로그인คนใจเย็นแต่เต็มไปด้วยแผนการรอให้เธอเดินไปหาเขา แทนที่จะหนีหรือถอยห่างก็เดินเข้าไปในบ้าน “เสื้อผ้าของใช้ของแม่ฉันยังมีอยู่ เธอใช้ของพวกนี้แทนแล้วกันนะ”
เจด้าพยักหน้ามองผ้าถุงหลายผืน “ถ้านุ่งไม่เป็นก็ให้ป้าเรียมสอน” เธอพยักหน้า ไม่ได้บอกว่าตัวเองนุ่งเป็น จากนั้นมองสำรวจห้องในบ้านที่มีแค่สามห้องนอน มองไปด้านหลังมีเรือนคนงานประมาณสิบกว่าหลังตั้งอยู่แบบกระจัดกระจาย
“ที่นี่เขาอาบน้ำกันที่ไหน?”
“มีน้ำตกอยู่ด้านหลังเกาะ แต่ก็ต้องเดินเท้าไกลพอสมควร ต้องใช้มอเตอร์ปั่นน้ำส่งเข้ามาทุกสามวัน”
“รวมทั้งไฟด้วยไหม?” เจด้าถามเหมือนคนขี้สงสัย เขายังใจเย็นตอบ “ใช่”
“แสดงว่าที่นี่จำกัดการใช้ไฟด้วย” พอเธอพูดจบไฟก็ดับทันที
“หนึ่งทุ่มแล้ว” ชายหนุ่มเปิดไฟในมือถือก่อนมองหาไฟฉายทำให้ห้องสว่างขึ้นอีกนิด
เจด้ามองอีกฝ่ายจุดเทียนแล้วจึงดับไฟฉาย “บนเกาะน้ำและไฟเป็นของมีค่า ต้องใช้อย่างประหยัด”
“เจ้านายไม่คิดจะใช้โซลาเซลล์หรือคะ ตอนที่เจนเดินมาเห็นมันติดอยู่ด้านบน” พูดจบเธอเดินไปเปิดไฟ แสงหลอดไฟสีส้มก็ติดขึ้นมา
พีรพัฒน์มองหญิงสาวอีกรอบ แทนที่เธอจะกลัว กลับทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ แถมยังดูฉลาดกว่าที่คิด ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“อันนั้นก็ต้องใช้อย่างประหยัด”
อ้าว แล้วจะติดไว้ทำไม เจด้าบ่นในใจ ไม่รู้ว่าเพราะทำอะไรเธอไม่ได้สักอย่างหรือเปล่า ทำให้พีรพัฒน์พานโมโหมากกว่าเดิมจึงออกคำสั่งเสียงห้วน “ไปกินข้าว”
อืม หิวเหมือนกันแฮะ ครั้งนี้เธอไม่ปฏิเสธเพราะหิ้วท้องมาทั้งวัน เมื่อได้เห็นหอยปูปลาอาหารทะเลที่ชอบก็หยิบกินอย่างเอร็ดอร่อย หอยกับปลาน่ะเรื่องง่าย เธอที่ไม่อยากให้มือเลอะจึงกินสองอย่างนี้ก่อน
“ไม่ชอบกินปู?”
“ชอบค่ะ”
“แกะไม่เป็น?”
