของตัวรถ เปิดประตูแล้วอุ้มโนร่าออกมา“โนร่า” เจด้าร้องทันทีที่เห็นหน้าลูกเด็กน้อยหันมามองแม่แล้วยิ้มกว้าง “สนุก ๆ”สนุกอะไรกัน ทุกคนใจหายใจคว่ำกันหมดแล้ว เจด้ากำลังจะเข้าไปอุ้มลูกคืน แต่โนร่ากลับหันไปกอดคอลูเฟียไว้แน่นหา!!! ดูท่าแล้วเธอจะตบผิดคนจริง ๆ“เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเขานะเจน และดูเหมือนเขาจะเป็นคนช่วยลูกสาวเราไว้”เจด้ามองลูเฟีย สายตาเต็มไปด้วยคำขอโทษ แก้มอีกฝ่ายยังไม่หายแดง เธอพูดเสียงอ่อย “ฉันขอโทษ”“ไม่เป็นไร สำหรับยู ไอไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว”เสียงตัดพ้อนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด ลูเฟียหันไปพูดกับเด็กน้อย “หมดเวลาขับรถเล่นแล้ว กลับไปหาแม่เราไป”โนร่าส่ายหน้า “ซิ่ง ๆ” ดูท่าแล้วแม่หนูน้อยจะแสบไม่ใช่ย่อย ถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงร้องไห้ไปแล้วลูเฟียส่งโนร่าคืนให้คนเป็นแม่ เจด้าได้แ
เสียงเปียโนในงานเปิดแกลเลอรีไข่มุกของบริษัทพีรพัฒน์บรรเลงขับกล่อมแขกที่มาร่วมงานเจด้าหันมองไปรอบ ๆ พบว่าแขกส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ และบางกลุ่มดูเหมือนจะเป็นคนของฟรองซัวส์ที่เข้ามาสมทบ ความปลอดภัยในงานแน่นหนาดี“มองอะไรอยู่” คนด้านหลังเดินมากอดเอวเธอ แล้วมองผู้คนด้านล่างที่กำลังเลือกซื้อไข่มุก“เหมือนจะเห็นคนที่ไม่ควรมาแฮะ” เจ้าของประโยคถอนริมฝีปากออกจากคอของเธอแล้วมองไปที่ประตูซึ่งพวกบอดี้การ์ดกำลังยืนขวางคนกลุ่มหนึ่ง“วันนี้เจนไม่อยากให้มีเรื่องกัน เจนขอลงไปด้านล่างเองนะคะ”พีรพัฒน์มองลูเฟียที่มากับลูกน้องก็รู้สึกไม่พอใจ “ผมลงไปด้วย”“เจนคนเดียวดีกว่า เชื่อเจนนะคะ” สีหน้าพีรพัฒน์กังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมให้เธอลงไปต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ“ฉันจัดการเอง” เสียงเจด้าทำให้บอดี้การ์ดหันไปมอง ลุงคูคัสสั่งให้คนถอยออกมาสองก้าว เปิดทางให้คุณหนูเดินมายืนด้านหน้า“นายมาทำไม”ลูเฟียชูโบรชัวร์ในมือ “จะมีประมูลไข่มุกเมโลไม่ใช่เหรอ ไอก็มาประมูลด้วยน่ะสิ”เจด้ามองกระเป๋าสีดำหลายใบในมือลูกน้องของลูเฟีย“ได้ แต่คงต้องตรวจกระเป๋าพวกนี้ก่อนเข้างาน”ลูเฟียยักไหล่ก่อนผายมือให้คนของเธอทำงาน