เจด้าหันมองเจ้านาย วันนี้เขาเป็นอะไรเนี่ย ทำไมพูดเสียงห้วนกับเธอตลอด ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า วันนั้นเธอทำจานแตกไปแค่สี่ใบเองนะ จะโกรธข้ามชาติเลยหรือไง
“ไม่เชิงค่ะ”
ในเมื่อเขากวนเธอก่อนเธอก็เลยกวนกลับ แต่ยังมิวายได้ยินเสียงพูดเยาะเย้ย “แบบนี้สินะ คนไม่เคยอยู่ติดทะเล”
เจด้าหันมองคนพูด นึกอยากเอาปูฟาดหน้า แต่ก็พยายามสงบอารมณ์ ป้าเรียมเดินมาถามเธอ
“หนูอยากกินไหม ป้าจะแกะให้”
พีรพัฒน์ชิงตอบ “ไม่ต้อง ถ้าแกะเองไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน”
เจด้าหันมองคนพูด จึงหยิบปูขึ้นมาแกะกระดองออก วางแล้วจับหักท่อน เขี่ยสิ่งที่กินไม่ได้ออก จากนั้นหักก้ามปูตามด้วยขา แล้วแกะเนื้อมันออกมาเป็นกรรเชียงชิ้นงามวางเรียงใส่จาน
“เชิญค่ะเจ้านาย” เธอส่งจานที่แกะปูสวยงามให้เจ้านายก่อน ล้างมือแล้วหันมาสนใจปลากับหอยต่อ
คนที่อึ้งก็คงเป็นเจ้านายกับลูกน้อง เพราะที่เธอแกะแม้แต่เจ้านายก็ยังแกะได้ไม่สวยเท่า อายไหมล่ะ อยากหักหน้าเธอ กลับเป็นตัวเองที่ หน้าแตก
ป้าเรียมมองสองคนบนโต๊ะที่ทำหน้าเหมือนโกรธกันมาสิบชาติ จึงขอตัวไปเก็บกวาดที่หลังครัว
“นายหัวเสร็จแล้วตั้งเอาไว้นะคะ ป้าจะมาเก็บเอง” ป้าเรียมพูดเป็นภาษาใต้ ก่อนขอตัวกลับไปด้านใน
สองคนที่เหลือยังทำหน้าเหมือนโกรธกัน พีรพัฒน์วางช้อนแล้วถามเรื่องที่คาใจ
“ตอบคำถามฉันมา”
“ค่ะ” ทำไมเธอต้องตอบด้วย ไม่เข้าใจ แต่ก็ขานรับไปก่อน
“ทำไมถึงไม่กลัวเลยว่าฉันจะพาเธอมาทำมิดีมิร้าย”
เจด้ามองเขาพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ “ทำไมต้องกลัว ในเมื่อ พวกเราก็นอนกันแล้ว”
เออ นั่นสินะ เขาคิดจะลากเธอมาทรมานกักขังบนเกาะ แต่ทำไมเธอกลับรับมือได้ทุกอย่าง
“เธอเคยมีบ้านอยู่แถวทะเลเหรอ?”
เรียกว่าบ้านหรือเปล่านะ แต่ตากับยายทำรีสอร์ตอยู่ริมทะเลก็คงไม่เรียกว่าบ้านมั้ง เจด้าจึงส่ายหน้า แม้เข้าใจคำถาม แต่เธอไม่จำเป็นต้องบอกหมดทุกเรื่อง
“แล้วเรื่องปู?”
“ก็แค่ชอบกิน แต่เพราะกินมากเกินไป วันนี้เลยไม่อยากกินก็เท่านั้น” พีรพัฒน์รู้สึกว่าเธอกำลังโกหก แต่ไม่รู้ว่าเรื่องไหน
“มีคำถามอะไรอีกไหมคะนายหัว”
เธอจงใจพูดคำว่า นายหัว เป็นภาษาใต้ ทำให้พีรพัฒน์แปลกใจอีกรอบ
“เธอพูดใต้ได้?”
จะเรียกว่างั้นก็ได้ ฟังรู้เรื่อง แต่พูดไม่ถนัด เพราะตอนเด็กเธอใช้ภาษากลางและภาษาอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ จึงฟังแล้วแปร่ง ๆ ทำให้เธอ ไม่ชอบพูดภาษาใต้ให้ใครฟัง
“ก็แค่ฟังมาจากป้าเรียมพูด เป็นไง เจ้านายคิดว่าสำเนียงเจนใช้ได้ไหม”
เขามองเธอ วันนี้หญิงสาวทำให้เขาประหลาดใจหลายอย่าง จะทำให้กลัวเธอก็กลับไม่กลัว จะทำให้ลำบาก เธอก็ดันฉลาดรู้ทัน พอถูกแกล้ง เธอก็เอาชนะเขาได้ สรุปแล้วมีเรื่องไหนที่เขาทำสำเร็จบ้างเนี่ย
“เข้าบ้าน!!” เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงออกคำสั่ง เจด้าที่เริ่มคุ้นเคยรับมือได้อย่างรวดเร็ว เธอวางมือแล้วเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ทว่าทันทีที่ประตูปิด เขาก็ผลักเธอชิดประตูแล้วก้มลงจูบ
“อื้อ” เสียงเจด้าต่อต้าน แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง “คุณจะทำอะไร”
“เธอถามฉันว่าพาเธอมาทำไม นี่แหละคืองานของเธอ!!”
เจด้าโกรธจนลมออกหู ถ้าเขาจะกินเธอก็บอกดี ๆ สิ ทำไมต้องลากมาไกลถึงกลางทะเล แถมยังทำหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียมากกว่า และเพราะครั้งนี้เธอไม่เต็มใจ เจด้าจึงยกเข่าเตะเข้าหว่างขาเขาพอดี
“โอ๊ย..!!” เอาสิ ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว รีบเปิดประตูหนีออกไป คนที่งอตัวอยู่กับพื้นเมื่อตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งตาม
ทว่าจู่ ๆ เจด้าก็ยืนนิ่งไม่ขยับ พีรพัฒน์ที่วิ่งตามมายืนหอบ หญิงสาวหันกลับมาแล้วเดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย
เพราะเมื่อประเมินว่าด้านนอกดูอันตรายกว่า เธอจึงเลือกไม่หนีและกลับเข้าบ้านแทน
พีรพัฒน์ที่ตามมาดึงแขนเธอไว้
“คิดจะหนีไม่ใช่เหรอ แล้วกลับมาทำไม”
เจด้าขมวดคิ้ว “เจ้านายยังสติดีอยู่หรือเปล่า ดูสิ นี่มันกี่โมงแล้ว มีเรือสักลำจอดอยู่ไหมล่ะ แบบนี้จะให้หนีไปไหนไม่ทราบ เจนไม่ใช่ฉลามนะที่จะว่ายน้ำหนีได้”
พูดจบเธอสะบัดมือเขาออกแล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอึ้ง อะไรวะ ไม่โวยวาย ไม่ร้องไห้ แถมยังมีสติรับได้กับ ทุกสถานการณ์ เขาที่คิดจะจับเธอมาทรมานจึงต้องเปลี่ยนวิธี เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวไม่ได้
“มีกะปิ หอมแดง พริกสด น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ใส่กุ้งสดลงไปด้วยอร่อยเหาะเชียว”มือคนถือถ้วยน้ำชุบหยำนิ่งค้างอยู่นานก่อนวางลง เธอมองมือตัวเองที่เริ่มขึ้นผื่นสีแดง สีหน้าแววตาตะลึงของเด็กสาวทำให้คนแก่ตกใจ “หนูเจน เป็นอะไรลูก”“จะ..เจน” เสียงเจด้าเหมือนคนหอบ “เจนแพ้กุ้ง” จากนั้นเจ้าตัวก็ล้มลง คนงานที่เห็นต่างตกใจ ป้าเรียมรีบเข้ามาประคอง ปากร้องตะโกน ให้คนงานรีบไปตามนายหัว เพียงไม่ถึงสองนาทีทุกอย่างก็เหมือนระเบิดลงตอนที่พีรพัฒน์มาถึง สภาพของเจด้าเต็มไปด้วยผื่นแดง “ป้า เธอเป็นอะไร”สีหน้าป้าเรียมร้อนใจ รีบบอกประโยคสุดท้ายที่เจด้าพูด “หนูเจนบอกว่าแพ้กุ้งค่ะ”พุตพงศ์ที่มาด้วยรีบพูด “ถ้าเธอรู้ก็แสดงว่าเธอต้องมียาแก้แพ้ ติดตัว ไอ้พี” จบคำพีรพัฒน์อุ้มหญิงสาวกลับไปที่บ้าน วางเธอลงบนเตียง รีบค้นหายาในกระเป๋า เป็นอย่างที่พุตพงศ์พูดจริง ๆ เขาพบกล่องสีขาว เมื่อเปิดออกก็เห็นว่ามีหลอดยาสีขาวสองหลอด“ทำไงต่อ” พีรพัฒน์ถามอย่างร้อนใจ พุตพงศ์รีบหยิบขึ้นมาแล้วฉีดเข้าที่น่องของเจด้า น้ำยาในหลอดหมดแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่ฟื้นพีรพัฒน์ในตอนนี้ดูร้อนรนเป็นพิเศษ ชมนาถสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ดูสภาพในห้อง
เธอมองกุ้งทะเลตัวใหญ่ แต่ตัวเองแพ้กุ้งเลยวางไว้ก่อน หันไปมองปู หอย และปลา “ป้าเรียมว่าทำอะไรดีล่ะ เจนไม่ค่อยถนัดทำอาหาร ถนัดกินมากกว่า”ป้าเรียมส่ายหน้าอย่างเอ็นดู “นายหัวชอบกินแกงส้มปลาค่ะ เมื่อเช้าคนงานเพิ่งตัดยอดมะพร้าวมาได้ ป้าว่าจะเอามาทำแกงส้ม ปลากะพงยอดมะพร้าว”“เจนไม่ได้กินแกงส้มยอดมะพร้าวมานานแล้วเหมือนกัน”ป้าเรียมค่อนข้างแปลกใจที่หญิงสาวฟังภาษาใต้ออกทุกคำ จึงแกล้งถามกลับ “คุณหนูเคยอยู่ใต้มาก่อนไหมคะ”คนถูกหลอกถามเงยหน้ามองแล้วยิ้ม “เคยค่ะ”“เรื่องนี้นายหัวรู้ไหม”เจด้าเงยหน้าแล้วอมยิ้ม “เรื่องอะไรต้องบอกล่ะ ถ้าบอกไปเขาก็คงหาเรื่องแกล้งให้เจนหน้าแตกน้อยลงแน่”สรุปแล้วตอนนี้ไม่รู้ใครแกล้งใครกันแน่ ป้าเรียมหันมาตำเครื่องแกง เจด้าช่วยล้างหอยแครงก่อนเอาไปต้ม ถ้าได้กินกับน้ำจิ้มแซ่บ ๆ คงอร่อยน่าดูสองคนช่วยกันทำอาหารจนใกล้เสร็จก็ได้ยินเสียงดังจากหน้าบ้าน เจด้าชะโงกไปมองเห็นผู้ชายกับผู้หญิงยืนอยู่ ป้าเรียมวางมือจากทัพพีแล้วชะโงกมองตาม“คุณหลิวกับคุณหมอพุตนั่นเอง”“เขาเป็นใครหรือป้าเรียม”“คุณหลิวเป็นแฟนคุณพลค่ะ ส่วนคุณหมอพุตเป็นเพื่อนสนิทของนายหัว และเป็นหมอที่จะ
ใบหน้าคมเงยหน้ามองเธอ นิ่งเงียบสักพักก่อนพูดต่อ “เมื่อก่อนฉันไม่ใช่คนแบบนี้ แต่เพราะนานวันเข้าก็ฉันเบื่อ” จากนั้นเขาโน้มหน้าลงไปจูบเธอ “แต่พอเจอเธอในคืนนั้น มันก็เหมือนว่าเธอมาปลุกเสือที่จำศีล มานาน ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เธอจะต้องรับผิดชอบ”เขาจะโยนให้เธอรับผิดชอบไม่ได้นะ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะได้ตื่นขึ้นมาให้เขามีโอกาสทำอีกหรือเปล่า แค่คืนนี้เอวเธอก็จะหักอยู่แล้ว!!เจด้าที่ใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวจึงยกมือผลักอกเขาออกไป พีรพัฒน์ที่ยังไม่เสร็จดีจับเธอลงนอนแล้วลุกขึ้น ปล่อยให้เธอได้พักหายใจ ทว่า ไม่ถึงนาทีก็กลับมาพร้อมเชือกไนล่อนสีเขียว“ไม่เอานะแบบนี้” เจด้าพยายามจะลุก แต่เขาที่ไวกว่าขึ้นคร่อมตัวเธออย่างรวดเร็ว จับข้อมือหญิงสาวขึ้นเหนือศีรษะแล้วมัดกับพนักแขนโซฟา“อย่าดิ้น มันจะยิ่งรัดแน่นขึ้น”“ปกตินายหัวชอบแบบนี้เหรอ”“ก็ไม่เชิง แต่คิดว่าคนดื้ออย่างเธอต้องโดนแบบนี้” ในเมื่อเขาทำอะไรเธอไม่ได้ การได้ทรมานเธอแบบนี้คงเป็นการดีที่สุด เขาลุกขึ้นมองผลงานตนเอง จากนั้นส่งท่อนเอ็นจ่อเข้าที่ปากของเธอ“อม” มันจะมากไปแล้วนะ เจด้าเริ่มได้สติก็ไม่คิดจะทำตาม แต่ยิ่งดื้อเขาก็ยิ่งต้องการ เมื่อเธอไ
“แต่ผมเสียวมาก” เสียงแหบพร่าบอกเธอ ขณะที่ท่อนเอ็นกดลึกและย้ำลงไปอีกรอบ ช่องทางเข้าตอดรัดท่อนเอ็นของเขายิ่งสร้างความพอใจ คราวนี้เขาเปลี่ยนมาใช้นิ้วแทรกลงไป“โอ๊ย พอแล้ว” เจด้าสะดุ้งร้องแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ยังใช้นิ้วโป้ง บดขยี้ติ่งเนื้อที่เด่นออกมา ยิ่งกดลงไป แทนที่เธอจะต่อต้าน กลับส่งเสียงครางเหมือนอยากบอกให้เขาเร่งมือขึ้นอีกสองมือเล็ก ๆ ปัดป่ายอยู่บนเตียงหมายจะหาที่ยึดเกาะ จนเมื่อเขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ เธอก็ใช้ร่างกายของเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยว ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าร้องคราใด เล็บยาวเป็นต้องจิกลงบนเนื้อของเขาจนเป็นแผลทว่าชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกเจ็บ ในทางตรงข้าม มันยิ่งสร้างความพอใจให้เขา เพราะทุกครั้งที่เล็บจิกลงมา เขาจะยกเอวขึ้นแล้วอัดให้แรงกว่าเดิม เสียงเนื้อกระทบเนื้ออย่างต่อเนื่อง จนทำเอาเจด้าหอบหายใจถี่ เธอบอกให้เขาหยุด แต่เสียงสั่น ๆ ฟังแล้วเหมือนจะยิ่งทำให้เขาสอบสะโพกหนักขึ้นกว่าเดิมจนเธอสั่นสะท้านทั้งร่าง สมองว่างเปล่าราวกับลอยอยู่กลางทะเลยามที่คลื่นลมพัดเข้าฝั่งเหมือนมอบความสุขสมให้หญิงสาว หากแต่คลื่นลมแรงตรงหน้านี้ซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อน จนเมื่อคลื่นสงบ เธอคิดว่าเขาคงหยุดแล
การกระทำเขาในคืนนั้นแตกต่างกับตอนนี้ราวเป็นคนละคน ในคืนนั้นที่เธอปฏิเสธ เธอเห็นแค่แววตาผิดหวัง แต่นับจากวันที่ชายหนุ่มพาตัวเธอมา เธอกลับเห็นแต่แววตาโกรธแค้น ไม่เข้าใจจริง ๆ เธอทำอะไรให้เขาโกรธขนาดนี้เสียงคลื่นลมด้านนอกทำให้เจด้าหันไปมอง เพียงไม่นานลมพายุได้ก่อตัวขึ้น “ตอนนี้เป็นช่วงมรสุม เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก ไม่ค่อยแน่นอน”พีรพัฒน์รีบวิ่งไปปิดหน้าต่างประตูด้านนอก เขากลับมาที่ห้อง ก็เห็นเจด้าซุกตัวอยู่บนที่นอน ดึงผ้าห่มคลุมทั้งตัวจนเกือบมิดหัวทันใดนั้นมีเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเคยชิน แต่เสียงกรีดร้องของคนบนเตียงต่างหากที่ทำให้เขาตกใจเจด้ายกมือปิดหูตัวเองก่อนเปลี่ยนเป็นหยิบหมอนขึ้นมาปิด เปรี้ยง!!! คราวนี้ดังกว่าเดิม เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยเจอคนกลัวเสียงฟ้าร้องมากขนาดนี้พีรพัฒน์นั่งลงที่ขอบเตียง ดึงผ้าห่มของเธอออก เจด้ายังไม่กล้าลืมตา เขาดึงเธอมากอด สองมือของเจด้าโอบเอวเขาไว้แน่น ซบหน้าลงกับอกของเขา ตัวสั่นเป็นลูกนก“ไม่ต้องกลัวนะ ก็แค่ฟ้าร้อง” แต่ไม่ว่าจะปลอบเท่าไร เจด้าก็ไม่หยุดร้องไห้ ทั้งที่ผ่านมาเธอไม่กลัวอะไรเลย แต่กลับมากลัวเสียงฟ้าร้องเนี่ยนะเขาได้แต่คิดใ
“พูดจบหรือยัง เจด้าจะได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก”“นี่เธอได้ฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่าเนี่ย”เจด้าพยักหน้า “ได้ยินค่ะ”“แล้ว...?”“No เจด้าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้” เธอผลักเขาออก คิดจะลงจากโต๊ะที่โยกไปมาจนน่าเวียนหัวนี่ อันที่จริงผู้ชายตรงหน้าทำเธอเวียนหัวกว่าคลื่นทะเลเสียอีก พีรพัฒน์รีบจับมือเธอ ที่ผ่านมาเขาใช้ไม้อ่อนเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในคืนนั้น แต่ตอนนี้เธอแสนดื้อด้าน พูดยากพูดเย็น เขาจึงต้องใช้กำลังบังคับชายหนุ่มกดร่างของเจด้าลงกับโต๊ะ แต่หญิงสาวไม่ยอมใครง่าย ๆ ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง ไม่มีใครบังคับได้ หลังจากนั้นตัวกระชังจึงโยกเอนตามแรงต่อสู้ คนงานด้านนอกหันมามองอย่างสงสัยไม่ถึงห้านาทีก็มีเสียงดังตูม “เฮ้ย ฉิบหายแล้ว มีคนตกน้ำ”ภาสกรและลุงคมสันรีบไปเปิดประตู พบว่าคนที่ตกน้ำมีสองคน คนที่กำลังดำผุดดำว่ายคือพีรพัฒน์ส่วนอีกคนหายไป “คุณหนูหายไปไหนครับนายหัว”คนถูกถามไม่ตอบ รีบดำลงไปในทะเล จำได้ว่าเธอตกน้ำเพียง ไม่ถึงวินาที เขาก็กระโดดตามลงมา แต่กลับไม่เห็นร่างของเธอพีรพัฒน์ดำผุดดำว่ายสักพักก่อนโผล่ขึ้นมาบอกคนงาน “ให้คนไปดูรอบกระชังซิ เผื่อลอยไปติดตรงไหน”ลุงคมสันสั่งให้คนกระจายไป